ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวใช้พระกาฬ

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่15 ทำใจ(ไม่ได้)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26.5K
      2.13K
      31 มี.ค. 66

    เนื่องจากระยะทางจากบ่อน้ำพุร้อนไปยังวัดฉือหนิงใช้เวลาอีกเพียงหนึ่งวันเท่านั้น หากแต่ระยะทางจากจุดนี้ไปยังหมู่บ้านที่มีร้านหมอต้องใช้เวลาเดินทางถึงสองวัน

    เมื่อเป็นเช่นนั้นทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันกับหยางเหอจินว่าควรเดินทางไปวัดฉือหนิงโดยไม่ต้องย้อนกลับไปหมู่บ้าน ส่วนอาการบาดเจ็บของน้องชายนั้น ไต้ซือฉินไท่ย่อมช่วยเหลือได้

    ไต้ซือฉินไท่คือเจ้าอาวาสแห่งวัดฉือหนิงเป็นผู้หยั่งรู้ทุกสรรพสิ่งทั้งยังมีศาสตร์วิชาหลากหลายสูงส่งเป็นที่เลื่องลือ

    นั่นคือเหตุผลที่หยางเหอจินบอกกล่าวแก่สตรีบนรถม้า หนิงเหมยและหนี่ม่านพยักหน้าหงึกหงักตอบรับอย่างใสซื่อ ในขณะที่ซูเจินทำได้เพียงนั่งขมวดคิ้วมุ่นอยู่บนพื้นของรถม้า

    นางกำลังถูกแย่งที่นอน!

    รถม้าคันนี้มีขนาดเล็กนัก มีชายคนหนึ่งเพิ่มขึ้นมาทำให้คับแคบไปหมด

    หญิงสาวทำหน้ามุ่ยจนแก้มพองรู้สึกไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ ยิ่งได้มองชายหนุ่มที่อ่อนปวกเปียกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงก็ให้ยิ่งขัดใจ คนน้องชายสู้คนพี่ชายไม่ได้เลยสักเสี้ยว

    หนิงเหมยเห็นอาเจินทำหน้างอง้ำอย่างนั้นจึงเอ่ยกับหนี่ม่าน “เจ้าออกไปนั่งกับพี่ชายข้างนอก”

    สาวใช้ตัวน้อยได้ฟังพลันหูผึ่งรีบวางมือจากการช่วยคุณหนูดูแลอาเซียนในทันที “เจ้าค่ะคุณหนู” จบคำก็คลี่ยิ้มเบิกบานรีบออกไปตามคำสั่งอย่างเร็ว

    ซูเจินจึงคลายคิ้วที่ขมวดออกอย่างพึงใจก่อนจะนั่งเหยียดขาด้วยท่วงท่าสบายๆ

    เฟยหลงเซียนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่งตัวยาวในรถม้า โดยมีหนิงเหมยคอยเช็ดเนื้อตัวให้ด้วยความงุนงงไม่สร่างซา นางยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดยิ่งเช็ดตัวให้เขาผิวขาวเนียนของเขาก็ยิ่งร้อนผะผ่าวลากยาวไปทั่วทั้งแผงอกและลำคอกระทั่งใบหูยังแดงระเรื่อตลอดเวลา

    “สงสัยจะอาการหนัก” ซูเจินเอ่ยเนิบนาบ “ใกล้ตายแล้วกระมัง”

    ชายหนุ่มผู้ถูกสงสัยถึงกับหางคิ้วกระตุกน้อยๆ ลอบสำลักลมหายใจอยู่ในอก นึกขันตนเองขึ้นมา อันที่จริงเขาคิดจะเลิกเล่นงิ้วนานแล้ว หากแต่ท่านอาผู้เงียบขรึมและเย็นชาต้องการอย่างนี้มิใช่หรือไรเล่า?

     

    เนื่องจากเหตุความวุ่นวายที่บ่อน้ำพุร้อนกินเวลาไปครึ่งค่อนวัน การเดินทางมายังวัดฉือหนิงที่ผ่านไปหลายชั่วยามก็เข้าสู่ช่วงฟ้าสางของเช้าวันใหม่พอดิบพอดี

    รถม้าที่มีสารถีรูปงามก็นำม้ามาเทียบยังหน้าประตูวัดที่อยู่สุดทางของบันได ก่อนที่สตรีทั้งหมดจะลงจากรถม้าแล้วเดินขึ้นบันไดไป คงเหลือไว้เพียงสองบุรุษยังคงรั้งรออยู่ที่รถม้า เพื่อรอให้บรรดาหลวงจีนน้อยพาคนเจ็บขึ้นไป 

    ทั้งผู้เป็นอาทั้งหลานชายกระทำการทุกอย่างได้อย่างแนบเนียนไร้ที่ติ

    ที่วัดฉือหนิงแห่งนี้เป็นวัดที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าหนึ่งร้อยหมู่(1หมู่=614.4 ตารางเมตร)ก็จริง แต่กลับห่างไกลจากหมู่บ้าน เรียกได้ว่าทุรกันดารย่อมไม่ผิด รอบวัดมีต้นไม้สูงใหญ่และมีต้นไผ่สูงลิบ ให้ความรู้สึกเงียบสงบร่มรื่น ภายในบริเวณวัดมีลักษณะเป็นลานกว้าง มีวิหารพระกวนอิมโพธิสัตว์ วิหารหมื่นอักษร ห้องปฏิบัติธรรม มีกุฏิสำหรับนั่งสมาธิสงบจิตใจ มีห้องสำหรับคฤหัสถ์ผู้มีจิตศรัทธาฝักใฝ่ในพระธรรม เหมาะสำหรับทั้งคฤหัสถ์ชายหญิงและบรรพชิตผู้ประพฤติธรรมร่วมกัน

