บินอ้อมนิดๆ พิชิตรัสเซีย ( กลับมาแล้วอ่อนเพลีย ละเหี่ยหัวใจ ) - บินอ้อมนิดๆ พิชิตรัสเซีย ( กลับมาแล้วอ่อนเพลีย ละเหี่ยหัวใจ ) นิยาย บินอ้อมนิดๆ พิชิตรัสเซีย ( กลับมาแล้วอ่อนเพลีย ละเหี่ยหัวใจ ) : Dek-D.com - Writer

    บินอ้อมนิดๆ พิชิตรัสเซีย ( กลับมาแล้วอ่อนเพลีย ละเหี่ยหัวใจ )

    ผู้เข้าชมรวม

    131

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    131

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ก.ค. 56 / 14:27 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      บินอ้อมนิดๆ พิชิตรัสเซีย ( กลับมาแล้วอ่อนเพลีย ละเหี่ยหัวใจ )
      14 - 20 พ.ค.2554
      เกือบๆ หกโมงเช้า เราก็ออกจากบ้าน ฝากบ้านไว้กับคุณอภิสิทธิ์ที่มีป้ายหาเสียงขนาดใหญ่มาติดไว้ที่หน้าบ้าน แท็กซี่นิสัยดี ต้องสวดมนต์เช้า ตัวเองพนมมือสวดมนต์ในรถพร้อมกับฟังเสียงพระสวดมนต์ในวิทยุ ให้ศีล ให้พรก่อนออกเดินทางไปรัสเซีย แท็กซี่เห็นว่าเช้า เธอไม่ขึ้นทางด่วนแต่ไปทางราบใต้ทางด่วน เหมือนเป็นทางลัด ประเดี๋ยวเดียวพร้อมกับประหยัดเงินด้วย เราก็ถึงสุวรรณภูมิ นับตั้งแต่ปีใหม่ ปีเถาะเป็นต้นมา ก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลย ตอนต้นปีขอผ่าตา ลอกต้อกระจกก่อนนะ เวลาเที่ยว จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ชัดๆหน่อย ต่อมา ตัวเองก็ได้รับคำเชิญชวนให้ไปเที่ยวดูทิวลิบที่ฮอลแลนด์ แต่ทัวร์ก็มายกเลิก ทุกอย่างต้องเลื่อนมาถึงเดือน 5 แล้ว ก็ต้องหาที่ไปสักแห่ง เธอยอมเลือกเที่ยวรัสเซีย คิดว่าน่าจะปลอดภัยที่สุด อยากบินไปกับการบินไทยก่อน แต่คนอยากไปเที่ยวราคาสูงๆมีน้อย ทัวร์ก็บอกยกเลิกอีก ได้รับเงินมัดจำคืนมาแล้วด้วย เราก็ยังอยากไปรัสเซียในที่สุด ก็ติดต่อบริษัทเดิมนั่นแหละได้เที่ยวคล้ายกับที่จะบินไปกับการบินไทย 
      แต่ครั้งนี้เป็น 2 คนสุดท้ายของขบวนทัวร์ชุดนี้ เราเลือกเที่ยวรัสเซียกับสายการบิน กาตาร์ จึงบินอ้อมนิดๆ ไปโดฮาก่อน แล้วก็ต่อมาถึงมอสโคว์ แล้วก็บินต่อเลยถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ออกจากบ้านหกโมงเช้าของไทย ถึง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กตอนเที่ยงคืน (เวลาท้องถิ่นของประเทศรัสเซียช้ากว่ากรุงเทพฯ 3 ชั่วโมง) ก็เป็นเวลาตี 3 ของไทย จากบ้านมาแล้ว 21 ชั่วโมงจึงจะได้เข้านอน มันจึงช่างนานจังกว่าจะได้เริ่มเที่ยว

