บินอ้อมนิดๆ พิชิตรัสเซีย ( กลับมาแล้วอ่อนเพลีย ละเหี่ยหัวใจ )ตอนที่2
ผู้เข้าชมรวม
135
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เช้าวันอังคาร วันที่ 3 ของการเที่ยวรัสเซีย มอสโควเช้าวันนี้ เริ่มจากมีแดด พอถึงที่เที่ยวแห่งแรกเท่านั้นฝนก็ตกลงมาหนาเม็ด เล่นเอาลูกทัวร์ต้องกางร่ม เดินชมมอสโควท่ามกลางสายฝนวันนี้ มอสโคว มอสควาหรือมอสโก แปลว่าที่ลุ่มเปียกแฉะ สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1147 โดยเจ้าชายยูริ ดอลโกรูกี้ เดิมเค้าว่าเป็นแค่เมืองเล็กๆ มีตลาดโดยรอบ มีป้อมปราการตั้งอยู่บนภูเขา มีการสร้างเมืองโดยวางหินก้อนแรกที่โบสถ์อัสสัมชัญ ต่อมาก็สร้างพระราชวังเครมลิน ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญของเมือง คำว่า "เครมลิน" มีความหมายว่า ป้อมปราการ กำแพงล้อมรอบมีความยาว 2,235 เมตร มีหอคอย 18 แห่ง มีการต่อเติมเรื่อยๆ เริ่มจากใช้อิฐสีขาว ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นอิฐสีแดง ที่แรกก่อนฝนตกเค้าก็พาเราไปชม หัวหอมสีทองใหญ่ของมหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำมอสโคว์ สร้างเป็นอนุสรณ์ที่รัสเซียชนะนะโปเลียนของฝรั่งเศส โบสถ์ใหญ่มากมาก สามารถจุคนได้10,000 คน โบสถ์ติดแม่น้ำ หลังโบสถ์เห็นสะพานคนเดินข้ามแม่น้ำ น่ารักดี ไกลออกไปหน่อยเห็นคล้ายอนุสาวรีย์โคลัมบัส แต่จริงๆแล้วเป็นของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เดินรอบโบสถ์กัน 1 รอบคล้ายคารวะสถานที่แล้วฝนก็ลงมา แบบว่าโลกเบี้ยว วันแรกในมอสโควไม่มีแดด แล้วเค้าก็พาเรามาเปียกฝนต่อที่จัตุรัสแดง
ใครๆก็ต้องมาที่นี่ จัตุรัสแดง ทำไมต้องมาวันนี้ วันที่ฝนตก วันที่รถติดมาก นั่งบนรถตั้งนานกว่าจะมาถึงที่นี่ แล้วยังเจอฝนอีก ถึงแล้วก็ต้องมาดู จัตุรัสแดง ลานกว้างใจกลางเมือง เป็นเวทีเหตุการณ์สำคัญ เป็นที่จัดงานเฉลิมฉลอง เป็นที่ประท้วง ปัจจุบันใช้จัดงานในช่วงเทศกาลสำคัญๆ เช่น วันชาติ วันแรงงาน วันที่ระลึกสงครามโลก เมื่อเหยียบย่างเข้าไปในจัตุรัสแล้ว หันหน้าสู่แม่น้ำใหญ่ ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเลย คือวิหารเซนต์บาซิลที่ประกอบด้วยยอดหัวหอม(ยอดโดม) 9 ยอด มีสีสันสวยงาม สดใส ใครๆตั้งชื่อเล่นว่า “โบสถ์ลูกกวาด”สร้างด้วยศิลปะรัสเซียโบราณโดย Postnik Yakovlev ที่หลังจากสร้างเสร็จก็ถูกควักดวงตาทั้งสองข้าง โดย อีวานที่ 4 ผู้โหดร้าย ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวสถาปนิกจะไปสร้างโบสถ์ให้คนอื่นแล้วสวยกว่าของตัวเอง ก็เท่านั้นเอง
