คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 8 ต่อหน้าทุกคน
เป็นเพื่อนกับ หลี่หง>>>คลิกFacebook
ร้ายพ่ายกลายรักฉบับอีบุ๊คไม่ตัด NC รวมภาคต้นและภาคปลายในเล่มเดียวคลิก >>>
|
ตอนที่
8
ต่อหน้าทุกคน
จวนอันใหญ่โตของตระกูลฟงมีเรือนมากมายทั้งยังมีอาณาบริเวณกว้างขวาง
ระหว่างทางเดินของแต่ละเรือนประกอบไปด้วยสวนสวยรายรอบมีหินอ่อนทอดยาวคดเคี้ยวระหว่างเรือนและสวนที่มีสระบัวออกดอกชูช่องดงามตระการตาพาเอาจิตใจเบิกบาน...
ฟงชินหยางเดินนำหน้าหลิงเวยมาตามทางเดินของเรือนต่างๆ ภายในจวนจนกระทั่งถึงเรือนใหญ่กลางจวนจึงหยุดเท้าก้าวเดินเพื่อรอคนตัวเล็กที่เดินนวยนาดนุ่มนวลเหลือเกิน
ในยามปกติเขาเจอแต่พวกเดินฉับๆ ก้าวเท้าหนักๆ ของเหล่าลูกน้องในอาณัติไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี แต่กับภรรยาของเขานางนี้ทำให้เขาไม่ชินเอาเสียเลย
ชายหนุ่มจึงต้องเดินให้ช้าลงแล้วหยุดเดินเพื่อยืนรอนางอยู่หลายก้าว เขาทำอย่างนั้นอยู่หลายคราจากเรือนหอของตนจนกระทั่งถึงหน้าเรือนกลางก่อนจะหันมามองนางด้วยสีหน้ามืดครึ้มสายตามืดดำไม่เปลี่ยนแปลง
เขากำลังปรับอารมณ์ของตนเองเพื่อมิให้บิดามารดาจับผิดเขาได้ในเรื่องการแต่งงานที่ผิดพลาดนี้ เขายอมรับว่าไม่เคยต้องเสแสร้างแกล้งทำเรื่องใดมาก่อน
นี่จึงนับว่าเป็นเรื่องแรกทั้งยังยากเย็นหนักหนา
ความผิดพลาดไหนเลยจักน่าอับอายเยี่ยงนี้!
หลิงเวยที่กำลังเพลินเหลือเกินกับสภาพแวดล้อมของจวนแห่งนี้จำต้องหันหน้ามามองคนตัวโตที่ยืนสงบนิ่งด้วยท่าทางน่ากลัวไม่สร่างซาด้วยดวงตาเริ่มพร่าเลือน นางกลัวเขาจนอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกแล้ว
“หยุด!” ชายหนุ่มคำรามเสียงเบา
หลิงเวยสะดุ้งตกใจพลางหยุดเดินทันที
ฟงชินหยางขยับกายเข้ามาแล้วก้มหน้ากระซิบกระซาบเสียงกดต่ำใส่ใบหน้างามของภรรยาตัวดี “ห้ามทำให้ใครเคลือบแคลงเรื่องความสัมพันธ์ของเราเด็ดขาด เรื่องที่ข้าถูกเจ้าวางยาก็ห้ามให้ใครรู้ จำได้หรือไม่?”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักตอบรับรัวเร็ว
ชายหนุ่มก้มหน้ามองหญิงสาวที่พยักหน้าถี่รัวคล้ายนกน้อยหาอาหารอย่างนั้นเขาจึงขมวดคิ้วจ้องมองนางนิ่งงัน
เขามองพวงแก้มของนางที่กำลังขึ้นริ้วสีแดงระเรื่อ ดวงตาฉ่ำน้ำ ริมฝีปากขบเม้มกันแน่นด้วยความรู้สึกคันยุบยิบเหลือคณา เขากำลังนึกระอานางตรงหน้าเหลือเกิน มารยาของนางทำเขาหงุดหงิดเสียจริง
ฟงชินหยางละสายตาคู่คมออกจากสาเหตุของอาการคันตามเนื้อตัวของตนก้าวเท้าเดินหน้าต่อเพื่อเข้ามายังห้องโถงของเรือนใหญ่ที่มีบิดาและมารดาพร้อมด้วยน้องชายและน้องสาวของเขานั่งรออยู่ในนั้น
หลิงเวยรีบเดินตามหลังของสามีเข้ามายังห้องโถงด้วยความรู้สึกตื่นเต้นกับครอบครัวใหม่ นางถึงกับต้องยืนนิ่งที่หน้าประตูเรือนเมื่อมองเห็นคนในครอบครัวของสามีนั่งรออยู่ในนั้น
ทุกคนในนั้นก็นิ่งอึ้งไม่ต่างกันเมื่อมองมาแล้วเห็นคู่บ่าวสาวตรงธรณีประตูและสายตาของทุกคนนั้นยังจ้องมองมายังหลิงเวยเป็นตาเดียวกันแบบไม่วางตา
อึดใจพลันมีเสียงหัวเราะคล้ายขบขันดังออกมาจากน้องทั้งสองเมื่อทุกสายตามองมาทางเรือนผมของนางที่สามีข้างกายเป็นผู้ม้วนเกล้าให้พร้อมปักปิ่น
หลิงเวยจึงยิ่งตระหนัก
เขาแกล้งนางจริงๆ ด้วย...
