คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ปฐมบท 1 กำราบให้สิ้น2
ห่างจากที่ซ่องสุม เหนือพสุธากลางหุบเขามรณะ ร่างระหงชุดดำคาดแดงยอมเผยตัวออกมาในที่สุด
ท่ามกลางฝุ่นดินสีดำจัดตลบฟุ้งหอบกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งโดยรอบบริเวณ แม่ทัพหนุ่มยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ลำตัวของเขาตั้งตรงเหนือกลุ่มทหาร รอบกายแผ่ซ่านความอำมหิตผสานกลิ่นอายสังหารแห่งเทพสงครามเหนือหมู่มวล
ในระยะสายตาคมกริบท่ามกลางแสงอาทิตย์คมกล้า เขามองเห็นสตรีผู้หนึ่งยืนสงบนิ่งภายใต้แสงตะวันอยู่ตรงนั้น มองคล้ายราชันแห่งขุนเขา ประหนึ่งปราการหินที่ก่อตัวขึ้นปกปักษ์พิทักษ์ทุกสรรพสิ่งบนผืนพนา
ร่างสูงในชุดเกราะของแม่ทัพคุมทหารแคว้นเยี่ยนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ ในขณะที่เรียวตาคมค่อยๆ หรี่แคบลงเพื่อเพ่งพิศนาง
ภาพสะท้อนของนางให้ความรู้สึกคล้ายกำลังมองเห็นปีศาจสาวผู้ชื่นชอบคุกคามมนุษย์ ความเย็นเยียบยิ่งนานยิ่งแผ่กำจายความเย็นกระด้างคล้ายน้ำแข็งค้างเกาะกุมตรึงแน่นบนผิวหนังผู้คน
นางชี้ดาบขึ้นฟ้ากล่าววาจาท้าทายต่อเขา
“เจ้าเรียกข้าว่าผู้ร้ายต่ำช้า แต่สวรรค์ย่อมรู้ดี นรกยิ่งเห็นพ้อง ค่ายโจรจันทราแดงของข้าเหนือกว่ากองทัพทหารหลายขุมนัก”
ทว่าชายหนุ่มยังคงมองนิ่งด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
หญิงสาวเจ้าของร่างระหงผู้มีหน้ากากเงินบดบังใบหน้าจนเหลือเพียงดวงตาแวววาวปานแม่เสือค่อยๆ ลดดาบลงชี้มาที่เขา พลางแค่นเสียงหยัน
“แม้วันนี้ข้าจำต้องตายด้วยน้ำมือแม่ทัพผู้เกรียงไกรเช่นท่านก็นับว่าเป็นบุญที่ได้เกิดมา...ทว่าคงมีแต่ท่านที่ต้องก้มหน้ารับใช้ขุนนางทรราชสืบไป ช่างน่าเวทนา!”
รองแม่ทัพคนหนึ่งถลันขึ้นหน้า
“สามหาว!”
เขาผู้นี้มีนามว่าจิ้นเหอ ชักกระบี่พร้อมพุ่งทะยาน กระทั่งแม่ทัพหนุ่มผู้ถูกหยามเหยียดต้องยกฝ่ามือห้ามปรามถึงได้กลับไปยืนที่เบื้องหลังดุจเดิม
“ท่านแม่ทัพหยาง นางโจรผู้นี้...”
รองแม่ทัพจิ้นยังพูดไม่ทันจบ หยางเจี้ยนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจคราหนึ่ง อีกฝ่ายถึงได้สงบปากคำ
แม้รู้ดีถึงตื้นลึกหนาบางทว่าหยางเจี้ยนยังคงเงียบงัน ด้วยหน้าที่สำคัญค้ำคออยู่ ค่ายโจรจันทราแดงจักต้องถูกกวาดล้างให้สิ้นซากเท่านั้น!
แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ “หากเจ้าพาสมุนโจรทั้งหมดเข้าสวามิภักดิ์แต่โดยดี ซากศพพวกนี้ย่อมไม่เกิดขึ้น” กล่าวพลางกวาดตามองเศษเนื้อของคนตายที่เคยมีร่างกายครบส่วนอย่างเย็นชา ใบหน้าหล่อเหลาไร้ความรู้สึกยิ่ง
“ความสามารถของเจ้าย่อมสร้างคุณประโยชน์ให้บ้านเมืองและแว่นแคว้นเยี่ยนสืบไป”
หัวหน้าค่ายโจรจันทราแดงได้ฟังพลันแค่นเสียงหยัน “หึ! มิคาดว่าท่านแม่ทัพหยางผู้เก่งกาจในการศึกจะเป็นบุรุษที่ชอบฝันเฟื่องเยี่ยงนี้ ช่างพูดจาไร้สาระนัก!”
“เจ้า!” รองแม่ทัพคนเดิมถลันขึ้นหน้าอีกคราอย่างเดือดดาล “นังโจรถ่อย!”
เรียวตางามที่พ้นหน้ากากเงินตวัดฉับ “นังโจรถ่อยอย่างข้ายังดีกว่าสวะรับใช้ขุนนางถ่อยชั่วช้าเยี่ยงพวกเจ้า!”