    หนิงเหมยคิดว่าแม่รองคงต้องการให้นางรู้สึกถึงความยากลำบากที่จะใช้ชีวิตอยู่ในถิ่นฐานอันทุรกันดาร ห่างไกลตัวเมือง กระทั่งห่างไกลหมู่บ้านเยี่ยงนี้ หากแต่หนิงเหมิยกลับรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนดินแดนแห่งความงามตามธรรมชาติก็ไม่ปาน ทั้งเงียบสงบและรู้สึกถึงพลังแห่งความปรานีแผ่คลุมอยู่ทั่วพื้นที่

    สามสตรีได้ที่พักคนละห้องติดกัน ส่วนสองบุรุษได้ที่พักแยกออกไป เพียงไม่นานก็มีเสื้อผ้าชุดใหม่ส่งมาให้ซูเจิน ทำเอาหนิงเหมยและหนี่ม่านต้องเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างมีเลศนัย

    ซูเจินไม่กล่าวสิ่งใด นางทำเพียงหยักคิ้วหลิ่วตาอย่างน่ารักน่าชัง ดวงตากลมโตล้อแสงตะวันระยิบระยับ ทำเอาใครบางคนที่แอบมองนางจากมุมมืดถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ใบหูแดงระเรื่อโดยไม่รู้ตัว

     หยางเหอจินยังคงติดภาพในวันวานที่น้องน้อยของเขายังเยาว์วัย ดวงตากลมโตสวยใสคู่นั้นของนางให้พิศมองอย่างไรก็น่าหลงใหล  เขาทั้งรักทั้งเอ็นดูนางเฉกเช่นน้องสาวแท้ๆ ซ้ำยังคอยดูแลนางอย่างใกล้ชิด กระทั่งเปลี่ยนกางเกงให้นางด้วยซ้ำไป อะไรๆ ของนาง เขาก็ได้เห็นมาหมดแล้วจนสิ้น แต่ทว่ายามนี้นางโตเป็นสาวแล้ว ต่อให้เขาอยากดูแลนางเช่นเดิมมากเพียงใดก็คงทำไม่ได้

    ชายหนุ่มยิ่งคิดยิ่งปลดปลง แต่ยังคงทำใจไม่ดูแลไม่ได้เลยจริงๆ

     

    เวลาคล้อยบ่ายแสงแดดเจิดจ้า

    หนิงเหมยใช้เวลานั่งสมาธิในกุฏิสองชั่วยาม คัดบทสวดมนต์อีกหลายรอบ จึงได้ออกมากวาดลานวัดร่วมกับหนี่ม่าน ส่วนซูเจินนั้น นางยังคงทำตัวเป็นสัตว์จำศีล หากมิได้หลับก็จะนั่งอยู่นิ่งๆ ทำตัวเงียบเชียบอยู่ข้างลานวัดไม่ไกลจากสองสาว

    เฟยหลงเซียนรู้สึกได้ว่างิ้วเรื่องชายงามล้มป่วยควรจบได้แล้ว เขาจึงเดินออกมาจากที่พักมายังลานวัดแล้วยืนกอดอกพิงต้นไม้มองคุณหนูผู้เย็นชาอยู่นิ่งๆ

    เขาคิดถึงภาพของนางที่ดูแลเขาอย่างใกล้ชิดในช่วงหลายชั่วยามที่ผ่านมา ในยามนั้นนางป้อนยาให้เขาด้วยมือเล็กๆ ที่อ่อนนุ่มของนาง ยามเขาดื่มยา ใบหน้าหอมๆ ของนางก็เคลื่อนอยู่ใกล้ใบหน้าของเขา นางได้เช็ดตัวให้เขา ได้สัมผัสผิวเนื้ออันงดงามสูงค่าของเขา ถึงแม้ว่านางจะแสดงออกถึงความวิตกระคนห่วงใยอยู่มาก หากแต่ในแววตาของนางกลับไม่มีความเสน่หาเขาเลยสักนิด เห็นได้ชัดแล้วว่า นางมิได้ใช้มารยาถอยเพื่อรุก แต่นางรังเกียจเขาจริงๆ  

    น่าแปลกใจนัก! นางไม่คิดจะหลงใหลเขาสักหน่อยเชียวหรือ?

    ไม่ต้องพูดถึงฐานันดรอันสูงส่งหรอก แค่เพียงเขาปลอมตัวเป็นคุณชายธรรมดาใส่ผ้าสีขาวซีด ยังมีสตรียกกระโปรงวิ่งตามเขาอย่างดุเดือดเลย หลายนางยังคิดจะวางยาในชาให้เขาได้ครอบครองพวกนางด้วยซ้ำไป เฮ่อ! ยิ่งคิดยิ่งปลดปลง แต่เขากลับทำใจไม่ได้เลยจริงๆ


    นิยายสาวใช้พระกาฬ ฉบับ E-Book คลิก>>>สาวใช้พระกาฬ

    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTU0NTM5NSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijg1ODk5Ijt9

    Thumbnail Seller Link
    สาวใช้พระกาฬ
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    จะเป็นอย่างไรเมื่อทายาทสาวน้อยจ้าวยุทธ์ ต้องมาอยู่ในคราบสาวใช้ของนายสาวผู้อ่อนแอ..."คุณหนูท่านรักบุรุษผู้นั้น""ข้ากับเขาคบหากันมา...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×