เมลเบิร์น กับ เกรทเซาท์เทิร์นทัวร์ริ่งรูท รัฐวิคตอเรีย (1) - เมลเบิร์น กับ เกรทเซาท์เทิร์นทัวร์ริ่งรูท รัฐวิคตอเรีย (1) นิยาย เมลเบิร์น กับ เกรทเซาท์เทิร์นทัวร์ริ่งรูท รัฐวิคตอเรีย (1) : Dek-D.com - Writer

    เมลเบิร์น กับ เกรทเซาท์เทิร์นทัวร์ริ่งรูท รัฐวิคตอเรีย (1)

    เมลเบิร์น เกรทเซาท์เทิร์นทัวร์ริ่งรูท รัฐวิคตอเรีย ชมทุ่งทิวลิป และเพนกวินบนเกาะฟิลลิป

    ผู้เข้าชมรวม

    1,658

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.65K

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ต.ค. 56 / 12:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ขับรถไปเที่ยว เมลเบิร์น

      เกรทเซาท์เทิร์นทัวร์ริ่งรูท รัฐวิคตอเรีย

      ชมทุ่งทิวลิป และเพนกวินบนเกาะฟิลลิป

      22-29 กันยายน 2556

                 เครื่องTG ออกจากกรุงเทพ ก็เลยเที่ยงคืนเข้าสู่วันใหม่ของวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายนแล้ว เครื่อง 777 ลำใหญ่ บินเงียบๆ เที่ยงๆก็ถึงเมลเบิร์น เราหาซื้อซิมเทลสตาร ์ มีสัญญาณ 3G ชัดเจนเอาไว้เล่นอินเตอร์เน็ต
      แล้วเดินมาติดต่อรถเช่ายี่ห้อจุดแดง ต้องเดินไปเดินมาเพื่อตามหาเจ้าหน้าที่รถเช่า เดี๋ยวมีป้ายว่าอยู่ที่เทอร์มินัล
      1 ไปถึงบอกว่าอยู่ที่เทอร์มินัล 3 สุดท้ายก็ติดต่อได้ในที่สุด เราต้องจ่ายเพิ่มค่าประกันรถ ค่าจีพีเอส ค่าทางด่วน ค่าใช้บัตรเครดิต ก็ต้องยอมทุกอย่างให้สบายใจ แล้วก็ออกเดินทาง เราขับรถอ้อมไม่เข้าเมืองเมลเบิร์น มุ่งหน้าไปยังเมืองจีลอง Geelong ไปนอนที่ Lorne ขับรถไปตามเส้นทาง เกรทโอเชี่ยนโร้ด ผ่านพอร์ตแคมเบลล์ ไปนอนที่ Warrnambool แล้ววิ่งวนขึ้นไปเที่ยวที่ Halls gap ขับรถเลยเมืองเมลเบิร์นไปนอนที่ริงวูด ย่านดันดีนองส์แล้ววนมานอนที่เกาะฟิลลิปชมนกเพนกวินเดินพาเหรด แล้วมาขับรถเที่ยวชมชายทะเลไปตามเส้นทาง Mornington Peninsula นอนคืนสุดท้ายที่เมลเบิร์น วันสุดท้ายเที่ยวทั้งวันที่นี่ เมืองหลวงของรัฐวิคตอเรีย  แล้วบินกลับกรุงเทพ

