Ryusuke - Ryusuke นิยาย Ryusuke : Dek-D.com - Writer

    Ryusuke

    รักสนุกๆ แต่จบด้วยความเศร้า น้ำตาไหล อยากรูเป็นไง ต้องอ่านจากต้นจนจบ ห้ามพัก เดี๋ยวอารมณ์ไม่ต่อ แฟนบอกมา 555+

    ผู้เข้าชมรวม

    223

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    223

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 พ.ย. 49 / 19:42 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Storywa Hajimaru-เริ่มเรื่อง.

      ในตอนสอบเข้า รร.ตอน ม.4 ถ้าใครเป็นคนที่มีความสามารถในการเรียนดีๆ ก็คงจะพอรู้ว่า รร.ที่เด็ก จะสอบเข้า ม.4 นั้นก็มักจะเป็น รร. อย่าง ต.อ. หรือไม่ก็ ส.ก. บดินฯ ต.อ.พ เป็นต้น และเด็กนักเรียนต่างๆจังหวัดที่เก่งๆ หรือ บ้านมีกะตังค์กัน ก็มักจะเข้ามาเรียน ม.4 ในตัวเมืองหลวงนี่ด้วยเช่นกัน

      ผมก็เป็นหนึ่งในเด็กต่างจังหวัดที่ได้เข้ามาเรียนใน กทม.ตอน ม.4 ด้วยความหวังจะเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูล และก็อยากเรียนใน รร.อันดับ 1 อย่าง ต.อ. เป็นต้น แต่สุดท้ายมก็ได้ไปเรียน ร.ร.อื่นแทนเนื่องจากไม่สามารถสอบได้นั่นเอง (กำลังงงอยู่เหมือนกัน เขาว่าเขารับ 2000 เราติด 1900 กว่าๆ แล้วทำไมไม่ได้ก็ไม่รู้อะดิ) ผมก็ได้ไปเรียนใน รร.เอกชน ชื่อดังแห่งหนึ่งใน กทม.นี่หละเป็น รร.ที่รวมเป็นสหศึกษา

      ในวันที่ผมต้องเข้า รร. เรียนเป็นวันแรก ก็ คือวันปฐมนิเทศ ของ รร. ซึ่งก็จะมีการแนะนำ น.ร.ที่เข้าใหม่ในสังกัด ม.ปลายด้วย ตอนนั้นที่เข้าใหม่ด้วยกันถ้าผมจำไม่ผิดจะประมาณ 6 คนเท่านั้นเอง ก็ยังงงอยู่ แต่ดูๆไปก็ไม่น่าสงสัยว่าทำไมคนเข้าน้อยแต่สงสัยว่าทำไม ผมถึงเข้ามาได้มากกว่า เพราะเด็กที่นี่แทบไม่ออกจาก รร. กันเลย ห้องก็แน่นไปด้วยคนมากมายเต็มไปหมด กว่า 40 คน โอ้โห เบียดมาก ต่อดีกว่านอกเรื่องละ ใน 6 คนนั้นมี ผมคนเดียวเองที่เป็น น.ร.ชาย และสังกัดสาย วิทย์-คณิต แล้วก็มาจาก ต.จ.ว.อีกด้วย

      ในวันไป เรียนวันแรก วันเปิดภาคเรียน ตอนแรกผมก็นึกว่ามันจะเหมือน รร.เก่าเราก็คือเรียนธรรมดา แต่ที่ไหนได้มันแข่งขันกันเองสูงมากไม่ใช่ว่าเพราะอยากเก่งกันอย่างเดียว แต่ดูๆๆแล้วมัน + ความหมั่นไส้เพื่อนๆที่ดีเกินหน้าด้วยมากว่าใน รร.นี่เป็นแบบนี้จริงๆแต่ก็ไม่ทุกคน ผมได้เข้าเรียนสายวิทย์ ห้อง1(4/1)สายวิทย์ส่วนสายอื่นๆก็มีกันเพียบเลย ทั้งศิลป์ญี่ปุ่น ศิลป์ฝรั่งเศษ ศิลป์เยอรมัน ศิลป์คำนวน ฯลฯ