      เราพักที่โรงแรม Holiday Inn Moskovskiye ชื่ออันหลังนี้เป็นชื่อประตูชัย Moskovskiye Triumphal Gate อนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะของรัสเซียที่มีต่อเตอรกี ทัวร์ใช้สูตร 7-8-9 ปลุกเราเจ็ดโมง กินได้แปดโมง ล้อหมุน เก้าโมงเช้า แต่เป็นเหมือนเช่นเคยๆ เช้าแรกในต่างแดนเรา 2 คนตื่นนอนกันตั้งแต่ ตี 5 ตื่นแล้วนอนต่อก็ไม่หลับ เช้าวันอาทิตย์แบบนั้ เราจึงเดินสำรวจรอบๆโรงแรม ในที่สุดเราก็ได้มาชม Novodevichy Convent of Holy Resurrection ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม เป็นโบสถ์ของรัสเซียไบเซนไทน์สไตล์รูปโดมแบบหัวหอม 5 หัว สีทองอร่ามตา เราจึงได้ภาพตอนเช้าของหัวหอมสีทองอยู่หลังแนวไม้ไร้ใบสีดำ ก็สวยแปลกตาดี ได้เวลา 9 โมงเช้า ทัวร์จริงๆจึงเริ่มออกเดินทาง แดดแรงแสงจัดจ้ามาก เค้าพาเราไปถึง เมืองปีเตอร์ฮอฟ เมืองตั้งอยู่ทางใต้ของอ่าวฟินแลนด์ ทะเลบอลติก ซัมเมอร์นี้ทิวลิบ มองเห็นไปทั่วสวนสาธารณะ เป็นระเบียบแบบรัสเซีย สี่เหลี่ยมเป๊ะๆ แข็งๆ ทื่อๆ เราไปถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เป็นการเที่ยวที่มีรถติดน้อยที่สุดของการเที่ยวครั้งนี้ หัวหน้าทัวร์ผู้หญิงคนรัสเซียให้เราไปเที่ยวชมสวนหลังพระราชวังก่อน ถ่ายรูปรับแดดแรง เห็นตัวพระราชวังสีทองสะท้อนไปในผืนน้ำนิ่ง ได้เวลา เค้าจึงพาเราเข้าชม พระราชวังฤดูร้อนเปโตรวาเรส มันเป็นเวลาพอดีกับการเปิดน้ำพุ ของสวนน้ำพุหน้าวังพอดี เสียงดนตรีบรรเลงดังกังวานไปทั่วบริเวณ พระตำหนักชายฝั่งของกษัตริย์รัสเซียหลังนี้ ห้ามถ่ายรูปเมื่อเข้าไปชมวัง พระราชวังเป็นอาคาร 2 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักผ่อน 26 ห้อง มีห้องเต้นรำที่หรูหราฟู่ฟ่าด้วยศิลปะบาร็อก มีห้องท้องพระโรงใหญ่เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวัง ห้องรูปภาพที่แสดงรูปภาพ วันนี้เราหลับตานึกถึงยังไง ก็ยังนึกไม่ออก จำไม่ได้แล้ว มันก็ออกสีทองๆ อร่ามตาไปหมด

      ชมภายในวังเสร็จก็ลงมาชมสวน ที่นี้เค้าโชว์สวนน้ำพุเป็นสำคัญ แบ่งเป็น สวนตอนล่าง สวนตอนบน เค้าว่าไม่ได้เปิดปั้มน้ำทำน้ำพุครับ แต่เป็นระบบเปิดน้ำไหลลงมาจากภูเขาแบบนั้น ที่นี่มีน้ำตกลดหลั่นกันถึง 27 ขั้น เสมือนกับแสดงความยินดีต่อชัยชนะ และยกย่องความกล้าหาญของทหารเรือรัสเซียที่มีชัยเหนือสวีเดน น้ำพุตกแต่งด้วยรูปปั้นถึง 255 ชิ้น มีน้ำพุใหญ่ที่สุดเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลาง ก็คือ รูปปั้นแซมซั่นกำลังง้างปากสิงโต แล้วก็มีน้ำพุพุ่งขึ้นมาจากปากสิงโต เค้าพึ่งเอาไปบูรณะมา เหมือนไปทาสีใหม่ มันจึงดูเป็นสีทอง ดูใหม่มาก จนหมดความขลังของชัยชนะที่น่าภาคภูมิใจ คล้ายๆกลายเป็นวัง เป็นสวนใหญ่ ที่สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ในยุครัสเซียทุนนิยมยามนี้

