ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ภัยย่านรังสิต จากประสปการณ์จริงของคนอื่น
กลของมิจฉาชีพย่านรังสิต
นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าและสามีเมื่อปลายปีที่แล้ว
ค่ำวันหนึ่งข้าพเจ้าและสามีเดินทางไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านรังสิต
และได้จอดรถไว้ที่ลานจอดรถจำได้ว่าได้จอดใกล้ติดกับเสาอาคารโดยที่เรา
ทั้งสองไม่ได้คิดอะไรมากและข้าพเจ้าก็เปลี่ยนรองเท้าแตะผู้หญิงวางไว้ที่ด้านล่าง
ข้างคนขับ ส่วนที่เบาะหลังก็มีสมุดสวยลายดอกไม้น่ารักของลูกวางไว้
หลังเสร็จธุระแล้วเราทั้งสองก็มาขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้านโดยที่ไม่ได้สังเกตอะไร
มาก บังเอิญที่วันนั้นรถติดมาก รถค่อยๆเคลื่อนอย่างช้าๆเพื่อลงจากลานจอดรถซึ่งมี
หลายชั้นเราทั้งสองก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะรถวิ่งช้ามาก ในขณะที่รถวิ่งไปได้ไม่กี่
เมตรและยังอยู่ที่ชั้นเดิม มีชายลึกลับคนหนึ่งโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ผิวคล้ำๆ
ใส่เสื้อแขนยาว ไม่ค่อยจะสะอาดนัก สภาพเหมือนพวกช่างมาเคาะกระจกรถและ
พยายามบอกว่าที่ล้อรถด้านหลังด้านที่ข้าพเจ้านั่งมีสิ่งผิดปกติข้าพเจ้าพยักหน้า
กับเขาแต่ก็ไม่เปิดกระจกไปพูดอะไร และไม่ได้ลงจากรถ
ในใจข้าพเจ้ารู้สึกแปลกๆและหวาดระแวงมากหลังจากที่เขาเห็นข้าพเจ้า
และสามีไม่ได้ทำอะไร เขาก็เดินจากไป ข้าพเจ้ามองจากกระจกด้านข้างสังเกตเห็น
ชายคนนั้นเดินไปหลบ ด้านข้างเสาอาคาร ข้าพเจ้ารีบบอกสามีทันที ส่วนสามีของ
ข้าพเจ้าหน้าเครียดมากเขาสังเกตสถานการณ์ต่างๆจากกระจกมองหลัง
และบอกข้าพเจ้าว่ามีรถกระบะขับตามมามีผู้ชายหลายคนมาก
นั่งอยู่ด้านหลัง และเห็นชายที่มาเคาะกระจกเดินออกมาจากเสาอาคารที่ข้าพเจ้า
บอก กระโดดขึ้นรถกระบะ ตามมาสักระยะหนึ่งแล้วก็หายไป เมื่อมาถึงด้านล่างใกล้ๆ
กับ เจ้าหน้าที่ของห้าง ข้าพเจ้าเปิดประตูรถชะโงกดูล้อหลัง แทบไม่เชื่อสายตาตัว
เองข้าพเจ้าไม่เคยเห็นล้อรถตัวเองแบนราบขนาดนี้มาก่อนเลย
สามีของข้าพเจ้าบอกว่า เราถูกเล่นงานแล้วหล่ะ !
