คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่๒๒ เข้าใจผิด
ตอนที่๒๒ เข้าใจผิด
หงเหม่ยหลงเดินออกมาจากห้องหนังสือของหลี่ซื่อหมิน พลางคิดในใจ สตรีนางนั้นท่าทางไม่ธรรมดา การแต่งกายบ่งบอกฐานันดรชัดเจน หลี่ซื่อหมินเป็นองค์ชายเช่นนั้นสตรีนางนั้นย่อมเป็นองค์หญิง นางน่าจะมีส่วนสำคัญในราชสำนักไม่น้อยถึงได้รับบรรดาศักดิ์เป็นองค์หญิง เช่นนั้นก็คู่ควรแล้ว สตรีนางนั้นคู่ควรกับหลี่ซื่อหมินแล้ว
ถึงแม้ว่าหงเหม่ยหลงจะมาจากสถานที่ห่างไกลระบบเมืองหลวงและยังคงโง่งมอยู่มากเกี่ยวกับเรื่องราวภายนอกอาณาจักรของตนเองแห่งนี้ แต่นางยังพอจะเข้าใจเรื่องพวกนี้อยู่ไม่น้อย
บุรุษของราชวงศ์ย่อมเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นแล้วนางจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ ต่อให้นางจะชมชอบเขาถึงเพียงไหนก็ตาม
“เจ้า! หยุดนะ” เสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังของหงเหม่ยหลง หญิงสาวหันหน้าไปตามเสียง เห็นเป็นสาวใช้นางหนึ่งและองค์หญิงที่หงเหม่ยหลงนึกถึงอยู่
“เจ้าเป็นสาวงามขององค์ชายสินะ” สาวใช้คนเดิมกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเบ่งอำนาจโดยมีองค์หญิงเว่ยฟางยืนเชิดหน้าอยู่ข้างๆ
“เจ้ามีธุระอันใดกับข้าหรือไม่” หงเหม่ยหลงถามออกไปด้วยน้ำเสียงปกติสีหน้าเรียบเฉย
เว่ยฟางหรี่ตามองหงเหม่ยหลงอย่างเอาเรื่อง เนื่องจากนางโดนหลี่ซื่อหมินไล่ออกมา จึงอยากมาเอาคืนกับหงเหม่ยหลง
“บังอาจ!” เสียงของสาวใช้ดังขึ้น “เห็นองค์หญิงเว่ยฟางแล้วยังไม่ทำความเคารพ”
หงเหม่ยหลงได้ยินดังนั้นจึงทำความเคารพตามคำ
นางไม่อยากมีเรื่องกับสตรีของหลี่ซื่อหมิน
“ชิ! แค่สตรีอุ่นเตียง” ครานี้เป็นเสียงของเว่ยฟาง มิใช่สาวใช้
หงเหม่ยหลงสะดุดกับน้ำเสียงนั่น นางจึงยืนมองเว่ยฟางนิ่งๆด้วยสายตาเข้มขึ้น เริ่มรู้สึกไม่ชอบการสนทนาในครั้งนี้สักเท่าไหร่
สายตาคมเฉี่ยวของหงเหม่ยหลงจ้องมองเว่ยฟางเหมือนสายตาของเหยี่ยวจ้องตะครุบเหยื่อ เว่ยฟางรู้สึกได้เช่นนั้น
สาวใช้รีบมากระซิบ “องค์หญิงเพคะ จะสั่งสอนสตรีนางนี้อย่างไรดีเพคะ”
“ช่างเถอะ” เว่ยฟางรีบเอ่ย ก่อนเดินเลี่ยงไป อย่างไรเสียสตรีนางนี้น่าจะเป็นคนโปรดของหลี่ซื่อหมิน นางไม่อยากเสี่ยงผิดใจกับหลี่ซื่อหมิน
ซือเว่ยองครักษ์คนสนิทของหลี่ซื่อหมินยืนมองเหตุการณ์ของสตรีกลุ่มนี้อยู่
