คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Four
ตอนที่4
ไมเคิลปิดก๊อกน้ำ เขาเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนู เทวดาหนุ่มพอจะรู้ว่าผ้าขนหนูนี้ที่หนุ่มน้อยให้เขาใช่เพื่อปกปิดอะไร ไมเคิลไม่เข้าใจว่า ทำไมมนุษย์ถึงต้องปกปิดร่างกาย ทั้งที่ร่างกายนี้เป็นผลงานของพระเจ้า สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมานั้นย่อมเป็นสิ่งที่สวยงาม
ในสมัยที่พระเจ้าทรงสร้างโลก อาดัม กับ เอวา บรรพบุรุษคู่แรกของมนุษย์โลกนั้นก็มิได้ส่วมเสื้อผ้า แต่เพราะบาป ทำให้มนุษย์เกิดความละอาย เสื้อผ้า หรือสิ่งที่ปกปิดร่างกายจึงเกิดขึ้น
ไมเคิลจึงไม่ค่อยพอใจกับการที่จะต้องใส่เสื้อผ้าในโลกมนุษย์ แต่เขาต้องพยายามทำตัวให้เป็นเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป เทวดาหนุ่มจึงผูกผ้าขนหนูนั้น
ไมเคิลกำลังจะเอื้อมไปเปิดประตู แต่เขามีความรู้สึกถึงพลังยิ่งใหญ่บางอย่าง มันเป็นพลังที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เมื่อไมเคิลเปิดประตูห้องน้ำ เทวดาหนุ่มเห็นยูยืนคุยกับ ผู้ชายสองคน คนแรกเป็นชายหนุ่มผมสีบอลนด์ยาวประมาณบ่า รูปร่างสูงใหญ่ ใส่ชุดทำงานคือเสื้อเชิ้ต กางเกงเสลค และร้องเท้าหนัง อีกคน เป็นชายหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาลอ่อน นัยตาสีนำตาลอ่อน รูปร่างตัวเล็กกว่าแต่ก็ยังดูตัวใหญ่อยู่ดี ใส่เสื้อยืดคอปก กับกางเกงยีนส์ กับรองเท้าหนัง
“มาแล้วเหรอเรารอพบนายมานานแล้ว” ชายหนุ่มผมบลอนด์เอ่ยทักทายไมเคิล ดูเป็นคนสุภาพน่านับถือ
“ขอต้อนรับสู้โลกมนุษย์อันแสนวุ่นวาย” หนุ่มผมสั้นก็เอ่ยทักทายไมเคิลเช่นกัน จากลักษณะการพูดดูเป็นเด็กหนุ่มกว่าอีกคน
ไมเคิลยิ้มตอบรับ เขาไม่เคยเห็นผู้ชายสองคนนี้หรอก แต่เขารู้จักผู้ที่อยู่ในร่างนี้ เขารู้ว่าสองคนนี้เป็นใคร เขาสังเกตได้จากการแต่งกาย และ คำพูด
“พวกท่านดูคล้ายกับมนุษย์เหลือเกิน ท่าทางจะคุ้นเคยกับโลกมนุษย์แล้วหล่ะซิ” ไมเคิลพูดกับชายทั้งสอง
“แหม พวกเรามาอยู่ก่อนนายตั้ง5ปีแล้วนี้ แล้วข้างบนเป็นไงบ้างหล่ะ”หนุ่มน้อยผมสีน้ำตาลถามไมเคิล
“ก็ยังวุ่นวายกับเหตุการณ์นี้ แต่เรารู้ว่าพวกท่านคงจัดการเรื่องนี้ได้”ไมเคิลหันไปพูดกับหนุ่มผมสีบลอนด์
“ไม่ใช่แค่เราสองคน แต่รวมถึงนายด้วย” ชายผู้นั้นตอบ
ไมเคิลมองเพื่อนรักทั้งสองของเขา แม้พวกเขาจะพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนมนุษย์ ทั้งการแต่งตัว การพูดการจา แต่คาวมสมบูรณ์ของร่างกาย และ หน้าตา ที่พระเจ้าให้พวกเขามา ช่างแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ไมเคิลมองร่างกายของตัวเอง เขาเองก็ได้รับพระพรจากพระเจ้า สิ่งที่มนุษย์เรียกว่าความสมบูรณ์แบบ มีอยู่ในตัวเขาทั้งหมด และเพื่อนทั้งสองของเขาด้วย