Evan IV the Terrible ที่ว่าโหดร้ายก็แกฆ่าลูกชายตัวเอง ฆ่าประชาชนเป็นผักปลา มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่ออายุแค่ 3 ปีพระบิดาเสด็จสวรรคต แกได้เป็น Grand Prince of Moscow พออายุได้ 8 ปีพระราชมารดา ก็สวรรคตลงอีก
สมัยนั้นประเทศต่างๆ ทางแถบรัสเซียยังแบ่งเป็นเขตแคว้นอิสระกัน พอแกขึ้นเป็นกษัตริย์ก็แผ่อำนาจใช้กองทัพรัสเซียยกเข้าตีแคว้นต่าง ๆรวมเป็นอาณาจักรเดียวกัน มีอาณาเขตถึง 4 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เค้าว่าแกเป็นโรคจิต อาการโรคจิตนี้ส่อมาตั้งแต่เด็ก แกจับนกมาตัวหนึ่ง ถอนขนทีละเส้น จนนกเหลือแต่หนังเปล่า ๆ แกอยากรู้ว่าเวลานกไม่มีขนจะบินได้หรือไม่จึงโยนนกตัวนั้นลงมาจากกำแพงวัง โดยไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งสิ้น เพียงเพื่อจะดูว่าเจ้านกไร้ขนตัวนั้นจะบินได้หรือไม่ ในปี ค.ศ.1581 แกตีลูกสะใภ้ที่กำลังตั้งครรภ์เพราะนางแต่งตัวไม่เรียบร้อย ทำให้นางถึงกลับแท้งลูก สามีของพระนาง เข้าไปต่อว่า แกเลยหวดลูกชายด้วยคฑาเข้าที่หัว เสียชีวิตทันที
ด้านขวามือของวิหารเซนต์บาซิล จะมองเห็น หอนาฬิกาซาวิเออร์ ตั้งอยู่บนป้อม สปาสสกายา บนยอดมีดาวแดง 5 แฉกที่ทำมาจากทับทิมน้ำหนัก 20 ตัน ด้านซ้ายมือของวิหารเป็นห้างสรรพสินค้ากุม ที่กำลังก่อสร้างปรับปรุง ห้างใหญ่นี้ขายสินค้าแบรนด์เนม เสื้อผ้า เครื่องสำอาง น้ำหอม ส่วนที่เห็นเป็นหอแดงที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันกับวิหารหัวหอมแดง เดินข้ามจัตุรัสที่กว้างใหญ่ก็คือ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ สถานที่เก็บรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ มีสมบัติมากกว่า 4.5 ล้านชิ้น และเอกสารกว่า 15 ล้านชิ้น ทางด้านขวามือถัดจากหอนาฬิกาจะเป็นอนุสรณ์สถานเลนิน ที่เก็บศพสร้างด้วยหินอ่อน ผู้คนเดินตากฝนกันมากมาย ทัวร์เปิดโอกาสให้ถ่ายรูปแบบแฉะๆกันแล้วนัดเจอกันในห้างกุม
เสร็จจากอาหารกลางวันแบบรัสเซียแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุด ควันบุหรี่ก็คละคลุ้ง เดินกันแบบเปียกๆต่อไปชมมหาสมบัติของรัสเซียในวังเครมลิน ระหว่างทางมีสวนดอกไม้สีสดใสสวยงามมากั้นขวางทางเดินเป็นระยะ เห็นทหารรัสเซียยืนยามเฝ้าไฟที่ลุกโชนไม่ให้ดับข้างกำแพงเครมลิน วังเครมลินตั้งอยู่บนฝั่งของแม่น้ำมอสโคว์และแม่น้ำเนกลินนายา สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์ จนกระทั่งยุคปีเตอร์มหาราชได้ย้ายไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ปัจจุบันเป็นที่ทำงานของรัฐบาล เป็นที่รับรองแขกเมือง หัวหน้าทัวร์ที่มอสโควที่เป็นผู้ชายคนนี้สูบบุหรี่เก่งด้วย