คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่10 คุณหนูผู้เย็นชาไร้ใจ
ตำแหน่งข้างรถม้า มีสามสตรีรูปลักษณ์แตกต่างยืนคุยกันอย่างถูกคอ
เสียงใสๆ ของหนี่ม่านยังคงดังเจื้อยแจ้วไปทางคุณหนูของตนอย่างกระตือรือร้นยามส่งหมั่นโถวและถ้วยน้ำแกงให้ซูเจินอย่างรู้งาน
“ชายชุดม่วงมีนามว่าอาจิน ส่วนชายอีกคนหนึ่งมีนามว่าอาเซียนเจ้าค่ะ บ่าวแนะนำตัวทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อ้อ...พวกเขากำลังจะเดินทางไปยังสถานที่เดียวกับพวกเราด้วยนะเจ้าคะ ช่างบังเอิญเสียจริงเจ้าค่ะ และที่สำคัญพวกเขาอาสาคุ้มครองพวกเราจนถึงที่หมายอีกด้วย พวกเขาบอกว่าพวกเราเป็นเพียงอิสตรีควรมีบุรุษคอยดูแลเจ้าค่ะ” นางบอกกล่าวด้วยสีหน้าดีใจหนักหนาที่มีชายงามร่วมเดินทาง
“พวกเขาจะไปวัดเพื่อถือศีลหรือไร?” หนิงเหมยเอ่ยอย่างไม่เชื่อสักเท่าไหร่ น้ำเสียงของนางจึงคล้ายประชดกระนั้น
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” หนี่ม่านพยักหน้าตอบรับ “บ่าวบอกว่าจะไปถือศีลที่วัดวัดฉือหนิง พวกเขาจึงบอกบ่าวว่าควรไปเสียด้วยกัน พวกเขาย่อมจ่ายค่าเช่ารถม้าให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
หนิงเหมยเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะเชื่อใจชายทั้งสองเท่าใดนัก หากแต่เมื่อคืนนางก็หลับสนิทดีไร้อันตรายอันใด คงไม่มีอะไรหรอกกระมัง
สาวใช้ตัวน้อยคล้ายนึกขึ้นมาได้อีกเรื่องหนึ่งจึงรีบเอ่ย “ถัดไปจากตรงนี้มีลำธารด้วยนะเจ้าคะคุณหนู และถ้าไกลออกไปอีกประมาณหนึ่งลี้จะมีบ่อน้ำพุร้อน บ่าวได้ยินคนในศาลาเขาพูดกันว่างามมากนัก หากได้เห็นแม้เพียงครั้งย่อมเสียชาติเกิด” นางตื่นเต้นเหลือเกินกับการเดินทางออกจากคฤหาสน์ครั้งนี้ ทั้งที่บ่าวทั้งหลายต่างส่ายหน้าปฏิเสธกันจนหัวหมุน
“ดูท่าทางเจ้าที่ขอติดตามข้ามาคงมีแผนการแอบแฝงกระมัง” หนิงเหมยอมยิ้มน้อยๆ เอ่ยอย่างรู้ทันสาวใช้
หนี่ม่านยิ่งหัวเราะสดใส “อา...ถูกคุณหนูจับได้เสียแล้ว”
ซูเจินยืนกินหมั่นโถวตามด้วยยกน้ำแกงขึ้นดื่มอึกใหญ่เพื่อเพิ่มพลังรีบออกความเห็น “ดีเหมือนกัน ข้าต้องการแช่น้ำพุร้อน” นางเอ่ยออกมาตามตรง ถึงแม้ว่าบาดแผลภายนอกจะหายแล้วหลายส่วนด้วยยาที่หนิงเหมยทาให้ แต่ทว่าภายในยังคงอ่อนแอนัก การแช่น้ำร้อนช่วยขับเคลื่อนลมปราณ น่าจะดีไม่น้อย
แต่หนิงเหมยไม่เห็นด้วยเลย นางจึงเอ่ยขัด “อาจจะเป็นบ่อน้ำพุร้อนบนพื้นที่ที่มีเจ้าของเป็นคหบดีผู้ร่ำรวย หรือว่าอาจจะเป็นสถานที่จำเพาะของเหล่าเชื้อพระวงศ์ก็ได้ เราไม่ควรรุ่มราม” สถานที่งดงามปานภาพฝันย่อมตกเป็นของพวกมีเงินมีอำนาจอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น สองสตรีถึงกับนิ่งงันอย่างสิ้นหวังในบัดดล
“ข้าย่อมพาเข้าไปได้” เสียงทุ้มต่ำพลันเอ่ยแทรก
สตรีทั้งสามหันมองพร้อมกัน
