ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Harry Potter: HP | ฟิค SS/HG | SSHG - Snamione) To Build a House of Cards

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 01 - An Arrival of Fear Under an Owl's Wings

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.5K
      105
      12 มี.ค. 67






    Chapter I





    แสงจากข้างนอกเตือนให้รู้ว่าเป็นเวลาสายพอประมาณ และท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นมากหลังจากหมอกลงจัดเมื่อตอนย่ำรุ่ง ลอนดอนยังคงเป็นดังเช่นที่มันเป็นมาตลอด ทึมทึบและสลัว แต่เมื่อใดที่มีแสงแดด ก็จะส่องประกาย


    เธอกำลังเตรียมมื้อเช้าอยู่ในครัวตอนลูกชายส่งเสียงตื่นเต้น


    เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ได้ยินเสียงตึงตังและโหวกเหวกจากหน้าประตูใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ยังจุดที่เธอยืนอยู่ ตอนนั้นเองที่ปลายนิ้วเธอชาเหมือนถูกแช่แข็ง ในอกรู้สึกว่างโหวง บางทีนี่อาจเป็นความหวาดกลัว – เธอรู้เหตุผลว่าเพราะอะไร – เหตุใดลูกชายถึงตื่นเต้นดีใจขนาดนี้


    วันนี้คือวันเกิดครบรอบสิบเอ็ดปีของแอนโทนี่


    นั่นหมายถึงจดหมายจากฮอกวอตส์อย่างที่เขาควรได้รับโดยปราศจากข้อกังขาเมื่อปีที่สิบเอ็ดของเขามาถึง เฮอร์ไมโอนี่ยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างประหวั่นต่อความจริงที่เข้ามาทักทายถึงประตูบ้าน ตรงหน้าเธอ


    แต่เธอเป็นผู้หญิงที่ทำใจแข็งได้ เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ในสงครามครั้งนั้น ผู้หญิงที่เคยเผชิญหน้ากับโวลเดอร์มอร์มาแล้ว


    ดังนั้นเอง เฮอร์ไมโอนี่จึงวางจานบนโต๊ะก่อนจะเคลื่อนไหวจากมาอย่างเรียบรื่น เธอเดินไปหยิบนมมารินใส่แก้วด้วยท่าทีเป็นธรรมดาที่สุดขณะตะโกนบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หากทว่าเด็ดขาดเช่นเดียวกับคนเป็นแม่ทุกคน


    “อย่าวิ่งบนทางเดิน โทนี่”


    เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นก่อนจะพบดวงตาสีดำสนิทจ้องมองมา ลูกชายของเธอถือกระดาษจดหมายที่ถูกเปิดไว้ในมือพลางฉีกยิ้มกว้างจนเธอยิ้มตาม


    “ไหนบอกสิว่ามีเรื่องอะไรทำให้ลูกดีใจได้ขนาดนี้”


    เธอกอดลูกชายที่โผเข้ามาด้วยสองแขน เขารัดเอวเธอแน่นก่อนจะกดศีรษะลงมาซุกหน้าท้องเธอและส่ายหัวไปมาอย่างยินดี ใบหน้าของแอนโทนี่ เกรนเจอร์เปรอะเปื้อนด้วยรอยยิ้มซุกซน เช่นนี้ผู้เป็นมารดาของเขาจึงย่อตัวลงให้ความสูงพอดีกับบุตรชาย แต่ลูกชายของเธอสูงมากพอสำหรับเด็กชายวัยสิบเอ็ดแล้วตอนนี้


    เฮอร์ไมโอนี่ขยี้แก้มขาวซีดของเด็กชายวัยสิบเอ็ดปีอย่างรักใคร่เอ็นดู เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทเหมือนถ่านพลางยิ้มอย่างรู้เท่าทัน หากทว่าในหัวใจนั้นตระหนักดี ข่าวที่มาพร้อมกับปีกนกฮูกนี้จะไม่ทำให้เธอยินดีเหมือนที่บุตรชายกำลังเป็น


    ไม่ ที่จริงจะบอกว่าเธอไม่ยินดีเลยก็คงไม่ได้เสียทีเดียว


    เธอยินดีทั้งยังดีใจอย่างมากกับความสามารถของโทนี่และจดหมายจากฮอกวอตส์ แต่เธอไม่ยินดีต่อการตอบรับจดหมายฉบับนี้เพื่อเข้าศึกษา เฮอร์ไมโอนี่เข้าใจความรู้สึกของลูกชาย เธอจำความรู้สึกปิติยินดีที่ได้รับจดหมายฉบับเดียวกันอย่างนี้ได้ มันคือความปรีดา


    เพียงแค่ว่าเธอไม่สามารถยอมให้โทนี่เข้าเรียนที่นั่น


    ไม่เป็นอันขาด


    ตราบใดที่เซเวอร์รัส สเนปยังเป็นอาจารย์ใหญ่


    เธอไม่ได้กังขาในความชอบธรรมต่อการรับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของเซเวอร์รัส สเนป หรือไม่ชอบใจในตัวเขา กลับกันเสียอีก เธอคิดว่าเขาคือผู้ชายที่มีเกียรติมากพอ เป็นผู้ชายที่ยิ่งใหญ่และเสียสละเกินกว่าที่ใครจะทำได้ เขาเหมาะกับตำแหน่งนั้นที่สุดแล้ว


    เธอไม่มีอะไรเป็นการส่วนตัวต่อตำแหน่งของอาจารย์ใหญ่ฮอกวอตส์


    แต่เป็นเรื่องที่อาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ต้องไม่มีวันได้รู้ต่างหาก


    “นั่นจดหมายอะไรจ้ะ” หลังผละจากลูกชายและรอยยิ้มซุกซนบนใบหน้าขาวซีดนั่น เฮอร์ไมโอนี่ก็แกล้งถามอย่างลองเชิง ทั้งที่ตระหนักดีอยู่แก่ใจ


    บนตัวของโทนี่เหมาะกับสีดำ – สีดำเหมือนกับพ่อของเขา – แทบจะไม่มีส่วนใดในตัวของลูกชายเธอเป็นของเธอเลย ดวงตาคู่นั้นดำสนิทอย่างเย็นชาเช่นเดียวกับผมที่หยักศกเล็กน้อย ไม่ได้ตรงเสียทีเดียว และบางทีก็เกาะกันเป็นก้อนเหนอะหนะหลังจากเขาเล่นสนุกอยู่ข้างนอกมาทั้งวันเสียด้วยซ้ำ