พร้อมกับหัวหน้าทัวร์ไทยที่เป็นไอ้หนุ่มผมยาวก็พาเราลูกทัวร์ เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ กับที่ทำการรัฐบาล ชมปืนใหญ่จริงๆพระเจ้าซาร์ เป็นปืนใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังไม่เคยใช้ยิงเลย ชมระฆังพระเจ้าซาร์ สร้างให้เป็นระฆังใบใหญ่ที่สุดในโลก แต่เกิดความผิดพลาดระหว่างการหล่อทำให้ระฆังแตก เดินมาถึงจัตุรัสวิหาร พบกับโบสถ์อัสสัมชัญ โบสถ์อันนันซิเอชั่น โบสถ์อาร์คแอนเจลไมเคิล หอระฆังอีวาน ได้เข้าไปชมโบสถ์อัสสัมชัญ เป็นโบสถ์ใช้ในประกอบพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าซาร์ โบสถ์อันนันซิเอชั่นที่ภายนอกประกอบด้วยยอดโดม 9 ยอด ทุกยอดเห็นกางเขนสีทอง อยู่เหนือรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ภายในโบสถ์มีศิลปะภาพวาดแบบเฟรสโก จดจำชื่อโบสถ์ยากไปหมด ต้องเอารูปแบบนกมอง (bird eye view) มาทบทวนก็ยังจำยากมาก เธอคนสำคัญที่มาเที่ยวด้วยก็บอกว่าแล้วจะจำไปทำไม แล้วฝนยังไม่หายซาเม็ดลงดี เค้าก็พาเราเข้าไปดูสมบัติพระเจ้าซาร์แบบว่ามีแต่ของแพงๆ หรูๆกันในพิพิธภัณฑ์อาร์เมอรี่
พิพิธภัณฑ์อาร์เมอรี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุด สร้างตามบัญชาของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 เป็นสถานที่รวบรวมทรัพย์สมบัติ เหรียญกล้าหาญ คลังแสง งานโลหะติดทอง และงานลวดลายประดับเส้น ทั้งที่จัดซื้อหรือได้รับเป็นเครื่องบรรณาการ ปัจจุบันเป็นที่เก็บสะสมของมีค่าจากคริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึงช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เราได้ชมเสื้อผ้า มงกุฎ รถม้า และอื่นๆอีกมากมายรวมทั้ง ไข่สวยๆของพระเจ้าซาร์ด้วย ฝนซาเม็ดลงบ้าง หัวหน้าทัวร์พาเราฝ่ารถติด แค่เส้นทางสั้นๆ ก็นั่งกันนาน กว่าจะย้อนกลับมาที่ห้างกุม เพื่อชมภายในหรือเลือกหาของช็อบปิ้งกัน ใกล้เวลานัดกลับขึ้นรถแล้ว ฝนหายไปแดดเริ่มกลับมา จัตุรัสแดงจึงว่างๆ แดดสวยพอให้เก็บภาพไว้ ให้เธอของผมบอกว่าหากไม่ได้รูปยามเมื่อมีแดดเช่นนี้ รัสเซียทริปนี้ของเธอคงหม่นหมอง เราทานอาหารจีนยามเย็นกันพร้อมกับรีบเดินทางกลับที่พักโรงแรมมิลาน แต่รถยังคงติด กว่าจะกลับถึงโรงแรมก็ 3 ทุ่ม ลูกทัวร์หลายคนอยากไปช็อบที่ห้างอาชาน เป็นซุปเปอร์สโตร์ใหญ่ตั้งอยู่ติดกับโรงแรม เราเข้าไปอุดหนุนขนมมานิดหน่อย แต่ที่นี่ไม่รับบัตรเครดิต จึงต้องยืมเงินเพื่อนร่วมเที่ยวจ่ายไปก่อน เห็นหัวหน้าทัวร์ไอ้หนุ่มผมยาวเลือกซื้อเบียร์บรรจุขวดขนาด 2 ลิตร เอาไปฝากคนกรุงเทพ เราเดินกันเมื่อยขามากวันนี้ พรุ่งนี้เค้าจะพาเราออกนอกเมืองมอสโกไป 70 ก.ม. ไปเมืองศาสนา ไกด์กล่าวนำก่อนว่าน่าจะรถติดน้อยกว่าวันนี้