หลังจากนั้นเราค่อยๆ ขับรถออกมาและแวะเข้าปั๊มข้างทางที่ใกล้ที่สุด
ซึ่งเราระวังตัวมากสังเกตคนรอบๆข้างตลอดเวลา เด็กปั๊มถอดยางออกมาตรวจพบว่า
ยางรถถูกตะปูซึ่งมีลักษณะคล้ายน๊อตเจาะลงไป และที่สำคัญคือ
เจาะจากด้านข้างของยาง ไม่ใช่บริเวณหน้ายาง เพราะถ้ารถวิ่งไปเหยียบตะปูมา
ตำแหน่งจะต้องอยู่บริเวณหน้ายาง สามีบอกกับข้าพเจ้าว่า
ถ้าเราลงจากไปรถ เราก็คงตกเป็นเหยื่อของพวกมิจจฉาชีพพวกนี้
ซึ่งก็พอจะเดาได้ว่ามันจะทำอะไรบ้าง และโดยเฉพาะกับผู้หญิง
ที่ไปคนเดียว สัณนิษฐานว่า พวกมันคงคิดว่า
1.รถของข้าพเจ้าน่าจะเป็นรถของผู้หญิงขับ เพราะดูจากสิ่งของต่างๆ
ที่อยู่ในรถ เพราะการล่อลวงเหยื่อที่เป็นผู้หญิงกระทำได้ง่ายกว่า
2.ล้อรถที่โดนตะปูเจาะเป็นล้อด้านที่อยู่ติดกับเสาอาคารเวลาจอดรถซึ่งเป็นจุดอับ
ลับสายตาคนที่ผ่านไปมา คนพวกนี้จึงแอบฝังตะปูลงที่ล้อรถ โดยที่คนอื่นๆไม่
สามารถสังเกตเห็นได้
3.มันจะคอยติดตามเหยื่ออย่างใกล้ชิด จนกว่าผลงานของมันจะปรากฎอย่างชัดเจน
และแสดงตัวเป็นพลเมืองดีบอกเหยื่อ และจัดการตามแผนที่วางไว้ คุณลองคิดดูว่า
ถ้าขับรถไปคนเดียวและยางล้อรถเกิดหมดลมไปแบนบนท้องถนนที่เปลี่ยวๆ
และเป็นเวลากลางคืน มันน่ากลัวมากขนาดไหน
***ดังนั้นเวลาเกิดเรื่องหรือมีสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นตั้งสติไว้ อย่าตื่นเต้น
ค่อยๆคิดที่สำคัญถ้าสถานการณ์ยังไม่ถึงกับรุนแรงมาก ยังพอควบคุมได้ อย่าเปิด
โอกาสให้ใครที่เราไม่รู้จักเข้าถึงตัวเราหรืออย่าเชื่ออะไรเขาง่ายๆมีโทรศัพท์อยู่ควร
โทรหาคนที่เราไว้ใจได้ขอคำปรึกษาว่าควรทำอย่างไร หรือยอมเสียเวลารอความช่วย
เหลือจาก เจ้าหน้าที่หรือคนที่เรารู้จัก น่าจะปลอดภัยกว่า
นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าและสามีเมื่อปลายปีที่แล้ว
ค่ำวันหนึ่งข้าพเจ้าและสามีเดินทางไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านรังสิต
และได้จอดรถไว้ที่ลานจอดรถจำได้ว่าได้จอดใกล้ติดกับเสาอาคารโดยที่เรา
ทั้งสองไม่ได้คิดอะไรมากและข้าพเจ้าก็เปลี่ยนรองเท้าแตะผู้หญิงวางไว้ที่ด้านล่าง
ข้างคนขับ ส่วนที่เบาะหลังก็มีสมุดสวยลายดอกไม้น่ารักของลูกวางไว้
หลังเสร็จธุระแล้วเราทั้งสองก็มาขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้านโดยที่ไม่ได้สังเกตอะไร
มาก บังเอิญที่วันนั้นรถติดมาก รถค่อยๆเคลื่อนอย่างช้าๆเพื่อลงจากลานจอดรถซึ่งมี
หลายชั้นเราทั้งสองก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะรถวิ่งช้ามาก ในขณะที่รถวิ่งไปได้ไม่กี่
เมตรและยังอยู่ที่ชั้นเดิม มีชายลึกลับคนหนึ่งโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ผิวคล้ำๆ
ใส่เสื้อแขนยาว ไม่ค่อยจะสะอาดนัก สภาพเหมือนพวกช่างมาเคาะกระจกรถและ
พยายามบอกว่าที่ล้อรถด้านหลังด้านที่ข้าพเจ้านั่งมีสิ่งผิดปกติข้าพเจ้าพยักหน้า
กับเขาแต่ก็ไม่เปิดกระจกไปพูดอะไร และไม่ได้ลงจากรถ
ในใจข้าพเจ้ารู้สึกแปลกๆและหวาดระแวงมากหลังจากที่เขาเห็นข้าพเจ้า
และสามีไม่ได้ทำอะไร เขาก็เดินจากไป ข้าพเจ้ามองจากกระจกด้านข้างสังเกตเห็น
ชายคนนั้นเดินไปหลบ ด้านข้างเสาอาคาร ข้าพเจ้ารีบบอกสามีทันที ส่วนสามีของ
ข้าพเจ้าหน้าเครียดมากเขาสังเกตสถานการณ์ต่างๆจากกระจกมองหลัง
และบอกข้าพเจ้าว่ามีรถกระบะขับตามมามีผู้ชายหลายคนมาก
นั่งอยู่ด้านหลัง และเห็นชายที่มาเคาะกระจกเดินออกมาจากเสาอาคารที่ข้าพเจ้า
บอก กระโดดขึ้นรถกระบะ ตามมาสักระยะหนึ่งแล้วก็หายไป เมื่อมาถึงด้านล่างใกล้ๆ
กับ เจ้าหน้าที่ของห้าง ข้าพเจ้าเปิดประตูรถชะโงกดูล้อหลัง แทบไม่เชื่อสายตาตัว
เองข้าพเจ้าไม่เคยเห็นล้อรถตัวเองแบนราบขนาดนี้มาก่อนเลย
สามีของข้าพเจ้าบอกว่า เราถูกเล่นงานแล้วหล่ะ !