               เพราะวีซ่าออสเตรเลียโดยแท้ สามารถเข้าออกได้หลายรอบในเวลา 1 ปี จึงหาทางไปขับรถเที่ยวออสเตรเลียอีกครั้งจนได้ เราเลือกเส้นทางสายนี้ สาย เกรทเซาท์เทิร์นทัวร์ริ่ง รูท แต่เป้าหมายจริงๆก็คือไปขับรถชมถนน สายเกรทโอเชี่ยนโร้ดแบบเต็มๆสาย ที่เค้าว่าสวยงามและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว เค้าว่าห้ามพลาดเลย หากมาถึงรัฐ วิคตอเรีย รถเช่าให้เราใช้คุณทอมทอม เราก็เชื่อฟังโดยดี จากสนามบินเรามุ่งหน้ามายังเมือง Werribee ที่เป็นแค่ทางผ่าน เราเข้าในเมืองเล็กๆแห่งนี้ แล้วเดินเล่นใจกลางเมือง ได้ไก่ย่างมาเก็บไว้กินเป็นอาหารเย็น จากนั้นก็แวะไปชม Werribee Park สวนใหญ่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองนัก เดินชมสวนกุหลาบ ชมอาคารเก่ายุควิคตอเรีย แล้วก็ขับรถต่อมายังเมืองจีลอง ไปชมย่าน waterfront ทิวทัศน์บรรยากาศเย็นตาเย็นใจมาก เราเดินทางต่อไปยังเมือง Torquay ผ่านไปชม Bells Beach ที่เค้าไว้เล่นเซิร์บแข่งกัน นับเป็นการเข้าสู่เส้นทางเกรทโอเชี่ยนโร้ด เราได้ชมทัศนียภาพชายฝั่งมหาสมุทรและหาดทรายต่าง ๆ ตามเส้นทางที่งดงาม ผ่าน เมือง Anglesea เมือง Aireys Inlet ท่ามกลางแสงสุดท้ายยามเย็น จึงได้ชมทะเลสีดำ ขับรถผ่านไปบนเทือกเขาสูง เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไม่น้อย ที่สุดเราก็เข้าสู่ที่พักเมือง Lorne โรงแรม Mount Joy Parade แม้จะเป็นโรงแรมเก่า แต่ก็เป็นโรงแรมสวยตั้งบนเนินสูง ด้านหน้าเป็นมุมทะเลสวยงามและสงบ

               เช้าวันใหม่ที่สวยงาม อาทิตย์ดวงโตโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้าริมน้ำทะเล เรากินอาหารเช้าแบบที่เตรียมมาจากกรุงเทพเรียบร้อย ก็เข้ามาชมเมือง Lorne เราแวะที่ร้านมีชื่อเรื่องเบอร์เกอร์ชื่อร้าน The Bottle of Milk ได้เบอร์เกอร์อร่อยไว้เป็นอาหารกลางวัน ถนนสายเกรทโอเชี่ยนโร้ด พาเราเข้าสู่ Apollo Bay เมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่สวยงาม ตลอดเส้นทางก็สวยงาม สงบ ขับรถสนุก รถไม่มากนัก ที่นี่มีน้ำทะเลสีน้ำเงินตัดกับป่าต้นไม้สูงเขียวขจี เราศึกษาเส้นทางแล้ว เธอเลือกให้แวะเข้าไปชม Cape Otway Lightstation ประภาคารสวยของ Cape Otway ผู้คนไม่ค่อยมาก มีการเก็บค่าเข้าชมด้วย วิวริมทะเลอันสงบ แม้จะไม่สวยเลิศเลอให้ตื่นตาตื่นใจมากนักก็ตาม ระหว่างทางขากลับได้ชมโคอาล่าที่อยู่ตามต้นยูคาลิปตัสตามธรรมชาติ เธอและนักท่องเที่ยวมากมายลงจากรถมาถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน

              จากนั้นเราเดินทางต่อสู่พอร์ตแคมเบลล์ ที่เค้าร่ำลือกันว่ามีทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดในโลก มันเป็นทิวทัศน์อันงดงามของมหาสมุทรแปซิฟิค  มีลักษณะภูมิประเทศที่ไม่เหมือนที่ใด ๆ ในโลก  ถึงแล้ว ในที่สุดเราก็ได้ชม ปรากฏการณ์ธรรมชาติของหิน Twelve Apostlesที่ตั้งชื่อตาม 12 นักบุญ หรือสิบสองสาวกศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์ เป็นมหัศจรรย์ทางธรรมชาติโดยแท้ เราแวะกันที่แรก ถึงก่อนใครเพื่อน ที่เรียกว่าGibson Steps เมือง Princetownที่นี่เป็นที่เดียวที่มีเส้นทางให้เดินลงไปสัมผัสกับน้ำทะเล ได้เห็นก้อนหินอย่างใกล้ชิด มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปแต่งงาน ทะเลสาดคลื่นแรง หลบไม่ทัน รองเท้าเราทั้งสองคนเปียกแฉะไปหมด หนทางขาลงพอไหว ตอนเดินขึ้น สูงราวตึก 5 ชั้น หอบเล็กน้อยจริงๆ แล้วเราจึงมาแวะที่ 12 Apostles นักท่องเที่ยวมากมายไปหมด มุมธรรมชาติที่แปลกตานี้ก็มหัศจรรย์สมคำร่ำลือ มาถึงเมลเบิร์นไม่ได้มาชม12 Apostles ก็เหมือนมาไม่ถึงปานนั้น แล้วเราก็ขับรถตามเส้นทางเข้าชม ชายฝั่ง Shipwreck Coast แวะเข้าไปชมLoch Ard Gorge, the Arch, London Bridge แล้วเข้าไปชม the Grotto รูปร่างหินปูนที่ผุดโผล่ขึ้นมาจากท้องทะเล ให้มุมมองที่แปลกตา สวยงาม เราเดินทางต่อไปตามสายเกรทโอเชี่ยนโร้ดผ่านเมือง Peterborough  มองจากบนรถไปไกลๆ เธอได้ชมBay of Martyrs และ Bay of Islands เธอว่าน่าสนใจแต่เราไม่มีเวลามากพอ จึงเดินทางต่อไปยังเมือง Warrnambool ที่เป็นเมืองเพียงเมืองเดียวที่ตั้งอยู่บนชายฝั่ง Shipwreck Coast เราหาที่พักได้ไม่ยาก โรงแรมที่พักที่เป็นแหล่งจอดรถของพวกรถบ้าน แต่ที่นี่ก็มีห้องเคบินให้พักแบบโรงแรมด้วย เรียกที่นี่ว่า  Warrnambool Holiday village เยื้องไปนิดนึงมีซุปเปอร์ใหญ่ ห้างวูลเวิทธ์ ได้อาหารเย็นอร่อยๆกลับมากินกันในที่พักแบบหนุกหนาน หนุกหนาน