      เสร็จจากอาหารกลางวัน เรากลับเข้ามาในเมืองแล้ว ทัวร์พาเราเข้าชมโบสถ์ ชื่ออะไรก็ไม่รู้สีฟ้าๆ ถ่ายรูปก็ไม่สวย เป็นทัวร์นอกโปรแกรมทดแทนการไปโบสถ์สมอลลิ่ง บ่ายแล้วเราก็ได้ชม พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ ที่นี่เป็นพระราชวังฤดูหนาว มีอาคารทั้งหมด 5 หลัง พระนางแคทเธอรีนร่ำรวยมาก ช็อบเก่งมาก ไปซื้อภาพเขียนในยุโรปมากกว่า 250 ชิ้นก็เลยต้องห้องแสดงภาพส่วนพระองค์ขึ้น เรียกชื่อห้องนี้ว่าเฮอร์มิเทจ แต่ตอนพระนางสวรรคตมีภาพเพิ่มมากขึ้นถึง 3000 ภาพ ปัจจุบันเค้าว่า มีสิ่งของต่างๆจัดแสดงอยู่ที่นี่เกือบ 3 ล้านชิ้น จึงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เดินชมภายในนี้ห้ามส่งเสียงดัง ต้องติดหูฟัง แล้วฟังหัวหน้าทัวร์ทั้งไทยและรัสเซีย ฝอยผ่านเครื่องวิทยุถึงคุณค่าของงานศิลป์ที่จัดแสดงไว้ ในที่นี้ เราเห็นภาพวาดสีน้ำมัน รูปปั้นหินอ่อนของไซคี คิวปิด สวยงามจับใจจริงๆ

      แล้วทัวร์พาเราชมเมือง ไปแวะร้านขายของนิดนึงแล้วพาไปชมโบสถ์หยดเลือด ภาษาเวลาขายทัวร์เค้าจะบอกว่า ผ่านชมโบสถ์หยดเลือด เพราะว่าเค้าให้เราแวะมาถ่ายรูปกับโบสถ์เท่านั้น โบสถ์นี้ก็สวยดี แต่พาเรามาตอนบ่าย แดดจึงไม่ค่อยเอื้อกับการถ่ายรูปมากนัก น่าจะไปชมยามเช้าดีกว่า โบสถ์สร้างขึ้นบนบริเวณที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ถูกลอบปลงพระชนม์ โดยฝ่ายต่อต้าน พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ที่ครองบัลลังค์ต่อมา จึงสร้างโบสถ์เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระบิดา เป็นสถาปัตยกรรมรัสเซีย ที่มีรูปทรงคล้ายวิหารเซนต์บาซิล กรุงมอสโคว์ ก็สวยดีที่นี้เย็นแล้วเค้าพาเรามาชม พระราชวังนิโคลัส วังนี้สร้างให้แกรนดยุคนิโคเลย์ หลังเปลี่ยนการปกครอง สถานที่นี้กลายเป็นวิทยาลัยสตรีชนชั้นสูง ต่อมาเปลี่ยนเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนการค้าท้องถิ่น บางทีเรียกพระราชวังกรรมกร (palace of labour) ก็มี เค้าว่าเจ้าของวังคนแรกรักการดื่มกิน สังสรรค์ จัดงานบอลล์แบบนั้น ภายในตัววัง เด่นด้วยบันไดกว้างใหญ่ เดินจากชั้นล่างขึ้นไปชั้นบนเพื่อทานอาหาร กับดูการแสดง ก็เล่นเอาเหนื่อยทีเดียวกว่าจะเดินขึ้นไปถึง ตั้งแต่ปีค.ศ.1990 ยุครัสเซียทุนนิยม วังก็เปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยว พวกเราได้ดินเน่อร์ สุดหรูกันที่นี่ ได้ชิมแชมเปญ หรือไม่ก็วอดก้า มีเปียโนบรรเลงคลอไปกับอาหารเย็น ศิลปินเธอบรรเลงเพลงไทยเก่งซะด้วยนะ หลังอาหารเย็น ก็เป็นเวลานอน ไม่ใช่สิ เค้าให้เราชมการแสดงวัฒนธรรมพื้นเมือง มีการเต้นระบำ เล่นดนตรีโบราณ พิณ กีตาร์ การแสดงตลก มีการแต่งกายชุดประจำเผ่าต่างๆ แม้กระนั้นท่ามกลางเสียงเพลง การแสดงที่เร้าใจปานนั้น หลายคนของพวกเราก็ยังหลับได้ แล้วก็หลับต่อมาในรถจนกระทั่งเข้าพักในโรงแรมเดิม