“สามหาวนัก! ข้าจะตัดลิ้นเจ้า!”
รองแม่ทัพชักกระบี่ทำท่าพุ่งตัวฟาดฟันอย่างไม่ยอม กลับถูกหยางเจี้ยนหันมาถลึงตาปราดหนึ่ง เขาถึงได้กัดฟันบดกรามยอมสงบลงอีกครั้ง ท่าทางคล้ายหมาป่าถูกล่ามโซ่
จังหวะนั้นหญิงสาวผู้ยืนค้ำหล้าอย่างทระนงองอาจกลับเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน
แมลงสารพัดชนิดถูกปลดปล่อยออกมาจนมืดดำ นางเพียงผิวปากภายใต้หน้ากากเงินเท่านั้น รอบด้านคล้ายมีหมอกควันขมุกขมัวปกคลุมโดยรอบบริเวณ อัดแน่นไปด้วยแมลงมีพิษทันที
หยางเจี้ยนหาใช่บุรุษไร้ฝีมือไม่ เขาผ่านมาหลายสมรภูมิรบ กลการศึกอีกนับไม่ถ้วน ตำแหน่งแม่ทัพบูรพาฉายาจอมกระบี่สุริยัน มิใช่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่นอน
ชายหนุ่มยกฝ่ามือขึ้นสั่งการทันใด เหล่าทหารกล้าหลายคนฟาดฟันแมลงพิษ หลายคนกระจายตัวออกไปค้นหากลุ่มโจรที่เหลือ
ส่วนตนเองพุ่งตัวเข้าใส่หญิงสาวหัวหน้าค่ายโจรจันทราแดงผู้ยืนโดดเด่นอยู่ผู้เดียวบนเชิงเนิน
นางเองย่อมตั้งรับรออยู่แล้ว
หญิงสาวหาได้ครั่นคร้ามต่อการเผชิญหน้ากับบุรุษที่พุ่งมาหาด้วยท่าทางรุนแรงไม่ กลิ่นอายบนตัวเขาที่พลันเปลี่ยนเป็นดุร้ายปานนั้น นางก็หาได้หวาดหวั่นอันใด
แม้ตัวคนจะแผ่ไอสังหารกระหายเลือดอย่างเข้มข้นออกมาเทียมฟ้า นางก็แค่แค่นเสียงเย็นหนึ่งคราก่อนทะยานร่างขึ้นสูงเทียมกัน
เสียงเคร้งคร้างเกิดขึ้นฉับพลัน
การปะทะกันของสุดยอดฝีมือเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วคล้ายสายฟ้าแลบแปลบปลาบ ใครที่มองทันกลับต้องรู้ซึ้งถึงคำว่าแสบตาอย่างแท้จริง
ท้องฟ้าที่สาดแสงสว่างเจิดจ้าเมื่อครู่กลับมืดครึ้มอึมครึมทันใด ดวงตะวันคล้ายถูกดวงจันทร์บดบังแทนที่อยู่ชั่วเวลาหนึ่ง
จังหวะกระบี่กระทบกันจนเกิดประกายเงินสะเก็ดไฟ หยางเจี้ยนยังไม่หยุดโน้มน้าวหญิงสาวผู้ที่เขานับถือในฝีมือ
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง กลับตัวกลับใจเถิด แล้วมอบตัวกับทางการ ผันตนจากฝ่ายอธรรมเสีย”
“ฝันไปเถอะ!”
ฟ้าที่มืดครึ้มกลับมาสาดแสงสว่างเจิดจรัสอีกครั้ง กำลังภายในสายหนึ่งถูกส่งมายังกระบี่จนร้อนวูบเกิดคลื่นพลังอันไร้รูปลักษณ์วาบขึ้นมาวาดเป็นเส้นแสงกรีดกลางอากาศ ยามที่หยางเจี้ยนตวัดกระบี่ออกไป
ดาบดวงเดือนในมือสตรียิ่งขยับขับเคลื่อนว่องไวปราดเปรียว คล้ายมีจันทร์เสี้ยวโค้งคมบาดลึกอ่อนไหว ทว่ากลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าอะไร
นางลากแสงเงินเย็นเยียบผ่านแสงตะวันที่สาดส่องร้อนระอุ เกิดเป็นความเดือดพล่านตัดกันชนิดคนละขั้ว
ร่างใหญ่กับร่างเล็กประชิดประมือสลับการผละออกจากกันเพื่อเดินลมปราณขั้นสูง ก่อนกระโจนเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงอีกครั้งและอีกครั้ง
คนสองคนพุ่งทะยานฟาดฟันกันจนป่าราบทั้งแถบ เกิดเป็นหลุมใหญ่ยาวเหยียดความกว้างขนาดฝ่าเท้ามัจจุราชความลึกหลายชุ่น[1]
เศษหินทรายกระจัดกระจาย ฝุ่นกรวดปลิวว่อน ไม่ต่างจากอาวุธลับกระชากวิญญาณของเหล่าปีศาจร้าย
|
ความคิดเห็น