คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Quiet Moon | Chapter 05 - An Honest Mistake
05
ไม่ว่าใครต่างก็สงสัยด้วยกันทั้งนั้น
ท้องฟ้ายามนี้ยังเป็นสีเทาเข้มตัดกับทะเลทรายอันไพศาลเหมือนไร้จุดสิ้นสุด แต่กลับมีคำสั่งเรียกประชุมจากคาเสะคาเงะมาถึงมือโจนินระดับสูงทุกคนด้วยนกสื่อสารซึ่งบินเนิบนาบไม่สะดุดตาราวกับไม่มีเรื่องเร่งด่วนใดมากกว่าที่ควรเป็น ทั้งที่มันนำพาเรื่องร้ายแรงเกินกว่าจะคาดคิดได้มากับปีกของพวกมันด้วย
ดวงจันทร์ยังคงลอยอ้อยอิ่งอยู่ขอบฟ้าทิศตะวันตก ทำให้ผืนฟ้าฝั่งนั้นติดสีนวลอร่ามเหมือนคบไฟคอยส่องสว่างให้สัตว์กลางคืนซึ่งยังเป็นใหญ่เหนือสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในห่วงโซ่อาหารเมื่อยังเป็นเวลาของมัน
ทุกสรรพสิ่งเงียบเชียบ สงัดงันทั่วหย่อมหญ้า ทุกๆ ตารางนิ้วของทะเลทรายอันเปลี่ยวร้างและแห้งแล้งนี้ไม่มีสิ่งใดนอกจากพื้นไล่ระดับดังเกลียวคลื่นตลอดแนวภูมิทัศน์ที่ปูด้วยทรายเม็ดละเอียดเป็นระนาบสลับซับซ้อน ห้วงแวดล้อมคงความสงบ และความเยือกเย็นอันเงียบเหงาของทิวทัศน์อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวนี้ก็แฝงเร้นด้วยความสุขุม เย็นชา
จิ้งจอกทะเลทรายขนสีทองวิ่งตัดผ่านม่านหมอกที่คลี่คลุมอย่างพลิ้วพรายใต้โดมท้องฟ้าซึ่งครอบเหนือเส้นบรรจบระหว่างเกลียวคลื่นของทะเลทรายกับผืนนภาเบื้องบนราวกับภาพส่องสะท้อนคนละสีสันของกันและกัน มันตะครุบเหยื่อที่เลื้อยซุ่มเป็นริ้วอยู่ใต้ผืนทรายอย่างรวดเร็ว และจัดการสังหารในคราวเดียว
ทว่าชั่วพริบตานั้นเอง อินทรีสเตปป์ตัวใหญ่กลับบินโฉบลงมาจากท้องฟ้าดารดาษดาว หอบสายลมผ่านปีกดังสนั่น มันตะปบจิ้งจอกตัวดังกล่าวด้วยกรงเล็บแหลมโค้ง ฉับไวกว่าสายตากะเกณฑ์ ปลิดชีพในฉับพลัน ก่อนจะหอบร่างไร้วิญญาณนั้นบินจากไปยังอีกฝั่งของฟากฟ้า
อสรพิษที่คาบอยู่ในปากจิ้งจอกหล่นลงกับพื้นทราย ไร้ผู้ใดอาลัยหรือรับรู้ กลับคืนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับผืนทรายอีกครั้ง
ทะเลทรายกว้างสุดลูกหูลูกตานี้เป็นอาณาเขตของซึนะงาคุเระ หมู่บ้านนินจาทางตะวันตกของโคโนะฮะภายใต้แคว้นคาเสะโนะคุนิ ภูมิประเทศรวมไปถึงสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ล้วนตอกย้ำว่าผืนทรายอันร้อนระอุที่โอบอุ้มอยู่โดยรอบราวกับอ้อมกอดของมารดานั้นส่งผลอย่างไรต่อที่แห่งนี้บ้าง บ่อยครั้งที่มันได้รับอิทธิพลจากพายุทราย โหมกระหน่ำอย่างกราดเกรี้ยว ไม่สนใจสิ่งใด
ชาวหมู่บ้านใต้เงาทรายจึงแจ้งแก่ใจดี ทุกครั้งที่ลมสงบผิดวิสัย นั่นหมายถึงการมาเยี่ยมเยือนของพายุ
แล้วบางที ความเงียบสงัดใต้ท้องฟ้าค่ำคืนระหว่างการประชุมเร่งด่วนที่กินเวลาหลายวันผันผ่านนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าพวกเขาต้องเผชิญมากกว่าพายุทรายลูกใหญ่ซึ่งกำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ แถมยังรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหน
หอข่าวทรงกลมประทับป้ายตัวอักษรลมที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางหมู่บ้านนั้นมักมีนินจาเข้าออกอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับหมู่บ้านนินจาอื่น มันเป็นที่ทำการของคาเงะ เป็นหัวใจของทุกๆ หมู่บ้าน หยั่งรากแขนงลงยังใจกลาง ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดหล่อเลี้ยงผู้คน จึงดำเนินการอยู่ตลอดเวลา และนินจาประจำการ เทียวไปเทียวมาเพื่อรายงานภารกิจไม่เกี่ยงโมงยาม