      เช้าวันที่ 2 เป็นเช้าวันจันทร์ 9 โมงเช้าเริ่มออกเที่ยว มองเห็นคนรัสเซียออกเดินทางไปทำงานตอนสายๆ ทัวร์พาเราในบรรยากาศยามเช้าที่สดชื่นแจ่มใสมาก แดดแรง แสงดี อากาศเย็นสบาย ทัวร์พาเรามาชมเมืองพุชกิ้น หรือที่รู้จักในชื่อ ซาโก เซโล เมืองนี้เป็นที่พักฤดูร้อนของราชวงศ์รัสเซีย ที่นี่เป็นที่โปรดปรานของโรมานอฟทุกพระองค์ เหตุการณ์ปฏิวัติที่เค้าฆ่า พระเจ้านิโคลัสที่2 และครอบครัวก็เกิดขึ้นที่นี่ ในวันที่ 2 เมษายน ค.ศ.1917 ประชาชนเค้าปฏิวัติเพราะว่าพระเจ้านิโคลัสที่ 2 หมดเงินไปมากโข แล้วก็มีคนที่ไปรบต้องตายไปมากมายในสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังมีเรื่องรัสปูตินอีก รัสปูตินที่ claim ว่าสามารถทำให้เลือดที่ไหลไม่หยุดของเจ้าชาย Alexei หยุดได้ แต่ไ่ม่รู้นะว่ารักษายังไง เจ้าชายเป็นลูกของพระเจ้านิโคลัสที่ 2 กับพระนางอเล็กซานดรา อเล็กซานดราเป็นหลานยายของพระนางเจ้าวิคตอเรียแห่งอังกฤษ พระนางจึงเป็น carrier ของ Hemophilia A ที่มีการถ่ายทอดผ่านทาง X chromosome เจ้าชายอเล็กเซ หรือ อเลกซิส จึงเป็น Hemophilia โรคเลือดออกแล้วไหลไม่หยุดนั่นเอง

