ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Legend Of Mortal ตำนานอวสานวันสิ้นโลก

    ลำดับตอนที่ #4 : The lost evidence

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ย. 63


                          

    “ป่านนี้ จะเป็นไงบ้างนะ?

     

     ชิโร่พึมพำกับตัวเอง เป็นห่วงโฟร์ทอย่างกังวล ในขณะที่เวลานี้เขากำลังมุ่งหน้าเข้าสู่น่านฟ้ากรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า  

     

                

    “นี่คือฐานกองบังคับการบินสหรัฐอเมริกา ขณะนี้คุณกำลังลุกล้ำสู่เขตแดนน่านฟ้าของเราโดยไม่ได้รับอนุญาต กรุณาลงจอดตามพิกัด มิฉะนั้นเราจะถือว่าคุณคือศัตรูและโจมตีทันที”

                

                คำเตือนจากฐานทัพการบินส่งสัญญาณวิทยุส่งสัญญาณแจ้งเตือนเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ชิโร่จำต้องหักคันบังคับไปยังพิกัดอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

                            “โธ่โว๊ย ปัญหาเก่ายังไม่ทันเคลียร์ ปัญหาใหม่ก็โผล่มาไม่หยุด ” 

     

                ชิโร่สบถอย่างหงุดหงิด แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีสัญญาณเข้ามาใหม่ว่า

     

    “เมื่อสักครู่ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ทางเราได้ส่งพิกัดใหม่ไปให้คุณแล้ว กรุณาลงจอด เราจะส่งคนไปต้อนรับคุณที่นั่น”

     

    นี่มันอะไรกัน

     

                เด็กหนุ่มเอียงคอสงสัย ในเมื่อตอนแรกยังมองว่าเขาเป็นศัตรู แต่จู่ๆก็เปลี่ยนท่าทีเสียดื้อๆ แต่นั่นแหล่ะ เขาไม่มีทางเลือก คงต้องตามน้ำไปก่อน ชิโร่หักคันบังคับและลงจอดตามพิกัดทันที  ก่อนจะเห็นว่ามีทหารทั้งสามนายแสดงท่าทีอย่างเป็นมิตรออกมายืนต้อนรับอยู่ 

     

                ชิโร่ก้าวออกจากเฮลิคอปเตอร์เรียบร้อย แต่แล้วทันพวกทหารเห็นหน้าของชิโร่ กลับชักปืนขึ้นมาทันที

     

    “เห้ยยมันไม่ใช่คนในข้อมูลที่ได้รับมา แกเป็นใคร? บอกมาเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงเครียดของหนึ่งในทหารดัังขึ้นพร้อมกับเล็งปืนใส่ ในขณะที่ชิโร่งงไปหมด ทำได้แต่ยกมือทั้งสองข้างขึ้น

     

    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่..

     

    “ตอบมาเดี๋ยวนี้ว่าแกเป็..”

     

                                  ปุ ปุ

     

    ยังไม่ทันสิ้นเสียง ร่างของทหารทั้งสองก็ร่วงลงด้วยปืนเก็บเสียง MK23 ที่ยิงจากด้านหลัง

     

    “ยังอ่อนหัดไม่เปลี่ยนเลยนะครับ Zero”

     

    “เร็น!”

     

                ชิโร่แทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นว่าคนที่มาช่วยเขาเป็นใคร เด็กหนุ่มหน้าตาดี อายุน้อยกว่า ต่างกับท่าทีที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตนด้วยซ้ำ หนุ่มน้อยผู้มีดวงตาสีนิล เรือนผมสีเงินที่เขาคุ้นเคย

     

    “อย่าเพิ่งถามอะไรทั้งนั้น แล้วตามผมมาเงียบๆนะครับ”

     

                เร็นรีบดักคออย่างรู้นิสัยของคนตรงหน้าเป็นอย่างดี ก่อนจะหันหลังเดินนำทางไปยังบันไดหนีไฟ

     

    “เร็นนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมนายถึงฆ่าทหารสองคนนั่น?” ชิโร่รัวคำถามเป็นชุด

     

                เร็นถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะดูเหมือนว่าคนข้างหลังเขาจะไม่ได้ฟังคำขอนั่นเลย แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ เขาไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดหรือรำคาญอะไรอะไร กลับอมยิ้มเล็กๆ เพราะรู้ว่ามันเป็นนิสัยของเขา

     

    ..นิสัยแบบ ..มนุษย์...