ทว่าเวลานี้กลับร้างผู้คน วิเวกสงัดงันจนดูวังเวงผิดลักษณะวิสัย และนั่นไม่ใช่ว่าเพราะยังคงเป็นยามวิกาลแต่อย่างใด ทว่ามีเพียงนินจาระดับสูงและหัวหน้าหน่วยนินจาเท่านั้นที่มีสิทธิรุกล้ำเข้าไป เนื่องมาจากคำสั่งอันเป็นประกาศิตของโกะไดเมะ คาเสะคาเงะอย่างซาบาคุ โนะ กาอาระ
ห้องทรงกลมขนาดย่อมที่สลักรูปปั้นของเหล่าคาเสะคาเงะในแต่ละรุ่นไว้เป็นตัวแทนแห่งความเคารพและยำเกรงของผู้คนในหมู่บ้านนั้น เวลานี้มีนินจาระดับสูงและหัวหน้านินจาซึ่งได้รับหนังสือเทียบเชิญให้มารวมตัวกันอย่างเร่งด่วน กำลังนั่งประชุมตามตำแหน่งด้วยใบหน้าเคร่งตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน ไม่เก็บวันคืนที่เคลื่อนผ่านอยู่ด้านนอกนั่นมาไว้ในความใส่ใจ
หลังซึนะงาคุเระได้รับข่าวการเคลื่อนไหวไม่ชอบมาพากลของนินจาโคโนะฮะบริเวณชายแดน จนถึงเมื่อคืนวาน ยามที่ทุกคนในห้องประชุมได้รับแจ้งโดยทั่วกันว่านินจาในปกครองของตนเองจำนวนหกนาย ถูกสังหารอย่างเลือดเย็นและทารุณด้วยน้ำมือของนินจาจากหมู่บ้านซึ่งซ่อนเร้นอยู่ภายใต้เงาไม้ผู้ได้ชื่อว่าเป็นพันธมิตรอันแน่นแฟ้น กระแสความเดือดดาล โกรธแค้นก็ถูกจุดขึ้น ยากจะทำให้ผ่อนผันลงได้อีก
ทั้งห้องเต็มไปด้วยอณูความขุ่นเคืองตลอดจนความไม่พอใจกรุ่นอยู่ทั่วบรรยากาศเหมือนพิษร้ายที่กำลังแทรกซึมห้วงความรู้สึกของทุกคน ชักพาให้ไปในทิศทางเดียวกัน
เมล็ดพันธุ์ความแค้นได้เพาะลงแล้ว และกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ ครั้งที่มีรายงานใหม่แจ้งเข้ามาถึงสถานการณ์ความคืบหน้าให้เป็นที่ประจักษ์ว่าฝ่ายโคโนะฮะเดินหน้ารุกคืบ ลูบคมกันอย่างไม่ไว้หน้า
ถ้าไม่ใช่เพราะคำทัดทานด้วยเหตุผล ตลอดจนการครองสติอันเยือกเย็นจากคาเสะคาเงะหนุ่ม เวลานี้นินจาทุกนายภายในห้องก็พร้อมจะพุ่งไปโจมตี จัดการชำระความกับโคโนะฮะงาคุเระโดยไม่คำนึงถึงองค์ประกอบหรือปัจจัยอื่นใดเสียสิ้นซากไปแล้ว แน่นอนว่า กาอาระพยายามคุมสถานการณ์และรักษาสภาพอารมณ์ของทุกคนให้เยือกเย็นเข้าไว้ แต่นินจาซึนะงาคุเระนั้นเป็นที่เลื่องลือว่าไม่ยอมให้ใครมาหยามได้โดยง่าย เขาไม่สามารถทำให้สภาพการณ์นี้บรรเทาเบาบางความเดือดดาลลงได้เลย
“รายงานสถานการณ์ปัจจุบัน”
ท่ามกลางสภาวะที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้น รวมถึงตะกอนความเคร่งเครียดที่จับตัวและขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ น้ำเสียงเย็นเฉียบของคาเสะคาเงะคนปัจจุบันก็ตัดผ่านความเคลื่อนไหวทั้งมวล ถึงแม้จะฟังดูเรียบเฉยดังผู้ซึ่งธำรงความสุขุมเยือกเย็นเป็นที่ตั้งเพื่อก่อร่างสร้างความมั่นใจให้แก่คนใต้ปกครอง แต่กระนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความเด็ดขาดที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน
เงาลมของหมู่บ้านเอ่ยปากสั่งผู้ช่วยประจำตัวซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างเพียงสั้นๆ ด้วยถ้อยคำกระชับ และก็เป็นเช่นปกติที่ไม่มีใครในห้องเบือนสายตาไปให้ความสนใจ ทุกคนเพียงแค่นั่งนิ่งด้วยสีหน้าสงบ ไม่เปลี่ยนแปรทางอารมณ์แม้เพียงเสี้ยวเดียวขณะฟังรายงานที่ถูกถ่ายทอด
“ครับท่านคาเสะคาเงะ ตอนนี้นินจารักษาการณ์ของซึนะงาคุเระตรึงกำลังอยู่ที่เขตชายแดนโคโนะฮะในระยะสามไมล์เป็นที่เรียบร้อย พร้อมโจมตีทันทีที่หมู่บ้านโคโนะฮะคิดตุกติกหรือมีความเคลื่อนไหวไม่ชอบมาพากลครับ”