ภายในห้องโถงอ้นกว้างขวางของเรือนใหญ่กลางจวนตระกูลฟง...
ประมุขของจวนตระกูลฟงนามว่าซือหลางกำลังนั่งมองบุคคลทั้งสองด้วยดวงตาคมกริบเฉกเช่นบุตรชาย เขามีมาดสุขุมนุ่มลึกทั้งยังเจ้าระเบียบเคร่งครัด แผ่กลิ่นอายน่ายำเกรงทรงพลังน่าเกรงขามอยู่ตลอดเวลา การแต่งงานที่รวดเร็วรวบรัดของบุตรชายคนโตสร้างความไม่พอใจแก่เขาอยู่มากเนื่องจากว่ามันคล้ายกับเป็นการดูแคลนฝ่ายหญิงอย่างยิ่งยวดมิรู้ได้ว่าเกิดเรื่องไม่งามก่อนหน้าหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นเขาจักต้องจัดการให้หนัก
ฮูหยินฟงนามว่าซินหรูนั่งมองบุตรชายที่กำลังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูกับลูกสะใภ้ด้วยดวงตาเปี่ยมสุขอมยิ้มน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา นางพอจะมองออกว่าสะใภ้คนนี้มีลักษณะเป็นสตรีเช่นไร หากแต่บุตรชายของนางเสียอีกที่น่าเป็นห่วง เช่นนั้นแล้วนางจักต้องเข้มงวดเสียหน่อย
ฟงจินหมิงบุตรชายคนรองของบ้านถึงกับชะงักงันเมื่อมองเห็นใบหน้าของพี่สะใภ้แบบเต็มตาโดยไม่มีผ้าคลุมหน้าอีกต่อไป นั่นนางฟ้าหรือนางสวรรค์กันแน่
ฟงลี่หลินบุตรีคนเล็กไม่มีการคิดอันใดได้มากไปกว่าการได้กลั่นแกล้งพี่ใหญ่ของนางที่มีนิสัยดุร้ายคล้ายเสือในป่าใหญ่ นางกำลังคิดชั่งใจว่าจะแกล้งสิ่งใดพี่ชายดี
ฟงชินหยางที่บัดนี้ได้พาภรรยามายืนอยู่ตรงหน้าทุกคนในครอบครัวแล้วจึงยืนนิ่งๆ สู้สายตาทุกผู้คนด้วยมาดเรียบเฉยสายตาคมกริบซ่อนแววหวาดหวั่นผิดกับหลิงเวยที่เริ่มสั่นสะพรึงขึ้นมา
หญิงสาวหันหน้ามากระซิบกระซาบกับคนตัวโตข้างกายด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเบาหวิว “ข้ายังไม่รู้นามของทุกคนเลย”
“ซือหลาง ซินหรู จินหมิง ลี่หลิน ตามลำดับอาวุโส”
“...”