     

    “ช่วยเงียบหน่อยนะครับ อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ แล้วเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง..แต่ว่าถ้าจะให้ดีนะครับ กรุณาเรียกผมว่า เซเคิ่น (Second) เถอะ เพราะตอนนี้เรากำลังอยู่ในระหว่างปฏิบัติภารกิจนะครับ”

     

    “ทำไมต้องซีเรียสขนาดนั้นด้วย ก็ในเมื่อเราเป็นพี่น้องกัน ฉันไม่สน ว่าใครจะว่ายังไง เพราะนายก็คือน้องชายของฉัน เร็น”

     

    “...”

     

                ไม่มีการตอบกลับจากคนเป็นน้องชายที่กำลังเดินนำหน้า ทำให้ชิโร่ได้แต่ไหวไหล่และเดินตามไปอย่างเงียบๆ ก่อนที่น้องชายจะหันมาอีกครั้ง

     

          

    “เราต้องรีบไปที่ท่าเรือ ซึ่งห่างจากที่นี่ออกไปประมาณยี่สิบนาทีนะครับ”

     

    “..โอ...เค...”

     

                คนเป็นพี่กำลังจะรับคำไม่ทันจบประโยคก็ถูกคนตรงหน้าหันฉับไปทันทีที่พูดจบประโยค เหมือนตนรู้สึกว่า ถูกเจ้าน้องชายกำลังเมินใส่ ทำให้เขาต้องรีบหุบปากลงอย่างเก้อๆ 

     

    “เย็นชากับพี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”

     

                ระหว่างทาง ชิโร่สังเกตุว่าเมืองนี้ยังดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกอย่างมันช่างแตกต่างกับที่ที่เขาเพิ่งจากมา ทั้งๆที่แมนฮัตตันห่างจากวอชิงตันแค่สองร้อยกว่าไมล์เท่านั้น แต่ทุกคนที่นี่ยังใช้ชีวิตกันอย่างปกติสุข โดยไม่มีใครรู้เลยว่าหายนะกำลังจะมาในไม่ช้า 

     

                ชิโร่ลอบสังเกตุผู้คนระหว่างทาง บางคนกำลังนั่งกินอาหารเป็นครอบครัวหัวเราะ บ้างก็เดินคนเดียว ท่าทางรีบร้อนกำลังจะไปทำงาน บ้างก็นั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ในที่สาธารณะ และผู้คนอีกมากมายที่ต่างคนต่างมีชีวิตอย่างเคยเป็นในทุกๆวัน

     

                ‘…น่าอิจฉา…’

     

                ใช่..เขากำลังอิจฉาความเป็นมนุษย์ ชีวิตธรรมดาเรียบง่าย ถึงจะอุปสรรคบ้างตามประสา ไม่ต้องมาแบกรับภารกิจที่เขาต้องเจอ ไม่ต้องพบกับความสูญเสีย แบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้..

     

    ประตูน้ำ Hiram m chittenden locks Seattle Washington’

     

    ..ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเร็นถึงเลือกที่นี่..

     

    ประตูน้ำ Hiram M. Chittendenเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างย่านต่างๆ จะถูกคั่นด้วยคลองที่มีชื่อว่า Lake Washington Ship Canal โดยประตูน้ำเหล่านี้นี้จะมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า บัลลาร์ดล็อค ช่วยให้เรือต่างๆ ที่สัญจรและเคลื่อนย้ายเรือผ่านน้ำที่ต่างระดับกันได้ ในระหว่างที่เดินทางเข้าและออกจากซีแอตเติล (Seattle)

     

    มีเรือมากมาย รวมทั้งสปีทโบ้ทหลายต่อหลายลำจอดเทียบท่าอยู่ เร็นเลือกกระโดดลงไปที่สปีทโบ้ทสีขาวสุดหรูลำหนึ่งที่จอดเทียบท่าอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะเรียกชิโร่ ที่มัวแต่มองชื่นชมบรรยากาศรอบๆเหมือนกับกำลังมาท่องเที่ยวยังไงยังงั้น

