ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 '(markbam|jackjae) unfortunately. 』

    ลำดับตอนที่ #1 : (u n f o r t u n a t e l y) ; introduction. 100pc

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 114
      0
      6 ก.พ. 58

    - i n t r o d u c t i o n -

     

                ท้องฟ้าที่ดำทะมึน ราวกับว่ามีใครบางคนเอาสีดำไปแต้มเอาไว้ตรงนั้น ร่างของชายวัยรุ่นค่อยๆกระเด็นออกจากรถของตัวเองช้าๆ ราวกับภาพสโลในหนังแอ็คชั่น


                "ได้โปรด " เสียงที่เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ตาของเขาจะค่อยๆปิดลงรางกับมีใครเอามือมาปิดไว้

                "ไหนๆนายก็จะตายแล้ว ก็ตายๆไปเถอะ" คนที่ยืนดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดกระตุกยิ้มขึ้นมานิดหน่อย ก่อนจะเอาเท้าไปเขี่ย

     

     

                ร่างที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังมีลมหายใจหรือเปล่า

                "ขอให้นรกเปิดรอนายนะ" เพียงแค่นั้นเขาก็ทิ้งกระดาษหนึ่งใบไว้ ก่อนจะเดินออกมาทันที

    .

    .

    .

    .

                เขาว่ากันว่าเรื่องของวิญญาณเป็นเรื่องที่เหมือนกับเรื่องตลก ที่ถึงแม้ว่าเราจะวิ่งไปเพื่อหามันแค่ไหนก็ไม่เจอมุกฮาๆซักที

                "นาย นาย" เสียงแหบพร่าจากใครบางคนเรียกผมจาก ร่างที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังมีลมหายใจหรือเปล่า

                "ขอให้นรกเปิดรอนายนะ" เพียงแค่นั้นเขาก็ทิ้งกระดาษหนึ่งใบไว้ ก่อนจะเดินออกมาทันที

    .

    .

    .

    .

                เขาว่ากันว่าเรื่องของวิญญาณเป็นเรื่องที่เหมือนกับเรื่องตลก ที่ถึงแม้ว่าเราจะวิ่งไปเพื่อหามันแค่ไหนก็ไม่เจอมุกฮาๆซักที

     

                "นาย นาย" เสียงแหบพร่าจากใครบางคนเรียกผมจาก ด้านหลัง มันจึงทำให้ผมหยุดและหันหน้ากลับไปทันที

                "นายเป็นใคร " ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ แต่ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผมจะไม่ชิน

                " ฉะ ฉันไม่รู้"

                "วิญญาณเร่ร่อน" ผมพูดพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยเป็นเชิงคำถาม แต่คนตรงหน้ากลับทำท่าทีที่งงงวย

      

                "นายหมายถึงอะไร" เขาถามออกมาด้วยใบหน้าและแววตาที่ใส่ซื่อ หมอนี่ยังไม่รู้หรอว่าตัวเองตายไปแล้ว

                "นาย ตาย แล้ว" น้ำเสียงที่เย็นๆแต่เป็นปกติของผมถูกเอ่ยไปอีกครั้ง จนคนที่อยู่ตรงหน้าผมเริ่มตัวสั่นเพราะความกลัว

                "บะ บ้าน่านายอย่าล้อเล่นดิ" เหมือนจะไม่รู้เรื่องจริงๆ สงสัยเพิ่งตายเเน่ๆเลย

                "ฉันพูดจริง หน้าฉันมันเหมือนเพื่อนเล่นนายอย่างนั้นหรอ -..-"


                "เปล่า ฉันแค่ไม่อยากเชื่อ" หมอนั่นตอบออกมาพร้อมกับอาการคอตกเล็กน้อย

                "นายจำได้ไหมว่าเมื่อกี้นายมาจากตรง ไหนผมถามออกไปพร้อมกับใช้สีหน้าที่ไร้อารมณ์อีกตามเคย

                "ตรงนั้น" แล้วหมอนั่นก็ชี้ไปตรงถนน ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยไทยมุง

