ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพียงนาง 她一个人[จบ]

    ลำดับตอนที่ #7 : เริ่มต้นการเดินทางของสองเรา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 28.82K
      974
      16 พ.ย. 66

    ชายหนุ่มหญิงสาวใช้เวลาอีกอึดใจเพื่อปรับอารมณ์บางอย่างที่กำลังก่อเกิดหลังจากได้แนบชิดกันไปเมื่อครู่

    มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับชายหญิงที่เคยผ่านการสมสู่เสพสมร่วมอภิรมย์กันมาเมื่อไม่นานมานี้ มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่มักจะเกิดอารมณ์อย่างนี้ระหว่างกัน

    มันแตกต่างจากคนที่มิเคยได้มีโอกาสแตะต้องกันและกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าเหตุที่เกิดจะมิได้ตั้งใจก็ตาม

    แต่ทว่า...ผลของมันยังคงต้องเป็นไปอย่างนี้

    หลังจากที่จ้าวจิ่นหลงเริ่มปรับอารมณ์พลุ่งพล่านของตนให้เป็นปกติได้แล้ว เขาจึงเพียงนั่งกอดอกเอาแผ่นหลังชนเข้ากับผนังรถม้านิ่งๆ ด้วยมาดของผู้สูงศักดิ์เปี่ยมพลังแห่งบุรุษเพศเหลือร้าย ในขณะที่ใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันกับเขายังคงพยายามหาทางหนีทีไล่อยู่ตลอดเวลา

    จ้าวจิ่นหลงเพียงหรี่ตามองใครบางคนนั้นอยู่นิ่งๆ

    ฮึ่ม! นางกำลังคิดจะหนีเขาอีกแล้ว ทั้งๆ ที่นางวางยาปลุกกำหนัดเขา ร่วมรักกับเขา ท้าทายเขา

    มันใช่หรือไม่! ช่างบังอาจยิ่ง!

     

    เฉินเจียวเหมยเพียงใช้หางตาแอบมองใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันอย่างระแวงอยู่ตลอดเวลา เขากำลังนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยมาดของบุรุษที่มีเสน่ห์น่าแทรกกายเข้าหา

    นางติดใจเขาเสียแล้ว นางเป็นสตรีอย่างนี้ได้อย่างไร  

    อา...นางต้องอยู่ให้ไกลจากเรือนร่างอันยั่วยวนของเขา นางต้องหนีเขาไปให้ไกล ก่อนที่นางจะรู้สึกคลั่งเขาไปมากกว่านี้

    เรื่องอย่างนี้จะให้ใครล่วงรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับบุรุษน่าตายผู้นี้ นางจะต้องเก็บข่มมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด ไม่ได้ ไม่ได้

    นางจะเสียชื่อหมอหญิงผู้เก่งกาจทุกสถานการณ์อย่างนี้...ไม่ได้!  จะเสียท่าให้กับยาปลุกกำหนัดของตัวเองอย่างนี้...ไม่ได้!  จะตกอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่อย่างนี้...ไม่ได้! จะ....หือ!

    และแล้วความคิดที่ต้องการจะหนีใครบางคนด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงของเฉินเจียวเหมยพลันตกไป ด้วยเพราะว่าใครบางคนนั้นพลันอุ้มนางลงจากรถม้าแล้วพานางมาขึ้นนั่งบนหลังม้าก่อนจะควบตะบึงม้าพานางออกมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด

    และเพียงอึดใจ  เสียงควบตะบึงม้าพลันดังขึ้นมาในโสตประสาทของเฉินเจียวเหมยและทำให้นางได้เข้าใจ


    ไม่...

    เฉินเจียวเหมยได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ

     


    เวลาผ่านไปครู่ใหญ่แล้วเฉินเจียวเหมยยังคงถูกบุรุษแปลกหน้าแต่ทว่าไม่แปลกกายผู้นี้จับกุมให้นั่งซ้อนอยู่ด้านหน้าของเขาบนหลังม้าตัวเดียวกันแล้วควบตะบึงม้ามาได้ระยะทางหนึ่ง

    “หยุด! หยุดก่อน” เฉินเจียวเหมยเอ่ยคำๆ นี้ออกมาตลอดทางแต่ก็หาได้เข้าหูของจ้าวจิ่นหลงไม่