                เช้าวันที่ 3 ของเรา เราเลือกออกมาชมเมือง Warrnambool ขับรถย้อนกลับมาในเมือง มาชมสวน ดูเมือง เห็นเกลียวคลื่นซัดแรง สมชื่อชายฝั่งเรือมาอัปปาง ได้ชมภายนอกของมิวเซียมกลางแจ้งที่ชื่อว่าThe Flagstaff Hill Maritime Museum เราเดินทางต่อไปยังเมือง Port Fairy เลือกให้คุณทอมทอม พาไปชมประภาคารชายฝั่งของเมือง แล้วเราก็ไปถึง แต่ไม่ได้เดินเท้าต่อไปจากที่จอดรถเข้าไปชมประภาคาร แต่ขับรถเลยไปนิดเดียว ชมชายฝั่งทะเลที่เค้ามาเล่นกระดานโต้คลื่นกัน ได้เห็นอาแปะกำลังเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว เดินถือกระดานโต้คลื่นลงไปยังมหาสมุทร ที่มีคลื่นสาดอย่างแรง บรรยากาศดี แสงแดดแรงจัดจ้า เป็นอันว่าเส้นทางสายเกรทโอเชี่ยนโร้ดของเราสิ้นสุดลงที่นี่ หากนำไปเปรียบ กับ เส้นทางชายฝั่งทะเลอื่นๆทั้งในนิวซีแลนด์ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส โครเอเชีย หรือแม้แต่ในสก็อตแลนด์ อาจกล่าวได้ว่าคงเปรียบกันไม่ได้เต็มที่ อัตลักษณ์ประจำของแต่ละท้องที่ให้ภาพลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป หากไม่ได้มาเยือนเมลเบิร์น ก็อาจไม่ได้เห็น ก้อนหิน 12 นักบุญ ที่มีเหลืออยู่ไม่ถึง 12 ก้อนแล้ว วันเวลาผันผ่าน การผุกร่อน แตกสลาย ทะลายก้อนหินให้หายไป ลมแรง คลื่นทะเล ซัดสาด นับวัน จะแปรเปลี่ยน ให้ก้อนหินใหญ่ไม่อาจคงตัวอยู่ได้ตลอดไป