    โทนี่เหมือนเซเวอร์รัส สเนปคนที่เธอเห็นในเพนซีฟหลังจากแฮร์รี่ยอมเผยให้เธอได้รับรู้ไม่มีผิดเพี้ยน เซเวอร์รัส สเนปที่ขาวซีด ผมสีดำ และดวงตาที่ไม่มีอะไรนอกจากความมืดมิดเฉกเช่นเดียวกัน


    ดังนั้น เมื่ออาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์เห็นนักเรียนคนนี้ – แอนโทนี่ เกรนเจอร์ – เขาต้องรู้แน่


    เธอจึงไม่มีวันส่งลูกชายไปฮอกวอตส์


    ไม่มีทาง


    มันเป็นการปกป้อง


    ไม่ใช่ปกป้องความลับ


    แต่ปกป้องความเจ็บปวดที่จะตามมาจากการค้นพบความจริง


    เซเวอร์รัสจะเจ็บปวด โทนี่ก็จะเจ็บปวด ไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรจากความจริงนี้


    หญิงสาวนึกถึงความมืดที่ปกคลุม เสียงแหลมสูงของเบลลาทริกซ์กับความเปรมปรีดิ์ที่ได้ทรมาน ตลอดจนเสียงหัวเราะขบฟันของเหล่าผู้เสพความตาย ใบบรรดาเสียงเหล่านั้น เธอพบร่องรอยความนุ่มนวลที่มีกระแสความรู้สึกมากกว่าจะผสมปนด้วยเยื่อใยความเย็นชาเหมือนเช่นทุกที ปรากฏอยู่ในน้ำเสียงของเซเวอร์รัส สเนป


    เธอจำมือที่อุ่นอย่างไม่น่าเชื่อของเขาได้


    โทนี่เป็นผลลัพธ์ที่ได้มาจากความจำเป็น แต่ลูกชายเธอไม่ใช่ความผิดพลาด ไม่ใช่ของที่ระลึกไว้ดูต่างหน้าเพื่อย้ำถึงเหตุการณ์ใด ๆ


    สิ่งเดียวที่แอนโทนี่ เกรนเจอร์เป็นคือลูกชายคนสำคัญที่สุดที่เธอยอมแลกด้วยชีวิต แลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง


    เขาคือของขวัญ


    เฮอร์ไมโอนี่หวนระลึกถึงเมื่อครั้งสงครามสิ้นสุด เจ้าแห่งศาสตร์มืดจบชีวิตลง และเธอก็พบว่าตนเองมีเลือดของเซเวอร์รัสอยู่ในตัว


    ทีแรก เธอตั้งใจจะบอกหลังเขารอดมาจากนากินี แต่เมื่อเห็นเขาในศาลสูงวิเซ็นกาม็อต กับการรอตัดสินโทษ ในยามที่เขากล่าวถ้อยคำพวกนั้นแก่เธอ... เธอก็บอกให้เขารู้ไม่ได้ และเมื่อเขาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ได้รับการยอมรับให้กลับมาเป็นอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ เธอก็อุ้มเลือดเนื้อของเขาไว้แนบอกแล้ว


    แอนโทนี่ถูกเลี้ยงดูภายใต้อ้อมอกของเธอที่ก็อดดริกส์โฮลโล่ แต่เธอก็ยังไม่แม้แต่จะไปพบหน้าเขา


    เพราะลึกๆ ในใจแล้ว กับเรื่องนี้ ความกล้าแบบกริฟฟินดอร์ของเธอมันหายไป


    แล้วเมื่อเลือกที่จะไม่บอกนั้น ก็บอกไปไม่ได้อีกเลย


    ยิ่งนานเท่าไหร่ ความจริงก็ยิ่งถูกกลืนลึกลงไปในลำคอ เธอจึงเลือกจะเก็บมันไว้จนตัวตาย


    จะอย่างไร เวลาที่ถูกปล่อยทิ้งไว้เนิ่นนานย่อมทำให้ช่องว่างของความเข้าใจยิ่งห่างไกล ถ้ารู้ทีหลังเซเวอร์รัสก็จะเจ็บปวด โทนี่ก็จะเจ็บปวด


    สู้ไม่รู้เลยจะดีกว่า ไม่รู้เหมือนที่ไม่รู้มาตั้งแต่แรก


    เพราะถ้ามารู้ทีหลัง เด็กชายจะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหนกันว่าเหตุใดพ่อซึ่งยังคงมีชีวิตอยู่ ไม่เคยสนอกสนใจเขาเลย ทำไมแม่ถึงไม่ยอมบอกความจริงกับพ่อ ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่โดยขาดส่วนที่เด็กคนอื่น ๆ ได้รับจากพ่อของตัวเองไป ทั้งที่เขามีพ่อเหมือน ๆ ทุกคนมาตลอด


    เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่า โทนี่ต้องเกิดคำถามมากมายเมื่อได้รู้ความจริง


    คำถามเหล่านั้นจะเป็นคมมีดที่กลับมาทิ่มแทงลูกชายเธอ แอนโทนี่จะรับได้มากน้อยแค่ไหน เพราะแม้แต่แม่ของเขาเองก็ยังโกหก หลอกลวงเรื่องพ่อกับเขามาตลอด


    เธอไม่ยอมให้บุตรชายต้องรับมือกับความเจ็บปวดเช่นนี้แน่


    แถมยังมีสิ่งที่ไม่แน่นอนกว่านั้น


    ถ้าเซเวอร์รัสไม่ยอมรับลูกชายของเขาขึ้นมาเมื่อได้รู้ความจริงล่ะ เธอต้องเผื่อใจในส่วนที่แอนโทนี่อาจต้องรับมือต่อความเมินเฉย เย็นชา จากพ่อของเขาที่ไม่ยอมรับในตัวเขาด้วย ลูกชายของเธอจะเจ็บปวดอีกมากมายเท่าไหร่


    เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากคาดคิดถึงความเป็นไปได้นี้เลย


    หรือถ้าหากเซเวอร์รัสยอมรับและรักโทนี่โดยไม่มีเงื่อนไขเช่นเดียวกับคนเป็นพ่อทุกคน คราวนี้ คนที่เจ็บก็คือเซเวอร์รัสเอง เขาจะเจ็บปวดยิ่งกว่าใคร ๆ เพราะไม่มีโอกาสได้เฝ้าดูลูกชายเหมือนพ่อคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ แอนโทนี่ในวันที่เขาต้องการผู้ชายที่ได้ชื่อว่าพ่อ


