คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 9 เรารักกันได้อย่างไร1
เป็นเพื่อนกับ หลี่หง>>>คลิกFacebook
ร้ายพ่ายกลายรักฉบับอีบุ๊คไม่ตัด NC รวมภาคต้นและภาคปลายในเล่มเดียวคลิก >>>
|
ตอนที่
9
เรารักกันได้อย่างไร1
เมื่อกินอาหารอันโอชาเลิศรสจนหมดถ้วยหมดจาน ฟงชินหยางกับหลิงเวยจึงถูกฟงลี่หลินและฟงจินหมิงทั้งจับจูงทั้งดันแผ่นหลังพามานั่งเล่นที่ศาลาริมสระบัวของจวน เสียงหัวเราะขบขัน เสียงถกเถียงกันไปมาจึงดังลั่นจากในศาลาเป็นระยะๆ
ที่จวนใหญ่โตแห่งนี้เป็นจวนประจำตระกูลฟงมิใช่จวนแม่ทัพและมิได้ตั้งอยู่ใกล้กับค่ายทหารแต่กระนั้นค่ายทหารก็ตั้งห่างออกไปจากตัวเมืองเพียงเจ็ดลี้เท่านั้นทำให้ไม่ลำบากอันใดในการเดินทางไปควบคุมยังค่ายทหาร
ทั้งนี้เนื่องจากอดีตแม่ทัพใหญ่ฟงซือหลางและอดีตองค์หญิงเฉินซินหรูพระขนิษฐาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันต้องการอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกมิใคร่ให้แยกบ้านแยกจวน สามคนพี่น้องจึงสนิทสนมกันยิ่งนัก หลิงเวยนั่งสังเกตพวกเขาทั้งสามคนอย่างละเอียด
ฟงชินหยางเป็นพี่ใหญ่ที่มีท่าทางขึงขังเคร่งขรึมเฉกเช่นบิดาไม่มีผิดเพี้ยน เขาเป็นบุรุษที่ตัวโตสูงใหญ่เกินบุรุษทั่วไปสมกับที่เป็นชายชาติทหาร เป็นบุรุษผู้องอาจ ใบหน้าของเขาถึงแม้ว่าจะหล่อเหลาคมเข้มแต่ทว่าแววตากลับฉายแววเหี้ยมเกรียมดุร้ายตลอดเวลา เขามักจะทำท่าทางดุดันน่ากลัวอยู่เป็นนิตย์ซึ่งนั่นก็คงจะเป็นเพราะสายงานของเขา ด้วยเพราะว่าเขาเป็นถึงแม่ทัพที่ต้องเข่นฆ่าศัตรู ต้องดูแลทหารเรือนพลในอาณัติ ต้องห้ำหั่นเห็นเลือดเห็นเนื้อมานับร้อยพัน นั่นจึงทำให้นางกลัวเกรงเขายิ่งนัก ตั้งแต่เกิดมานางเคยเจอะเจอบุรุษเช่นนี้ที่ไหนกัน
ฟงจินหมิง น้องคนรองเป็นบัณฑิตหนุ่มแน่นมีเสน่ห์เหลือร้าย เขามีใบหน้าหล่อเหลาคมคายแต่น้อยกว่าฟงชินหยางอยู่หลายส่วน แต่ที่ทำให้เขาดูรูปงามมากกว่าพี่ใหญ่ของเขาก็คงเป็นสายตาเรียวคมที่ฉายแววนุ่มลึกแลดูอบอุ่น และที่สำคัญ เขายิ้มง่ายมากกว่าพี่ชายของเขา ส่วนนี้จึงทำให้ฟงจินหมิงเป็นบุรุษที่น่าเข้าหามากกว่าฟงชินหยางถึงสิบส่วน