“ไมเคิล นายได้รับบาดเจ็บเหรอ อย่าบอกนะว่า นายไปเจอพวกนั้นด้วย”หนุ่มน้อยผมสีน้ำตาลถามไมเคิล
“ใช่ เราพบเปกาเฟอร์ เขาก็จะมาที่นี้ด้วย แต่ข้าใช้พลังปกป้องรอบๆบริเวณนี้อยู่ เขาเลยมาที่แห่งนี้ไม่ได้” เทวดาหนุ่มพูด
“ท่าทางพวกเขา คงรู้พอๆกับเรา เราเองก็ต้องรีบเหมือนกัน ราฟาแอล นายจัดการแผลไมเคิลให้ทีซิ” หนุ่มผมสีบลอนด์สั่งให้หนุ่มน้อยผมสีน้ำตาล
ราฟาแอล เดินไปหาไมเคิล เขาแบบมือปกหัวของไมเคิลไว้ หนุ่มน้อยพึมพำอยู่สักครู่ แสงเรืองๆสีขาวก็ปรากฏ
ทันใดนั้น แผลต่างที่อยู่บนตัวของไมเคิลก็จางหายไป
“เรียบร้อยแล้ว ดีน่ะเนี่ยที่ยังพอมีพลังหลงเหลืออยู่บ้าง นึกว่าเป็นมนุษย์แล้ว จะโดนยึดพลังไปหมด” ราฟาแอลพูดพร้อมกอดอก
ยูมองเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้จะแทรกการสนทนาของบรรดาเหล่าเทวดาหนุ่มหล่อพวกนี้ได้ยังไง
แต่เขาพอจะเข้าใจว่า ทั้งสามคน ลงมาโลกมนุษย์เพื่อปราบพวกปีศาจไม่ให้หากุญแจประตูนรกให้เจอ
กาเบรียล์หันมามองที่ยู “ผมไม่ได้ถูกส่งมาเพื่อปราบปีศาจ แต่มาเพื่อยับยั้งภารกิจของพวกเขาต่างหาก”
ยูแปลกใจที่เทวดาหนุ่มรู้ถึงความคิดของเขา
“คุณคงแปลกใจที่ผมรู้ถึงความคิดของคุณ นี้เป็นพระพรของพระเจ้า แม้พวกเราเป็นเทวดา แต่เราลงมาอยู่ในโลก ในร่างของมนุษย์ ดังนั้น พลังต่างๆของพวกเราที่เคยมีบนสวรรค์ ก็ต้องคืนให้กับพระเจ้า เพราะพลังของพวกเราอาจมีผลกระทบต่อโลกของพวกคุณได้ แต่เราก็มีพลังพิเศษบางอย่างที่สามารถใช้บนโลกได้” กาเบียร์อธิบายให้หนุ่มน้อยเข้าใจ
“อ๋อ ครับผมพอเข้าใจแล้ว เออ พวกคุณก็เจอกันแล้ว ผมว่าคุณก็รีบไปปราบปีศาจเถอะ ผมยังมีการบ้านต้องทำ อย่าหาว่าผมไล่เลยน่ะครับ” ยูพูดกับกาเบียร์ แม้เรื่องพวกนี้จะดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อ และเขาเองคงช่วยอะไรไม่ได้
“เราบอกท่านแล้วไง ว่าที่นี้เป็นที่ซ่อนของแม่กุญแจ เราต้องอยู่ที่นี้ เพื่อปกป้องประตูนี้ และต้องปกป้องท่านด้วย” ไมเคิลพูดกับยู พร้อมมองตาของยู ยูรู้สึกถึงพลังบางอย่างแผ่ซ่านในตัวเขา เขารีบหลบสายตาของเทวดาหนุ่ม
“ใช่ๆ ไมเคิลเขาเป็นนักรบน่ะ คงดูแลนายได้อยู่แล้ว”ราฟาแอลพูดพร้อมตบบ่าของไมเคิลเบาๆ
“ผมรบกวนฝากดูแลเพื่อนผมด้วยน่ะครับ ผมขอตัวไปทำธุระก่อนน่ะครับ”กาเบรียล์ร่ำลาหนุ่มน้อย และเดินออกจากบ้านไป พร้อมลากตัวราฟาแอลไปด้วย
***************************************************************************************************************
ยูมองไมเคิลที่ใส่เสื้อผ้าของเขา แม้เสื้อจะตัวใหญ่แต่ก็ดูเล็กกว่าตัวไมเคิลมากๆ กางเกงเลย์ของยูที่ใส่ทีไรก็ยาวลากพื้นทุกที แต่พอไมเคิลใส่มันยาวไม่ถึงตาตุ่ม
เทวดาหนุ่มยืนเก้ๆกังๆที่กลางห้อง เขาไม่รู้จะทำอะไรต่อไป แต่เขารู้สึกเพลียๆ จึงหาวออกมา
ยูเห็นไมเคิลหาว เลยถามไปว่า “คุณง่วงนอนเหรอ”
ไมเคิลทำหน้าสงสัย “ ง่วงนอน?”