วันที่ 4 แล้ว ออกจากโรงแรมไปได้นิดเดียว รถรัสเซียก็ติดเหมือนเดิม เราเดินทางประมาณ สองชั่วโมงกว่า ก็ถึง "เซอร์กีเยฟ โปสาด" (Sergiev Posad) หรือ "ซากอร์ส" (Zagorsk) ชื่ออันหลังนี้เค้าว่าเป็นชื่อนักการเมือง ปัจจุบันคนรัสเซียเรียกชื่อแรกมากกว่า ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงาม หัวหน้าทัวร์อธิบายถึง ดาช่า(Dacha) หรือบ้านพักตากอากาศตามชานเมืองที่มีไว้พักผ่อนปลูกผักทำสวนในวันหยุดสุดสัปดาห์ แบบวันราชการก็อยู่อพาร์ทเมนท์ในเมืองแบบนั้น ศาสนะสถานที่นี่คือศูนย์กลางทางศาสนา เป็นที่แสวงบุญ เป็นวิทยาลัยสงฆ์ ทัวร์พาเรามาถ่ายรูปเอาวิวมุมสูง ก่อนเดินพากันไปเข้าชมภายใน จะถ่ายรูปที่นี่ เค้าให้จ่าย 100 รูเบิล จะได้ตั๋วอนุญาตให้ถ่ายรูปพร้อมบังคับแจกซีดีเพลงสวด ถ่ายรูปบริเวณสถานที่ได้ ห้ามถ่ายคนนะจ๊ะ แล้วเราก็ได้ชม "ศาสนาสถานทรินิตี้ของเซนต์เซอร์เจียส" (Trinity Monastery of St.Sergius) ชื่ออย่างเป็นทางการของที่นี่
เล่ากันว่า นักบุญเซอร์กีเยฟ (Sergiev Posad) หรือนักบุญเซอร์เจียส (Sergius) เดินทางมาแสวงบุญที่นี่ ท่านช่วยเหลือคนเจ็บป่วยให้หายจากโรคได้โดยใช้ญาณสมาธิ มีทหารจะออกรบก็มาขอพรก่อนออกศึก และชนะกลับมา ทำให้ท่านเป็นที่ศรัทธาของประชาชน เมื่อยืนอยู่ในจัตุรัสก่อนเดินเข้าชมภายในโบสถ์ต่างๆ มองไปจะเห็นอาคารสามชั้นสีแดงเป็นสุสานของพระเจ้าซาร์ เค้าว่าเป็นของพวกราชวงศ์รูลิก ใกล้ๆ กันจะเป็น บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีตำนานว่ามีชายตาบอดมาล้างหน้าที่ตาน้ำนี้แล้วทำให้มองเห็นได้อีกครั้ง วันที่เราไปเค้าว่าพระพึ่งมาปลุกเสกน้ำกันใหม่ เห็นคนรัสเซียเอาขวดใหญ่ๆขนาด 2 ลิตรมาบรรจุน้ำไปกินเพื่อความเป็นมงคลด้วย จากบริเวณจัตุรัส มองไปก็จะเห็นหอระฆัง สีเขียวอ่อน สร้างขึ้นในสมัยพระนางแคทเธอรีน เราเข้าชมโรงทานที่สร้างในสมัยของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ตัวตึกมีลวดลายและสีสันที่งดงาม ต่อมาก็เข้าชมโบสถ์อัสสัมชัญ เป็นอาคารสีขาว ช่องประตูหน้าต่างทำเป็นวงโค้ง มียอดโดมห้ายอด ที่นี่เป็นโดมสีน้ำเงินมีลวดลายเป็นดาวสีทองดวงเล็ก มีโดมตรงกลางเท่านั้นที่เป็นสีทอง ภายในโบสถ์แห่งนี้มีภาพวาดไอคอน และโคมไฟระย้าสวยงาม จากนั้นก็เข้าชมโบสถ์ที่สำคัญที่สุดคือ โบสถ์โฮลี ทรีนิตี้ (Holy Trinity Monastery) เป็นโบสถ์สีขาว มีหลังคาเป็นยอดโดมสีทอง ภายในมีภาพไอคอนรูปนักบุญต่างๆ ประดับอยู่ถึง 5 ชั้น และมีโคมไฟระย้าสวยงาม ตอนที่เราเข้าไปชมด้านในโบสถ์ เขากำลังร้องเพลงสวดกันอยู่พอดี เหมือนเราเข้าไปขวางๆการทำงานของเค้าแบบนั้น เราจึงออกมาโดยใช้เวลาไม่นานเลย แล้วทัวร์ก็พาเรามาทานอาหารกลางวัน ร้านอาหารตกแต่งสวยงามน่ารักมาก แล้วก็ได้เวลาช็อบของที่ระลึก ที่ว่ามีราคาถูกกว่าในมอสโก ที่นี่มีตุ๊กตามาทรอชก้า (Matroshka) หรือตุ๊กตาแม่ลูกดก ของที่ระลึกขึ้นชื่อ เธอเองก็ไม่พลาดที่จะซื้อ แบบว่าเทเงินรัสเซียที่มีอยู่นิดเดียวออกมาจนหมดกระเป๋า ซื้อเอามาฝากพี่สาวที่รักของเธอ
เดินทางกลับมามอสโกก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี เที่ยวกับทัวร์ จึงหมดเวลาไปกับการทานอาหาร และเวลาเข้าห้องน้ำไปไม่น้อย แล้วเค้าก็พาเรามาเข้าชมการแสดงละครสัตว์ Circus ก็ฝ่าสายฝนนิดหน่อยก่อนเข้าชม ดูเหมือนเธอจะหลับนิดหน่อยตอนเค้าให้สิงโตออกมาโชว์ ให้สิงโตอ้าปากแล้วแหย่หัวเข้าไปเผื่อว่าสิงโตจะงับ เราสนุกกับโชว์แมวน้ำมากที่สุด แล้วก็กลับโรงแรมมิลานที่เดิม เมื่อวานรถติดกว่าชั่วโมงกว่าจะถึง วันนี้ออกจากโรงละครสัตว์ก็ 4 ทุ่มกว่าแล้ว แค่ 20 นาทีเองก็กลับมาถึงโรงแรม
วันที่ 5 วันสุดท้ายจะได้กลับบ้านซะที ตั้งแต่เช้า เริ่มจากรถเสีย ครับ รถรัสเซียฤดูร้อนมีท่อน้ำรั่ว ต้องเปลี่ยนรถ รอนานกว่าชั่วโมงแล้ว รถคันใหม่เคลื่อนออกจากโรงแรมได้ไม่นาน รถก็ติดอีกแล้ว รัสเซียไม่น่ารักเลย กว่าจะได้เที่ยวสถานที่แรกก็เป็นเวลาเที่ยงกว่าๆ ไปจนถึงแล้วเนินเขานกกระจอก Sparrow hill กระจอกสมชื่อ ทัวร์พาเข้าห้องน้ำกลางป่า หลายคนว่าเหมือนเป็นห้องน้ำเมืองจีน มีประตูแค่ครึ่งเดียวแต่นี่เป็นห้องน้ำในประเทศรัสเซียนะ บนยอดเนิน เค้าให้เราไปชมวิว ชมทัศนียภาพของกรุงมอสโคว์ได้ทั้งเมือง มองเห็นตึกสูงเจ็ดตึก ที่ว่าเป็นแบบสตาลินสไตล์ เรียกกันว่าตึกเจ็ดสาวน้อย แล้วเราก็ได้ถ่ายรูปกับหนึ่งในเจ็ดตึกที่ใกล้ที่สุด คือ ตึกมหาวิทยาลัยมอสโคว์ แดดออกแรงจัด จนเธอของผมบอกว่าทำไมไม่เลือกไปเรดสแควร์วันที่มีแดดแรงแบบนี้นะ แล้วก็กินอาหารกลางวันอีกแล้ว อีทีนี้เริ่มมีปัญหา มีความเห็นไม่ตรงกันของหัวหน้าทัวร์คนรัสเซีย กับหัวหน้าทัวร์คนไทย สุดท้ายไทยย่อมชนะ จึงได้พากันเที่ยวแบบไทย ดังนี้
เค้าพาไปตลาดถนนอารบัต ถนนคนเดินที่ยาวประมาณ 1 ก.ม. เป็นย่านการค้า แหล่งรวมวัยรุ่น ร้านขายของที่ระลึก แวะเข้าห้องน้ำก่อนกันเลยที่ แมคโดนัล เสียงศิลปินเปิดหมวกเล่นดนตรีกลางแจ้ง กังวานไปทั่ว ศิลปินมานั่งวาดรูปเหมือน รูปล้อเลียน แบบสะพานพุทธบ้านเรา เธอของผมได้ของที่ระลึกมานิดหน่อย แล้วก็พาเราลงรถไฟใต้ดินเสียงดังมาก ชมสถานีรถไฟต่างๆ ตั้งแต่แห่งที่ 1 ของสถานีถนนอารบัต แห่งที่ 2 มีโคมไฟสวยมาก แห่งที่ 3 