      ห้องเรียนผมเป็นห้องสายวิทย์ที่ถือครองตำแหน่งสูงสุดไว้ด้วย และก็มี น.ร.ที่เรียนได้คะแนนดีที่สุดด้วย(4.00) ส่วนห้องอื่นๆยังตามไม่ทัน อันนี่ที่รู้มาเพราะถามเพื่อนๆเอาถึงได้รู้ว่า อ้อ! ที่แท้เราหลงมาห้องสุดเก่ง!นี่เอง คงต้องทำตัวลำบากหน่อยแล้วเพราะธรรมดาเราไม่ค่อยยอมแพ้ใครเท่าไหร่อะนะ ทำไงได้อะเป็น 1 มานี่นาก็อยากเป็น 1 ต่อไป อิอิ.....

      ผมก็ไปเลือกที่นั่งเรียน ผมเลือกที่นั่งเรียนใกล้ๆกับคนๆหนึ่งที่หน้าตาเขาก็ดี แต่ดูแล้วไม่น่าใช่คนไทยเลย อืม จริงๆด้วย ลูกครึ่งจริงๆ พอเพื่อนๆในห้องเป็นผมวางกระเป๋าลงแค่นั่นแหละ เขามองมากันใหญ่เลย ผมก็งงว่าทำไม จนกระทั่งซักพัก ก็เดินไปถามเพื่อนโต๊ะข้างๆว่าทำไมผมนั่งที่นี่ไม่ได้เหรอ เขาก็บอกว่า

      "นายนี่ไม่รู้อะไรเลยรึ เขาน่ะชื่อ ทิวากร คนๆนี้นะคนที่ได้ที่ 1 ระดับหละ"

      ผมก็งงแล้ว "แล้วไมอะ นั่งไม่ได้รึ" ผมถามกลับ

      "ไม่หรอก จะนั่งก็นั่งไป แต่โดยปรกติแล้วเขาไม่ค่อยชอบกันอะนะ กับพวกเรียนเก่ง" อ้อ...ที่แท้ก็คือ พอเก่งแล้วไม่มีคนคบนี่เอง ผมก็สงสัยอะดิ มันจะเก่งขนาดไหนกันหว่า สงสัยแบบฟ้าประทานเลยมั้ง ก็เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจประกอบกับ หมดเวลา HomeRoom แล้วก็เลยเรียนต่อ แล้วก็จากที่เพื่อนๆเล่ามากก็เลยยังไม่กล้าที่จะพูดกับหมอนี่เลย

      2.Doozo yoroshiku-ยินดีที่ได้รู้จัก.

      พอพักเที่ยง ผมก็ไปทานข้าว ผมเห็นนายทิวากรคนนี้เดินไปทานข้าวกับกลุ่มเพื่อนๆของเขาอีก 2 คน อืม แปลกดี ไหนบอกไม่มีคนคบไง ไหงมีเพื่อนไปทานข้าวด้วยหละ เราดิไม่มีใครชวนไปทานข้าวเลย เออ ช่างเหอะ แต่ผมก็เพิ่งจะสังเกตว่า ทำไม โรงอาหารใช้ร่วมกันทั้ง หญิง ชาย อืม แปลกดี แต่ครูอาจารย์ก็ยังแยกต่างห่างเหมือนกับ รร.เก่า ผมก็ไปหาซื้ออาหารแล้วก็หาเดินซื้อของมาทานไปซักพัก ได้มาแล้ว ยากิโซบะ 1 จาน อ้อ เนาะ อาหารญี่ปุ่นด้วย อิอิ ของชอบเลย.......... ก็เดินหาที่นั่งต่อ ซักพัก ก็เดินวนไปวนมา ยังไม่ได้เลย แบบว่าไม่ค่อยรู้เรื่องอะนะว่าเขาต้องจองที่นั่งกันก่อนด้วย ก็เลยไม่ได้จองเอาไว้ อืมมม เอาตรงไหนดีกว่า เอ๊ะ! นั้นใครกวักมือเรียกเราเอ่ย เดินไปใกล้ๆ อ้อที่แท้ตานี่นี่เอง นายทิวากรที่สุดแทนจะน่ากลัวสำหรับเพื่อนๆ เขาก็เรียกให้เราไปนั่งอยู่กับพวกเขา อืม แปลกจริงๆอะนะ ธรรมดาแน่นมากแต่โต๊ะไอ้หมอนี่ มีแค่ 3 คน (โต๊ะ 1 ตัวจะนั่งได้ 6 คน) ดีๆๆชอบ พอไปนั่ง พวกเขาก็ถามผมก่อนเลยว่า