     

    “รีบขึ้นเรือเถอะครับ เรามีเวลาไม่มากแล้ว พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังประเทศไทย ส่วนอาวุธของพี่ ผมก็เอามาให้แล้วนะครับ”

     

                เร็นอธิบายแผนการเดินทาง พร้อมกับยื่นสิ่งที่เรียกว่าเป็นอาวุธซึ่งถูกห่อด้วยผ้ากำมะหยี่สีดำอย่างดี ขนาดของมันยาวประมาณเมตรกว่าๆ 

     

                พอชิโร่ก้าวขึ้นเรือเร็นที่สตาร์ทเรือรอไว้ก่อนแล้วออกตัวทันที จนชิโร่เสียหลักหงายหลังล้มลงเพราะไม่คิดว่าจะรีบร้อนขนาดนี้

     

    “จะรีบไปไหนเนี่ยเร็น” เจ้าตัวถามเอามือลูบบั้นท้ายตัวเองป้อยๆ

     

    “พวกเราต้องออกจากที่นี่ ก่อนที่มันจะสายเกินไป”

     

    “นายหมายความว่ายังไง? พี่ไม่เข้าใจ?

     

    “พี่ลองก้มมองดูที่ใต้ทะเลสิแล้วพี่จะเข้าใจ”

     

                ชิโร่ก้มมองดูตามที่น้องชายตนบอก และเขาก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นบางสิ่งอยู่ใต้น้ำ

     

    “นะ..นี่มัน!

     

                ปรสิตขนาดใหญ่ น่าจะเป็นระยะสาม ไม่สิ มีตัวที่ใหญ่กว่าระยะสามรวมอยู่ด้วย จำนวนของพวกมันมากมายจนนับไม่หมด กำลังมุ่งหน้าไปยังที่ที่พวกเขาเพิ่งจะออกมา .. วอชิงตัน ดีซี..

     

    “เอาเรือกลับไปเดี๋ยวนี้!”   ชิโร่ตะโกนสั่งเสียงลั่น

     

                แต่ดูเหมือนคำพูดของเขาจะไม่มีความหมาย เพราะน้องชายยังคงขับเรือต่อไป และนั่นมันยิ่งทำให้เขาเดินตรงดิ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อคนที่ชื่อว่าเป็นน้องชายอย่างเหลืออด ในขณะที่คนถูกกระชากคอเสื้อกลับทำสีหน้าเหมือนทำทองไม่รู้ร้อน 

     

     

                            “นายไม่ได้ยินที่ฉันสั่งหรือไงเร็น ฉันบอกว่า ให้เอาเรือกลับไปเดี๋ยวนี้!” 

     

     

                สายตาของเร็นคงยังเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนไปจากเดิม  มันทำให้ชิโร่สัมผัสได้ว่าน้องของเขาคนนี้มันช่าง

     

    … เย็นชา..

     

                เร็นถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดูเหมือนว่าพี่ชายเขาจะใจร้อนไม่เปลี่ยน วู่วาม ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่คิดถึงผลลัพธ์หรืออะไรทั้งนั้น และไม่เคยคิดถึง..ตัวเอง..

     

    “พวกเราทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะครับพี่ ถ้าขืนกลับไป รังแต่จะตายเปล่า ตอนนี้พวกเราต้องมุ่งหน้าไปยังประเทศไทยก่อน”

     

                ชิโร่ปล่อยคอเสื้อน้องชาย แต่ทว่าเขากลับยิ่งกำหมัดตัวเองแน่นขึ้นกว่าเดิม เจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง ทุกชีวิตที่ตนเคยอิจฉาอยากจะเป็น กำลังจะพังพินาศ โดยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ผู้คนต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ทั้งๆที่ตนรู้ล่วงหน้าก่อนใคร แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย..