เห็นภาพวาดประดับสถานีแบบว่าสวยก็แล้วกันนะ แล้วก็มาถึงแห่งที่ 4 ที่ต้องเดินไปจับ รูปปั้นทองเหลือง จนเห็นสีทองเหลืองแวววาวขึ้นมา เค้าว่าจับแล้วโชคดี เราว่าหากมีโรคระบาด แบบหวัดหมู หวัดนก คงเป็นไปกันทั่ว แล้วทีนี้ ก็ให้ลูกทัวร์ขึ้นรถไฟใต้ดิน นับกันเลย 9 สถานีนะแล้วลง ลูกทัวร์นับบ้างหลงบ้าง ในที่สุดก็ลงพร้อมกัน ลงมาขึ้นรถที่ฝ่ารถติดออกมาจากใจกลางเมืองมอสโก มารอพวกเราที่สถานีนอกเมืองแห่งนี้ เรานั่งรถทัวร์ต่อไปไม่นานก็ถึงสนามบิน บินกลับโดฮา แล้วบินต่อมากรุงเทพ โดยไม่ได้เที่ยวสวนสาธารณะวิคตอเรียที่ระบุไว้ในโปรแกรม อีกแล้วครับท่าน เพราะเวลาหมด หมดเวลา
บนเครื่องก่อนถึงโดฮาก็มีเรื่องตื่นเต้นนิดหน่อยที่ลูกทัวร์คนไทย วูบหมดสติ หายใจไม่ออกในห้องน้ำบนเครื่อง แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก เราว่าตัวเครื่องบินที่ลำเล็กและพวกเราที่เที่ยวกันหนักหนาไม่น้อย ทำให้เหนื่อย การบินที่ขรุขระ ไม่ราบเรียบก็มีส่วนไม่น้อยเช่นกัน เราพบน้ำใจน้ำมิตรกับลูกทัวร์รอบนี้ไม่น้อย ทั้งได้ช่วยให้ยืมเงินรัสเซีย ได้แลกเงินบาทเป็นเงินรัสเซีย รูปคู่ของเราหลายต่อหลายรูปก็ได้จากเพื่อนร่วมเที่ยวครั้งนี้ การบินไปกับสายการบินจากตะวันออกกลาง การเรียกร้องอาหารทะเลจากการบริการบนเครื่อง อาจช่วยให้ทานอาหารได้อร่อยขึ้น โดยไม่ได้คิดค่าบริการเพิ่ม การท่องเที่ยวจบลงแล้วแบบเหนื่อยๆ กลับมาแล้วให้อ่อนเพลีย แล้วเราก็พบกับการหาเสียงของนักการเมืองมากมาย ให้รู้สึกละเหี่ยใจ กับระบบการเมืองบ้านเรา พระท่านว่าถ้าเราลองอดทนให้ได้กับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ในช่องทางของ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และกำหนดให้ใจเราเข้าสู่สัมมาสติ สัมมาสมาธิได้ เราจะได้เห็นชอบ คิดชอบ ทำชอบ พูดชอบ มีความสุข ทุกข์น้อย รัสเซีย 7 วันกับเวลาที่ผ่าน 5 วันที่ได้ไปสัมผัส ก็ต้องอดทนครับ ได้ทางที่ถูกต้องหรือยัง ผมไม่แน่ใจ คนรัสเซียยังไม่พร้อมกับการมีจิตใจให้บริการ นักท่องเที่ยวชาวไทยชุดนี้ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีประสบการณ์ ต่างจิตต่างใจของผู้คนที่ได้ไปพบ บางคนจึงสนุกมาก บางคนบอกว่าเสียเวลา บางคนว่าหากไม่มาก็ไม่รู้ ว่า รัสเซียที่ยิ่งใหญ่ แต่เราเที่ยวได้แค่เท่านี้ 5 วันในรัสเซีย
ชมภาพท่องเที่ยวได้ที่นี่
http://youtu.be/hjf_Rhk2qWk
our russia 2011
http://www.youtube.com/watch?v=EeNmareWMiI&feature=share&list=FLPmRYfMB_oxASx4IPNQRt0g
russia again 2011
ผลงานอื่นๆ ของ Jack1960 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Jack1960
ความคิดเห็น