                "แปปนะพูดจบผมก็รีบเดินตรงไปยังสถานที่ตรงนั้นทันที




          

          

                ซ่า ซ่า

     


     

                ฝนที่ตกลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย บรรยากาศรอบข้างยิ่งแย่หนักกว่าเดิมภาพของชายวัยรุ่นซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าหมอนั่นอยู่เกรดไหน แต่ที่แน่ๆหมอนั่นมันเรียนโรงเรียนเดียวกันกับผม
     

     

    " ทำไม ฮึก ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย !!! "

                เสียงตะโกนที่ร้องออกมา มีเพียงแค่ผม เท่านั้นที่ได้ยิน น้ำตาของเขายังคงไหลไม่ยอมขาดสาย ก่อนจะมีญาติของหมอนั่นวิ่งกรูเข้ามากอดศพแล้วก็พากันร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเจ็บปวด 

     
     

                "อนิจจัง สังขารคนย่อมไม่เที่ยงขอให้วิญญาณนายไปสู่สุคตินะ" ผมพูดพร้อมกับเเสยะยิ้มอันเยือกเย็นออกมา ก่อนจะชะงักเมื่อเจอกับบุคคลที่เรียกได้ว่าจิตไม่ปกติอะไรต่างไปจากผม

                "ไงไอ้หนู มาช่วยหมอนั่นอย่างนั้นหรอ" ร่างสูงในมุมมืดพูดพร้อมเเสยะอย่างยะเยือก ก่อนจะใช้หางตามองไปยังศพของหมอนั่นอีกรอบ ผมหันไปตามที่เขาไปทันที ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นกระดาษหนึ่งใบทิ้งไว้ข้างศพเขา

       


                "พีธีสาปแช่งอย่างนั้นหรอ" ผมพูดพร้อมกับชักสีหน้ากลับคืนมา ก่อนจะกระตุกยิ้มออกมาราวกับคนบ้า แล้วหัวเราะออกมาอย่างสะใจอยู่คนเดียว

      
     

                -/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-

     
     

                ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆที่ตั้งเค้ากลายๆคล้ายว่าฝนจะตก ยิ่งทำให้ร่างเล็กต้องรีบสาวฝีเท้า ก่อนที่เนื้อตัวจะเปียกปอนไปเพราะสายฝน มือเรียวหอบเอกสารและหนังสือเรียนไว้แน่น

                แม้ทางที่ตนจะต้องผ่านนั้นดูมืดและเปลี่ยวเพียงใด แต่ร่างเล็กก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด เนื่องจากเส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดียวที่จะเข้าบ้านของตัวเขา

     

                สวบ!

     

     

                ร่างเล็กยืนนิ่ง สะดุ้งไปน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงสวบสาบจากที่รกร้างคล้ายป่าข้างทาง ใบหน้ากลมเหลือบหันไปมองอย่างหวั่นใจ ขาเรียวก้าวไปยังต้นของเสียงอย่างเชื่องช้า หากแต่ยังก้าวไปไม่ได้ไกลจากนั้นเท่าไหร่

     

                “มาทำอะไรแถวนี้” เสียงทุ้มเย็นเยียบดังขึ้นจากข้างหลัง แบมแบม สะดุ้งจนตัวโยน หันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงอย่างเผลอตัว ร่างเล็กพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงทุ้มคือ หนุ่มร่างสูงหน้าตาคมคาย ที่ดูเผินๆก็พอดูออกว่าเป็นรุ่นพี่ของเขาแน่นอน

     

     

                “อ เอ่อ ผม.. ผมแค่กลับบ้านครับ”

                “อย่างนั้นหรอ...” กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงยานคาง ก่อนที่ร่างสูงจะสอดมือทั้งสองข้างลงในกระเป๋ากางเกง ใบหน้าหล่อคมก้มลงน้อยๆราวกับซ่อนหัวเราะไว้ เพียงไม่นาน ร่างสูงของหนุ่มที่น่าจะเป็นรุ่นพี่ก็เดินลิ่วออกไปจากบริเวณนี้ด้วยท่าทีสบายๆ ทิ้งให้คนร่างเล็กได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไป

     


     

                ครืนน

     

     

                ฟ้าร้องคำรามเตือนร่างเล็กเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปลายหยาดฝนลงมา

     

     

                ซ่า!