      เราชอบสวนสวยและวังอันรื่นรมณ์แห่งนี้มากที่สุด เราเข้าชมพระราชวังฤดูร้อนแคทเธอรีน พระราชวังออกโทนสีฟ้าสวย เป็นอาคาร 2 ชั้น เดินเข้าชมภายใน มีทั้งห้องใหญ่ ห้องเล็ก สวยแบบสีทองอร่าม บานหน้าต่างประดับด้วยกระจก เทียน ปิดทองอร่ามตามรูปแบบศิลปะบาร็อก มีห้องอำพัน ที่เค้าห้ามถ่ายรูปที่ห้องนี้ เค้าว่าเป็นห้องที่สวยที่สุด ก็สร้างขึ้นมาใหม่แทนที่ห้องเดิมๆที่ถูกทำลายไปโดยเยอรมันตอนสงตรามโลกครั้งที่ สอง ยังมีห้องอาหารค่ำสีเขียว ออกโทนสีสวยสว่าง มีรูปปูนปั้นแกะสลักตกแต่ง มีรูปปั้นคิวปิดหลับทางทิศตะวันตก แล้วก็มีรูปปั้นคิวปิดตื่นทางทิศตะวันออกด้วย เราชอบสวนสวยที่นี่ ดอกไม้ ต้นไม้ ให้บรรยากาศชุ่มชื่น สำเริง สำราญบานใจ ยิ่งนัก