ยูเกาหัว เขาสงสัยจังว่าที่ไมเคิลจะดูแลเขาได้ยังไง ในเมื่อเขายังไม่เข้าใจโลกมนุษย์
“มนุษย์เราทำงานกันตอนกลางวัน แล้วผักผ่อน หรือนอน ในตอนกลางคืน ตอนอยู่บนสวรรค์คุณไม่ได้ผักผ่อนเหรอ”
ไมเคิลยิ้มตอบหนุ่มน้อย “เทวดาอย่างเราไม่เหมือนมนุษย์หรอก ผมคงไม่สามารถอธิบายให้ท่านเข้าใจเรื่องราวบนสวรรค์ได้หรอก เพราะมนุษย์อย่างท่านมีความคิดและความเข้าใจอย่างมีขอบเขต แต่พระเจ้า และ สวรรค์ไม่มีขอบเขตจำกัด ยากที่จะมนุษย์อย่างท่านเข้าใจ”
“ถามนิดเดียว ตอบซะยาวเชียวเอาเป็นว่าคุณนอนที่ห้องกับผมแล้วกัน คุณคงไม่ว่าน่ะถ้าผมจะให้คุณนอนพื้น” ยูถามไมเคิล
เทวดาหนุ่มยิ้มไม่ตอบอะไร หนุ่มน้อยคิดว่าเขาคงตกลง
ยูเลยไปหยิบผ้าปูที่นอนในตู้เสื้อผ้ามาปูให้ไมเคิล
“อ๊ะ คุณนอนได้น่ะ ถ้าไม่นอนไม่สบาย บอกผมแล้วกัน เดี๋ยวผมเอามาปูเพิ่ม” ยูบอกไมเคิลพร้อมเอามือตบที่นอนเบาๆ
ไมเคิลล้มตัวลงนอน เขายืดตัวตรง แล้วค่อยๆหลับตาลง
หนุ่มน้อยกระโดดขึ้นเตียงนอนของตัวเอง เขากำลังจะปิดโคมไฟที่หัวเตียง พอยูเอื้อมมือไปที่สวิตซ์ไฟตรงหัวเตียง เขาเห็นเทวดาหนุ่มที่กำลังหลับ ทำไมเขาจะต้องเจอเรื่องราวเหลือเชื่อพวกนี้ด้วยน่ะ แล้วมันจะเป็นอย่างไรต่อไป เขาเองก็ไม่อาจรู้ แต่เทวดาหนุ่มคนนี้ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้ อาจจะจริงอย่างที่เขาบอกว่า มนุษย์อย่างยูคงไม่เข้าใจเทวดาอย่างพวกเขาหรอก หนุ่มน้อยนึกในใจว่ามันคงต้องมีเรื่องอะไรที่แปลกกว่านี้ตามมาแน่ๆ แต่เขามั่นใจว่าไมเคิลคงจะคอยดูแลเขา มันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เขาคิดหรอก
เสียงโห่ร้อง และเสียงกรี๊ดของบรรดาสาวๆ ทำให้เสียงเพลงของดนตรีบนเวทีดูเบาไปทันที
ชายหนุ่มถือไมค์พร้อมพูดกับบรรดาแฟนๆของเขาว่า “ขอบคุณทุกคนมากนะครับ แล้วเจอกันใหม่นะครับ” แล้วเขาก็เดินลงจากเวที
เสียงโห่ร้อง และเสียงกรี๊ดยังคงดังกระหึ่มต่อไป
ปอมนั่งพักที่ห้องแต่งตัว เขารู้สึกเหนื่อยกับการต้องโชว์ตัวตามงานๆต่าง ยิ่งช่วงนี้เขาเพิ่งออกอัลบั้มใหม่ บรรดาโปรดิวเซอร์ของเขาก็ยิ่งหางานให้เขามากขึ้นไปอีก
ชายหนุ่มมองตัวเองในกระจก เขารู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีที่เกิดมารูปร่างหน้าตาดี อีกทั้งเขายังมีเสียงที่ร้องเพลงได้ไพเราะ
เขาหยิบเครื่องรางที่แม่ของเขาให้มาตั้งแต่เด็ก มันเป็นกุญแจโบราณที่มีลักษณะคล้ายกางเขน มีตัวอักษรสลักเป็นภาษาละติน ที่แทบจะอ่านไม่ค่อยออกเพราะอายุของเครื่องรางชิ้นนี้มากกว่าทวดของเขาซะอีก