      "คิดไง ถึงไปนั่งกับไอ้กรมัน"

      ผมหันหน้าไปถามคนถาม ซึ่งหน้าตาก็ดูดีเอามากๆ พอจะเป็นนายแบบสบายๆเลย

      "ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ คนเหมือนกัน อ้อถ้าเขาไม่ใช่คนก็ว่าไปอย่าง"

      ผมตอบพลางม้วนเส้น ยากิโซบะ เข้าปาก (อร่อยมากจริงๆ) ผมสังเกตเห็น กร (นายทิวากร)เขาก็ยิ้มๆ ก็ไม่ได้ว่าไร

      "แล้วนายไม่สงสัยหรอ ทำไมไม่มีใครนั่งใกล้ไอ้กร"

      เพื่อนเขาอีกคนถาม ผมก็หันไปดูหน้าก่อน อืมม ไอ้หมอนี่มันหน้าออก ตี๋ๆๆๆๆจริงๆเลยนะเนี่ย โห....ตี๋สุดๆ

      "ก็พอรู้อะนะ แต่เราคงไม่คิดมากหละ"

      ก็ดีแล้ว ผมมารู้ชื่อเขา 2 คน ก็วันนี่หละ คนแรก ไอ้หนุ่มหล่อ มาดแมน หุ่นนายแบบเขาชื่อ พิเชษฐ์ แล้วก็หนุ่มหน้าตี๋ เขาชื่อ ประภากร แล้วก็เพิ่งจะรู้อะไรดีๆเกี่ยวกับพวกนี่อีกอย่าง ก็คือ นายทิวากรเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น (คุณแม่ไทย-พ่อญี่ปุ่น) เพื่อนเรียก กร แต่ชื่อเล่นนะ ริว (Ryu-Ryusuke) นายพิเชษฐ์ เป็นครึ่งด้วย มิหน้าละหล่อซะบาดใจเลย ไทย-ญี่ปุ่น แบบริวเลย เพื่อนๆเรียกไอ้ เชษฐ์ แต่ชื่อเล่นเขา โชจิ (Shoshi)

      ส่วนนาย ประภากรนี่ ไทย-จีน (ก็แบบเราอะดิ) เพื่อนๆเขาจะเรียก ไอ้ กร เหมือนกัน (เพราะฉะนั้น เวลาคุยกะเพื่อนๆในห้อง เรียก กร ก็จะบอกเสมอว่า กรไหน) แต่ชื่อเล่นเขา เคลวิน(kelvin) เออแปลก ดันแดะไปใช้ชื่อฝรั่งอะนะ(เราก็เหมือนกันชื่อ Bank) อืมม นัมว่าเป็นการเริ่มการคบหาเพื่อนที่ไม่เลวเลย อิอิ ได้เพื่อนเป็นลูกครึ่งๆๆๆๆๆๆเต็มไปหมดเลย (หลังจากนี่ผมขอเรียกพวกเขาตามที่ผมถนัดเลยละกันนะคับ)

      ผมนั่งทาน โซบะ ไปได้ซักครึ่งจาน พวกเขาก็ขอตัวเพื่อไปห้องสมุดกันก่อน (เขามาทานก่อนผมนี่ก็ต้องหมดก่อนอะดิ) ก็เลยไม่รู้จะว่าไง ก็ได้แต่ อืมๆๆๆ รับปากไปแล้ว ริวก็บอกว่า

      "รีบทานแล้วตามมา"

      อืมม เป็นไปได้แหะ โอ้โห เรามานั่งด้วยกว่า 20 นาทีแล้วนะ เพิ่งจะพูดสักคำนะเนี่ย โห.......ดีใจดิ ยอมพูดละ