น้องเล็กคนสุดท้อง ฟงลี่หลิน เป็นดรุณีน้อยวัยแรกแย้ม มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับสองพี่ชาย นั่นจึงทำให้ความงดงามของนางมิใช่แค่เพียงความน่ารักอ่อนหวานเฉกเช่นสตรีทั่วไป แต่กลับงดงามสวยเฉียบดุดัน ทั้งยังมีกิริยาห้าวหาญเกินอิสตรี หากนางโตเต็มวัยแล้วมีบุรุษมาตามเกี้ยว แน่นอนว่าบุรุษผู้นั้นคงใจกล้าไม่เบาหรือไม่ก็เป็นพวกชอบความท้าทายหรืออีกนัยหนึ่งคงเป็นพวกไม่รักตัวกลัวตาย
ทั้งสามพี่น้องมีลักษณะที่แตกต่างแต่ทว่ากลับเข้ากันได้อย่างลงตัว ทั้งยังรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าฟงชินหยางมักจะชักสีหน้าหงุดหงิดและกราดเกรี้ยวดุดันใส่ทุกคนตลอดเวลาแต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาจากน้องๆ กลับเป็นรอยยิ้มมิใช่ความโกรธเคืองหรือทะเลาะกัน
หลิงเวยนั่งพิจารณาทุกผู้คนของสามพี่น้องตระกูลฟงพลันนึกถึงตนเองขึ้นมา
ตัวของนางเองนั้นมีพี่น้องหลายคนมากนักเนื่องจากมีบิดาที่นิยมการมีหลายภรรยาแต่ทว่ากลับดูแลไม่เคยทั่วถึง
นางที่เป็นเพียงหนึ่งในบุตรหลายๆ คนไม่เคยเลยที่จะได้รับบรรยากาศอย่างนี้
พี่น้องของนางชอบที่จะปั้นยิ้มเสแสร้งแกล้งทำดีแม้มีกิริยางดงามต่อกัน ทั้งยังพูดจาระรื่นหวานหูแต่กลับเสียดแทงลึกลงกลางใจ
ไม่มีใครเชื่อได้สักคน เหล่าบ่าวไพร่ก็ไม่ต่าง แต่ละคนเหมือนนายของตนไม่มีผิด
ยามมารดายังอยู่นางยังมีมารดาพูดคุยได้อย่างสนิทใจถึงแม้ว่ามารดาจะสนใจอยู่แต่กับการเรียกร้องความโปรดปรานจากบิดา แต่กระนั้นนางก็ยังนับว่ามีที่พึ่งพิง
จนกระทั่งมารดาตายไป นางก็ไม่เหลือใครอีกเลย
ครั้งหนึ่งนางเคยรับสาวใช้ให้เป็นคนสนิทมาอยู่ด้วยกันในเรือน แต่สาวใช้คนนั้นกลับเป็นนกสองหัว เห็นว่านางมิใช่ลูกรักจึงตีจาก หลังจากนั้นนางก็อยู่คนเดียวมาโดยตลอด แต่ความงามของนางกลับทำให้นางไม่เคยได้อยู่อย่างสงบ พี่น้องทั้งหลายไม่ชอบนาง
หลิงเวยครุ่นคิดถึงเรื่องราวแห่งตนด้วยสีหน้าที่หม่นแสงลงเรื่อยๆ ไม่มีความสุขร่วมกับสามพี่น้องตรงหน้าเลยสักนิดทำเอาฟงลี่หลินและฟงจินหมิงถึงกับต้องถลึงตาจ้องมองพี่ใหญ่ของตนอย่างเอาเรื่อง
เพราะพี่ใหญ่แน่ๆ
นั่นคือสิ่งที่สองพี่น้องคิด
พี่ใหญ่ของพวกเขาช่างทำตัวได้น่ากลัวเสมอต้นเสมอปลาย ทั้งยังงี่เง่ากราดเกรี้ยวดุดันเอาแต่ใจ นิสัยนี้มักจะไม่ปรากฏในค่ายทหารแต่จะเป็นกับที่บ้านเท่านั้น