อาจเป็นเพราะเครื่องรางนี้ที่ทำให้เขากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ เครื่องรางที่ทำให้ตระกูลของเขามีแต่โชคลาภ จากคำบอกเล่าที่พูดต่อกันมาของบรรดาญาติๆ และเขาก็เชื่ออย่างนั้น
“กุญแจนั้นสวยจริงนะ”เสียงทุ่มของผู้ชายดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา ปอมสะดุ้ง เขาตกใจมากเพราะไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในห้องนี้ด้วย
เขารีบเก็บเครื่องรางไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น
ชายหนุ่มสวมหมวก ใส่แว่นตากันแดดสีดำ มีผ้าคลุมปกปิดร่างของเขาอยู่
“คุณเขามาได้ยังไง ผมบอกแล้วไงว่าห้ามใครรบกวนเวลาผักผ่อนของผม” ปอมพูดด้วยความโมโห เขากำชับกับผู้จัดการของเขาแล้วว่าห้ามใครมารบกวนเวลาผักผ่อนของเขา แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเขามาในห้องนี้ได้
“ผมแค่อยากมาหาของเฉยๆ” ชายหนุ่มแปลกหน้าพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ของอะไร แล้วมาหาในห้องนี้ทำไม ไปหาที่อื่นซิ” เขาเริ่มโมโห
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงคนเคาะประตูก็มาขัดจังหวะการสนทนาของปอมกับชายหนุ่มแปลกหน้า
ปอมเดินไปเปิดประตู เขาเพิ่งสังเกตว่าประตูถูกล็อคอยู่โดยเขาเองเป็นคนล็อคหลังจากเขามาในห้อง แล้วผู้ชายคนนี้เขามาได้ยังไง
ชายหนุ่มหันไปหาผู้ชายคนนั้น เพื่อถามว่าเขามาในห้องนี้ได้ยังไงในเมื่อมันถูกล็อคจากด้านใน
แต่ปรากฏว่าในห้องว่างเปล่า
ปอมมองไปทั่วห้องก็ไม่พบใคร และไม่เห็นว่าในห้องนั้นจะมีประตูหรือทางเข้าออกทางใดอีก
เสียงเคาะประตูยังคงดังทำให้เขาเปลี่ยนความสนใจมาเปิดประตู
“นี้ๆ ได้เวลาไปที่อื่นต่อแล้ว”ผู้จัดการส่วนตัวพูดกับเขา
“พี่ๆ เมื่อกี้มีใครเข้ามาในห้อง” ปอมถามกับผู้จัดการ
“ไม่มีนี้ ก็ปอมสั่งเองไม่ใช่เหรอห้ามใครเข้า” ผู้จัดการย้อนถาม
ปอมเงียบไปสักครู่ เขาไม่เชื่อว่าคนที่เขาพูดไปด้วยเมื่อกี้จะเป็นวิญญาณหรือว่าผี เพราะผู้ชายคนนั้นดูมีตัวตน
“ไปเถอะเดี๋ยวขึ้นคอนเสิร์ตไม่ทัน”ผู้จัดการเร่งปอม
“เออ ๆ รู้แล้ว” ปอมรีบไปหยิบกระเป๋า เขาล้วงเอากุญแจเครื่องรางมาใส่ในกระเป๋าสะพายของเขา
หากเขาสังเกตกุญแจของเขา เขาจะพบว่าตัวอักษรภาษาละตินบนกุญแจเรืองแสงเป็นคำที่แปลว่า
“หยิ่งจองหอง”
-----จบตอนที่4-----
ความคิดเห็น