      "เออๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ผมรับคำเขา แล้วก็ก้มหน้าก้มตา ทานโซบะ อาหารพวกไอ้ยุ่นอันสุดแสนอร่อยไปคนเดียว ซักพัก ก็มี น.ร.หญิง ประมาณ 6 คน เดินเข้ามาหา

      "นี่ๆนายนะ น.ร.ใหม่ที่ย้ายมาจาก เชียงใหม่ใช่ปะ" ผู้หญิงหนึ่งในนั้นถาม

      "อืมมม"ผมตอบพร้อมกับ กลืนโซบะคำใหญ่ลงไป แล้วก็มองหน้าพวกหล่อนๆๆทั้งหลาย

      "นายกล้ามากเลยนะ ที่ไปนั่งกับกลุ่มกลุ่มนี้"

      ผมก็งงอะดิก็เลยถาม "ทำไมหรอ"

      "พวกนี้เป็นเกย์อะดิ ถามได้"

      ผมทำตาโตเลยจริงๆๆหรือถ้างั้นก็ อิอิ (^-^) หวานเลย...ม่าย.....ช่าย......

      "รู้ได้ไง เขาบอกงั้นรึ" ผมย้อนถามเพื่อความ sure

      "ไม่ต้องบอกก็รู้ พวกญี่ปุ่นอะนะมีแต่เกย์ๆๆๆๆทั้งนั้นแหละ" พวกสาวๆๆทั้งหลายตอบเกือบพร้อมๆๆกัน โธ่เอ๋ย เราก็นึกว่าจะจริง แต่ที่ไหนได้แค่คิดกันเองนี่หว่า จ๋อยเลย (แต่จริงๆๆก็เป็นหละนะ แต่แค่คนเดียว อุบไว้ก่อนละกันว่าใคร) หลังจากนั้นพวกหล่อนๆๆทั้งหลายก็หายไป แล้วผมก็นั่ง ทานต่อจนหมด แล้วก็รีบไปห้องเรียน ไม่ไปห้องสมุดเพราะ ดูแล้วมันหมดเวลาพักแล้ว

      ตอนขึ้นไปเรียนภาคบ่าย ผมก็รีบขึ้นห้องไป แล้วก็นั่งรอพวกนั้น สักพัก พวกเขาก็ขึ้นมากัน ริว รีบเดินเข้ามาหา พร้อมกับนั่งข้าง (ก็ที่นั่งเขาอ่ะ จะให้ไปนั่งไหน) ผมเพิ่งสักเกตว่า โชจิ กับ เคลวิน นั่ง โต๊ะข้างหน้าเรานี่หว่า โต๊ะห้องผมจะจัดเป็นคู่ๆ แบ่งออกเป็น 4 คอลัมน์ แล้วก็ 5แถว รวมแล้ว 40 ตัวพอดีเด๊ะ ผมนั่ง คอลัมน์ที่ 2 แถวที่3 กลางๆห้อง จากที่ๆเคยร้างมานานไม่เคยมีใครกล้านั่ง วันนี้ผมได้มานั่งแล้ว ก็มีความรู้สึกแปลกๆเหมือนกัน ริวก็ถามผม

      "ทำไมไม่ตามไป"

      "ก็พอดีทานช้าไง หมดเวลาแล้วก็เลยขึ้นมาเลย" ผมตอบพลางมองหน้าเขา เออ ตานี่ตี่ๆแหะ น่ารักดี คิ้วหนาๆตาตี่ๆ แต่หน้าออกตี่ๆไม่ออกตี๋ๆนะคับ ตี่ๆๆแบบญี่ปุ่น ตลอดทั้งวันจะว่าไปยังไม่ได้เรียนเลยซักกะวิชานึง มีแต่จดจุดมุ่งหมายการเรียนเท่านั้นเอง เออ ก็ดียิ่งขี้เกียจทำอะไรมากๆๆอยู่แล้ว ตอนบ่ายนี้เรียนคณิตศาสตร์ ก็ดีอะนะ อ.ก็ดี ดูท่าแกจะสอนเก่ง อ.แนะนำตัวสักพักก็ให้ น.ร.นั่งคุยกัน เดี๋ยว อ.มา ขอตัวไปทานข้าว อ้อ ยังไม่ได้ทานอะดิ พอดีไปสอนแทนมา เราก็เลยได้นั่งคุยกับพวก ริว