    จ้าวจิ่นหลงนั้นกำลังคิดที่จะพานางไปแต่งงานให้แล้วเสร็จเป็นเรื่องเป็นราว

    อันที่จริงนางควรได้แต่งงานกับเขานานแล้วตั้งแต่ปีที่เขาจะต้องรับนางเข้าไปเป็นองค์หญิงบรรณาการนั่น สัญญาสงบศึกเขาก็ได้ลงนามไปแล้ว จะเหลือก็แต่องค์หญิงบรรณาการของเขา

    ซึ่งก็คือนาง

    นางผู้ซึ่งบังอาจหนีเขาไป แล้วย้อนกลับมาวางยาปลุกกำหนัดเขา ร่วมรักกับเขา อย่างถึงใจ...

    น่าชังนัก!

    “ได้โปรด ข้าจะร้องไห้แล้วนะ” เฉินเจียวเหมยกล่าวออกมาในที่สุด นางสุดจะกลั้นแล้วจริงๆ

    และประโยคนั้นก็ทำเอาจ้าวจิ่นหลงถึงกับต้องหยุดม้าลงในทันที

    เมื่อม้าหยุดวิ่งแล้วยืนอยู่นิ่งๆ เฉินเจียวเหมยจึงคิดจะใช้โอกาสนี้หนีเขาอีกครั้ง นางจึงทำท่าจะกระโดดลงจากหลังม้า เนื่องจากว่าในยามนี้ นางกับเขากำลังอยู่ในท่าหมิ่นเหม่เหลือประมาณ บนหลังม้านี่ แนบชิดเหลือเกิน

    แต่ยังไม่ทันที่เฉินเจียวเหมยจะได้ขยับกาย จ้าวจิ่นหลงที่รู้ทันจึงกระชับวงแขนกอดนางเอาไว้แน่นอย่างนึกเข่นเขี้ยว

    “หยุดหนีข้าเสียที” เขาคำรามเสียงดุดันใส่นางในอ้อมแขน

    เฉินเจียวเหมยจึงทำได้แค่นั่งตัวแข็งทื่อ

    “เจ้าจะเอาอย่างไรกับข้ากันแน่” จ้าวจิ่นหลงยังคงคำรามถามอย่างดุดัน “เจ้าหนีข้า วางยาปลุกกำหนัดข้า ท้าทายข้า จะเอาอย่างไรกับข้ากันแน่”

    เฉินเจียวเหมยได้ยินคำว่าวางยาปลุกกำหนัดจึงชะงักงัน

    “ข้าไม่ได้ทำนะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อน

    “ฮึ!” จ้าวจิ่นหลงส่งเสียงในลำคอ “ไม่ได้ทำ”

    “ข้าไม่ได้ทำจริงๆ”

    “แล้วเจ้าของยานั่นเป็นใคร”

    “...”

    เฉินเจียวเหมยชะงักไปอีกครา

    “มันเป็นของเจ้า!” เขาถามมาจากหลงจู๊ประจำโรงเตี๊ยมแห่งนั้นมาแล้ว

    เฉินเจียวเหมยถึงกับหลับตาลงอย่างยอมจำนน

    นางปรุงมันเองกับมือ

    “บอกมาว่าเจ้าจะเอาอย่างไร” จ้าวจิ่นหลงถามย้ำอีกครั้งด้วยประโยคนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะมิได้ต้องการให้ทางเลือกอันใดแก่นางเลยก็ตามที

    “ข้า...เอ่อ...” เฉินเจียวเหมยเริ่มอึกอัก

    “ว่ามา...” จ้าวจิ่นหลงยังคงคำราม

    “...”

    ความเงียบงันเริ่มโรยตัว

    บรรยากาศพาวังเวง

     

    เพียงอึดใจต่อมา

    “ท่านควรลืมมันเสีย” เสียงของเฉินเจียวเหมยโพล่งขึ้นมาอย่างรัวเร็ว “ข้าเองก็จะลืมมัน” นางเอ่ยอย่างเร็วจนลิ้นพันกัน

    “ลืมอันใด” จ้าวจิ่นหลงพลันขมวดคิ้วก้มหน้าถาม

    “ลืมเรื่องคืนนั้น” เฉินเจียวเหมยตอบตามตรง

    “ไยต้องลืม”

    “...”