เสียงนั้นเป็นเสียงของหยางเหอจิน เขากล่าวคำพลางเดินอาดๆ ตรงเข้ามาทางซูเจิน ชายหนุ่มจับกระชับเอวของซูเจินจนตัวลอยไปทางด้านหน้าของรถม้า ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ แต่ทว่าถ้วยน้ำแกงในมือของซูเจินกลับไม่กระฉอกออกแม้แต่น้อย
เขาวางนางลงบนรถม้า นางนิ่งอึ้งไม่พูดจา ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างคาดไม่ถึง เมื่อสัมผัสถึงอ้อมแขนแข็งแกร่งที่ให้ความรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา กลิ่นอายบุรุษเพศเข้มข้น แผงอกกว้างขวาง ลำคอหนาและสันกรามแกร่งอยู่ใกล้สายตา ความรู้สึกคุ้นเคยแปลกประหลาดพลันปรากฏ
ซูเจินถึงกับขมวดคิ้วแน่นมองชายชุดม่วงไม่วางตา นางกำลังรู้สึกไม่แน่ใจกับอะไรบางอย่าง ยิ่งได้เห็นใบหน้าคมคายใกล้ๆ ยิ่งให้รู้สึกไม่ธรรมดา แต่ทว่ายังมิทันระลึกได้ถึงอันใด หนี่ม่านพลันพุ่งตัวตามขึ้นมาบนรถม้า
สาวใช้ตัวน้อยไม่พูดไม่จา นางนั่งยิ้มจนตาหรี่หยีพราวระยับอย่างรอคอย นึกถึงแต่ภาพของบ่อน้ำพุร้อน
หนิงเหมยถึงกับยืนอึ้งจ้องมองชายชุดม่วงตาค้าง
รัชทายาทหนุ่มที่ปลอมตัวมาถึงกับยืนอึ้งไม่แตกต่าง เขาถึงกับตกใจกับการกระทำอันรวดเร็วของท่านอาแห่งตน เขาที่เป็นบุรุษหนุ่มหล่อเหลาเจ้าสำราญทั้งยังมีแผนชายงามอยู่เต็มไปหมด คงต้องยอมแพ้ท่านอาผู้เย่อหยิ่งถือตัวเสียแล้ว
และที่สำคัญ บ่อน้ำพุร้อนนั่นเป็นพื้นที่ส่วนพระองค์เชียวหนา
หยางเหอจินปล่อยมือจากน้องน้อยของตนโดยไม่พูดจา ก่อนพลิกกายไปนั่งยังตำแหน่งสารถีแล้วปรายสายตาคมปลาบมาทางเฟยหลงเซียนนิ่งๆ พลางเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงคำถามว่า จะนั่งรถม้าหรือจะเดิน?
เฟยหลงเซียนเข้าใจได้ไม่ยากจึงเบนสายตามาทางสตรีตรงหน้าที่ยืนอยู่ข้างรถม้า เห็นนางยังคงยืนอึ้งไม่ต่างกัน เขาจึงถามนางด้วยสายตาพราวระยับ “เราสองเดินชมทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ ดีหรือไม่”
ใบหน้างดงามแสดงอาการเย็นชาใส่ให้ทันทีพร้อมตอบคำทันควัน “ไม่ดี!”
“...”
ชายหนุ่มรูปงามเริ่มหางคิ้วกระตุก ใบหน้าคมคายขึ้นริ้วสีแดงเล็กน้อย รู้สึกหมดความมั่นใจขึ้นมา เขารู้สึกได้ว่าตนเองน่าขันสิ้นดี ความรู้สึกนี้ไม่เคยมีมาก่อน แต่ไหนแต่ไรสตรีส่วนใหญ่ต่างยื้อแย่งกันเข้าหาเขามิใช่หรือไร เหตุใดนางแตกต่าง
หนิงเหมยเริ่มรู้สึกได้ว่าตนเองทำกิริยาไม่สมควรและทำตัวเสียมารยาทกับชายตรงหน้ามากนัก นางจึงคลี่ยิ้มคลายบรรยากาศอึดอัดมิให้ตนเองสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น
“ข้าหมายถึงการเดินเท้าไปไม่ดีแน่” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุนตามมารยาทที่พึงมี
เฟยหลงเซียนจึงยืนนิ่งจ้องมองคนงาม เขาพลันรู้สึกได้บางอย่าง ความรู้สึกคล้ายกับว่า หากเขาโกรธนาง แล้วทำทีแง่งอน นางจักง้อเขากระนั้น อา...ไยรู้สึกดีจริง
อีกคราที่นัยน์ตาของชายหนุ่มพร่างพราวคล้ายมีแสงประกายแวววาวระยิบระยับ ทั้งยังกรุ้มกริ่มฉายชัด ทำเอาหญิงสาวที่ยืนมองต้องขมวดคิ้วพันกัน
เขาไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด!