     

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พี่เป็นหัวหน้านะ ทำไมถึงเป็นพี่คนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

     

                เร็นมองพี่อย่างอ่อนใจ

     

                            “ผมคิดว่าผมก็คงรู้ไม่หมดนะครับ แต่ผมจะบอกเท่าที่รู้ ก่อนอื่นผมจะขอถามพี่ก่อนว่า พี่รู้หรือเปล่าว่าทำไมผมถึงฆ่าทหารสองคนนั่นที่วอชิงตัน ทำไมทั้งๆที่เกาะแมนฮัตตั้นถึงได้เละขนาดนั้นแล้ว แต่กลับไม่มีใครรู้เรื่อง ไม่มีแม้แต่ข่าวหรือการแจ้งเตือนอะไรเลย แล้วพี่ไม่สงสัยเหรอครับว่า ทำไมกองบังคับการบินของสหรัฐอเมริกาถึงได้สั่งให้พี่จอดเฮลิคอปเตอร์ลงที่ตึกนอกกองบังคับการบินแทนที่ปกติจะต้องให้ลงจอดลงในฐานทัพของทหาร แค่นี้ผมว่าพี่น่าจะพอเข้าใจได้แล้วนะครับ” 

     

                ชิโร่เริ่มได้สติ แล้วหยุดคิดวิเคราะห์สิ่งที่เร็นพยายามจะบอกใบ้เป็นฉากๆ แต่แล้วเขาแทบจะหยุดหายใจเมื่อได้รู้คำตอบว่า

     

    “นะ..นายกำลังหมายถึง..”

     

    “แต่อย่างน้อยก็มีโอกาสเป็นไปได้ใช่ไหมล่ะ?

     

     

                ชิโร่ลอบกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ภาวนาให้มันไม่ใช่ ในขณะที่เร็นอธิบายต่อ

     

    “ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่ามันใช่ และตอนนี้พวกเราก็คงทำได้เพียงแค่คอยช่วยเหลือประเทศที่ยังไม่ถูกพวกมันโจมตีจะดีกว่านะครับ และเราก็คงจะต้องสู้กับพวกมันไปจนถึงตอนนั้น อ้อ…แล้วก็ไม่ต้องเป็นเป็นห่วง  โฟร์ท นะครับ เพราะเติร์ท (Third) เดินทางไปสมทบเรียบร้อยแล้ว”

     

    “เฮ้ออ..ดีแล้วที่เป็นเติร์ท

     

                ชิโร่ทิ้งตัวลงนั่งอย่างโล่งใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ในหัวเขายังคงอดเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลาไม่ได้ และยิ่งรู้ว่าคนที่ไปช่วยเป็นเติร์ทแล้ว ก็สบายใจไปเปราะนึง  แต่เมื่อนึกถึงอีกคนขึ้นมา

     

    “แล้วเฟิร์ส (First) ล่ะ หายไปไหน?

     

    รัสเซียครับ เห็นว่าจะขอไปตรวจดูที่เขตเชอร์โนบิว”

     

    “เชอร์โนบิว? ที่นั่นมันไม่น่าจะเหลืออะไรแล้วนี่นา จำได้ว่าพวกรุ่นก่อนจัดการไปหมดแล้วไม่ใช่รึไง?

     

    “การที่พวกมันโผล่มาแบบนี้อาจจะเกี่ยวข้ออะไรบางอย่าง เฟิร์สอาจจะรู้สึกอะไรบางอย่างที่มันผิดปกติก่อนใคร ไม่งั้นคงไม่ไปที่แบบนั้นหรอกครับ”

     

    “นี่เราทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆใช่ไหม?

     

                ชิโร่เอ่ยพร้อมเมื่อมองเห็นภาพไปยังด้านหลังของตน ซึ่งเร็นได้แต่หันหลังขับเรือต่อไปและไม่พูดอะไรอีกเลย..

     

    แม้ว่าตอนนี้เรือจะขับออกมาไกลมากแล้ว แต่ก็ยังมองเห็นอาคารสูงต่างๆเริ่มมีเขม่าควันไฟหนาหลายจุด ทวีรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียงกรีดร้องระงมกึกก้องจนแทบอยากจะเอามือปิดหู เสียงระเบิด ดังสนั่นลอดออกมาเป็นระยะๆ        

     

    กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา อภิมหาอำนาจของโลก ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมักจะโดนโจมตีก่อนเสมอ..

     

    ..กว่าจะรู้ตัว..ทุกอย่างมันก็..

     

    ..สายเกินไปเสียแล้ว...

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×