      หลังอาหารกลางวัน ทัวร์พาเรากลับเข้ามาในเมือง เข้าชมภายในมหาวิหารเซนต์ไอแซค เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย ใหญ่ที่สุดของวิหารแบบรัสเซียนออร์โธร์ดอกซ์ เค้าว่าใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก
      ทั้งยังเป็นต้นแบบเอาไปสร้างเป็นที่ทำการรัฐบาลกรุงวอชิงตันที่อเมริกาด้วย ความที่เป็นมหาวิหารที่ใหญ่มาก กว่าจะสร้างเสร็จใช้เวลานานกว่า 40 ปี ยุคปฏิวัติที่นี่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ เข้าชมภายในก็พบว่า เค้าแบ่งบางส่วนให้ผู้คนเข้ามาทำพิธีไหว้พระเจ้า ผู้หญิงต้องโพกผ้าคลุมศีรษะแบบเดียวกับที่เราเห็นผู้หญิงที่เข้าสุเหร่าแบบนั้น การเข้าชมภายใน ให้ต้องแหงนหน้าขึ้นมองเพดานภายในจนเมื่อยคอไปหมด มีรูปนักบุญปีเตอร์ที่เป็นรูปโมเสกสวยงามใหญ่โตมาก ยังมีรูปภาพนักบุญต่างๆอีกมากมาย ได้เวลา เค้าเริ่มเร่งขบวนทัวร์ กลัวพวกเราจะตกเครื่อง เค้าพาเราเข้าชม ป้อมปีเตอร์และปอล จากตัวมหาวิหารเซนต์ไอแซค ขับรถผ่านมายังแม่น้ำเนวา (neva) เราได้ชมสัญลักษณ์ของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นรูปพระเจ้าปีเตอร์มหาราชทรงม้า ที่เรียกกันว่า Bronze horseman รูปปั้นนี้ตั้งอยู่บนก้อนหิน
      ที่เค้าโม้ว่าเป็นก้อนหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เคลื่อนย้ายมาได้ด้วยแรงมนุษย์ ก้อนหินจะถูกสลักเอาไว้ว่า Catherine the Second to Peter the First 1782 ช่างเป็นภรรยาที่รักและเทิดทูนสามีของเธอเสียนี่กระไร แคทเธอรีนคนนี้ คือ จักรพรรดินีแคทเธอรีนที่ 1 แห่งรัสเซีย (ผู้ปราณี) แล้วทัวร์ก็พาเราข้ามแม่น้ำเนวา ป้อมปีเตอร์และปอล ป้อมนี้เป็นสิ่งก่อสร้างอันแรก เพื่อเป็นอนุสรณ์ชัยชนะเหนือสวีเดน ตั้งอยู่บนเกาะวาซิลเยฟสกี้ บนเกาะมีวิหารปีเตอร์และปอล ซึ่งเป็นที่เก็บศพของราชวงศ์โรมานอฟ ตั้งแต่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชถึงกษัตริย์องค์สุดท้ายคือพระเจ้านิโคลัสที 2 และครอบครัว ชื่อของป้อม กลัวลืมจึงได้คิดถึงเพลง พัฟ เดอะเมจิกดราก้อน ที่เป็นเพลงของปีเตอร์ พอล แมรี่ ฮัมเพลงนี้ไว้แล้วจำชื่อป้อมนี้ได้ ไม่ลืม..
      ชื่อวิหารปีเตอร์และปอลนี้ ก็เลยจะขอเล่าเรื่อง ปีเตอร์ที่ 3 และพอลล์ที่ 1แห่งรัสเซีย เรื่องมีว่าปีเตอร์ที่ 3 องค์นี้เธอชิงชังรัสเซีย
      แต่กลับนิยมชมชอบปรัสเซีย(คือเยอรมัน)ซึ่งเป็นศัตรูตอนนั้น
      ปีเตอร์ที่ 3 นี้เค้าว่าทั้งขี้เกียจ เอาแต่ใจ ไม่ใส่ใจในราชการ แม้แต่แม่แท้ๆคือพระนางเจ้าเอลิซาเบธก็ยังไม่ต้องการให้ขึ้นเป็นพระเจ้าซาร์ แต่กลับเร่งรัดให้ปีเตอร์แต่งงานเพื่อจะได้ผลิตรัชทายาทองค์ใหม่ ปีเตอร์ได้แต่งงานกับเจ้าหญิง โซฟี ซึ่งมีเชื้อสายเยอรมนีหรือปรัสเซีย เจ้าหญิงโซฟีเปลี่ยนมานับถือนิกายรัสเซียออร์โธด็อกซ์มีชื่อใหม่ว่า เจ้าหญิง อเล็กซีเยว่า แคทเธอรีน มีโอรส 1 พระองค์กับปีเตอร์ที่ 3 ก็คือพอลล์ที่ 1 นั่นเอง พอแม่ตาย ปีเตอร์ที่3 ก็ครองราชย์ บริหารจักรวรรดิตามอำเภอใจ สร้างความไม่พอใจให้ทั้งกองทัพ ประชาชน ขุนนาง แม้แต่แคทเธอรีน เมียแกก็ไม่พอใจมาก เค้าว่าปีเตอร์มีการวางแผนจะจับเมียคนเก่งไปขังด้วย และเมื่อถึงขีดสุด หลังจากปีเตอร์ปกครองจักรวรรดิได้แค่ 6 เดือน ก็ถูกแคทเธอรีนยึดอำนาจทั้งหมด เจ้าชายออโลฟ ซึ่งเป็นกิ๊กของแคทเธอรีน ก็กำจัดปีเตอร์ในคุก ตามคำสั่งของแคทเธอรีน แคทเธอรีนขึ้นครองราชย์เป็น สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 บางทีเรียกเป็น แคทเธอรีน(ผู้เที่ยงธรรม) เค้าว่าพระนางทำนุบำรุงจักรวรรดิเป็นอย่างดี ปฏิรูปประเทศ วางตัวเหมาะสม มีการนำทรัพย์ส่วนตัวมาแจกให้ชาวไร่ ชาวนาและทาส แคทที่ 1 จำได้นะว่ารักผัวที่จารึกไว้ที่ก้อนหินใหญ่ แต่แคทที่ 2 คนนี้สั่งฆ่าผัว
      ทั้งยังไม่ชอบพอลล์ที่ 1 ที่เป็นลูกของตัวด้วย อย่างไรก็ดี เมื่อพอลล์แต่งงานมีลูกคืออเล็กซานเดอร์ที่ 1 ย่าคือแคทเธอรีนก็หวังจะให้หลานเป็นรัชทายาท เพราะแกเชื่อว่าพ่อมันไม่ดี ลูกชายก็คงไม่ได้เรื่องเหมือนพ่อมัน ไม่สามารถเป็นพระเจ้าซาร์ พอแคทเธอรีนสวรรคต พอลล์รีบขึ้นสืบราชสมบัติ อย่างแรกที่แกทำคือสั่งให้ไต่สวนเรื่องราวการตายของแม่ที่เกิดขึ้น แล้วแกรีบออกคำสั่งให้ทำลายพินัยกรรมทิ้ง ซึ่งเป็นที่ลือกันว่าพินัยกรรมเขียนขึ้นว่าแคทเธอรีนต้องการยกราชสมบัติให้อเล็กซานเดอร์ พอลล์แกเปลี่ยนนโยบายของแม่มากมาย พอลล์ครองราชย์ได้ราวๆ 5 ปี แกก็ถูกลอบฆ่าในพระราชวังเซนต์ไมเคิล เล่ากันอย่างสนุกว่า พอลล์ซ่อนอยู่ในผ้าบริเวณมุมห้อง ทหารก็ลากตัวออกมา บังคับให้ทรงลงนามในเอกสารสละราชสมบัติ แต่แกขัดขืนต่อสู้ ผู้ร่วมก่อกบฏคนหนึ่งจึงแทงแกด้วยดาบ ราชบัลลังก์จึงตกมาเป็นแกรนด์ดยุคอเล็กซานเดอร์ที่ 1 หลานชายคนโตสมใจแคทเธอรีนที่ 2 
      มีการเขียนถึงนายพลชื่อดังชื่อซูบอฟ 
      หนึ่งในผู้ร่วมก่อกบฏ ได้กล่าวกับอเล็กซานเดอร์ว่า
      ถึงเวลาที่พระองค์จะต้องทรงเติบใหญ่และเสวยราชย์เป็นจักรพรรดิแล้ว