รอยยิ้มของหนิงเหมยพลันเย็นเยียบ บังเกิดความระแวดระวังในดวงตาดำขลับฉ่ำหวาน นางจึงรีบหมุนกายระหงขึ้นรถม้าไปอย่างไม่ใยดี โดยมีหนี่ม่านรีบรุดเข้ามาจับประคองแทบไม่ทัน
และอีกครั้งที่เฟยหลงเซียนต้องยืนนิ่งแข็งค้าง
ชายงามทั้งยังสูงศักดิ์เช่นเขา เจอไม้นี้ของสตรีสามัญชนเข้าไป เขาถึงกับไปไม่ถูกเลยทีเดียว
ระยะทางที่รถม้าเคลื่อนตัวเพียงสองก้านธูปเท่านั้นก็มองเห็นลำธารสีฟ้ามรกต น้ำใสไหลเอื่อย ดอกไม้บานสะพรั่งไปทั่ว งดงามราวกับภาพวาด
หนี่ม่านเปิดผ้าโปร่งตรงหน้าต่างรถม้าออกดูถึงกับเบิกตาค้างเผยรอยยิ้มกว้างขวางชมชอบฉายชัด
ในขณะที่หนิงเหมยก็รู้สึกชื่นชอบไม่แตกต่าง นางเป็นคุณหนูในห้องในหับ ไหนเลยจักเคยเจอภาพงามระยับแบบนี้กัน
ซูเจินเคยเห็นมานักต่อนักกับธรรมชาติหลากหลาย นางมิใช่สตรีในห้องหอ ภูเขาลำธารไหนเลยที่นางไม่เคยได้เห็น นางจึงเลือกที่จะกินให้อิ่มและนอนให้หลับ หมายฟื้นฟูร่างกายแบบเต็มกำลังก็เท่านั้น
เมื่อสารถีกิตติมศักดิ์ชะลอฝีเท้าของม้าจนหยุดนิ่ง หนี่ม่านจึงรีบกระวีกระวาดลงจากรถม้า ก่อนจะกุลีกุจอจับประคองหนิงเหมยลงมาเหยียบพื้นหญ้าอ่อนนุ่มเพื่อพากันไปดูลำธารแสนงามตระการตา
สองนายบ่าวจึงยืนชมธรรมชาติสรรสร้างด้วยอารมณ์เบิกบาน ส่งเสียงพูดคุยสดใส
“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวคิดว่าการออกมาถือศีลที่วัดห่างไกลเป็นของรางวัลหาใช่การทำโทษไม่” หนี่ม่านพูดไปยิ้มไปชอบใจหนักหนา
“อืม...” หนิงเหมยเห็นด้วยกับสาวใช้ของตนโดยไม่โต้แย้ง “หากข้าจะถือศีลกินเจไปตลอดชีวิต เจ้าว่าดีหรือไม่” นางพูดด้วยรอยยิ้มหวานละมุนนัยน์ตามุ่งมั่น
“อา...ไม่ดีกระมังคุณหนูของบ่าว” หนี่ม่านรีบเอ่ยขัด นางเห็นได้ชัดว่าคุณหนูของตนมีเสน่ห์เย้ายวนปานใด กระทั่งทำท่าทีเย็นชาสองตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็งพันปียังไม่อาจปิดบังความงามเหนือมวลบุปผาได้เลย หากอยู่วัดจนตายเสียดายแย่ “คุณหนูของบ่าวย่อมได้เจอบุรุษที่รักจริงจากใจนะเจ้าคะ คืนวันอันสวยงามยังรอคุณหนูอยู่เบื้องหน้าเจ้าค่ะ”
หนิงเหมยได้ฟังเพียงเผยรอยยิ้มหยันให้ตนเองอย่างขมขื่น บุรุษที่รักจริงจากใจกระนั้นหรือ
ชายที่นางอุตส่าห์เปิดใจคบหานามว่าเจิ้งเหวินหลางก็รักนางจากใจจริงเช่นกัน แต่เมื่อเขาเจอมารยาที่น่ารักใสซื่อบริสุทธิ์ของน้องสาวต่างมารดาเข้าไปแล้วเป็นเยี่ยงไรเล่า กระทั่งบิดาที่รักมารดาหนักหนายังทำไม่ได้มิใช่หรือไร
หญิงสาวหลับตาลง รู้สึกเพียงความเจ็บปวดไปทั่วทั้งใจ ทั้งๆ ที่ใบหน้าของนางหวานล้ำ ยามเผยรอยยิ้มยิ่งอ่อนโยน แต่ทว่าภายในใจของนางกลับแข็งกระด้างเพิ่มขึ้นวันละน้อย
และมันก็เป็นอยู่อย่างนั้นในทุกวันยากจะปรับกลับคืนมา
ความเจ็บปวดลึกๆ เกาะกุมใจนางอย่างแน่นหนามานานปี ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายความโดดเดี่ยวอย่างหาที่เปรียบมิได้ ในใจนางรู้สึกเหงาลึกๆ ขึ้นมา สีหน้าและแววตาพลันหดหู่อ่อนล้าฝังรากหยั่งลึก
“คุณหนู...” หนี่ม่านเริ่มรู้สึกผิดจึงเรียกนายสาวเสียงเบา บางทีนางอาจจะพูดมากจนเกินไป “บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูโปรดอภัย”
หนิงเหมยส่ายหน้าน้อยๆ อย่างปลดปลง แต่ยังคงเงียบงันไร้คำพูดใด
|
ความคิดเห็น