ฟงชินหยางกระซิบตอบรัวเร็วประหนึ่งว่าเอ่ยสั่งการทหารด้วยรหัสลับในสนามรบยามข้าศึกเข้าประชิดกระนั้น
หลิงเวยได้ฟังคำจึงรีบคิดตามประหนึ่งว่าเป็นลูกน้องทหารของเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ นางจึงพยักหน้าน้อยๆ เข้าใจ
“ข้าชื่อหลิงเวย” หญิงสาวคิดได้ว่ายังไม่รู้จักนามของสามีเพราะในพิธีแต่งงานเมื่อวานนางหูอื้อตาลายไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งนั้น นางจึงกระซิบแนะนำชื่อของตนอย่างรู้งาน
“ข้าชินหยาง” ชายหนุ่มรู้งานยิ่งกว่ากระซิบกระซาบแนะนำตัวกลับไป
“จะยืนกระซิบพร่ำคำรักกันอีกนานหรือไม่” เสียงหวานใสของฟงลี่หลินพลันดังมาจากกลางห้องโถงไกลออกไป “อะไรจะหวานกันปานนั้นเจ้าคะ” จบคำก็หัวเราะคิกคักชอบใจทำเอาบิดามารดาถึงกับต้องกระแอมไออยู่ในลำคอ
ฟงชินหยางจึงเริ่มปฏิบัติการหลอกข้าศึกให้ตายใจโดยการเอื้อมฝ่ามือกรุ่นร้อนจับประคองไหล่บอบบางของหลิงเวยเอาไว้ ทำทีเดินเข้ามากลางห้องโถงอย่างทะนุถนอมภรรยาเหลือเกินทำเอาหญิงสาวถึงกับตัวเกร็งแข็งทื่อคล้ายกับถูกผีสิง
“เดินดีๆ” เขากระซิบดุดันภายใต้รอยยิ้มเสแสร้ง
หลิงเวยจึงรีบคลี่ยิ้มงดงามมุมปากกระตุกเล็กน้อยพลางปล่อยลำตัวที่เกร็งขึงเมื่อครู่ให้คลายลงแล้วเดินตามการประคับประคองของสามีมาตามทาง
ทั้งสองพากันเดินมาอย่างพยายามให้รักใคร่แนบเนียนกระทั่งถึงยังตำแหน่งประมุขของจวนแล้วหย่อนกายลงนั่งคุกเข่าก่อนจะช่วยกันรินน้ำชาลงถ้วยสองใบอย่างตั้งอกตั้งใจ
เมื่อรินน้ำชาเรียบร้อยก็ช่วยกันประคองถาดรองถ้วยน้ำชาแล้วพากันคลานเข่าเข้ามายื่นให้สองผู้เฒ่าอย่างนอบน้อมพร้อมส่งรอยยิ้มละไมสบตากันและกันไปมารักใคร่กันเหลือเกิน
บิดามารดาของฟงชินหยางหยิบถ้วยน้ำชาในถาดมาจิบคนละนิดตามประเพณีแล้ววางถ้วยกลับลงมาในถาดในขณะที่สายตาของสองผู้เฒ่ายังคงจ้องมองเจ้าบ่าวเจ้าสาวหมาดๆ อย่างไม่วางตาพาเอาสองสามีภรรยายิ่งต้องนั่งแนบชิดจนไหล่บดเบียดเสียดสีชนกันนึกหวาดหวั่นขึ้นมา
“เจ้ามิใช่บุรุษตัวคนเดียวอีกแล้วนะหยางเอ๋อร์” ฟงซือ หลางเอ่ยเสียงใหญ่ทุ้มต่ำทรงอำนาจดังออกมา “คิดการทำสิ่งใดไม่ว่าการเล็กหรือการใหญ่ควรตระหนักให้มาก หากพลาดพลั้งมาย่อมมิใช่ผลดี” นั่นคือคำอวยพรของผู้นำตระกูลฟงตามแบบฉบับอดีตท่านแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นผู้ทระนงองอาจอย่างเขา
ฟงชินหยางก้มหน้าคมเข้มลงเล็กน้อยรับคำด้วยมาดเฉกเช่นบิดาไม่มีผิดเพี้ยนทำเอาคนตัวเล็กข้างกายถึงกับมองตาปริบๆ นางกำลังคิดว่าสามีของนางน่ากลัวแล้วพ่อสามีกลับน่ากลัวยิ่งกว่ามากนัก