    แถมแอนโทนี่ยังโตขึ้นทุกวัน เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ไม่จำเป็นต้องมีพ่ออีกแล้ว บทบาทของคนเป็นบิดาไม่สำคัญจำเป็นอีกต่อไป สักวันโทนี่ก็ต้องออกจากอ้อมอกเธอ มีหน้าที่ของตัวเอง เซเวอร์รัสก็จะไม่มีส่วนในชีวิตของโทนี่อีก


    ต่อให้ทางเลือกของเธอลงเอยเช่นไร การที่ไม่บอกตั้งแต่แรก ปล่อยให้เวลาเนิ่นนานจนตัดสินใจมาบอกเอาทีหลัง เฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นแต่เพียงว่า ความจริงเป็นได้แค่เครื่องมือทำร้ายทุกคนเท่านั้น ท้ายที่สุดจะไม่มีใครได้รับประโยชน์อันใดเลย


    นี่จึงเป็นสาเหตุที่เธอเก็บความลับไว้ให้ตัวเองเจ็บปวดเพียงคนเดียว


    แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว


    ถ้าเธอย้อนเวลากลับไปได้ ก็จะไม่บอกเซเวอร์รัสตั้งแต่แรกอยู่ดี


    หญิงสาวปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านในหัวที่หลั่งไหลเข้ามาดุจสายน้ำ


    แท้ที่จริง บางที อาจเป็นเธอเองนั่นแหละที่หวาดกลัวและขี้ขลาด เพราะเธอกลัวว่าจะถูกลูกชายเกลียดหากมารู้ความจริงทีหลัง และกลัวว่าเขาจะไม่ยอมรับโทนี่


    ก็แค่เพราะเหตุผลที่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่งเช่นนั้นเอง


    หญิงสาวเม้มปากแน่น พยายามสลัดความคิดสะระตะที่ประเดประดังเข้ามาออกจากห้วงภวังค์อย่างรวดเร็วด้วยความหวาดหวั่นที่ค่อย ๆ เกาะกุมจิตใจราวกับรอยรานยามน้ำถึงจุดเยือกแข็ง ก่อนจะคลายยิ้มอย่างเบิกบานให้ลูกชายที่ตัวเธอเลี้ยงดูมาอย่างดี เลี้ยงด้วยความรักหมดทั้งหัวใจ


    “ไหนเอาจดหมายมาให้แม่ดูหน่อย ขอดูได้ไหม จดหมายอะไรกันน้า-


    เฮอร์ไมโอนี่หยอกลูกชายด้วยการเล่นซ่อนหาจดหมายที่แอนโทนี่พยายามสลับมือซ่อนไว้ด้านหลัง แต่เด็กชายก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่อถูกผู้เป็นแม่จับจุดอ่อนได้


    เธอจี้เอวโทนี่จนเขายอมรามือจากจดหมาย พยายามสร้างเสียงหัวเราะ เพราะเฮอร์ไมโอนี่ไม่ต้องการให้ลูกชายรับรู้ถึงความหนักใจหรือสาเหตุแท้จริงของความหวั่นวิตกที่อึงอลอยู่ในใจเธอ ความเป็นกังวลต่อเรื่องไร้สาระพวกนั้น เธอจัดการเองได้ ต้องต้องไม่ใช่สำหรับแอนโทนี่


    เธอเชื่อว่าตนสามารถทำให้เรื่องอยู่ในความควบคุมโดยไม่จำเป็นต้องให้วิถีทางที่เธอวางมาเพื่อกันลูกชายออกจากความจริงต้องบิดเบือนไป


    “ทายสิครับแม่แม่ครับ ผมกำลังจะไปเรียนที่ฮอกวอตส์!


    เสียงตื่นเต้นระคนดีใจของแอนโทนี่ดึงให้เธอกลับมาสู่ความเป็นไปตรงหน้า เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะทั้งที่ในดวงตาสีน้ำตาลมีร่องรอยแห่งความกังวลแฝงลึก แต่ก่อนลูกชายที่กำลังรื่นเริงใจจะทันได้สัมผัสถึง เธอก็กลบกลืนมันลงผ่านเสียงที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกวิเศษ


    นั่นยอดเยี่ยมมากจ้ะ!”


    แอนโทนี่ยิ้มกว้างให้แก่คำของผู้เป็นแม่อย่างภาคภูมิใจ เด็กชายกางจดหมายออก และเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นตัวหนังสือเป็นระเบียบเช่นเดียวกับที่มันเคยอยู่บนจดหมายของเธอเมื่อยี่สิบปีก่อน จะต่างกันก็แต่ชื่อที่เขียนอยู่ข้างล่าง


    เธอเกือบจะเห็นลายมือตัวเล็กเบียดกันที่ถูกเขียนอย่างเย็นชา ไม่ให้ความใส่ใจ ส่งผ่านออกมาจากตัวหนังสือซึ่งปรากฏขึ้นเป็นชื่อของเขาด้วยซ้ำ

     


    ถึงมิสเตอร์เอเอสเกรนเจอร์

     

    โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์

    ฮอกวอตส์

     

    อาจารย์ใหญ่ : ศาสตราจารย์เซเวอร์รัส สเนป

    (สมาชิกสภาสูงวิเซ็นกาม็อต และเหรียญตราแห่งเมอร์ลินชั้นหนึ่ง

    ที่ปรึกษาการตรวจสอบเครือข่ายศาสตร์มืดประจำกระทรวงเวทย์มนตร์)

     

    มิสเตอร์เกรนเจอร์

              เรามีความยินดีที่จะแจ้งให้คุณทราบว่าโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ รับคุณเข้าเรียนในปีนี้ ที่แนบมาพร้อมกันนี้คือรายการหนังสือและของใช้จำเป็น

    โรงเรียนเปิดวันที่ 1 กันยายน เราจะคอยนกฮูกของคุณจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม

    ขอแสดงความนับถือ

    มักกอนนากัล

    (ศาสตราจารย์มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล)

    รองอาจารย์ใหญ่

     


    ดวงตาสีน้ำตาลกวาดมองตัวอักษรทุกบรรทัดแล้วก็ต้องยิ้มขบขัน เธอจำได้ว่าหลังเขารับตำแหน่งได้ไม่นานและมลทินทั้งหมดไม่มีอยู่อีกต่อไป กระทรวงเวทมนตร์ก็เสนอเหรียญตราให้เซเวอร์รัส สเนปในเวลาไล่เลี่ยกับรีมัส ลูปิน


    แต่เซเวอร์รัสปฏิเสธเหรียญตราเมอร์ลินอย่างไม่ไยดี เขาไม่แยแส ทั้งยังสาปแช่งให้ไปตายซะ


