ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Believe and confidencE

    ลำดับตอนที่ #2 : ขอทาน

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 49




    กลิ่นของขนมปังโชยมาใกล้ขึ้น  หญิงสาวหันไปมอง ใบหน้าชายหนุ่มแล้วยิ้ม 

    นี่แหละค่ะ

    ขอบคุณครับ     จำไว้นะครับ   การเชื่อไม่จำเป็นต้องเห็นเสมอไปเขาจับมือของหญิงสาวยกขึ้นมา   แล้วมองตาของเธอ

    เธอพยักหน้า  แล้วยิ้มที่มุมปาก

    เธอเดินกลับบ้าน  พร้อมกับจิตใจที่เป็นสุข   เมื่อหญิงสาวเดินผ่านโบสถ์  เธอรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างประหลาด  เอ็คเนตเดินเข้าไปในโบสถ์เหมือนกับเพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก

    แสงเทียน สว่าง  ในที่นี้ไร้สรรพเสียงใดๆ นอกจากการสวดมนต์ของบาทหลวงและเสียงงึมงำขอพรของบุคคลต่างๆ  รวมทั้งแอ็ทเนสด้วย

    หญิงสาวเดินเข้าไป  ใกล้เพื่อนร่วมงาน 

    อ้าว   เธอมาที่นี่ด้วยรึเธอยิ้ม

    ใช่ค่ะ

    มาทำไม   เธอไม่เชื่อไม่ใช่หรอ

    ใช่ค่ะหญิงสาวโบกมือลาแล้วเดินออกจากโบสถ์ไป

    หญิงสาวยกมือเกาหัวด้วยความงง 

    อากาศหนาวแต่ไร้สิ้นสัญญาณแห่งหิมะที่ไม่มีที่ท่าว่าจะตกเลย

    ไอความเย็นที่หญิงสาวพ่นออกมาจางหายไปกับอากาศ  ทันใด  หญิงสาวก็รู้สึกว่า  มีคนมองเธออยู่  เมื่อหญิงสาวหันไปมอง  กลับไม่มีใครนอกจากหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังต่อรองาคารองเท้าและขอทานที่ชอบมาโวยวายเกี่ยวกับพระเจ้า    และตอนนี้ เขากำลังมองเธออยู่ 

    หญิงสาว รู้สึกกลัวเพราะเขา  มองเธออย่างสนใจ  แล้วเขาก็เดินตามเธอมา   เอ็คเนต พยายามเดินหนี  ด้วยความรวดเร็ว   แต่ชายขอทานก็ยังจ้องเธออยู่ไม่วางตา

    หญิงสาวรู้สึกแปลกๆว่า  ทำไมถึงเป็นอย่างนี้  เอ็คเนต  วิ่งเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตู  หญิงสาวมองออกไปทางหน้าต่างบนบ้าน  ชายคนนั้นก็นั่ง อยู่ที่เก้าอี้ไม้ที่หันหน้ามาทางบ้านของเธอ  ชายคนนั้นหันหน้ามามองเธอ  แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

    คืนนั้นหญิงสาวนอนกระสับกระส่าย   เธอพยายามจะหลับ   แต่เมื่อหญิงสาวตื่นขึ้น  เธอก็มานึกทบทวน  ว่าทำไมชายคนนั้น  ถึงตามตัวของเธอ  ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย  แต่แล้วหญิงสาวก็ได้รับคำตอบว่าสิ่งที่เธอพบไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกแล้ว  เพราะว่าขอทานคนนั้นมองเธอไม่วางตา   แต่ว่า...

    เขาตาบอด

     

    เช้าวันต่อมา  หญิงสาว ไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะหวาดกลัวเกินกว่าจะหลับตาลงไปได้  เอ็คเนตมองออกไปนอกบ้าน  เขาไม่อยู่แล้ว  เก้าอี้สีขาวว่างอยู่

    เฮ้อ...เธอถอนหายใจเบาแล้วเดินลงไปชั้นล่าง

    หญิงสาวเดินมาที่ประตู  เธอมองไปที่เก้าอี้ตัวนั้น ให้มั่นใจว่าไม่มีขอทานคนนั้นนั่งอยู่

    เอ็คเนตเดินออกมาจากบ้าน    แล้วไปที่บ้านของลุงเอ็ด    หญิงสาวเคาะประตูอยู่ครู่หนึ่ง  ประตูสีขาวก็เปิดออก  เท็บนั่นเอง ที่เป็นคนต้อนรับเธอ    ชายหนุ่มยิ้ม แล้วหลีกตัวให้หญิงสาวเข้าไป