เขารู้สึกได้ถึงพลังที่ซ่อนอยู่ของหงเหม่ยหลง แม้หญิงสาวจะอยู่ในอาภรณ์แสนจะธรรมดา แต่หน้าตา ท่วงท่าของนางกลับดูทรงพลังผิดจากชุดที่นางสวมใส่ ใบหน้าเรียวงาม ดวงตาโฉบเฉี่ยว แผ่นหลังตั้งตรง รัศมีของนางนั้น แม้แต่องค์หญิงเว่ยฟางที่สวมเครื่องประดับบ่งบอกฐานันดรเต็มตัวยังมิอาจเทียบเคียง
“องค์ชาย” ซือเว่ยรู้สึกตัวจึงเอ่ยออกมา เมื่อเห็นหลี่ซื่อ หมินมายืนอยู่ด้านข้างของตน
“เจ้าคงรู้สึกเช่นเดียวกับข้า” หลี่ซื่อหมินเอ่ยขึ้น เขายืนมองหงเหม่ยหลงอยู่เช่นเดียวกัน
ซือเว่ยก้มหน้าอย่างนอบน้อมยามเอ่ย “กระหม่อมมิกล้า”
“แต่องค์ชาย นางเป็นใครมาจากไหนกัน” ซือเว่ยเงยหน้าก่อนเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
หลี่ซื่อหมินส่ายหน้าน้อยๆก่อนตอบ “ข้าก็อยากรู้เช่นกัน”
“เช่นนั้นให้กระหม่อมไปสืบ”
“ไม่ต้อง” หลี่ซื่อหมินขัดขึ้น
“สักวันหนึ่งข้าคงได้รู้” ชายหนุ่มเอ่ยแค่นั้น
ซือเว่ยได้ยินดังนั้นจึงเงียบไป
เขารู้ดีว่าสตรีนางนี้เป็นสตรีของหลี่ซื่อหมิน เขาย่อมไม่อาจก้าวก่ายได้ ด้วยความที่เขาเติบโตมากับหลี่ซื่อหมิน เขาย่อมสนับสนุนทุกการตัดสินใจของหลี่ซื่อหมินเป็นอย่างดี
“องค์ชาย...เรื่องยาพิษกระหม่อมให้หมอหลวงตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นพิษชนิดหนึ่ง มีที่มาจากทางทิศประจิม(ตะวันตก)”
“สาวงามนามว่าเจียวเจียวมาจากฝั่งนั้นเช่นกัน นางน่าจะให้คำตอบเราได้เป็นอย่างดี ส่วนการสังหารห้าคนนั่น ข้าตรวจสอบดูแล้ว ฝีมือการสังหารไม่ธรรมดา ดาบเดียวสามารถสังหารคนหลายคนได้ในคราเดียว รอยแผลเรียบกริบ ชนิดที่เรียกได้ว่าไม่ทันกระพริบตา เกรงว่าถ้ามือสังหารรายนี้ยังอยู่ในวัง...”
ซือเว่ยกล่าวยังไม่ทันจบ หลี่ซื่อหมินเอียงหน้ามามองทางซือเว่ยก่อนเอ่ยเนิบๆ “เจ้าไม่ต้องห่วง ถ้ามือสังหารรายนี้จะฆ่าข้า เกรงว่าข้าคงตายไปแล้วหลายรอบ”
ซือเว่ยได้ฟังจึงอึ้งไป “องค์ชาย...หรือว่า” เขาคิดว่าอาจเป็นหงเหม่ยหลง
“เจ้าคงคิดเคลือบแคลงนางอยู่บ้างกระมัง” หลี่ซื่อหมิน กล่าวพลางหันหน้ากลับไปทางหงเหม่ยหลง
เขามองเห็นหงเหม่ยหลงกำลังเดินไปทางด้านหลังของตำหนักแห่งหนึ่ง
“ทูลองค์ชาย หากจริงอย่างท่านว่า เช่นนั้นแล้ว เกรงว่าองค์ชายคงตายได้หลายรอบจริงๆ” ซือเว่ยแกล้งเย้า
หลี่ซื่อหมินเบี่ยงหน้าออกไปเล็กน้อยเพื่อหลบสายตาล้อเลียนของซือเว่ยก่อนเอ่ย “เจ้าควรไปจัดการงานที่ข้าสั่งให้เรียบร้อยโดยเร็ว”
“พะย่ะคะ องค์ชายโปรดถนอมตัว” กล่าวเสร็จซือเว่ยจึงรีบม้วนตัวจากไปก่อนจะโดนสายตาพิฆาตของใครบางคน...