    ก็สมกับเป็นเขาดี


    บุรุษที่เย็นชา บางครั้งก็เกรี้ยวกราดและปั้นปึ่ง บนตัวเขาเป็นสีดำ แต่แท้จริงแล้วในตัวเขาเป็นสีเทา เป็นคนที่ยิ่งใหญ่และมีเกียรติ เป็นสุภาพบุรุษแต่ไม่ใช่คนดีที่สุด ยังคงเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกเกลียดชังและมุมมองที่หยาบกระด้าง


    เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงมือที่อบอุ่น หาใช่เย็นเฉียบ ซึ่งยังจารจำอยู่ในส่วนลึกบนผิวความรู้สึกของเธอแล้ว ก็นึกกลัวขึ้นมาอีกครั้ง


    หากเขาค้นพบความจริงเรื่องของแอนโทนี่ ถ้าเธอต้องส่งบุตรชายไปฮอกวอตส์ขึ้นมาจริง ๆ แล้วพบกับเซเวอร์รัส – รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าหญิงสาว มันกลายเป็นความฝืนเฝื่อนเมื่อเธอพยายามหลีกหนีความจริงเพื่อปกป้องคนสำคัญที่สุดของเธอทั้งสองคน – แน่นอน เซเวอร์รัสสำคัญสำหรับเธอ เขาเป็นอาจารย์ที่สอนเธอมาเจ็ดปี เป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้


    แล้วเหนือสิ่งอื่นใด เขามอบของขวัญที่วิเศษกว่าอะไรทุกสิ่งให้


    “แม่ไม่ดีใจกับผมเหรอ” รอยยิ้มของลูกชายเลือนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอยังคงนิ่งและมีรอยยิ้มเฝื่อนค้างเติ่งอยู่บนใบหน้า เฮอร์ไมโอนี่เห็นความจริงตรงหน้าเป็นรูปร่างชัดเจนมากเสียจนต้องนิ่งงันไปเพราะความรู้สึกหวั่นวิตกในใจ


    “เปล่าจ้ะ ไม่เลย แม่ดีใจมาก”


    อย่างน้อย เฮอร์ไมโอนี่ก็บังคับเสียงตัวเองให้ฟังดูตื่นเต้นและยินดีต่อความวิเศษของสิ่งที่มาพร้อมกับปีกนกฮูกในเช้าวันนี้ได้น่าเชื่อถือมากพอ “มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมลูกรู้ไหม ลูกจะได้เรียนที่ฮอกวอตส์เหมือนแม่ อังเคิลแฮร์รี่ และอังเคิลรอน แม่จะไม่ดีใจได้ยังไง”


    เธอพยายามย้ำประโยคสุดท้ายว่าเธอมีความสุขกับเรื่องนี้มากเพียงใด และใช่เธอมีความสุข แต่วิถีทางที่มันจะเป็นไม่ใช่หนึ่งในความสุขของเธอเท่านั้นเอง


    เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีดำและริมฝีปากที่กระตุกยิ้มหยันอย่างไม่ตั้งใจของลูกชาย มันเตือนให้เธอนึกถึงเจ้าของรอยยิ้มแบบเดียวกันนี้ การกระตุกมุมปากที่เหมือนยิ้มเยาะ ๆ นั่น


    แอนโทนี่ไม่เคยตั้งใจกระตุกยิ้มเย้ยหยันเพื่อเหยียดสถานการณ์รอบตัว ทว่าตั้งแต่เริ่มรู้ความแล้ว เวลาเขายิ้มขบขันก็มักมีอากัปกิริยานี้แฝงมา


    มันเป็นมรดกที่เขาได้รับมาจากพ่อ


    ท่าทางและอิริยาบถในบางครั้งก็เช่นกัน ความเป็นระเบียบเรียบร้อย หรือบรรยากาศเคร่งขรึม รวมทั้งความคลั่งไคล้ในสิ่งอันตรายนั่นก็ด้วย


    เรื่องตลกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผู้ร่วมโต๊ะอาคารค่ำของบ้านวีสลีย์หัวเราะได้คือ รอน วีสลีย์แทบจะตัวแข็งไปเลยเมื่อเห็นลูกทูนหัวของเขา แอนโทนี่ เกรนเจอร์ยิ้มหยันแบบเดียวกับที่ทำให้ขนคอเขานึกถึงเซเวอร์รัส สเนป ศาสตราจารย์วิชาปรุงยาสมัยที่ยังเรียนอยู่ฮอกวอตส์มอบรอยยิ้มเยาะให้แก่ตนเป็นครั้งแรก


    จะด้วยวิธีใดไม่ทราบ แต่นั่นเตือนรอนให้สัมผัสถึงตัวตนของเซเวอร์รัสขึ้นมา


    แต่โรนัลด์ วีสลีย์ไม่เคยสงสัยความจริงไปมากกว่าคำพูดที่ว่าโทนี่เตือนให้นึกถึงเซเวอร์รัส สเนปได้อย่างน่าตกใจ แล้วก็หัวเราะ ซึ่งเธอยินดีในข้อหลังนี่มากทีเดียว


    เฮอร์ไมโอนี่เกือบจะเซไปข้างหลังเมื่อลูกชายใช้วงแขนกอดรอบคอเธอ เธอตบหลังเขาเบา ๆ ด้วยความสุขใจจากก้นบึ้งเมื่อสิ่งที่ชัดเจนยิ่งกว่าเรื่องที่เธอหวาดกลัวคือการที่เธอมีโทนี่อยู่ด้วย ความต้องการจะปกป้องลูกชายหยุดยั้งความกลัวทั้งหมดลง


    เด็กชายกระซิบข้างหูมารดา “ขอบคุณนะครับแม่”


    “แม่ภูมิใจในตัวลูกจ้ะ โทนี่”


    หลังผละออกจากบุตรชาย เธอก็กระซิบราวกับมันจะเป็นความลับของพวกเขาแค่สองคน


    แอนโทนี่ เกรนเจอร์กระตุกยิ้มมุมปากอย่างยียวนแบบที่ไม่ได้ตั้งใจให้ออกมาเช่นนั้นเมื่อแม่ปัดผมของเขาอย่างรักใคร่ เฮอร์ไมโอนี่จูบหน้าผากลูกชายคนเดียวก่อนจะยืดตัวขึ้น เธอหยิบจานมื้อเช้าของตัวเองมาวางบนโต๊ะ ปล่อยให้แอนโทนี่เดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารทั้งที่ยังคงสนอกสนใจเนื้อความในจดหมายราวกับมันมีข้อมูลไม่สิ้นสุดหลั่งไหลอยู่ในนั้น