หลังจากนั้นเราค่อยๆ ขับรถออกมาและแวะเข้าปั๊มข้างทางที่ใกล้ที่สุด
ซึ่งเราระวังตัวมากสังเกตคนรอบๆข้างตลอดเวลา เด็กปั๊มถอดยางออกมาตรวจพบว่า
ยางรถถูกตะปูซึ่งมีลักษณะคล้ายน๊อตเจาะลงไป และที่สำคัญคือ
เจาะจากด้านข้างของยาง ไม่ใช่บริเวณหน้ายาง เพราะถ้ารถวิ่งไปเหยียบตะปูมา
ตำแหน่งจะต้องอยู่บริเวณหน้ายาง สามีบอกกับข้าพเจ้าว่า
ถ้าเราลงจากไปรถ เราก็คงตกเป็นเหยื่อของพวกมิจจฉาชีพพวกนี้
ซึ่งก็พอจะเดาได้ว่ามันจะทำอะไรบ้าง และโดยเฉพาะกับผู้หญิง
ที่ไปคนเดียว สัณนิษฐานว่า พวกมันคงคิดว่า
1.รถของข้าพเจ้าน่าจะเป็นรถของผู้หญิงขับ เพราะดูจากสิ่งของต่างๆ
ที่อยู่ในรถ เพราะการล่อลวงเหยื่อที่เป็นผู้หญิงกระทำได้ง่ายกว่า
2.ล้อรถที่โดนตะปูเจาะเป็นล้อด้านที่อยู่ติดกับเสาอาคารเวลาจอดรถซึ่งเป็นจุดอับ
ลับสายตาคนที่ผ่านไปมา คนพวกนี้จึงแอบฝังตะปูลงที่ล้อรถ โดยที่คนอื่นๆไม่
สามารถสังเกตเห็นได้
3.มันจะคอยติดตามเหยื่ออย่างใกล้ชิด จนกว่าผลงานของมันจะปรากฎอย่างชัดเจน
และแสดงตัวเป็นพลเมืองดีบอกเหยื่อ และจัดการตามแผนที่วางไว้ คุณลองคิดดูว่า
ถ้าขับรถไปคนเดียวและยางล้อรถเกิดหมดลมไปแบนบนท้องถนนที่เปลี่ยวๆ
และเป็นเวลากลางคืน มันน่ากลัวมากขนาดไหน
***ดังนั้นเวลาเกิดเรื่องหรือมีสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นตั้งสติไว้ อย่าตื่นเต้น
ค่อยๆคิดที่สำคัญถ้าสถานการณ์ยังไม่ถึงกับรุนแรงมาก ยังพอควบคุมได้ อย่าเปิด
โอกาสให้ใครที่เราไม่รู้จักเข้าถึงตัวเราหรืออย่าเชื่ออะไรเขาง่ายๆมีโทรศัพท์อยู่ควร
โทรหาคนที่เราไว้ใจได้ขอคำปรึกษาว่าควรทำอย่างไร หรือยอมเสียเวลารอความช่วย
เหลือจาก เจ้าหน้าที่หรือคนที่เรารู้จัก น่าจะปลอดภัยกว่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น