      อากาศเย็น หนาว ลมแรงมากทีเดียว ของยามเย็นในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เราเข้าไปชมภายในวิหาร ภายในก็เป็นที่เก็บพระศพ เมื่อถ่ายรูปเพดานของวิหาร แสงไฟส่องสีเพดาน ให้สีเพี้ยนเปลี่ยนไปเป็นสีเขียวอ่อน สวยแปลกตาดี ตอนเช้าเข้าชมสถานที่ที่พวกเค้ารัก เค้าชอบ และถูกปฏิวัติโดนยิงเสียชีวิตกันหมด พอตอนเย็นได้เข้าชมสถานที่ที่เก็บศพคนเหล่านี้เอาไว้ จึงน่าเป็นที่สอนเตือนใจ กับความยิ่งใหญ่เรืองรอง ที่ล้วนเดินทางเข้าสู่จุดจบคือความตายเป็นที่หมายเดียวกัน ออกจากป้อมมาได้นิดเดียว ขับรถผ่านชมปืนที่มีขนาดใหญ่เป็นปืนครกจริงๆ แล้วทุกคนก็เผชิญกับรถติดที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อดไปดูเรือออโรร่าตามโปรแกรมที่ว่าไว้ แล้วหลังอาหารเย็น ราว 4 ทุ่มเวลารัสเซีย เราก็บินกลับมามอสโคว ด้วยแอร์ไซบีเรีย สายการบินภายในประเทศที่มีสีแบบลูกกวาดคล้ายๆบางกอกแอร์เวย์ มาถึงโรงแรมมิลาน นอกเมืองมอสโกนิดนึง มารอที่หน้าฟ้อนท์เพื่อรับกุญแจเข้าห้องพัก แต่รอแล้ว รอเล่า ก็เข้าห้องพักไม่ได้ซะที รอนานกว่า 1 ชั่วโมงนิดหน่อย ท่ามกลางความง่วงนอน หงุดหงิด เหม็นกลิ่นบุหรี่ ด้วยอุบัติเหตุแบบโรงแรมรัสเซียที่หาชื่อคนเข้าพักชาวไทยไม่เจอ จึงต้องเริ่มต้นทำกันใหม่หมด คนไทยทั้ง 24 คนจึงต้องรอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ กว่าจะได้นอนคืนนี้จึงเป็นเวลาราว 1 นาฬิกา ก็เท่านั้น

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×