    “เจ้าลืมได้หรือ”

    “...”

    “เจ้าเป็นสตรี คิดปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้หรือ” จ้าวจิ่นหลงถามขึ้นอย่างไม่พอใจ นอกจากนางจะหนีเขาครั้งแล้วครั้งเล่า นางยังต้องการจะลืมเขา ได้อย่างไรกัน ลีลาเขาออกจะดีปานนั้น

     “...”

    เฉินเจียวเหมยเงียบงันพลันครุ่นคิดหาทางหนีทีไล่อยู่ภายในใจ เอาอย่างไรดี?

    “หยุดคิดที่จะหนีข้าได้แล้ว” จ้าวจิ่นหลงคำรามเสียงดังอย่างรู้เท่าทันสตรีตรงหน้า

    เฉินเจียวเหมยถึงกับสะดุ้งตกใจ

    “พูดดีๆ ก็ได้” หญิงสาวตะคอกกลับเสียงดัง

    “เจ้าคุยไม่รู้เรื่อง”

    “ท่านนั่นล่ะคุยไม่รู้เรื่อง”

    “เจ้านั่นล่ะ”

    “ท่านนั่นล่ะ”

    “ฮึ!

    “หึ!

    ทั้งสองสะบัดหน้าหนีออกจากกันคนละทิศละทางแม้ว่ากายงามจะยังคงแนบชิด

    พวกเขายังคงนั่งซ้อนกันอยู่บนหลังม้า

    อึดใจต่อมา จ้าวจิ่นหลงจึงทำท่าจะควบตะบึงม้าให้ออกตัวเดินทางอีกครา โดยที่มือข้างหนึ่งของเขายังคงรัดรึงโอบกอดร่างของเฉินเจียวเหมยที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเขา ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็คุมบังเหียนม้าเพื่อบังคับให้ไปตามทาง

    เฉินเจียวเหมยเห็นดังนั้นจึงรีบเอื้อมมือของตนขึ้นจับมือของจ้าวจิ่นหลงที่กำลังจับบังเหียนม้าอยู่อย่างรวดเร็ว

    เมื่อมือเล็กจับกุมมือใหญ่ ชายหนุ่มจึงชะงักไป

     

    “หยุดเลย!” เฉินเจียวเหมยยังคงเสียงดัง

    “อันใด!

    “ท่านจะพาข้าไปที่ใด”

    “พาเจ้ากลับแคว้นจ้าว”

    “ข้าไม่ไป”

    “ทำไม”

    “ไม่ไปก็คือไม่ไป ท่านนี่ พูดไม่รู้เรื่อง” เฉินเจียวเหมยเริ่มหงุดหงิดเหลือประมาณ

    “...”

    จ้าวจิ่นหลงถึงกับเงียบงัน เขารู้สึกเข่นเขี้ยวนางเสียจริง

    เฉินเจียวเหมยหันหน้ามาหาจ้าวจิ่นหลงพร้อมด้วยสายตาฟาดฟันอย่างไม่ยินยอม

    จ้าวจิ่นหลงเพียงก้มหน้าลงมองสตรีในอ้อมแขนอย่างไม่ยินยอมเช่นเดียวกัน

    “เจ้าเป็นของข้า เป็นเมียข้า” จ้าวจิ่นหลงเอ่ยเสียงลอดไรฟัน

    อันที่จริงนางเป็นของเขามาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ปีนั้น ปีที่เขาเดินทางมารับนางตามสัญญาสงบศึกนั่น

    เห็นได้ชัดว่า เขาขาดทุนมาตั้งนานแล้ว

    โดยเฉพาะยามนี้ นางได้เขาแล้วเมื่อคืนนั้น ฮึ!

    เฉินเจียวเหมยได้ยินคำว่าเมีย จึงยิ่งเพิ่มความคมวาบในแววตาเพื่อฟาดฟันบุรุษแปลกหน้าผู้นี้อย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

    อย่าย้ำได้หรือไม่ หยาบคายยิ่งนัก! หึ!

    หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดอีกครา นางไม่มีอันใดจะเถียง

    จ้าวจิ่นหลงเห็นสตรีในอ้อมกอดเงียบไปจึงไม่คิดที่จะต่อคำอันใดอีกเช่นเดียวกัน เขาเพียงแค่กระชับวงแขนของตนที่กำลังกอบกุมเอวบางให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้นก่อนจะบังคับม้าให้ไปตามทางอย่างที่ตั้งใจ

    “ข้าไม่ต้องการ” เสียงหวานใสแฝงความขัดใจของเฉินเจียวเหมยพลันดังขึ้น “มันเร็วเกินไป” นางยังคงมีจุดยืนของนาง

    “อะไรเร็วเกินไป” จ้าวจิ่นหลงถามขึ้นอย่างขัดใจไม่ต่างกันพลางบังคับม้าให้หยุดอยู่กับที่

    “เรื่องของเรา” เฉินเจียวเหมยเลือกที่จะเอ่ยออกมาตามตรง “มันเร็วเกินไป”

    “ฮึ!” จ้าวจิ่นหลงส่งเสียงในลำคอ “ไม่เลย”

    “หือ” เฉินเจียวเหมยถึงกับหันหน้ากลับไปมอง

    “เรื่องของเรามันไม่ได้เร็วเกินไป” เขาคำรามใส่ใบหน้างามที่หันหลังมามองเขา “มันออกจะช้าเกินไปเสียด้วยซ้ำ”

    “อะไรของท่าน” เฉินเจียวเหมยไม่เข้าใจ

    “ไม่ต้องพูดมาก” เขาดุใส่หน้า

    “...”

    นางนิ่งอึ้งไป

    “ข้าจะพาเจ้าไปแต่งงาน”

    “ไม่เอา ไม่แต่ง”

    “ต้องแต่ง”

    “ไม่”

    “เจ้า!

    “เราไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกัน จะแต่งงานกันได้อย่างไร”

    “เจ้าเป็นเมียข้า”

    “...”

    “เจ้าวางยาปลุกกำหนัดข้า”

    “...”

    “เจ้าต้องชดใช้”

    “...”

    ความเงียบงันเข้ามาโรยตัวระหว่างพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง

    อึดใจต่อมา เฉินเจียวเหมยจึงเริ่มต้นเอ่ยก่อนอย่างไม่คิดที่จะยินยอมหรือพ่ายแพ้ให้กับความผิดพลาดในครั้งนี้แต่อย่างใด “ท่านลืมมันไปไม่ได้หรือไร”

    “ไม่ลืม” จ้าวจิ่นหลงยังคงดุดัน

    เขาไม่มีทางลืมความอับอายในความเป็นชายที่เสียเชิงให้นาง ไม่มีทาง!

    “ดื้อด้าน!” เฉินเจียวเหมยเริ่มเสียงดังอีกครั้ง

    “เจ้านั่นล่ะดื้อด้าน”

    “ท่านนั่นล่ะ”

    “เจ้านั่นล่ะ”

    “หึ!

    “ฮึ!

    แล้วทั้งสองก็สะบัดหน้าใส่กันอีกครั้ง

    และแล้วการเดินทางของคนทั้งสองก็ได้เริ่มต้นขึ้นมาอีกครา

    แต่ทว่า...เพียงม้าก้าวเท้าเดิน เสียงถกเถียงกันก็ยังคงเริ่มต้นขึ้นมาอีกครั้งและก็ยังคงเป็นไปอย่างนั้นอยู่จนตลอดการเดินทาง

    แต่ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้น จ้าวจิ่นหลงก็หาได้ปล่อยวงแขนแข็งแกร่งของเขาออกจากเอวบอบบางของเฉินเจียวเหมยไม่

    การเดินทางครั้งนี้ของจ้าวจิ่นหลงและเฉินเจียวเหมยนั้น จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าช้าก็ไม่ผิดนัก

    เพราะว่าพวกเขาเพียงเริ่มต้นการเดินทางด้วยความผิดพลาดเพียงชั่วข้ามคืน

    แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เรื่องราวของพวกเขากลับเริ่มต้นเอาไว้

    เมื่อนานมาแล้ว...



    *******************

    ให้เวลาคนสองคนที่บังเอิญได้เสียกันหน่อยนะคะ 

    จะให้รักกันเลยมันก็ยังคงไม่ง่าย  แต่ความรับผิดชอบมันก็ต้องมี...

    นางเอกของไร้ท์ดันได้กินพระเอกแล้วนี่ 

    ก็ต้องรับผิดชอบ...อิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×