“อันใดอีก?” เส้นเสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากลำคอแกร่งของฟงชินหยางเมื่อสังเกตภรรยาคนงามทำสีหน้าหม่นหมองจนน้องทั้งสองส่งสายตาคาดโทษมาทางเขา
เขาไปทำอะไรให้ภรรยาไม่พอใจเมื่อไหร่มิทราบ ไยถึงต้องปั้นหน้าเยี่ยงนั้น ที่เขาถูกทุกคนลืมเลือนบนโต๊ะอาหารยังไม่พอหรือไร
“เจ้าเป็นอะไรไป เวยเอ๋อร์” ฟงชินหยางเอ่ยเสียงที่ฟังออกได้ว่าพยายามให้นุ่มนวลทำเอาหลิงเวยพลันชะงักหลุดจากภวังค์
“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” หญิงสาวคลี่ยิ้มอ่อนหวานส่งให้คล้ายขอโทษในที นางกำลังทำให้บรรยากาศดีๆ เสียไป “ข้าแค่เพียงนึกถึงพี่น้องที่บ้านว่าช่างแตกต่างจากพวกท่านมากนัก” นางเลือกที่จะบอกตามตรง “พวกท่านเป็นที่น้องที่รักกันมาก ข้านึกชมชอบจากใจจริง”
“แน่นอน พวกเรามีกันแค่นี้ ครอบครัวของเราก็มีกันแค่ห้าคน” ฟงลี่หลินเอ่ยออกมาอย่างฉะฉานภาคภูมิใจ “พวกเราเป็นชนกลุ่มน้อยที่รักกันมาก...”
น้องเล็กของตระกูลฟงพูดจาเปรียบเทียบทั้งยังลากเสียงยาวฟังดูน่าขันจนหลิงเวยต้องยิ้มกว้างกระทั่งหลุดหัวเราะออกมา
รอยยิ้มกระจ่างใสกับเสียงหัวเราะแว่วหวานของสตรีตรงหน้าทำเอาฟงชินหยางเริ่มไม่ชิน นางยิ้มอย่างนี้เป็นด้วยหรือ
ตั้งแต่เจอกันก็เอาแต่ร้องไห้บีบน้ำตา นางกดดันเขาตลอดเวลาด้วยน้ำตาคล้ายน้ำตกนั่น
ทั้งยังทำเขาอึดอัดจนเขาหายใจลำบากอยู่ตลอดมา และทั้งๆ ที่เขาเสียท่าให้นางถึงเพียงนั้น
ไยไม่ยิ้มแบบนี้ให้เขาบ้าง?
อีกครั้งที่บุรุษตัวโตที่สุดในกลุ่มเริ่มแผ่กลิ่นอายมืดครึ้มเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ พาเอารอยยิ้มที่ฉาบใบหน้างามพลันเลือนหาย นางถึงกับลอบกลืนน้ำลาย นางทำอันใดผิดอีก?
ฟงจินหมิงและฟงลี่หลินลอบสังเกตคู่รักที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวตรงหน้าตาปริบๆ สลับมองกันไปมาก่อนจะช่วยกันทำให้บรรยากาศดีขึ้นอย่างสุดกำลัง
“จริงสิอาซ้อ” ฟงลี่หลินตบมือฉาดใหญ่เอ่ยคำเสียงดัง
“อาซ้ออยากสำรวจเมืองหน้าด่านแห่งนี้หรือไม่” น้องเล็กของจวนกล่าวพลางเดินเข้าหาพี่สะใภ้ที่นั่งก้มหน้างุดๆ เม้มริมฝีปากแน่น “ข้าพาท่านไปเที่ยวตลาดดีหรือไม่”
หลิงเวยได้ฟังพลันหูผึ่ง นางเงยหน้ามองฟงลี่หลินอย่างตื่นตะลึงนึกชอบใจ
แน่นอนนางอยากไป!