      "กร เราเรียกนายว่าริวได้เปล่า เรียกกรแล้วสับสนง่ายอะนะ" ผมถามเขา

      "แล้วแต่นายชอบยังไงก็ได้" เขาตอบห้วนๆแบบไม่ค่อยสบอารมณ์ แล้วผมก็เรียก 2 คนข้างหน้าให้หันมาคุยด้วย

      "เชษฐ์ งั้นเราเรียกนาย โชจิ Okay ปะนายด้วยเคลวิน" ผมถามทั้ง 2 คน

      "อืมตามใจ" เขาตอบออกมาพร้อมๆกัน ก็ดี อิอิ....เรียกเพื่อนแบบญี่ปุ่น แจ๋วเลยอะนะ "งั้นเราขอแนะนำตัวเราอีกทีนะ เรา นายวชิระ............... นะมาจาก จ.เชียงใหม่ เป็นคนไทย (ไทย-จีนไง) พวกนายก็เรียกเรา Bank ละกัน ยินดีที่ได้รู้จักกับพวกนายทั้ง 3 คน"

      "อืมม Doozo yoroshiku (ยินดีที่ได้รู้จักคับ)" ผมก็พอรู้มาบ้าง ก็ยิ้มให้กับพวกเขา พวกเรา 4 คนก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆGomen Kudasai-ขอรบกวนหน่อยนะคับ

      วันหนึ่งหลังจากเปิดเรียนไปประมาณ 1 เดือน พวกผมก็ได้รายงานมาทำ อาจารย์ที่สอนจะให้แบ่งกลุ่มเป็น 7 กลุ่ม ไม่เกิน 6 คน อืมมม แบ่งๆๆกันแล้วก็ปรากฎว่า ไปแล้ว 36 คน งั้นก็คือเหลือ พวกเรา 4 คนเองดิ ทำไงดีอะ ส่งอาทิตย์หน้า(วันนี้วันศุกร์ ส่งจันทร์) เนี่ย ไอ้รายงานเรื่องการทำสารให้บริสุทธิ์ การจำแนกสาร โห รายงานวิชาเคมีนี่โคตรยากเลย นึกก็มึนแล้ว วันนั้นก็เลยตัดสินใจกันว่าจะไปหาข้อมูลกันตอนเที่ยง แล้วก็เย็นวันนี้จะกลับไปทำที่บ้านริว อืมม ก็ดีแฮะ เราอยู่หอพักมันไม่ค่อยสะดวกหรอก แคบก็แคบ สรุปแล้วก็ต้องไปทำงานบ้านริว แล้วก็พักบ้านริวด้วยเลย เออก็ดีจะได้แบบ HomeVisit ด้วยอิอิ

      ตอนเย็นพอเลิกเรียนแล้วพวกเราก็หอบข้อมูลทำรายงานอันหนักอึ้ง แล้วก็แบกกันขึ้น แท็กซี่ไปบ้านริว ถึงบ้านแล้วริวก็จ่ายตังค์ เออ สปอร์ตดี แล้วก็พากันเข้าบ้าน

      "Tadaima(กลับมาแล้วคับ)" ริวพูดเสียงดังหน้าบ้าน แล้วก็มีคนมาเปิดประตู คุณแม่ริวนี่เอง เราก็สวัสดีอย่างคนไทย แต่ โชจิกลับบอกว่า

      "Gomen Kudasai (ขอรบกวนหน่อยนะคับ)" เราก็เลยพูดบ้างดิ "Gomen Kudasai" เคลวินก็แบบเดียวกัน คุณแม่เขาก็หัวเราะเบาๆแล้วก็บอกว่า "Okaerinasai (กลับมาแล้วหรอ)" แล้วก็บอก "เชิญเข้ามาเลยคะไม่ต้องเกรงใจนะคะ ริวโทรมาบอกแม่แล้วหละ ลูกว่าลูกๆจะมาทำรายงานกันนะคะ"