    เด็กชายบิดยิ้มอีกครั้งเมื่อนั่งลงบนโต๊ะอาหารเช้าขณะกางจดหมายไว้ข้างๆ ตัว เขาเหลือบมองมันแล้วก็กระตุกยิ้ม


    เฮอร์ไมโอนี่เห็นท่าทีเช่นนี้ของบุตรชายจึงพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว


    พูดไม่ออกว่าเธอมีแผนการใหม่สำหรับเขาที่เดิร์มสแตรงค์ไม่ใช่ฮอกวอตส์ แม้เธอจะรู้ดีมาตลอดว่าสิ่งเดียวที่โทนี่คาดหวังคือฮอกวอตส์เหมือนกับเธอ แฮร์รี่ และรอน


    เดลี่พรอเฟ็ตถูกวางลงบนโต๊ะเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ล้มเลิกการลอบมองเพื่อหยั่งเชิงบุตรชาย เธอเลื่อนมูสลี่ให้เขาเพิ่ม ก่อนจะวางแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ พลางโน้มตัวหาแอนโทนี่ที่นั่งอีกฝั่งอย่างใจดี พยายามให้เป็นบทสนทนาเรียบรื่นและไม่ให้มีร่องรอยความกดดัน


    ดวงตาสีดำสนิทเหมือนหยดน้ำหมึกจ้องกลับมาที่เธอด้วยคำถามอย่างเบิกบาน โทนี่กำลังอารมณ์ดี เธอจึงคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะ


    “คือว่านะ – แม่ว่าเรื่องฮอกวอตส์ – 


    เฮอร์ไมโอนี่กลับมานั่งตัวตรงเพื่อให้เป็นการเป็นงาน เธอหยิบมีดกับส้อมขึ้นมาลงมือกับอาหารตรงหน้าพลางกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งสุดท้ายที่เธอต้องการคือการพยศจากลูกชาย ซึ่งถ้าดื้อขึ้นมาแล้วก็จะดื้ออย่างถึงที่สุดทีเดียว


    เธอยิ้มในใจ – พ่อของเขาก็เป็นคนหัวดื้อด้วยเหมือนกันนี่ – เซเวอร์รัส สเนปดื้อดึง หัวแข็ง และไม่ยอมให้อภัย เลือกจะมองแต่สิ่งที่ตัวเองอยากจะเห็นเสมอ ไม่เคยปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง เมื่อปักใจเชื่ออย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น


    ดื้อมาก


    เฮอร์ไมโอนี่ระบายยิ้มที่พาดผ่านใบหน้าอยู่วูบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาจริงจังเมื่อจ้องมองลูกชายซึ่งชั่วพริบตานั้นเอง สีหน้าครุ่นคิดยามกวาดตาอ่านจดหมายก็แปรเปลี่ยนมาเป็นความตื่นตะลึงและความดีอกดีใจผสมปนเปกัน เหมือนในหัวใจของเด็กชายกำลังชุ่มชื้นด้วยความยินดี


    “แม่ครับ”


    ความตั้งใจของเธอถูกยุติลงด้วยเสียงตื่นเต้นของลูกชาย


    แอนโทนี่หยิบจดหมายขึ้นมาในระดับสายตา ก่อนจะตาเบิกกว้างอย่างอัศจรรย์ใจกับสิ่งที่ตนเพิ่งได้เห็นในกระดาษ


    มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ลืมตัว เกือบจะทำส้อมหลุดมืออย่างผิดสังเกต และเธอก็แทบจะพูดอะไรไม่ออกอีกเลยเมื่อเห็นใบหน้าร่าเริงของโทนี่ต่อเรื่องที่เขาค้นพบด้วยความยินดีอันเปี่ยมล้นในน้ำเสียงภาคภูมิ “ศาสตราจารย์สเนปเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ฮอกวอตส์นี่ครับ นี่มันยอดเยี่ยมไปเลย ผมกำลังจะได้เจอเขาด้วยทำไมแม่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังล่ะครับ”


    “แม่ไม่เคยเล่างั้นเหรอ ใช่ ศาสตราจารย์สเนปเป็นอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์จ้ะ” เธอตามน้ำไปขณะพยักหน้าให้ลูกชายที่อมยิ้มกว้าง และในแววตาเขาก็มีความซุกซนเจ้าเล่ห์เหมือนกำลังคาดหวังอะไรบางอย่าง


    “ผมจะได้พบเขาที่ฮอกวอตส์ แทบจะรอวันที่หนึ่งไม่ไหวเลยครับแม่”


    ความหวังของบุตรชายที่ส่งผ่านมาทางดวงตาสีดำดุจถ่านนั่นทำให้เธอพูดความประสงค์ของตัวเองตั้งแต่ต้นไม่ออก เฮอร์ไมโอนี่ทามาร์มาร์เลดบนขนมปังปิ้งอย่างเงียบงันเพราะมัวแต่ตรึกตรองวิธีการเริ่มประเด็นที่อยากจะกล่าวอยู่ในหัวทบไปทบมาท่ามกลางความร่าเริงของบุตรชาย


    แต่เมื่อเธอมองใบหน้าแอนโทนี่แล้ว ก็ต้องยิ้มออกมาในที่สุด


    เพราะคนเป็นมารดาก็เป็นเช่นนี้เอง ลูกคือความชื่นใจ คือความเบิกบานเสมอ


    แม้นี่จะเป็นคราแรกที่เธอรู้สึกว่าการเล่าเรื่องของเซเวอร์รัส สเนปให้ลูกชายฟังอยู่บ่อยครั้งส่งผลกระทบกลับมา


    ตั้งแต่ที่โทนี่เริ่มจำความได้ เธอก็เริ่มพูดเรื่องของเซเวอร์รัสให้เขาฟังโดยแฝงไว้ในรูปแบบของการเล่าถึงสงครามระหว่างผู้วิเศษกับศาสตร์มืดต่างนิทานก่อนนอน เธอจึงเล่าเรื่องของเซเวอร์รัส สเนปไม่ใช่ในฐานะพ่อ แต่เป็นในฐานะผู้ชายที่มีเกียรติ ผู้ชายที่ยิ่งใหญ่และเสียสละอย่างยิ่งในสงครามที่ห่ำหั่นกับฝ่ายมืด


    เธอบอกกับแอนโทนี่เสมอว่าเขาเป็นคนที่น่าเคารพที่สุด เขากล้าหาญและมั่นคงที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งเลวร้าย ไม่เกรงกลัวอันตรายที่จะเกิดกับตัวเอง เขายืนหยัดต่อสู้กับโวลเดอร์มอร์อย่างเงียบๆ อยู่เบื้องหลัง และไม่เคยขอให้ใครระลึกถึงสิ่งที่เขาได้ทำ