    ในนี้ไม่มีอะไรต่างกว่าแต่ก่อน  เธอจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เธอเข้ามาที่นี่  คือเมื่อไหร่   แต่มันไม่เคยต่างไปจากเดิมเลย   รูปของชายหนุ่มคนหนึ่ง  ที่อุ้มเด็กชายคนหนึ่งไว้ด้วยแขนทั้งสอง  รูปภาพเละๆที่วาดโดยเด็กคนหนึ่ง  และเธอก็จำได้  ว่ารูปนั้น คือรูปที่เธอวาดให้ลุงเอ็ดเป็นรูปแรก  ตอนที่เธออยู่ ป.4  หลังจากที่แม่เธอตายไม่นาน  ลุงเอ็ดคือที่ที่พึ่งสุดท้ายของเธอ  โดยที่เขาไม่ต้องการอะไรตอบแทนเลย  เพียงแต่ขอให้หญิงสาวเป็นคนดีเท่านั้น  เธอไม่เคยเชื่อในพระเจ้าว่าทำดีแล้วจะได้ดี  แต่เธอกลับทำตามคำที่ลุงเอ็ดสั่งสอนทุกคำพูด  ซึ่งเธอก็รัก ลุกเอ็ดเหมือนพ่อคนหนึ่ง  ถึงพ่อคนนี้  จะไม่ใช่ พ่อที่แท้จริง  แต่ลุงเอ็ดคือพระเจ้าของเธอ  ตลอดไป...

    เอ่อ...  ลุงเอ็ดอยู่ไหมคะ

    พ่อ!  พ่อครับ!  เจ้าหนูน้อยของพ่อมาแน่ะชายหนุ่มตะโกนในท่าแหงนหน้า 

    เสียงตึงตังดังอยู่ข้างบนบ้าน  ซักพัก ลุงเอ็ดก็  เดินลงมาที่บันได  ในชุดซานตาคลอส  สีแดงเหมือนกุ้งตัวใหญ่

    สวัสดีจ้ะ  แม่ปีศาจตัวร้ายของลุง   เธอมีอะไรหรอจ้ะลุงเอ็ดทักด้วยเสียงรื่นเริง

    เอ่อ...  ขอคุยกับลุงตามลำพังได้ไหมคะ 

    มาที่ห้องนั่งเล่นกับลุง

    ห้องนั่งเล่น   ในสมัยก่อน  หญิงสาวเคยเห็นมันถูกตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาล  เพราะเธอเป็นคนที่ชอบสีน้ำตาลมาก    แต่ตอนนี้มันเป็นสีเขียวแก่  เหลือเพียงโซฟาเท่านั้น  ที่มีสีน้ำตาล  กลิ่น ธูปและกำยานอบอวลอยู่ในนี้   

    มีอะไรหรอลุงเอ็ดมีสีหน้าซีเรียส

    มีคนตามหนูมา   แต่หนูไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร   เอ่อ.. ใช่หนูรู้  เขาเป็นขอทานที่ตาบอด  แต่เมื่อวาน  หลังจากที่หนูออกมาจากโบสถ์  หนูเห็นเขา  เดินตามหนูมา  แล้วเขามองหนู  หนูวิ่งเข้าบ้าน  เขานั่งอยู่ที่หน้าบ้านของหนู ตรงเก้าอี้ที่สวน  แล้วเก้าอี้นั้น  มันหันหน้ามาทางบ้านของหนู  หนูแอบมองเขาทางหน้าต่างบนบ้าน  แล้วเขาก็ยิ้มให้หนู  หนูสาบานได้  ว่าเขามองหนูทั้งๆที่เขาตาบอด    หนูไม่รู้ว่าทำไมหรือเพราะอะไร แต่เขาตามหนูมาเหมือนคนโรคจิตหญิงสาวร้องไห้โฮ  พร้อมกับโผเข้ากอด พ่อบุญธรรมอย่างหวาดกลัว

    ร้องออกมา    หนูน้อย   ร้องออกมา    ให้น้ำตามันล้างความหวาดกลัวภายในจิตใจของหนูให้ออกไปซะ...    เดี๋ยววันนี้    เราไปโบสถ์กันนะ    ไปขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า   ให้เขาคุ้มครองหนู  อย่าปฏิเสธ   เพราะสิ่งนี้คือที่พึ่งเดียวที่สามารถทำให้หนูสดใสขึ้นได้เสียงของเอ็ด  เวลทราย เหมือนกับพ่อที่ดูแลร้องเพลงกล่อมลูกน้อยในเปล

    หญิงสาวเดินออกมาจากห้องนั้นพร้อมกับคราบน้ำตาที่เปื้อนรอยยิ้ม   เธอเดินไปที่บ้านแล้วเปลี่ยนชุดของตนเสียใหม่

    หญิงสาวเดินออกจากบ้านของตนพร้อมกับกระเป๋าถือใบเล็กๆ

    ลุงเอ็ดนั่งคุยกับลูกชายของเขาในห้องนั่งเล่น   สีหน้าที่ดูเคร่งเครียดบ่งบอกถึงความกดดัน ภายในสมอง

    คุยอะไรกันอยู่หรือคะเอ็คเนตถาม

    เรื่องของหนูนั่นแหละ   ลุงเล่าให้เท็บฟัง    เท็บบอกว่า   เขาเห็น  ขอทานคนนั้นนอนตายอยู่กลางถนน  เขาถูกรถบรรทุกชน  ลุงเอ็ดบอกหญิงสาว

    ความงุนงงของเธอ  แล่นเข้าสู่หัวสมอง  ใบหน้าขาวซีดหนักกว่าเดิม  ในที่สุด  ร่างกายของเธอก็ผลอยลง  สติของหญิงสาวหลุดไป  สติของหญิงสาวก็หลุดลอยหายไปสู่ความมืดดำ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×