     
     

                หยาดฝนเม็ดแรกที่ตกกระทบใบหน้าเล็ก มาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของชาวบ้านในละแวกนั้น

               

     

     

                “กรี้ดดดดด”

     
     

                เกิดอะไรขึ้น? ร่างเล็กเอ่ยถามตัวเอง ขาเรียวทั้งสองพาตัวเองเคลื่อนมายังจุดเกิดเหตุ ที่เริ่มมีผู้คนมุงดูกันมากมายท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ

     

     

                “โทรเรียกรถพยาบาลมา!

                “พาตัวออกมาจากเชิงผาก่อนสิ!

                “อย่าแตะต้องเขา กระดูกเขาอาจจะหักก็ได้”

     

     

                เสียงโหวกเหวกที่ดังแข่งกับสายฝน พร้อมกับผู้คนที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น แบมแบมยกมือที่เปียกโชกด้วยน้ำฝนของตัวเองปิดปากเบาๆ เมื่อเห็นร่างขาวซีดของเด็กหนุ่มชุดนักเรียนที่เสื้อนักเรียนสีขาวสะอาดนั้นโชกไปด้วยเลือด 

     

                แบมแบมกำชายเสื้อนักเรียนไว้แน่น!

     
     

                เขาไม่ควรสนใจเรื่องอื่นนอกจากนี้ เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายคนนั้นอาจจะปลอดภัยเพราะมีคนช่วยเหลือเอาไว้ทัน ..สิ่งที่เด็กหนุ่มวัย17 ปีอย่างแบมแบมควรทำในตอนนี้คือ รีบกลับบ้านไปเสีย แล้วอย่าสนใจอะไรอีก

     
     

                สองเท้าเล็กพาตัวเองหนีออกมาจากเหตุการณ์น่าสะเทือนใจ เขาจะไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น เมื่อเลือกหันหลังให้แก่เหล่าผู้คนที่ชุลมุนอยู่กับเด็กหนุ่มที่อาการสาหัส สองเท้าก็พาร่างของแบมแบมให้เดินออกมาท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ อย่างมั่นคงทุกฝีก้าว..


      

                จนกระทั่ง..

     

     

                “เขาไม่หายใจแล้ว!

     

                เสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้ระงมดังแข่งกับสายฝน ร่างเล็กยืนตัวนิ่งค้างพลางค่อยๆหันหลังกลับไปดู ภาพที่ชวนสะเทือนใจ หญิงสาววัยกลางคนนั่งกอดร่างซีดขาวของเด็กหนุ่มคนดังกล่าวในสายฝนทั้งน้ำตา ความเจ็บปวดที่ยากแก่การบอกกล่าวของหญิงสาวคนดังกล่าว ทำให้แบมแบมพอจะมองออกว่าเธอคงเป็นแม่ของเด็กหนุ่มคนนั้น

     


     

                “ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องสนใจนะแบมแบม” กล่าวเตือนตัวเองเบาๆ พร้อมทั้งบังคับตัวเองให้เลิกสนใจโศกนาฏกรรมตรงหน้านี้เสีย แบมแบมแข็งใจก้าวเดินต่อไป ฝ่าผู้คนที่ยังคงมุงมาดูเป็นระยะ

     

                “พิธีสาปแช่งอย่างนั้นหรอ” ไม่ใช่เพียงพูดเปล่า แต่หนุ่มร่างบางที่แบมแบมเดินผ่านยังคงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเพียงลำพัง แบมแบมชักสีหน้าน้อยๆ และพยายามเดินเลี่ยงหนุ่มร่างบางคนดังกล่าว

     


     

                เป็นระยะทางที่ยาวพอสมควร จำนวนผู้คนก็ลดน้อยลงจนมันแทบจะเปล่าเปลี่ยวเหมือนเดิมอีกครั้ง ถึงกระนั้น สายฝนก็ยังทำหน้าที่ของมันได้ดี มันยังคงตกกระหน่ำเป็นเพื่อนร่วมทางให้แบมแบมตลอดทาง