      เราก็งง ริวไปโทรตอนไหนหว่า ก็เดินตามพวกเขาเข้าบ้านไป

      "แบงคุง (Bankun ริวเรียกเราแบบนี้ไง) ลูกแล้วจะทานข้าวกันตอนไหนคะลูก" คุณแม่ถามเรา เราก็งงอะดิ ไปรู้จักเราตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ตอบแบบงง

      "ก็แล้วแต่ริวละกันคับ"

      "งั้นก็เดี่ยวทานพร้อม โอโตซัง(คุณพ่อ) ละกัน" ริวบอก

      "ริวจะทานพร้อมคุณพ่อใช่ไหม อืมม แม่ก็ว่าดีนะ ลูกจะได้แนะนำลูกแบงค์ให้คุณพ่อรู้จักด้วย"

      "คับ" เราตอบพร้อมหัวเราะเบา คุณแม่ยิ้มแล้วก็เดินเข้าครัวไป เออแปลกดีเนอะ พูดแบบนี้ กิ๋บเก๋ ดีอะ ไทย ปน ญี่ปุ่น อิอิ เอาบ้างดิ........(^-^)

      แล้วพวกเราก็พากันขึ้นไปบนห้องของริว เพื่อทำงาน พอเปิดประตูเข้าไป โอ้โห ห้องโคตรหรูเลย มี Com อยู่ 2 เครื่อง Scanner Printer Stereo TV21" VDO DVD JVC ทั้งเซตเลยด้วย หู........ห้องเราแทบไม่มีอะไรเลย ห้องมันเล็กไง ยัดไปมากๆๆไม่ได้อะนะ ทำใจ พวกเราก็นั่งเปิดคอมพ์กันเลย ก็มานั่งตกลงกันใครจะพิมพ์ ผมกับ โชจิ พิมพ์เร็วก็ได้พิมพ์ ส่วน ริวกับ เคลวิน ก็นั่งจัดเอกสารมาให้เราพิมพ์ ริวขนงานมาเป็นกะตัก เลย โอ้โห นั่งพิมพ์ไป ใส่รูป ใส่อะไรอีกมะรุมมะตุ้มเต็มไปหมด ตกแต่งภาพด้วย ออย...ทำไมทำรายงานมันต้องเริ่ดด้วย ไม่เข้าใจเลย ออกมายังกับหนังสือ ละเอียดยิบเลย

      พอทำกันไปได้สักพัก (ผมว่าแป๊บเดียวเองนะ แต่ไมจากบ่าย 3ครึ่ง ถึงกลายเป็น 1ทุ่มครึ่งไปแล้ว) คุณแม่ก็เรียกไปทานข้าว ริวก็พาพวกเราไปหาคุณพ่อเขา อืมมม คุณพ่อเขาก็ใจดีอะนะ ยิ้มดี พูดไทยชัดด้วย อ้อ แจ๋วอีกแย้ว มีคนสอนภาษาญี่ปุ่นแล้วไง อิอิ ก็นั่งทานอาหารกัน ผมก็ได้รู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นหลายๆอย่างเลย แต่คนอื่นๆเขาชินกันหมดแล้วอะ ช่วยไม่ได้ ก็เราเพิ่งเคยมาอะเนอะ

      พอทานกันเสร็จก็พากันไปทำงานต่อ ผมนึกว่างานจะเสร็จแล้วแต่ริวกลับบอกว่า เดียวจะไปหาเพิ่มจาก Net โอ้โห พ่อคุณจะทำขายเลยรึเปล่าเนี่ย แต่สุดท้ายก็ยอมคับ ก็เลยนั่งทำกันไปได้ประมาณ เที่ยงคืนก็นอนกัน โดยคุณพ่อริวให้พวกเราไปนอนห้องพักสำหรับแขกที่มาเยี่ยมบ้าน เออ ห้องพักมันไม่พออะนะ เพราะมีห้องเดียวแล้วก็เตียงคู่ด้วย นอน 3 คนไม่ได้ ริวก็เลยเรียกเราไปนอนกะเค้าที่ห้อง เออ ดี อิอิ จะนั่งฟัง Stereo ให้สบายเลย