“ครอบครัวเราไม่นิยมสามีหลายภรรยาเช่นนั้นแล้วเจ้ากับภรรยาจักต้องอยู่ร่วมเรือนกันไปจนวันตาย จะดีจะร้ายก็ต้องอดทน” ฟงฮูหยินผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ฉายแววเข้มข้นเจ้าระเบียบตามแบบฉบับสตรีชั้นสูงในรั้วในวังเมื่อกาลก่อน ทำเอาฟงชินหยางต้องลอบขบกรามเล็กน้อย เขากำลังรู้สึกคล้ายกับถูกโซ่ตรวนเส้นใหญ่ผูกติดและขึงตรึงเอาไว้อย่างโหดร้าย การได้สตรีมาโดยไม่ตั้งใจทำให้เขาอึดอัดยิ่งนัก
หลิงเวยเองก็รู้สึกไม่ต่างไปจากฟงชินหยางเพียงแต่นางกำลังรู้สึกผิดอย่างมหันต์และเริ่มตระหนักขึ้นมา
หากว่าวันหนึ่งข้างหน้าบุรุษข้างกายของนางในยามนี้เกิดรักปักใจกับใครจนไม่อาจถอนใจแล้วเขาจักต้องทำอย่างไร
นี่มิใช่ว่านางเป็นต้นเหตุให้บุรุษเช่นเขาหมดหนทางแห่งตนในภายภาคหน้าเลยหรือและบางทีเขาอาจจะมีสตรีในดวงใจอยู่แล้วก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้นมิใช่ว่านางมาเป็นมารหัวใจของเขาหรอกหรือไร
หญิงสาวยิ่งคิดยิ่งหม่นแสงในชีวิตดวงตาเริ่มรื้นน้ำใสจนต้องรีบยกชายผ้าขึ้นมาปาดออกไปในทันที
“เจ้าเป็นอะไรไปเวยเอ๋อร์ ปลื้มมากหรือไร” ฟงชินหยางถามหลิงเวยในฉับพลันด้วยรอยยิ้มตรงมุมปากพร้อมสายตาคาดคั้นซ่อนแววประชดประชันในที
หลิงเวยรีบปรับอารมณ์ของตนแล้วตอบคำเสียงเบา “เจ้าค่ะ ข้ากำลังรู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก ต้องขออภัยท่านทั้งสอง” นางตอบคำแก้ต่างพลางยกยิ้มงดงามส่งให้บิดาและมารดาของสามี
“เรียกท่านพ่อท่านแม่” ฟงชินหยางก้มหน้าเข้าหาพลางเอ่ยกระซิบดุดันเสียงเบาใส่หูของหลิงเวย
หญิงสาวรีบปรับคำพูดในทันทีก่อนจะถูกใครบางคนกินหูของนางเข้าไปทั้งใบ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าหลิงเวยของฝากตัวเจ้าค่ะ ข้าขอสัญญาว่าจะทำตัวดีๆ ว่านอนสอนง่าย เป็นสะใภ้ที่ดี ไม่สร้างความลำบากใจให้สามีเจ้าค่ะ”
เสียงแว่วหวานดังออกมาภายใต้จิตสำนึกที่มีทั้งหมด นางขอสัญญาว่าจะไม่ทำให้เขาลำบากใจ ไม่ว่ากรณีใด หากวันหนึ่งเขาต้องการครองคู่กับสตรีที่เขารักปักใจ นางจะจากไปโดยไม่เรียกร้องใดๆ ทั้งสิ้นในทันที
บิดามารดาของฟงชินหยางได้แต่ก้มมองสะใภ้ตรงหน้าอย่างเอื้อเอ็นดูถึงแม้ว่านางจะมาจากตระกูลหลิงที่มิได้สนิทสนมกับตระกูลฟงแต่ประการใด ทั้งนี้พวกเขายังไม่นิยมการจับคู่แบบคลุมถุงชนโดยที่บุตรชายไม่เต็มใจ หากบุตรชายรักใครนั่นหมายความว่าพวกเขาย่อมรักด้วย และยิ่งดีใจนักหนาที่บุตรชายคนโตหัวรั้นนิสัยร้ายกาจไม่เหมือนใครผู้นี้ได้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีหลังจากที่พวกเขารบเร้าอยู่เป็นนาน เนื่องจากฟงชินหยางสนใจแต่การศึกมิใคร่สนใจสตรีนางใด ไม่แม้แต่จะพาใครมาให้ทำความรู้จัก ครั้นพาแม่สื่อมาก็ทำท่าทางน่ากลัวใส่บรรดาแม่สื่อจนพวกนางไม่กล้าย่างกรายเข้ามาเยี่ยมเยือน นี่นับว่าเป็นเรื่องดียิ่งนักที่บุตรชายผู้นี้มีเมียเสียที บรรยากาศมืดดำอึมครึมในจวนคงลดลงไม่น้อย