นั่นเป็นน้ำเสียงฉะฉานจากจูนินหนุ่มผู้รายงานสถานการณ์อย่างคล่องแคล่ว ทว่าใครก็ตามที่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าดังกล่าวจะพบกับความหวั่นวิตก ขัดแย้งกันกับความมั่นใจที่สัมผัสได้ในกระแสเสียงยิ่งนัก แม้ว่านอกจากคาเสะคาเงะแล้ว ผู้ที่ล่วงรู้ระดับความร้ายแรงแท้จริงของเหตุการณ์ ณ ขณะนี้อย่างครบถ้วนจะมีเพียงซาบาคุ โนะ คันคุโร่ นินจานักเชิดหุ่นเพียงคนเดียว แต่เหตุที่จะทำให้ไม่หวาดเกรงไปกับเรื่องชั่วช้าซึ่งไม่ต่างอะไรกับตลกร้ายที่ขำไม่ออกนี่ เห็นจะไม่มี
การรายงานความคืบหน้าแต่ละครั้งย้ำเตือนถึงรสชาติของการถูกทรยศหักหลังจากพันธมิตร เช่นเดียวกับระดับความรุนแรงของสถานการณ์ที่เพิ่มทบทวี ทั้งหมดนั่นเหมือนลิ่ม ยิ่งตอกเข้ามาลึก ทิ่มแทงเข้ามามากเท่าไร ก็สร้างความเจ็บปวดและความเสียหายเป็นแผลเหวอะหวะมากขึ้นเท่านั้น
คลื่นความเคลื่อนไหวกระเพื้อมขึ้นเล็กน้อยเมื่อเหล่านินจาผู้มีส่วนร่วมในการประชุมครั้งนี้เริ่มถกเถียงถึงประเด็นต่างๆ หลังสิ้นเสียงรายงาน พวกเขาพูดคุยกันด้วยสุ้มเสียงกระซิบกระซาบ แผ่วเบาเหมือนปีกนกขยับไหวในค่ำคืน แทบไม่ดังไปกว่าความเงียบงันที่รายล้อม มองดูแล้วเหมือนกลุ่มเงาตะคุ้มที่ลักลอบเคลื่อนไหวกลางความมืด
เงาลมของหมู่บ้านรับฟังข้อมูลที่แลกเปลี่ยนไปมาภายในวงล้อมของโต๊ะอย่างเป็นกลางและสงวนท่าที ยากจะตัดสินหรือคาดเดาได้ว่าโกะไดเมะ คาเสะคาเงะกำลังมีความคิดเช่นไร แต่ครั้นมุมตกกระทบของความมืดเคลื่อนมาทอดทับใบหน้านิ่งขรึมดังกล่าวจากการหักเหของแสงจันทร์ ก็ดูเหมือนจะช่วยเจาะจงลงไปได้โดยกระจ่างแจ้งว่ามันคือความเหี้ยมเกรียม น่าพรั่นพรึง
อย่างไรก็ตาม ชั่วขณะนั้น ทุกความเคลื่อนไหวก็พลันถูกแทรกแซงโดยเสียงประตูบานใหญ่ซึ่งแทบจะไม่ได้เปิดออกสู่โลกภายนอกเลยนับตั้งแต่ข้อขัดแย้งประทุ กล่าวได้ว่า ห้องประชุมย่อยแห่งนี้กึ่งๆ จะกลายเป็นห้องปิดตายในไม่ช้า หากปัจจุบัน ประตูดังกล่าวไม่เผยแง้มออก ปรากฎให้เห็นแขกที่ก้าวผ่านเข้ามา
เงาของคุโนะอิจิประจำหอข่าวผู้มาเยือนสาดยาวไปกับพื้น เมื่อแสงจากโคมตะเกียงด้านนอกลอดเข้ามาในห้องประชุมลับซึ่งมืดสลัวด้วยกลิ่นอายความลึกลับอันมาดร้ายกว่ามาก มัทสึริแจ้งข้อมูลบางอย่างแก่โจนินองครักษ์ที่ยืนอารักขาอยู่ข้างประตูสั้นๆ เหมือนไม่ได้ขยับริมฝีปากด้วยซ้ำ ก่อนจะกลับออกไปเสมือนว่าไม่เคยปรากฎตัวมาก่อน เธอส่งไม้ต่อให้แก่โจนินคนดังกล่าว ที่เมื่อรับทราบข้อมูลแล้ว ก็มุ่งเป้าหมายไปยังคาเสะคาเงะแต่เพียงผู้เดียวเพื่อถ่ายทอดสารที่ได้รับมา
นินจาหนุ่มเดินเข้าไปด้านข้าง พลางโน้มตัวลงไปกระซิบด้วยท่าทีสงบราบเรียบราวกับว่าข้อมูลในครอบครองไม่ได้ร้ายแรงมากพอจะสั่นคลอนความปลอดภัยของหมู่บ้าน
“มีเรื่องด่วนเข้ามาครับ ท่านคาเสะคาเงะ”
มันไม่ได้ปรากฎท่าทีลับลมคมนัย แต่เหมือนบอกเล่าต่อกันด้วยเรื่องราวธรรมดาที่คาเสะคาเงะควรทราบ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าสารที่ถูกนำพามาคือเรื่องใด
แล้วถึงแม้ทุกคนจะให้ความสนใจต่อความเป็นไปใหม่ที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ก็ไม่มีแม้สักรายเบือนศีรษะหรือเหลือบสายตามอง พวกเขาสำรวมท่าที รักษากิริยา สนใจแต่เพียงขอบข่ายหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากคาเสะคาเงะ ไม่คิดก้าวก่าย ล่วงเกินการกิจอื่นใดที่ไม่ควรสอดรู้สอดเห็นหรือถือเป็นธุระของตน และต่างเคารพยำเกรงอำนาจของคาเสะคาเงะหนุ่มอย่างไม่กังขา
ขณะสารถูกถ่ายทอด ความเปลี่ยนแปลงใดๆ บนใบหน้าของคาเสะคาเงะหนุ่มก็หาได้มีเกิดขึ้นไม่
กระทั่งโจนินผู้รายงานผละกลับไปยังจุดเดิม กาอาระก็ยังคงความรู้สึกเฉยชาไม่สะทกสะท้าน