                เราขับรถออกจากชายฝั่งทะเล แวะเข้ามาชมเมือง Port Fairy นิดนึง เมืองเล็กๆน่ารักดี แล้วเลือกขับขึ้นทางเหนือ ถนนรถราน้อยมาก ผู้คน นักท่องเที่ยวคงไม่ชอบเดินทางตามเส้นทางแบบเรา ไม่นานเลยก่อนเที่ยงเราก็ถึง Dunkeld เมืองเล็กๆสวยงามก่อนผ่านไปยังเมือง Halls Gap เมืองหลักที่เราจะเข้าไปชมอุทยานแห่งชาติ Grampians เธอเห็นเค้ามีป้ายข้างทางบอกถึงร้าน The old bakery ของเมือง Dunkeld ก็ขับรถหากันจนเจอ พายเนื้อที่นี่อร่อยมาก จนเธอบ่นอยากย้อนกลับไปซื้อเพิ่มปานนั้น แล้วเราขับรถขึ้นเหนือต่อไปอีก ถึงตัวเมือง Halls Gap เป็นเวลาบ่ายกว่า เราเลือกขับเลยไปชม McKenzie Falls เป็นจุดท่องเที่ยวที่ไกลออกไปมากที่สุดของเราจากตัวเมือง Halls Gap เส้นทางถนนขึ้นเขาสูงคดเคี้ยวไปมา ถึงแล้ว ต้องเดินอีกไม่น้อย โดยเฉพาะต้องเดินลงหน้าผาสูงมาก เพื่อลงไปชมวิวน้ำตกใหญ่มีชื่อแห่งนี้ทางด้านล่าง แต่น้ำตกมีน้ำไม่มาก ความสวยงามจึงมีอยู่อย่างจำกัด จากนั้นเราก็ขับรถย้อนกลับลงมาชม Reed’s lookouts แค่บริเวณที่จอดรถ การชมทิวทัศน์ที่นี่ก็ให้ภาพสลับซับซ้อนของทิวเขาไปไกลสุดตาแล้ว แต่คล้ายๆมีแรงเชิญชวน เรา 2 คนจึงเดินเข้าไปชม The Balconies กันด้วย เดินไกลกว่าที่คาดคิดไว้มาก จนเธอบ่นว่าทำไม 1 กิโลออสเตรเลียมันไม่ถึงซะที พอไปถึง ก็ชื่นชมกับภาพที่ปรากฏ สวยงามเหมือนกัน แต่อาจไม่ได้ตระการตางานสร้างมากปานนั้น เดินกลับมายังลานจอดรถ ขับรถกลับลงมาชม Boroka Lookout ภาพของเมือง Halls Gap เบื้องล่าง มีให้ชมเป็นมุมกว้าง เธอศึกษาข้อมูลอุทยาน Mount Grampians ไว้มาก ขอเข้าไปดูที่อื่นๆอีก เราไปถึงยังลานจอดรถที่เรียกว่าSundial Carpark จากที่นี่จะมีเส้นทางให้เดินลึกเข้าไปชมสถานที่อื่นๆ เธอเริ่มหวั่นว่าจะเดินไปไกลมาก เราจึงขับรถลงมายังลานจอดรถที่ชื่อว่าWonderland Carpark ที่นี่เดินไม่ไกลก็เข้าถึงบริเวณที่เรียกว่า The Grand Canyon จุดนี้นับว่าเป็นจุดยอดนิยมที่ชวนให้มาเดิน ปีนป่ายไปบนเส้นทางก้อนหินรูปร่างแปลกตา เค้าว่ามันเป็น Wonderland Loop ที่สามารถเดินต่อไปจนถึง The Pinnacle หากแต่เรา 2 คนไปได้สักเพลาหนึ่งแล้ว ตระหนักว่าคงไปได้เพียงเท่านี้ เส้นทางข้างหน้าน่าจะไปไม่ถึง ปีนป่ายก้อนหินสวยแล้ว เห็นว่าเส้นทางลำบากเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย ก็เลือกปีนป่ายย้อนกลับมาทางเก่า เดินเลี้ยวไปชมน้ำตกอีกหน่อยนึง เธอก็ว่า ขอให้ผมเดินนำไปชมก่อน เพราะค่อนข้างเหนื่อยมากกับการเดิน เดินมากจริงๆวันนี้ ผมนำร่องไปแล้วเห็นว่าไม่มีอะไรให้ชม หรือพบสิ่งที่สวยงามมากไปกว่านี้แล้ว เราก็กลับ ขับรถลงมายังโรงแรมที่พัก วันนี้เรานอนที่ Mountain view motor inn ผมว่าเป็นโรงแรมแขกโดยแท้ มีแขก ทั้งเด็กผู้ใหญ่ส่งเสียงดังไปทั่ว บอกว่ามีไวไฟฟรี ก็เล่นได้ที่บริเวณใกล้สำนักงานเท่านั้น เราย้อนกลับมาในเมือง ได้อาหารเย็นแบบฟิชแอนด์ชิพ ก็อร่อยดีครับ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×