      ในห้องริวจะหาเพลงไทยก็ยากมีแต่ J-pop แบบนี่ดิ ชอบเลย MorningMusume , V6 , Arashi , Lunasea อีกเพียบเลย เราก็บ้าดารานักร้อง ญี่ปุ่นพอควร สวรรค์ทรงโปรดเลย

      "รีบๆนอนได้แล้ว มัวแต่นั่งฟังเพลง" ริวว่า

      "ก็ไม่ค่อยมีตังค์ซื้ออะ แพง J-pop เราชอบฟังนี่นา" (จริงๆแล้วมีกะตังค์อะนะ แต่ไม่ค่อยอยากใช้ต้องประหยัดไว้)

      "เปิดไว้แล้วก็มานอนซะ ตั้งเวลาไว้สิ" ริวบอก

      "เออ ได้งั้นก็ได้" ผมก็เลยตั้งเวลา แล้วก็มานอนกะริว กะริวจริงๆเพราะเตียงริวเป็นเตียงคู่ (เตียงนอน 2 คน ไม่เหมือนห้องพักเป็นเตียงเดี่ยว 2 ตัว) ปิดไฟแล้วก็ถึงได้สักเกต เพดานห้องริวว่ามันมีดาวติดเต็มไปหมดเลย พวกดาวเรืองแสง เพียบเลย

      "สวยไหม" ริวเขาถาม

      "อืมมม สวยมากเลย" ผมตอบไป

      "แบงคุง นายรู้ไหมว่าดาวนี่เราติดตามอะไร"

      "ทำไมจะไม่รู้ ดูก็ออกแล้ว แผนที่ดาวไง" ผมตอบง่ายๆเพราะรู้เรื่องดาราศาสตร์มาดีพอควร

      "ลองดู แถวๆดาวไถสิ" เขาบอก

      "อืมทำไมหรอ" ผมถามพร้อมกับหันไปดู แล้วก็งงกับกลุ่มดาวใกล้ใกล้ๆ "นั่นมันกลุ่มดาวคนคู่ (Gemini) ไม่ใช่หรอ แต่ธรรมดาจะมี 8 ดวงนี่ ทำไมมันเหลือแค่ครึ่งเดียว" ผมถาม

      เขาก็หัวเราะ พร้อมกับพูดบอกว่า "นายเห็นด้วยหรอ อืมม สังเกตดีนะ เก่งจัง"

      เขาบอกแล้วเขาก็บอกให้เรานอนได้แล้ว ไม่ต้องสนใจมากนักหรอก ผมก็คิดว่ามันก็คงจะหลุดไม่ก็อะไรซักอย่างนี่หละ ช่างมันเหอะ บรรยากาศสบายที่สุดเลย นอนในห้องนอน หรูๆ ข้างๆเพื่อนที่หล่อๆ แอร์เย็นๆ นอนใต้แสงดาว (ปลอม) พร้อมกับฟัง J-pop หลับสบายที่สุดเลยAnata o Aishimasu - ผมรักคุณ

      เช้าตื่นขึ้นมา เพราะแสงส่องจากหน้าต่างเข้ามาในห้องโดนเตียงพอดี ก็เลยตื่นมา นี่มัน 7 โมงแล้วนี่นา อืมม หันไปหา ริว เขายังไม่ตื่นเลย เราก็เลยจ้องหน้าเขา อืมม คนอะไรนะน่ารักดี แต่โชจิ หล่อกว่าจริงๆ แล้วเขาก็ลืมตาขึ้นมาเราก็ตกใจดิ กำลังจ้องหน้าเขาเลย ก็เลยหน้าแดงนิดหน่อยแล้วก็ลุกไปห้องน้ำตอนกำลังจะออกจากห้องได้ยินเสียงเขาหัวเราะด้วย

      หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วใส่เสื้อผ้า(ห้องริวมีห้องน้ำในตัว) เปลี่ยนชุดในห้องน้ำหละ(อายเป็นนะ) ใส่ชุดริวน่ะแหละ ก็ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเลยนี่นา ผมตัวเล็กกว่าริวพอควรเลยใส่เสื้อเขาไปนี่หลวมเลย แล้วก็ออกมาจากห้องน้ำ เขาก็มองหน้าผมแปลกๆแล้วก็ทำหน้างง ผมก็จ้องหน้าเขา แล้วก็ถามว่าทำไม มีไรหรอ เขาก็หัวเราะเบาๆแล้วก็เข้าห้องน้ำไป เออ แปลกคน

      ตอนเขาออกมานี่ เล่นเอาผมตกใจมากเลย เขาแก้ผ้าออกมาเลยเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางห้องเลย เห็นหมดทุกส่วนเลย จนเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาก็มานั่งข้างๆผมแล้วก็บอกว่า "เดี่ยว ทานข้าวเช้าก่อนนะ แล้วงานค่อยทำต่อ" ผมก็พยักหน้ารับคำ แล้ว 2 คนนั้นก็มาเคาะประตูห้อง เขาก็ตื่นกันแล้ว มาเพื่อเอาชุดเสื้อผ้า แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำกัน

      กว่าพวกเราจะทำกิจวัตรตอนเช้าเสร็จก็ปาเข้าไป 8 โมงแล้ว คุณแม่ก็เรียกพวกเราลงไปทานอาหารเช้ากัน ก็อาหารแบบญี่ปุ่นเลยหละ อร่อยมากๆ สงสัยที่เป็นอาหารญี่ปุ่น เพราะผมพูดกับคุณแม่ริวว่า ชอบมาก ท่านก็เลยทำให้ทาน หวานอีกแล้วของชอบเนี่ย อะไรก็ดีไปหมด ผมทานกันจนอิ่มก่อนคนอื่นๆเขาเลย แบบรีบทานมากๆ(ตะกละ เห็นของอร่อย) จนคนอื่นๆเขายังไปไม่ถึงไหนเลย ก็เลยขอตัวขึ้นมาพิมพ์งานก่อนเพราะงานยังค้างอีกมาก

      ผมขึ้นมาทำงานได้สักพัก ริว ก็ขึ้นมาช่วยทำงานต่อ งานผมค่อนข้างไปได้เร็วกว่าพวก โชจิ กับเคลวิน เพราะผมพิมพ์เร็วกว่าโชจิ ส่วนของพวกผมก็ใกล้เสร็จแล้วด้วย (ขยันจัดไง)

      "อาหารอร่อยไหม" ริวถามขึ้นมาทำลายความเงียบ

      "อืมม อร่อยมากเลย เราชอบอาหารญี่ปุ่นไง ชอบทานมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว" ผมตอบตามมารยาทแต่จริงๆก็อร่อยมากนะ

      "ไว้ทีหลังก็มาค้างบ่อยๆสิจะให้ โอกาซัง (คุณแม่) ทำไห้อีก" ริวตอบพลางยิ้ม

      "อืมม" ผมตอบง่ายๆเพราะสมาธิอยู่กับงานนะ ทำไปซักพัก ก็นึกเรื่องเมื่อเช้าขึ้นมาได้ ก็หัวเราะออกมาเบาๆเขาก็ถามว่าหัวเราะอะไร

      "ก็ริวอะดิ เมื่อเช้าอยู่ดีๆก็แก้ผ้าออกมา ไม่อายรึ" ผมถามเขา

      "จะไปอายทำไม คนญี่ปุ่นน่ะไม่ถือเรื่องแบบนี้หรอก" เขาตอบลอยๆ

      "แต่เราเป็นคนไทยนะ คนไทยค้องข้างถือ" ผมบอกเขา

      "งั้นคราวหน้าจะระวัง" เขาตอบแบบง่ายๆ ก็ดีนะได้รู้รู้จักนิสัยคนญี่ปุ่นเพิ่มอีกละ ดีๆไว้ไปเรียนต่อ อิอิ

      แล้ว 2 คนนั้นก็เข้ามาทำงานของเขาต่อเช่นกัน เรา 4 คนนั่งทำงานกันไปซักพักก็มีคนพูดทำลายความเงียบ

      "เสร็จสักที...บันไซ" ริวพูดออกมาเสียงดัง

      "

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×