    เฮอร์ไมโอนี่ยอมรับว่าเธอชมเชยและยกย่องเซเวอร์รัสให้โทนี่ฟังอย่างมากมาย ถึงจะไม่ยอมบอกเซเวอร์รัสหรือพูดถึงเรื่องของเขากับเธอให้ใครฟัง ทว่าอย่างไร เขาก็ยังเป็นพ่อของโทนี่ – เป็นพ่อของลูกเธออยู่ดี – เพราะฉะนั้น โทนี่สมควรจะได้รับรู้ด้านที่ดีของผู้ชายสีเทาคนนี้


    คนที่เป็นพ่อของเขา


    เขาควรจะได้รู้สึกดีกับพ่อของตัวเอง และวันนั้น – ซึ่งคงจะไม่มี – หรือหากมี วันที่ความจริงเปิดเผย แอนโทนี่จะได้ยอมรับหรือรักพ่อของตัวเองได้


    เธอเล่าเรื่องของเขาให้โทนี่ฟังหลายต่อหลายเรื่อง แม้แต่กับเรื่องสมัยเรียนอยู่ฮอกวอตส์ หรือชั่วโมงปรุงยาที่ศาสตราจารย์สเนปจอมเข้มงวดสอนนักเรียนจนผวาไปตาม ๆ กันอย่างไร – เธอไม่ได้บอกว่าเขาปฏิบัติตัวได้แสบสันต์แบบไหนหรอก จริงอยู่ อาจเล่าถึงการถูกทำโทษของแฮร์รี่กับรอนบ้างนิดหน่อย – โทนี่มักหัวเราะ หากสิ่งที่เธอเล่าบ่อยกว่าคือทักษะและเทคนิคการปรุงยา


    แอนโทนี่สนใจทุกสิ่งที่เซเวอร์รัส สเนปสนใจ แม้เขาจะไม่รู้มาก่อนเลยก็ตามว่าสิ่งเหล่านั้นเซเวอร์รัส สเนปหรือพ่อของเขาเองก็ชอบไม่ต่างกัน เฮอร์ไมโอนี่พูดได้เลยว่าโทนี่มีความสนใจแบบเดียวกับพ่อ


    เธอจึงเล่าโดยอ้างอิงความสามารถของเซเวอร์รัส และทั้งหมดนั่นที่เธอทำก็หล่อหลอมให้โทนี่เคารพ เลื่อมใส และนับถือพ่อของเขามากทีเดียว


    เธอถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จในเรื่องนั้น


    ตอนยังเด็ก ก่อนจะนอน โทนี่มักขอให้เธอเล่าเรื่องสงครามที่ฮอกวอตส์ เรื่องของศาสตราจารย์สเนปและความกล้าหาญของทุกคนในการรบครั้งนั้น เขาเป็นเด็กผู้ชาย เธอจึงเข้าใจดีที่เขาชอบเรื่องฮีโร่หรืออะไรทำนองนั้น เมื่อโทนี่โตขึ้นและเริ่มอ่านหนังสือมากมายในห้องหนังสือของเธอ เขาก็ไปเก็บเกี่ยวข้อมูลตามใจชอบของเขาเอง ทว่าอย่างไรก็ยังขอให้เธอเป็นผู้เล่าให้ฟังในตอนท้ายอยู่ดี


    นิสัยอีกอย่างของโทนี่ที่เหมือนพ่อของเขาคือการไม่อวดตัว เขาไม่ชอบอวดรู้ ไม่ชอบอวดภูมิ และไม่ชอบเปิดเผยสิ่งที่ตัวเองทำไปทั่ว – ทั้งสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี ทำออกมาดี หรือเมื่อได้ทำสิ่งดี ๆ ควรค่าแก่คำชมเชย – เซเวอร์รัสเองก็ทำสิ่งที่กล้าหาญและเสียสละโดยที่ไม่ต้องการให้ใครได้มารับรู้ทั้งขณะทำหรือในภายหลังด้วยเช่นกัน


    เฮอร์ไมโอนี่คะเนว่านี่อาจเป็นอีกสาเหตุกระมังที่ทำให้โทนี่ชื่นชมในตัวศาสตราจารย์สเนปของเขาอย่างมากมาย


    ไม่สิ ถ้าจะให้ถูก ต้องบอกว่าชื่นชมในตัวพ่อของเขา ที่เขาไม่รู้ต่างหาก


    อันที่จริง รอนก็เคยหยอกเย้าว่าแอนโทนี่ไม่ใช่ลูกชายของเธอ


    เพราะเธอเป็นผู้รู้ไปหมดที่น่ารำคาญ


    เธอที่ยกมือทุกครั้งในชั้นเรียน และตอบออกมาโดยไม่เกรงกลัวใบหน้าเรียบเฉยของศาสตราจารย์วิชาปรุงยาที่แทบจะแช่แข็งคนได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว จนเธอได้รับการชมเชยจากเขาว่าผู้รู้ไปหมดที่น่ารำคาญนั้น ห่างไกลจากการเก็บงำอย่างเงียบขรึมของลูกชายเธอเองมาก


    นั่นจึงทำให้รอนตัดสินว่าโทนี่แทบจะไม่ใช่ลูกชายของเธอเลยทีเดียว และใช่ บางครั้ง เธอก็สงสัยเช่นเดียวกันว่าโทนี่มีอะไรที่ได้รับไปจากเธอบ้าง โทนี่ชอบปรุงยา ชอบหลักตรรกะ หลงใหลเลยล่ะ และมักถามเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์มืดจากแฮร์รี่และรอนในฐานะมือปราบมารอย่างสนอกสนใจบ่อยครั้ง ซึ่งเธอเป็นกังวลมากในข้อหลัง จนครั้งหนึ่ง รอนหาว่าเธอบ้าไปแล้ว


    ในบรรดาความสามารถของบุตรชายนั้น เธอรู้ดีว่าเขาได้รับมรดกตกทอดมาจากใคร


    ยิ่งโดยเฉพาะกับการปรุงยา


    เฮอร์ไมโอนี่รู้ถึงความสนใจของลูกชายก็ตอนเขาชอบมาเกาะขอบเคาน์เตอร์ มองเธอเวลาปรุงยาด้วยสายตาแวววาวตอนที่เขายังไม่ได้สูงเท่านี้