แต่แล้ว ชั่วขณะถัดมา กระแสความเป็นไปทั่วทั้งห้องก็หยุดชะงักกะทันหัน เมื่อเห็นผู้เป็นใหญ่ของหมู่บ้านยกมือปรามบรรดาที่ปรึกษาอาวุโสซึ่งกำลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดให้เงียบเสียงลงด้วยภาษากายอันเรียบเฉยเฉกเช่นเดียวกับสีหน้า
โจนินรักษาการณ์ผู้รับรู้เรื่องราวก่อนใครเห็นดังนั้นก็เผลอสูดหายใจลึกคล้ายพยายามรวบรวมสติทั้งหมดของตัวเอง ข่าวที่เพิ่งได้รับมาน่าตกใจไม่น้อย และมันสามารถทำให้สูญเสียความเยือกเย็นได้อย่างง่ายดาย ทว่าสำหรับเขาแล้ว การต้องมายืนต่อหน้าเหล่านินจาระดับสูงในห้องแห่งนี้กลับน่ากริ่งเกรงเสียยิ่งกว่า เหมือนตัวเองเป็นหนูตัวเล็กจ้อยซึ่งถูกความกดดันครามครันบดขยี้ ถูกข่มด้วยรังสีเหี้ยมหาญที่แผ่กระจายบีบคั้นห้วงอากาศ
เขายืนนิ่ง กลั้นใจฟังน้ำเสียงทรงอำนาจของคาเสะคาเงะที่กรีดผ่านความเงียบ แจ้งข้อมูลให้ทุกคนรับรู้
“มีรายงานว่าตรวจพบนินจาของหมู่บ้านโคโนะฮะจำนวนมาก วางกำลังอยู่ในรัศมีสามไมล์รอบหมู่บ้านของเรา”
แม้เสียงเยียบเย็นที่กังวานไปทุกขอบเขตบริเวณ แทรกซึมไปในทุกโสตประสาทรับรู้ กระตุ้นความแค้นของผู้รับสารอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงนี้จะสิ้นสุดลงแล้ว หลงเหลือไว้แต่เพียงกระแสคุกรุ่นที่ตีรวนใต้ความเงียบงัน ทว่านินจาทุกนายในห้องแห่งนี้ก็ยังคงนั่งนิ่งประหนึ่งลืมสดับฟังข้อมูลเมื่อครู่ แม้ในความเป็นจริง พวกเขาจะเก็บรายละเอียดในทุกถ้อยคำจากปากนายเหนือของตนไว้ครบถ้วนไม่ตกหล่นเป็นที่เรียบร้อยก็ตาม
ประสบการณ์มากมายที่สั่งสมมาตลอดชีวิตการเป็นนินจาทำให้ทุกคนมีสติในการรับฟัง ก่อนจะคิดแก้ปัญหาอย่างเยือกเย็นโดยไม่แสดงอาการตื่นตระหนกตกใจใดๆ ออกมาเกินสมควร นั่นนับรวมถึงการพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ถูกโทสะเข้าครอบงำจนสูญเสียภาวะการตัดสินใจตรึกตรองอันดีไปด้วยเช่นกัน
ต่อให้การควบคุมดังกล่าวจะทำได้ยากยิ่งก็ตาม
เมื่อพิจารณาจากความเชื่อใจที่โดนลบหลู่ การกระทำที่ท้าทายอำนาจหมู่บ้านใต้เงาทราย และวิถีปฏิบัติที่ดูหมิ่นความเป็นพันธมิตร แค่เพียงอย่างเดียวจากทั้งหมดนี่ก็มากพอจะสุมเชื้อเพลิงแห่งความบาดหมาง จุดชนวนความเป็นปฏิปักษ์
แล้วต่อให้ไม่มีใครพูดขึ้น แต่ต่างก็ทราบดีถึงความจริงที่กลั่นกรองได้จากข้อมูลดังกล่าวว่าการตอบโต้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“จะโต้ตอบอะไรก็เข้ามาเลย นินจาโคโนะฮะคิดไม่ซื่อก่อน มันทำร้ายนินจาของเราอย่างเลือดเย็น” แน่นอนว่าความอดทนของบางคนอาจมีจุดเดือดต่ำกว่าปกติ ที่ปรึกษาอาวุโสซึ่งประจำตำแหน่งสำคัญด้านขวาของคาเสะคาเงะประกาศกร้าวขึ้น ปลุกเร้าบรรยากาศให้อึงคนึงด้วยความเดือดดาล กระตุ้นอารมณ์เหล่าสมาชิกร่วมประชุมให้ตอบสนองอย่างรุนแรงอีกครั้ง
อดีตอาจารย์ประจำหน่วยย่อยของเงาลมแห่งหมู่บ้านทุบกำปั้นลงบนโต๊ะด้วยแรงมหาศาลจนรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนผิดธรรมดา ความคั่งแค้นยามสูญเสียพวกพ้องตนเองไปถูกกลั่นลงในน้ำเสียงเยียบเย็น บากิกำหมัดแน่นจนกล้ามเนื้อเกร็ง แขนงเส้นเลือดนูนชัดขึ้นเป็นริ้ว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันไม่มีโต้แย้ง
ไม่แม้แต่คาเสะคาเงะหนุ่มที่ถึงจะนั่งเงียบ แต่ก็ไม่คิดจะแสดงท่าทีเป็นอื่น