หญิงสาวรีบหันหน้าไปมองคนตัวสูงใหญ่ที่ยืนก้มหน้ามองมาทางนางอยู่แล้วอย่างต้องการขออนุญาต นางแต่งงานมีสามีแล้วจะทำสิ่งใดย่อมต้องได้รับความเห็นชอบจากเขา
“เจ้าอยากไปรึ?” ฟงชินหยางถามเสียงเข้มใบหน้าเรียบตึงน้ำเสียงเย็นชา เขาไม่อยากให้นางไป
หลิงเวยพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงยอมรับว่าตนเองอยากออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา
“แค่ตลาดมีอันใดน่าสนใจ ไม่ต้องไป” คนตัวโตว่าอย่างนั้น หลิงเวยพลันจ้องมองอย่างผิดหวัง
“อะไรเล่าพี่ใหญ่ อาซ้อต้องกลับไปไหว้คนที่บ้านเดิมควรต้องสวมใส่ชุดใหม่ หากไม่ไปตลาดแล้วจะได้ผ้าได้อาภรณ์จากที่ใดกัน” ฟงลี่หลินช่วยพูดจาอย่างมีเหตุผล นางได้ไปเดินตลาดนับครั้งได้ตั้งแต่เกิดมาเพราะต้องรอเวลาของพี่ชายให้ว่างพาไป ซึ่งก็ไม่เคยจะว่างให้นาง ในยามนี้นางกำลังจะมีเพื่อนไปเที่ยวตลาดที่เป็นสตรีด้วยกัน หาใช่พี่ชายหน้าตาดุดันที่มีเวลาจำกัดทั้งสองไม่
“ให้บ่าวไพร่ไปซื้อให้ก็ได้” ฟงชินหยางยังคงไม่ยอม
“ได้อย่างไรกัน เสื้อผ้าของพวกเราต้องเป็นพวกเราไปเลือกซื้อเองสิเจ้าคะ” ฟงลี่หลินไม่ยินยอมเช่นเดียวกัน
“ใส่ชุดใดไปก็ได้ ไม่เห็นต้องมากความ”
“มันมิใช่การมากความ มันเป็นเรื่องปกติของสตรี มันเป็นเรื่องที่สตรีพึงกระทำ มันเป็นมารยาทอันดีงาม มันเป็นสิ่งที่สามีต้องเข้าใจ มันเป็น...”
ฟงชินหยางถึงกับยกมือปรามก่อนน้องสาวจะลากยาวจนหูชาแล้วเอ่ยเสียงแข็ง “พี่ไม่ให้ไป”
“น้องจะไป” คนน้องเริ่มเสียงดัง
“ไม่ให้ไป” คนพี่เสียงเย็น
“...”
และแล้วสองพี่น้องก็จ้องตากันคล้ายกับจะฟาดฟันกันให้ตายจาก ฟงจินหมิงที่เดิมทีเพียงยืนเงียบงันเหม่อมองพี่สะใภ้ผู้งดงามจึงทำได้เพียงส่ายหัวไปมา ไม่เคยมีใครเถียงพี่ใหญ่ชนะ
ในขณะที่หลิงเวยถึงกับรู้สึกผิดขึ้นมา
“ข้าไม่ไปก็ได้ ชุดเก่าก็ใส่ได้ มันยังไม่เก่ามาก มันยังไม่ขาดเท่าไหร่” หลิงเวยพูดเสียงเบาอย่างน่าสงสารทำเอาฟงจิน หมิงและฟงลี่หลินยิ่งถลึงตาจ้องมองพี่ชายด้วยสายตาเขียวครึ้ม
ฟงชินหยางถึงกับเงียบไป ดูเถิดดูมารยานาง ลูกคุณหนูจะมีชุดเก่าๆ ขาดๆ ได้อย่างไร
เป็นเพื่อนกับ หลี่หง>>>คลิกFacebook
ร้ายพ่ายกลายรักฉบับอีบุ๊คไม่ตัด NC รวมภาคต้นและภาคปลายในเล่มเดียวคลิก >>>
|
ความคิดเห็น