ต้นไม้ต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ทางด้านหลังของวังแห่งนี้ บนต้นไม้ต้นนั้นกำลังปรากฎร่างของสตรีนางหนึ่งยืนอยู่บนนั้น
เดิมทีนั้น หงเหม่ยหลงคิดว่าจะเดินกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตน แต่นางกลับเปลี่ยนใจมายืนนิ่งๆอยู่บนต้นไม้ต้นนี้เสียอย่างนั้น
นางยังรู้สึกหงุดหงิดกับสตรีของหลี่ซื่อหมินอยู่
แม้จะคิดได้ว่าไม่ควรเห็นแก่ตัว
แต่สตรีนางนี้ กำลังทำนางรู้สึกหงุดหงิด
หงุดหงิดจริงๆ
บนต้นไม้ที่หงเหม่ยหลงยืนอยู่มีความสูงมากพอที่จะมองออกไปด้านนอกวัง นางมักจะชอบอยู่บนต้นไม้เสมอ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ถูกบิดาให้ไปฝึกอาศัยอยู่คนเดียวในป่าใหญ่
บนต้นไม้สูงๆมักจะปลอดภัยสำหรับนางเสมอ อีกทั้งยังสามารถสำรวจตรวจตราในรัศมีต่างๆได้แบบรอบทิศทาง
ตอนนี้นางมองออกไปเห็นกลุ่มคนคณะของสตรีนางหนึ่งที่ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากมายอยู่ในยามนี้
หงเหม่ยหลงหรี่ตามองพลางคิด ขอไปสั่งสอนนิดหน่อยน่าจะได้อยู่กระมัง
เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงกระโดดลงมาจากต้นไม้เพื่อไปยังทิศทางที่ตนหมายมั่น
“นั่นเจ้าจะไปไหน” เสียงหลี่ซื่อหมินดังขึ้น
อีกแล้ว! หงเหม่ยหลงคิดในใจ พลันชะงักเท้าจนเสียหลักล้มลงนั่งอยู่กับพื้น
“ข้าจะไปไหนมันก็เรื่องของข้า ท่านจะถามทำไม” หงเหม่ยหลงถามขึ้นอย่างขัดใจ ขณะนั่งปัดใบไม้ออกจากตัว
“ไยเจ้าถึงชอบหนีข้านัก” หลี่ซื่อหมินกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวพลางเดินเข้ามาจนถึงตัวหงเหม่ยหลง เขาเห็นนางกระโดดจากต้นไม้ก่อนจะทำท่าพุ่งตัวออกไปจากประตูด้านหนึ่งของวัง จู่ๆเขาก็นึกเคืองขึ้นมา
“ข้าไม่เคยหนีท่าน” หงเหม่ยหลงเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียวไม่ต่างกัน
“ยังจะเถียง”
“ไยข้าต้องหนีท่านเล่า”
“นั่นเป็นประโยคที่ข้าถามเจ้า”
“ตั้งแต่เจอกัน มีแต่ท่านที่หนีข้าก่อน ยังจะถาม”
“ข้าหนีเจ้าเมื่อไหร่กัน”
“ก็ทุกครั้ง ในรถม้า ที่โรงเตี๊ยม”
ประโยคของหงเหม่ยหลงทำเอาหลี่ซื่อหมินถึงกับฉงน “อะไรของเจ้า”
“แล้วทำไมเราถึงมาคุยกันเรื่องนี้ได้ล่ะเนี่ย” หงเหม่ยหลงถลึงตาใส่ น้ำเสียงไม่พอใจ นางกำลังรีบไปจัดการกับสตรีนางนั้น
“อธิบายมา” หลี่ซื่อหมินเอ่ยพลางนั่งลงพิงต้นไม้ข้างหลังหงเหม่ยหลงอย่างต้องการคำตอบคำอธิบายคล้ายกับว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
หงเหม่ยหลงเพียงหันหลังไปมองตามหลี่ซื่อหมินก่อนเอ่ยถามอย่างงุนงง “อธิบายอะไร”
“ที่ข้าหนีเจ้า รถม้า โรงเตี๊ยม”
“ในรถม้า ข้าตื่นมาก็ไม่เจอท่าน”
หลี่ซื่อหมินนิ่งฟัง ตอนนั้นเขาลงไปซื้อผ้าให้นาง
“ที่โรงเตี๊ยมข้ายังอยู่ในห้อง ขณะที่ท่านเดินทางจากไป”
หงเหม่ยหลงหันหลังให้เขาก่อนอธิบายด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง นางยังเคืองเขาอยู่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“ข้าให้คนไปตามเจ้า คนของข้าบอกว่าเจ้าหายไปแล้ว”
หลี่ซื่อหมินกล่าวย้อนกลับไป ตอนนั้นเขายังเคืองนางอยู่ ตอนที่นางหายไป
“ข้าไม่ได้ไปไหน ข้าซ่อนตัวอยู่”
“ซ่อนทำไม”
“เป็นชายแปลกหน้าเข้ามาข้าจึงต้องซ่อน ถ้าเป็นท่าน ข้าคงไม่ซ่อน”
หงเหม่ยหลงอธิบายเรื่อยๆขณะปัดใบไม้ที่เหลือบนตัวไม่กี่ใบ จึงไม่เห็นสีหน้าของหลี่ซื่อหมินที่นิ่งอึ้งไป
หญิงสาวรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มเงียบไป จึงหันหลังกลับไปมองเขา ก่อนเอ่ย “ท่านเป็นอะไร”
ถามไปแล้วเห็นเขายังเงียบนิ่งอยู่จึงขยับเข้าไปนั่งข้างๆ ก่อนเอียงหน้าถามย้ำ “ท่านเป็นอะไร”
“เปล่า” หลี่ซื่อหมินตอบพลางหันหน้าไปทางอื่นหลบสายตาของหงเหม่ยหลง จึงทำให้หงเหม่ยหลงไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของหลี่ซื่อหมิน
คำตอบของนางทำเขาพอใจมากเลยทีเดียว
|
|
ความคิดเห็น