นินจาซึนะงาคุเระที่ห้าวหาญไม่ยอมให้ใครมาหยามเกียรติได้โดยง่าย เมื่อมีการก้าวล้ำเส้น ย่อมต้องมีการจ่ายหนี้ของตนกลับคืนในท้ายที่สุดอย่างแน่นอน อณูแวดล้อมในทุกสัดส่วนของห้องมีความขุ่นเคืองกระจายตัวอยู่ชัดเจน ทว่าก่อนจะมีอะไรนอกเหนือความควบคุมเกิดขึ้น ผู้เป็นใหญ่ของหมู่บ้านก็พลันเอ่ยปากสยบสถานการณ์ด้วยบรรยากาศอันหนักแน่น เพื่อให้เหล่านินจาใต้บังคับบัญชาเตรียมตัวรับฟังสิ่งที่เขากำลังจะประกาศ
“ประกาศภาวะฉุกเฉิน ถ่ายทอดข้อมูลทั้งหมดลงไปให้ทราบโดยทั่วกัน ซึนะงาคุเระจะตอบโต้โคโนะฮะงาคุเระในทุกกรณี”
การตัดสินใจอันเฉียบขาดของคาเสะคาเงะสร้างความพอใจเกิดแก่บรรดาผู้เข้าร่วมประชุม ทุกคนต่างเห็นด้วยต่อถ้อยคำอันสมเหตุผลจากนายเหนือ บรรยากาศซึ่งเริ่มลุกหือด้วยอิทธิพลของความโกรธแค้นรวมถึงโทสะเดือดดาลถูกลดทอนผ่อนผันลงเล็กน้อย เพราะมีความพึงพอใจจากการที่ความประสงค์ได้รับการตอบสนองแล้วเคลื่อนเข้ามาแทนที่
หลังเงาลมแห่งซึนะงาคุเระเว้นจังหวะลมหายใจไปครู่หนึ่ง ซึ่งหาได้เกิดจากความลังเล ทว่าเป็นการเน้นยำความสำคัญของสิ่งที่กำลังจะกล่าวต่อ และดึงความสนใจทั้งหมดมารวมไว้ที่เดียว บุรุษผู้ควบคุมคาถาทรายก็สั่งการด้วยใบหน้าสุขุมติดจะเย็นชา ความเยือกเย็นมั่นคงที่ไม่ปล่อยให้ปัจจัยใดมาสั่นคลอนการพิจารณาไตร่ตรองอันแน่วแน่นี้ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่คนในปกครองได้ทุกครั้ง “ผมอยากให้ทุกคนแยกย้ายไปปฏิการตามขอบเขตหน้าที่ของตน นินจาที่สังกัดแต่ละหน่วยจะต้องมารายงานตัวที่หอข่าวภายในเช้ามืดวันพรุ่งนี้ เรียกตัวนินจาทุกนายที่ออกทำภารกิจกลับมาระดมพลที่หมู่บ้าน ไม่มีข้อยกเว้น"
นัยน์ตาสีเขียวกวาดมองไปทั่วห้อง สบสายตาทุกคู่ "ขอให้หัวหน้าหน่วยรักษาการณ์จัดกำลังพิทักษ์หมู่บ้านและชายแดนทุกด้าน โดยเฉพาะฝั่งแคว้นฮิโนะคุนิ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองส่งข้อมูลให้สายลับที่แทรกซึมแต่ละหมู่บ้าน แผ่กระจายข่าวนี้ไปในวงข้อมูลของหมู่บ้านอื่นอย่างลับๆ ก่อความบาดหมางทางการทูตและความเชื่อใจภายใน หัวหน้าหน่วยจู่โจมขอให้ตามไล่ล่านินจาโคโนะฮะที่ออกปฏิบัติภารกิจอยู่มาไว้เป็นตัวประกัน – ไม่ว่าใครขอให้จับเป็นและรีดข้อมูลมา"
โกะไดเมะหยุดเล็กน้อย
"จากนี้ ขอให้ทุกคนปฏิบัติการภายใต้ภาวะฉุกเฉินโดยคำนึงถึงประโยชน์ของหมู่บ้านเป็นสำคัญ หลังจากผมปิดการประชุม ก็หวังว่าทุกคนจะเตรียมพร้อมรอรับคำสั่งต่อไป ในเวลาสิบสองนาฬิกาของวันนี้ขอให้ทุกคนกลับมารวมตัวกันเพื่อรายงานความคืบหน้าอีกครั้ง แยกย้ายได้ ผมกับหัวหน้าโจนินจะรั้งอยู่ที่นี่ คอยควบคุมสถานการณ์ หากมีเรื่องด่วนให้ติดต่อเข้ามาผ่านโจนินประจำหอข่าว แจ้งว่าขึ้นตรงต่อคาเสะคาเงะเท่านั้น”
หลังจากคาเสะคาเงะปิดการประชุมซึ่งกินเวลายาวนานที่สุดเท่าที่ซึนะงาคุเระเคยมีมาด้วยความกระชับฉับไว นินจาแต่ละนายต่างก็ทยอยลุกขึ้น โค้งคำนับนายเหนือของหมู่บ้าน และหายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางหมอกควันจนไม่หลงเหลือเงาร่างของผู้ใดอยู่อีกเลย ไม่มีสัญญาณการมีตัวตนอยู่ของใครคนไหนอีก แม้แต่นินจาองครักษ์ซึ่งประจำตามแต่ละจุดก็ได้รับคำสั่งจากคาเสะคาเงะผ่านสัญญาณมือสั้นๆ ให้ออกไปจากห้องเช่นกัน
ทว่าความเงียบงันอันคลุมเครือลึกลับที่ปกคลุมโดยรอบก็หาได้จางหายหรือลดน้อยถอยลงไปจากเดิมไม่ ความตึงเครียดตลอดจนกระแสความเงียบที่เปี่ยมล้นด้วยความกดดันยังคงแหวกว่ายไปทั่วราวกับการล่องลอยของปิศาจที่มองไม่เห็น แทบไม่ได้ต่างกันเลยด้วยซ้ำกับยามที่ห้องแห่งนี้เต็มไปด้วยเหล่านินจาระดับสูงซึ่งเก็บตัวถกเถียง วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับส่งตรงขึ้นมาจากข้างนอก ผ่านหน่วยข่าวกรองและหน่วยลับของหมู่บ้านเป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน
โกะไดเมะ คาเสะคาเงะ ผู้ซึ่งในเวลานี้ เป็นคนเดียวที่ยังคงครอบครองห้องอยู่ เพ่งตรงไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้าไม่ไหวติง คล้ายกำลังครุ่นคิดในห้วงภวังค์ลึกล้ำ ตัดขาดตนเองออกจากความรับรู้รอบตัว
เป็นความจริงว่า ถึงแม้การประชุมจะยุติลง แต่ความคิดกังวล หวั่นวิตกด้วยความเป็นห่วงอันมีต่อหมู่บ้านของตนไม่ได้สิ้นสุดตามไปด้วย รังแต่จะเพิ่มขึ้น ไม่มีนินจานายใดเลยก้าวผ่านประตูไปโดยทิ้งความหนักใจหรือปัญหาไว้เบื้องหลัง พวกเขาต่างแบกสิ่งเหล่านั้นกลับไปกับตนเองทั้งสิ้น
และสำหรับคาเสะคาเงะของหมู่บ้านแล้ว ทั้งหมดนั่นยิ่งต้องบวกเพิ่มทวีคูณมากกว่าใคร
ท่ามกลางห้องที่กลับคืนสู่ความว่างเปล่าอันโหวงเหวงเมื่อไม่มีผู้ใดหลงเหลืออยู่ เว้นแต่เพียงผู้เป็นใหญ่ของหมู่บ้าน คาเสะคาเงะแห่งซึนะงาคุเระนั่งนิ่ง พลางพิเคราะห์ไตร่ตรองเรื่องราวด้วยความเยือกเย็น แต่ห้วงความคิดนั้นมีอันต้องระงับลงชั่วขณะยามปรากฎความเคลื่อนไหวที่อีกด้านหนึ่งของประตู มันเปิดออกอย่างไม่มีสุ้มเสียงราวกับเป็นฝีมือของเงา
ครั้นแล้ว ก็เผยให้เห็นบุรุษในชุดสีดำและการแต่งหน้าเช่นนักแสดงคาบูกิย่างกรายออกมาจากช่องแบ่งระหว่างความมืดและอาณาเขตของมุมสว่าง
ร่างสูงฉกรรจ์นั้นเดินตรงเข้าไปหาน้องชายคนเดียวที่เพียงแค่หันมองการมาเยือนของพี่ชายแทนการแสดงออกอื่นใดว่ารับรู้ ทั้งสองจ้องมองกันนิ่งงันด้วยสายตาซึ่งสื่อแสดงความเข้าอกเข้าใจ และประจักษ์แจ้งถึงความคิดอ่านของอีกฝ่ายดีโดยไม่ต้องอาศัยคำพูดทักทายหรือคำอธิบายสภาวะที่กำลังเผชิญ
ตอนนั้นเองที่ซาบาคุ โนะ กาอาระหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนด้วยความวางใจยามอยู่ต่อหน้าพี่ชาย พริบตาหนึ่ง ก็พลันเห็นเขาปลดเปลื้องสถานะคาเสะคาเงะออก กลายเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาที่กำลังอ่อนล้าทั้งกายและวิญญาณ คันคุโร่ทอดสายตาอย่างห่วงใย นอกจากความเป็นห่วงอันมีต่อหมู่บ้าน กาอาระเองก็ทำให้เขาเป็นกังวลไม่แพ้กัน
สำหรับอสูรผู้รักตนเอง ในบรรดาผู้คนที่เชื่อใจได้เพียงน้อยนิด โฮคาเงะแห่งโคโนะฮะเป็นหนึ่งในคนที่เขาส่งผ่านความเชื่อใจไปถึง ถ้าจะมีใครที่ชายหนุ่ม อดีตพลังสถิตร่างหางเดียวให้ความสำคัญเท่าเทียมกับคนในครอบครัวคนหนึ่ง ก็คงไม่พ้นโฮคาเงะหนุ่มตระกูลอุซึมากิ
“นายไม่เป็นอะไรนะกาอาระ – เรื่องนารุโตะ” นินจานักเชิดหุ่นเอ่ยขึ้น
ดวงตาสีอ่อนค่อยๆ หลุบลืมขึ้น กาอาระส่ายหน้าช้าๆ พลางเอื้อนเอ่ยออกมาแผ่วเบา ทุกการยอมรับที่เพิ่มขึ้นว่าเหตุการณ์นี้สร้างความเสี่ยงและเป็นอันตรายต่อหมู่บ้านในปกครองของตัวเองมากเพียงใด ก็ยิ่งเหมือนมีกริชทิ่มแทงลึกลงไปในหัวใจเสมอเท่าเทียมกัน เป็นกริชเคลือบยาพิษที่แม้จะถูกถอนออกแล้วก็ยังทิ้งความเจ็บปวดทรมานร้ายเหลือไว้ให้
เรื่องทั้งหมดเหมือนเนื้อร้ายที่กำลังเติบโต กัดกินอวัยวะภายในเขาไปเรื่อยๆ ไม่หยุด
ชายหนุ่มอยากระบายกับใครสักคน เขารำพึงออกมา ให้ถ้อยคำแผ่วเบาเจือปนไปกับความเงียบที่รายล้อม และราวกับว่า เขากลัวสิ่งที่ตนกำลังจะได้ยินจากปากตัวเองด้วยเช่นกัน “ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างนารุโตะจะทำแบบนี้ ฉันไม่อยากจะเชื่อเรื่องคราวนี้เลยจริงๆ มันเหมือนกับเป็นฝันร้ายอะไรสักอย่าง ฝันร้ายที่หยั่งรากน่าชิงชัง ทั้งหมดยังไม่สายเกินไปใช่ไหม”
“แต่นินจาของเราหกนายที่ตายไปก็น่าจะเป็นพยานได้ดี”