    ตอนนั้น โทนี่อายุได้สักสี่ขวบ หลังจากนั้น แฮร์รี่ก็ซื้อชุดปรุงยาสำหรับเด็กมาให้เล่น เมื่อโทนี่อายุได้หกขวบ เขาก็เริ่มสนอกสนใจหลักตรรกะ และก็ใช้มันในการเล่นหมากรุกพ่อมดกับรอนอย่างยอดเยี่ยมจนฝ่ายหลังต้องเอ่ยปากทุกครั้งที่มีโอกาสอวดโทนี่กับใครต่อใครก็ตามในโอกาสนั้น ๆ เป็นต้นมา


    “วันนี้เรามีนัดที่กริมโมลด์เพลสตอนห้าโมงนะ”


    หลังอิ่มจากมื้อเช้าและเด็กชายวางมีดกับส้อมในที่สุด เฮอร์ไมโอนี่ก็เตือนความจำลูกชายที่พยักหน้ารับแข็งขัน เขาหยิบจานออกไปขณะเธอเตรียมตัวจะไปกระทรวงเวทมนตร์


    เธอรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่ได้อยู่กับโทนี่ในวันเกิดของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะถูกตามตัวเร่งด่วนมาจากกระทรวงฯ ขอเจียดเวลาที่เธอจะใช้กับลูกถึงสองสามชั่วโมง


    โทนี่ไม่ชอบความว้าเหว่แบบที่เธอเห็นในตัวของเซเวอร์รัสบ้างเป็นบางครั้ง เซเวอร์รัสที่เธอเห็นในเพนซิฟก็อยู่อย่างโดดเดี่ยว และมันทำให้เขาเดียวดายแม้จะเจอลิลี่ เอฟเวนส์แล้วก็ตาม สุดท้าย ลิลี่ก็ปล่อยเซเวอร์รัสไว้ลำพังอีกครั้งเมื่อเธอไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงเขา พร้อมทั้งบอกว่าเป็นเพราะสลิธีรินกับเพื่อนที่เขาคบทำให้เขาเป็นแบบนี้


    แต่ถ้าลิลี่พร้อมจะยอมรับหรือแก้ไขเซเวอร์รัสก่อนที่เขาจะเอ่ยคำหยาบคายนั้นออกมา


    เฮอร์ไมโอนี่หยุดคิดที่ตรงนี้


    ไม่หรอก ไม่ใช่ความผิดของลิลี่เลย ลิลี่ทำดีที่สุดแล้ว เธอรู้


    เฮอร์ไมโอนี่สวมเสื้อโค้ท ความอบอุ่นที่เนื้อผ้ามอบให้เธอ เตือนให้ระลึกถึงอ้อมแขนที่ส่งมอบความอบอุ่นเช่นเดียวกันนี้มาให้แม้รอบด้านในเวลานั้นจะเย็นเฉียบและโหดร้าย แขนที่แข็งแรงและมั่นคงจนเธอรู้สึกว่ากำลังถูกปกป้องอย่างดีที่สุด


    เธอสงสัยว่าเขายังคงรู้สึกเช่นไรกับลิลี่ เพราะบางครั้งที่เธอระลึกถึงดวงตาสีดำที่จ้องมองเธอ ณ ช่วงเวลาดังกล่าว เธอนึกเคลือบแคลงขึ้นมาว่าบางทีเขาอาจจะพร้อมก้าวออกมาจากลิลี่


    แต่เธอไม่รู้ว่า แท้จริงสิ่งใดกันเล่าสะท้อนอยู่เบื้องหลังแววตานั้น


    เสียงคุกรุ่นของเตาผิงตรงหน้าดึงเธอออกมาจากภวังค์ฝันเฟื่อง เฮอร์ไมโอนี่เชิดคอเล็กน้อยยามตระหนักได้อีกครั้งว่าความคิดเมื่อครู่ช่างน่าสมเพชอย่างลม ๆ แล้ง ๆ เพราะเธอกำลังเข้าข้างตัวเอง


    ตอนนั้นที่เขาจ้องมองเธอ เขาแค่กำลังปกป้องเธอ และพยายามปลอบโยนไม่ให้เธอรู้สึกเลวร้ายกับสิ่งที่เขาทำมากนัก – เซเวอร์รัสแค่เวทนาเธอ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เขาถึงได้หยิบยื่นความเมตตาเท่าที่จะทำได้มาให้เธอ ก็แค่นั้น


    เขาปกป้องเธอมากมายเพียงนั้นแล้ว เธอจะคาดหวังอะไรจากเขาอีก


    ความรู้สึกเหรอ – ไม่มีทาง เขาทำทุกอย่างเพื่อลิลี่มากกว่าที่ทำเพื่อเธออีก


    นี่อาจเป็นอีกเหตุผลที่เธอบอกเรื่องของโทนี่ออกไปไม่ได้ แม้จะได้พบเขาระหว่างรอพิจารณาคดี ตอนที่เธอยังพอมีโอกาสบอก ตอนที่เพิ่งรู้ว่ามีเลือดของเขาอยู่ได้ไม่นาน แต่ยามเห็นความเย็นชาที่เขามีให้ เธอก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว


    “โทนี่” เฮอร์ไมโอนี่หลุดจากห้วงความคิด เธอเรียกบุตรชายที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าเตาผิง เขาเงยหน้าขึ้นจากหนังสือปกหุ้มหนังรุ่งริ่ง


    หนังสือปรุงยาขั้นต้น


    เวลาแอนโทนี่หมกมุ่นอยู่กับความสนใจบางอย่าง เขาช่างเหมือนพ่อของเขา อีกเหตุผลที่ทำให้เธอรู้สึกผิดเมื่อต้องทิ้งโทนี่ไว้ในวันเกิด ก็เพราะแผ่นหลังของเขายามต้องอยู่คนเดียวดูเหงาเล็กน้อย เหมือนแผ่นหลังกว้างที่เธอรู้จัก


    แอนโทนี่ทำให้เธอนึกถึงพ่อของเขาเสมอ เธอจึงไม่มีวันลืมเซเวอร์รัสได้เลย


    “แม่จะรีบกลับมานะ”


    ถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกตามตัวเร่งด่วน แต่เฮอร์ไมโอนี่คิดว่างานที่กระทรวงสามารถรีบจัดการได้ เธอต้องการใช้เวลาอยู่กับลูกชายให้มากที่สุดเมื่อคิดว่าถึงวัยที่โทนี่ต้องออกจากอ้อมอกแม่แล้ว เขาต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียน


    ที่เดิร์มสแตรงค์


    ที่ผ่านมา เธอพยายามทำหน้าที่แม่อย่างเต็มความสามารถ ทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีให้แก่บุตรชายอย่างเต็มที่ และคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอเพื่อที่ตนจะพร้อมอยู่ตรงนั้นในวันที่เขาต้องการมองหาเธอขึ้นมา เพราะเธอเลี้ยงเขามาด้วยตัวคนเดียว สิ่งที่นึกกังวลอยู่ตลอดคือ กลัวจะทำหน้าที่แม่ได้ไม่ดีพอ รักและเอาใจใส่เขาได้ไม่มากพอ


    ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าแม่ที่ดีที่สุดเป็นแบบใด เธอจึงกลัวอยู่เสมอว่าจะเป็นแม่ให้เขาได้ไม่ดีอย่างที่ใครอื่นเป็น


    เด็กชายพยักหน้ารับคำมารดาอย่างเข้าใจดี “บ่ายนี้ผมขอไปหาเท็ดดี้ที่บ้านโพรงกระต่ายนะครับ”


    “แน่นอน อย่าลืมส่งเฮอร์มีสไปบอกพวกเขาก่อนล่ะ แล้วก็ระวังตัวตอนใช้ผงฟลูด้วย แม่ไปแล้วจ้ะ” จุมพิตเบา ๆ ประทับลงบนหน้าผากเด็กชาย เฮอร์มีส – นกฮูกสีน้ำตาลในกรงร้องเบา ๆ เมื่อได้ยินคนพูดถึงมัน เท็ดดี้กับโทนี่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เธอไม่มีปัญหาใด ๆ เลยต่อการขออนุญาตนี้


    แอนโทนี่ยิ้มอย่างการตอบรับ เขารักแม่และต้องการให้แม่สบายใจ เพราะแม่ดูเป็นกังวลที่ต้องทิ้งเขาไว้คนเดียวในวันเกิดเนื่องจากติดงานที่กระทรวงฯ โทนี่อ่านเรื่องออกหมด เขาจึงอยากให้แม่เข้าใจโดยปริยายว่าเขามีเพื่อนเล่นอยู่ที่บ้านโพรงกระต่าย


    แอนโทนี่ เกรนเจอร์โบกมือให้มารดาที่ก้าวเข้าไปในเตาผิงซึ่งส่องสว่างเป็นแสงสีเขียว เขาหยิบจดหมายจากฮอกวอตส์ที่สอดไว้ในหนังสือปรุงยาขั้นต้นออกมาดูพลางยิ้มอย่างภูมิใจอีกครั้งของวัน เขาตั้งหน้าตั้งตารอวันที่จะได้ไปซื้อของใช้ตามรายการที่ตรอกไดแอกอน วันที่จะได้ไม้กายสิทธิ์ของตัวเอง วันที่จะได้เยือนฮอกวอตส์ วันที่จะได้พบศาสตราจารย์วิชาปรุงยาที่ตนชื่นชมคนนั้นเหลือเกิน


    เขาสงสัยว่าพ่อของเขาเรียนที่ฮอกวอตส์หรือเปล่า แต่ไม่เคยกล้าถามแม่ เพราะแม่ดูเศร้าทุกที


    เขาเกลียดการที่แม่หน้าหมองลง เพราะนั่นทำให้เขาเศร้าด้วย


    โทนี่กวาดตามองกระดาษจดหมายอีกหน และพบว่าตัวเองเฝ้ารอวันที่หนึ่งกันยายนอย่างใจจดใจจ่อมากเกินบรรยายเลยทีเดียว




    To be continued


    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน ตอนที่ 2 มาแล้ว รู้สึกเอ็นดูหนุ่มน้อย พ่อลูกเขาจะได้เจอกันไหม เมื่อไหร่ อย่างไร ต้องไปถามเฮอร์ไมโอนี่แล้วล่ะค่ะ เธอจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อปกปิดความจริงเหลือเกิน ปวดใจ ผู้เขียนเขียนไปก็ลุ้นไปกับเขาด้วย สำหรับตอนที่ 3 พบกันในเร็วๆ นี้ อีกไม่นานเกินรอค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามฟิคเรื่องนี้นะคะ ขอฝากฟิคนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกท่านอีกครั้ง อย่าลืมอคอมเม้นท์หรือกดกำลังใจให้กันสักเล็กน้อย ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากๆ เลยค่ะ ; _ ;)


    ท่านใดสนใจแฟนฟิคคู่นี้อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนแต่งสามารถ (คลิกที่นี่ - ฟิค สเนป x เฮอร์ไมโอนี่ Love and All Its Details) เป็นผลงานมาสเตอร์พีซที่ผู้เขียนทุ่มทุนสร้าง ขอรับประกันว่าอ่านแล้วจะไม่ผิดหวังค่ะ อย่าลืมแวะเวียนกันเข้าไปอ่านนะคะ เรียกได้ว่าเป็นผลงานสุดทุ่มเทที่อยากประกอบให้เป็นเรื่องราวของคู่นี้จริงๆ อย่างแนบเนียนไปกับเนื้อเรื่อง หากแวะเวียนเข้าไปอ่าน คอมเม้นท์และกดกำลังใจทิ้งไว้เป็นแรงใจให้ผู้เขียน ผู้เขียนจะมีความสุขและดีใจมากๆ เลยค่ะ มาพูดคุยกันนะคะ ทั้งนี้ หากท่านใดสนใจข่มขู่ ติดตามทวงฟิคหรือข้อมูลข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับงานเขียนของผู้เขียน ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดท ความคืบหน้า หรือดีเทลต่างๆ เกี่ยวกับฟิค รวมทั้งสปอยล์ที่อาจมีบ้าง หากสะดวกสามารถติดตามแอคเค้าท์ทวิตเตอร์ @ccarcharia (คลิก) ได้ feel free to follow ค่ะ หรือจะผ่านทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ McBoffin/ccarcharia (คลิก) ก็ได้ค่ะ


    อนึ่ง สามารถพูดคุยถึงแฟนฟิคนี้ได้ผ่านทางเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์โดยการติดแฮชแท็ก #sevเฮอร์ไมโอนี่ นอกจากนี้ ทุกท่านยังสามารถติดแฮชแท็ก #ห้ามพูดด้วยก่อนกาแฟเช้า เพื่อพูดคุยหรือคอมเม้นท์เกี่ยวกับฟิค SSHG - Love and All Its Details อีกเรื่องหนึ่งของผู้เขียนผ่านทาง Twitter หรือ Facebook ได้ค่ะ อย่าลืมมาเล่นแฮชแท็กนี้กันนะคะ :)


    เก็บฟิคนี้ไว้อ่านและติดตามการอัพเดท (คลิก)

    ฟิค SSHG - Love and All Its Details (คลิก)

                  


                  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×