หลังจากได้รับคำอวยพรอีกสองสามประโยคและสิ่งของอันเป็นมงคลจากสองผู้เฒ่าตรงหน้า
ฟงชินหยางจึงจับประคองร่างงามข้างกายให้ลุกขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้เยื้องออกไปเพื่อที่ว่าจะได้ให้น้องชายและน้องสาวยกน้ำชาตามลำดับประเพณี
เมื่อยกน้ำชาเสร็จสรรพตามด้วยการรับประทานอาหารร่วมกันอย่างพร้อมหน้าครอบครัว บรรยากาศของโต๊ะอาหารภายในครอบครัวนี้จึงเป็นไปด้วยมิตรไมตรีจนหลิงเวยรับรู้ได้
ทุกคนแสดงออกชัดเจนว่าเอ็นดูหลิงเวย ทำให้หลิงเวย นึกชมชอบครอบครัวใหม่อยู่ไม่น้อย
“อาซ้อลองชิมนี่” เสียงหวานใสของฟงลี่หลินเอ่ยคำพลางจับถ้วยอาหารหน้าตาน่าทานมาวางเอาไว้ให้ตรงหน้าหลิงเวย
หญิงสาวก้มมองถ้วยอาหารตรงหน้าที่ถูกหยิบยื่นมาให้พลางตอบรับด้วยรอยยิ้มงดงามอย่างซาบซึ้งเด่นชัด นางไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้ ที่บ้านของนางใหญ่โตเกินไปจนทุกคนละเลยเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ ยามกินข้าวยังต้องแยกกันกินที่เรือนใครเรือนมัน นั่งกินอยู่อย่างเดียวดายในทุกๆ วันจนนางชาชิน
“ขอบใจนะ ลี่หลิน” หลิงเวยเอ่ยคำเสียงหวานอย่างปลาบปลื้มส่งให้ฟงลี่หลินก่อนคีบอาหารในถ้วยนั้นแล้วกินด้วยความรู้สึกดี
“ถูกปากหรือไม่” ฟงฮูหยินถามขึ้นมาทางลูกสะใภ้
“เจ้าค่ะท่านแม่” หลิงเวยคลี่ยิ้มรับคำเสียงหวาน
“หากชอบก็กินเยอะนะอาซ้อ” ฟงจินหมิงที่นั่งเหม่อมองพี่สะใภ้คนงามอยู่เป็นนานเอ่ยขึ้นบ้าง
“ขอบใจนะ จินหมิง” หลิงเวยหันมาคลี่ยิ้มอ่อนหวานให้น้องชายคนรองของสามีทำเอาฟงจินหมิงยิ่งสายตาพร่าเลือนยกยิ้มอย่างเก้อเขินเกินหน้าเกินตา
ฟงชินหยางนั่งมองภรรยาของตนตาปริบๆ
ในยามปกติแล้วหากเขากลับมาจากประจำการที่ค่ายทหารชายแดนห่างไกลหรือสิ้นศึกนานนับปีกลับบ้านมาทุกคนมักจะเอาอกเอาใจเขามิใช่หรือไร ไยยามนี้ไม่เป็นเช่นนั้น
ดูเถิด! กระทั่งท่านพ่อผู้เคร่งขรึมยังนั่งอมยิ้มในสีหน้ามองภรรยาของเขาอย่างเมตตาใจดีในแบบที่ไม่เคยทำกับเขา
โดยเฉพาะเจ้าน้องชายตัวดีเก็บอาการเอาไว้ไม่มิดเอาเสียเลย
ชายหนุ่มเรือนร่างสูงใหญ่เริ่มโกรธกรุ่นนั่งกินข้าวเพียงลำพังอย่างเดียวดายจนน่าเห็นใจ
***
เป็นเพื่อนกับ หลี่หง>>>คลิกFacebook
ร้ายพ่ายกลายรักฉบับอีบุ๊คไม่ตัด NC รวมภาคต้นและภาคปลายในเล่มเดียวคลิก >>>
|
ความคิดเห็น