มันมีชั่วจังหวะหนึ่งเว้นว่างไปก่อนที่คันคุโร่กล่าวเสียงเข้มออกมา ซึ่งก็คือชั่วขณะแห่งความเห็นอกเห็นใจที่มีให้แก่น้องชายคนเดียว ครั้นแล้ว เขาจึงกล่าวความจริงที่แน่นอนว่า เมื่อถูกเอ่ย ย่อมต้องไม่แคล้วทำร้ายคนตรงหน้า
กาอาระเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพี่ชายเมื่อสัมผัสได้ถึงความขุ่นเคืองอัดแน่นในน้ำเสียงอย่างไม่คิดปกปิด ทั้งยังไม่นึกประหลาดใจนักต่อปฏิกิริยาโต้ตอบจากอีกฝ่าย
คาเสะคาเงะหนุ่มรู้ดีว่าคันคุโร่เป็นคนไปดูที่เกิดเหตุดังกล่าวด้วยตนเอง นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมความเชื่อใจที่มีต่อหมู่บ้านพันธมิตรอย่างโคโนะฮะงาคุเระถูกแปรเปลี่ยนเป็นความเคลือบแคลง ซ้ำร้ายยังมากจนถึงขั้นชิงชังได้โดยง่ายดาย
เพราะพี่ชายได้รู้ว่านินจาโคโนะฮะทำร้ายพวกพ้องในหมู่บ้านของเขาได้โหดเหี้ยมและเลือดเย็นมากเพียงใด คันคุโร่เห็นด้วยตาคู่นั้นมาแล้ว วิญญาณของนินจาที่ต่อสู้กับโคโนะฮะจนเหลือรอดเป็นคนสุดท้ายก็ปลิดปลิวภายใต้มือของพี่ชายเขาด้วยเช่นกัน เหตุนี้ คันคุโร่จึงยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาดจนลืมความสัมพันธ์อันดีกับโคโนะฮะงาคุเระแทบสิ้น เช่นเดียวกับทุกคนที่มีโอกาสได้รับรู้ข้อมูล
เสียงฝนกระหน่ำที่ดังอื้ออึงในตอนนั้นสะท้อนเข้ามาพร้อมด้วยภาพความทรงจำ ประหนึ่งว่าเขากลับไปยืนอยู่ที่นั่น สภาพโดยรอบเต็มไปด้วยซากชิ้นส่วนของมนุษย์ และร่างไร้วิญญาณกระจัดกระจาย ไม่มีส่วนใดของสมรภูมิขนาดย่อมนี้ไม่ปรากฎหลักฐานถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้า สายฝนไม่ได้ชะพาสิ่งใดให้หายไป รังแต่จะทำให้มันยิ่งย่ำแย่ลง
คันคุโร่ยืนตะลึงงัน ปล่อยให้เม็ดฝนตกละผ่านตัว หากก็ไม่รู้สึกเจ็บ เพราะทั่วทั้งร่างรู้สึกชาไปกับภาพที่เห็น เขาผ่านหลายสิ่งมามากในฐานะนินจา ไม่ว่าจะเรื่องเลวร้าย บีบคั้นจิตใจแค่ไหนก็รับมือมาหมดแล้วทั้งนั้น ทว่าภาพตรงหน้ากลับทำให้เขาหมดสิ้นซึ่งคำพูดใดๆ
หลังจากผ่านไปอึดใจหนึ่ง เขาก็พลันเห็นร่างชุ่มเลือดร่างหนึ่งขยับ ตนจึงปรี่เข้าไปหาทันที
“บ้าเอ๊ย! ใคร ใครเป็นคนทำร้ายพวกนาย!”
“นิ… นินจา… โคโนะ …ฮะ”
เลือดพรั่งพรูออกมาเต็มสองมือเขาจนแดงฉาน
มือคู่ที่เขาประคองเหยื่อคนเดียวซึ่งยังเหนี่ยวรั้งลมหายใจไว้ได้หลังผ่านการปะทะอันรุนแรงกับนินจาที่อีกฝ่ายอ้างว่าสังกัดหมู่บ้านโคโนะฮะ มันทะลักออกมาจากทวารทั้งห้า ย้อมทุกอย่างด้วยสีของโลหิต ถ้อยคำขาดห้วงก่อนสัญญาณชีพจะดับยังคงแวะเวียนเข้ามาในจิตสำนึกของคันคุโร่
ชายหนุ่มสะบัดใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมอันเป็นสัญลักษณ์ประจำกายของนักแสดงคาบูกิช้าๆ คล้ายจะเรียกสติยามคำพูดอันแหบแห้งและไร้เรี่ยวแรงของนินจาซึนะ ซึ่งบาดเจ็บสาหัสจวนเจียนสิ้นลม ณ จุดเกิดเหตุซึ่งเขาเป็นคนไปดูมากับตาสองข้างของตัวเองนั้นดังขึ้นในหัว ใช้เวลาเพียงไม่กี่จังหวะหัวใจเต้น ผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวจากจำนวนหกคนดังกล่าวก็เสียชีวิตลง และได้หวนคืนมาตุภูมิในผ้าคลุมศพ
ถ้อยคำสุดท้ายก่อนสิ้นใจจากประจักษ์พยาน ทิ้งน้ำหนักมหาศาลกดลงบนบ่า เมื่อเขาเป็นคนต้องแบกรับคำสั่งเสียนั้นไว้
คำพูดก่อนตายย่อมไม่ใช่คำลวง
คันคุโร่เชื่อว่าคนที่กำลังจะตายไม่มีเวลานั่งปั้นแต่งเรื่องโกหก นอกจากนี้ ไม่ใช่เพียงแค่คำบอกเล่าสุดท้ายก่อนสิ้นลมของนินจาที่กำลังจะสิ้นชีพนั่น แต่หลักฐานอื่นๆ ที่ประกอบแวดล้อม ตลอดจนข้อมูลซึ่งถูกส่งตรงขึ้นสู่สายตาของคาเสะคาเงะเพียงผู้เดียว ล้วนบ่งชี้ไปยังโคโนะฮะงาคุเระทั้งสิ้น ดังนั้นแล้ว เขายังจะต้องกังขาในสิ่งใดได้อีก