     
     

                อีกไม่ไกลเท่าไหร่ เขาก็จะถึงบ้านเสียที

     

     

                ตึก ตึก ตึก ตึก

     

                จังหวะฝีเท้าที่ตามหลังมาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ร่างเล็กต้องเร่งฝีเท้าให้มากขึ้นกว่าเดิม

     

                อีกนิดเดียวจะถึงบ้านแล้วแบมแบม แข็งใจเดินต่ออีกหน่อยนะ

     


     

                ตึก ตึก ตึก ตึก

     

                ฝีเท้าที่ตามหลังเขามาเร่งจังหวะการเดินให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้ติดตามเขาให้ทัน คิดได้ดังนั้น ร่างเล็กจึงออกแรงวิ่งทันที โดยไม่คำนึงว่าสิ่งที่ตามมานั้นคืออะไร

                ท้องฟ้ามืดและฝนตกหนักขนาดนี้ จะมีใครเดินตามตัวเขามาอีก?

     

     

                “ตามเด็กทำไมวะ!

                พลั่ก!

                เสียงปะทะกันที่เกิดขึ้นข้างหลัง ไม่ได้ทำให้ความคิดของแบมแบมที่ว่าอยากกลับถึงบ้านเร็วๆเปลี่ยนไปแต่อย่างใด ตรงกันข้ามคนตัวเล็กแทบอยากกลับให้ถึงบ้านให้เร็วกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

     


     

                ไม่ว่าใครก็ตามที่กำลังปะทะกันทำให้คนที่ตามแบมแบมมาไม่สามารถตามมาถึงบ้านได้ คนร่างเล็กก็จะขอขอบคุณเอาไว้ล่วงหน้า และถ้ามีโอกาสก็จะขอบคุณอีกครั้ง

     

                ร่างเล็กของแบมแบมเดินห่างจากเดิมได้ระยะทางพอสมควร เสียงการปะทะกันในสายฝนจึงค่อนข้างแผ่วลง มีเพียงประโยคเดียวที่คนตัวเล็กได้ยินมันขณะที่กำลังจะเดินถึงบ้านก็คือ เสียงตะโกนทุ้มแหบของใครสักคนที่ดังมาว่า

     


     

                “จะเอาคืนกูหรอ! กูชื่อมาร์ค!! มีปัญญาเอาคืนก็ตามมานะไอ้โรคจิต!!! อย่าให้กูรู้ว่ามึงตามเด็กคนนั้นอีก เข้าใจไหม!!

     




     

                เมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไปแล้ว ร่างเล็กของแบมแบมจึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งจัด

                ...รอดไปได้อีกวันหนึ่ง...

     

     

                ดวงตากลมมองสภาพบ้านที่เก่าทรุดโทรมของตนแล้วพ่นลมหายใจอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน บางส่วนของตัวบ้านที่หมดอายุสภาพการใช้งานและผุกร่อนไปตามกาลเวลา

     

     

                “แค่เรียนให้จบไวๆ แล้วเราจะได้ไปจากที่นี้”

     

     

    ----------------------------------
    100 pc 

    อินโทรมาเจิมก่อนห้าสิบเปอร์เซ็นค่ะ อีกห้าสิบเปอร์จะตามมาเร็วๆนี้ค่ะ -..-

    #Ma'princez

    พามาครบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นกับมาร์คแบมค่ะ 555 ไม่รู้ว่าจะมีคนคุ้นกับชื่อ เอ๋อมึนฮาไหม 555 
    ขอชี้แจงเรื่องแท็กนิดหนึ่งนะค่ะ ว่าแท็กฟิคเรามีสองแท็ก คือ #ยองแจซิกเซ้นส์ กับ #แบมเจอโรคจิต เพราะฟิคเรามี สองพาร์ทค่ะ และเนื้อเรื่องค่อนข้างจะไปคนละแนว(?) โดยใช้ตัวละครเดียวกันดำเนินเรื่องค่ะ

    #' เอ๋อมึนฮา


     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×