“อาจจะเป็นการเข้าใจผิดกันก็ได้”
ถ้าจะเหลือเพียงเชือกหลุดรุ่ยเส้นเดียวยึดเหนี่ยวความเชื่อในใจเอาไว้ กาอาระก็พร้อมจะคว้าเชือกเส้นนั้นโดยไม่ลังเล
โกะไดเมะพูดเสียงแผ่ว ไม่อยากโต้แย้งถกเถียง ด้วยรู้ดีว่าเวลานี้ คันคุโร่ปิดกั้นความคิดเห็นผู้อื่นไปแล้ว และคงไม่ยอมฟังเหตุผลใดอีก
พี่ชายของเขาเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นี้ลึกซึ้งยิ่งกว่าใครทั้งหมด จึงไม่แปลกที่จะได้รับผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรง ทั้งยังถือมันเป็นสาระสำคัญยิ่งยวด เขาหวังเพียงว่าพี่สาวผู้เป็นดุจดังสายลมคอยพัดพาสิ่งเลวร้ายทั้งมวลออกจากจิตใจของเหล่าผู้เป็นที่รักอย่างเช่นเขากับคันคุโร่จะอยู่ด้วยกันตอนนี้
เธอจะคอยบอกว่าไม่เป็นไร และช่วยให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ความคิดของคาเสะคาเงะหนุ่มประหวัดถึงพี่สาวเพียงคนเดียวซึ่งยังคงพำนักอยู่ในโคโนะฮะงาคุเระภายใต้สถานะทูตประสานงาน นั่นทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มเคร่งขึ้งขึ้นมาโดยพลัน
ความไม่สงบตลอดจนชนวนความขัดแย้งที่ก่อตัวขึ้นนี้ย่อมส่งผลต่อสวัสดิภาพของเทมาริในทุกๆ ทางอย่างไม่ต้องสงสัย
เธอต้องตกเป็นเป้าหมายของพวกโคโนะฮะแน่นอน
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นว่าพี่สาวของเขาจะถูกใช้เป็นเครื่องมืองัดข้อ ต่อรองกับพวกเขาเมื่อไหร่ สิ่งที่ต้องทำคือชิงลงมือก่อนให้เร็วที่สุด เวลานี้เป็นช่วงอ่อนไหวยิ่งนักต่อการเคลื่อนไหว จะทำการใดๆ ต้องระมัดระวังและคำนึงถึงทุกปัจจัยอย่างถี่ถ้วน
กาอาระมองตรงไปเบื้องหน้า ปล่อยให้คำพูดของพี่ชายกระตุ้นสำนึกหน้าที่ ฉุดดึงสติอันพึงมี “เวลาผ่านคนก็เปลี่ยนได้ คนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว นายต้องเข้มแข็งไว้กาอาระ นายเป็นคาเสะคาเงะ”
ถ้อยคำนั้นเป็นประดุจลิ่ม ตอกย้ำมวลของสิ่งที่เขากำลังแบกให้หนักอึ้งลงบนสองบ่ามากขึ้นกว่าเดิม
กาอาระนิ่งเงียบ คำพูดของพี่ชายดังก้อง สะท้อนไปมาท่ามกลางภวังค์ความคิด ยากจะปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่คันคุโร่พูดถูกต้องทุกประการ เขาจะต้องเข้มแข็งเพื่อหมู่บ้าน ทุกๆ คนคือพวกพ้องคนสำคัญของเขา นอกจากนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของเขาด้วย
ฉะนั้น สิ่งที่เขาพึงกระทำคือตัดความรู้สึกส่วนตัวออกไปให้หมดสิ้น และดำรงอยู่ในฐานะคาเสะคาเงะ
ในฐานะนินจาที่ต้องไร้ความรู้สึก
นัยน์ตาสีอ่อนฉาบประกายวาวโรจน์อีกครั้ง
“คันคุโร่ ฉันมีเรื่องหนึ่งให้พี่ไปทำ”
℘
To be continued
อ่านแล้วคอมเม้นท์พูดคุยกันได้นะคะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา ทุกท่านมีความหมายมากๆ ค่ะ ช่วยให้ผู้เขียนยังคงมีแรงใจผลักดันฟิคนี้และฟิคชิกาเทมาเรื่องอื่นๆ ต่อไปได้ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และกำลังใจ และทุกๆ แรงสนับสนุนค่ะ TT
อนึ่ง ถ้าตัวหนังสือหรือขนาดตัวอักษรอ่านยากไป เว้นบรรทัดหรือเคาะย่อหน้าน้อยไป เนื้อหาแต่ละย่อหน้าเยอะไป บอกได้ค่ะ ผู้เขียนจะปรับปรุงเรื่องจังหวะการย่อหน้าใหม่ ถ้าบรรยายยาวไป อ่านยากในแต่ละย่อหน้า ไม่ว่าจะสำหรับบทนี้หรือบทก่อนๆ บอกมาได้เลยค่ะ > <
เก็บฟิคนี้ไว้อ่านและติดตามการอัพเดท (คลิก)
ฟิคชิกาเทมาแนะนำ: Fic Shikatema - Beyond the Horizon (คลิก)
ความคิดเห็น