ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Naruto | ฟิค Shikatema) Beyond the Horizon

    ลำดับตอนที่ #13 : 10 | Beyond the Horizon - Drowned in the Wind.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.11K
      51
      16 ต.ค. 65

     





     

    X.

     

    He has drowned in the wind.

    เขากำลังจมลงไปในห้วงน้ำลึก แต่น้ำนั้นเป็นสายลม

    1.

    กระแสน้ำเย็นเยียบบาดลึกได้ยิ่งกว่าคมมีด ไม่ว่ามองไปทางใดภายใต้ทะเลสาบเยือกแข็งนี้ก็พบแต่ความมืดและแสงทึมทึบสีฟ้าที่ส่องผ่านแผ่นน้ำแข็งเหนือพื้นผิวลงมาไม่ถึง มันไล่พลิ้วตามริ้วน้ำไปยังทิศที่เด็กหนุ่มต้องการจะตามหา เมื่อสายตาปรับสภาพต่อสายน้ำพลิ้วพราย เขาก็พบหญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายเพียงเสี้ยวลมหายใจ ความจุปอดเริ่มต่อสู้กับความดันโดยรอบจนร่างกายเผชิญหน้าความอึดอัด ชิกามารุรีบดำลงไปคว้าร่างที่กำลังร่วงหล่นสู่ก้นบึ้งก่อนตนเองจะเกินขีดจำกัด ชั่วขณะนั้นเองความรู้สึกซึ่งผสมปนเปกันก็หลงเหลือเพียงความห่วงหาอันรุนแรง เด็กหนุ่มแห่งตระกูลนาราว่ายเข้าหาหญิงสาวผู้ถูกคาถาสะกดจนไม่อาจเคลื่อนไหวร่างกายใดๆ ได้แต่จมลงอย่างไม่อาจหลีกหนี เขาคว้าร่างขาวซีดที่สติสัมปชัญญะเกือบจะหลุดเลือนไว้แน่น แล้วใจก็เต็มตื้นขึ้นมาด้วยความกลัวจะสูญเสียอย่างมากมายสุดจะหยั่ง

    ลมหายใจของหญิงสาวที่ทำให้ใจเขาแทบจะหยุดเมื่อเห็นเธอตกอยู่ใต้อันตรายกำลังจะหลุดเลื่อนไปต่อหน้าต่อตา ถ้าเธอโหดร้ายมากเสียจนล่องลอยจากไปในอ้อมแขนเขาก็คงเป็นผู้หญิงที่เลือดเย็นเหลือเกิน ชิกามารุประคองกอดคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายก่อนประกบริมฝีปากลงไปถ่ายทอดอากาศทั้งหมดเท่าที่ทำได้ เขาจุมพิตเนิ่นนานภายใต้สายน้ำที่โอบล้อมไว้ แสงเรื่อตัดผ่านแผ่นน้ำแข็งสีฟ้ามากระทบริ้วน้ำเป็นพลิ้วพรายแล้วเราก็เป็นหนึ่งเดียวกัน

    คล้ายเวลานิ่งงัน ทุกสิ่งหยุดชะงัก มีเพียงเด็กหนุ่มที่กำลังมอบลมหายใจของตนให้แก่หญิงสาวเท่านั้น ชิกามารุต่อสู้แรงกดดันซึ่งบีบอัดอยู่ในหัว ประหนึ่งสัญญาณเตือนสุดท้ายว่าเลยขีดความสามารถของตนเป็นที่เรียบร้อย เขาถอนริมฝีปากออกเพราะร่างกายบังคับทั้งที่ยอมสละอากาศได้ทั้งหมดให้เหลือเพียงอึดใจเดียวที่จะพาขึ้นสู่ผิวน้ำ ขณะนี้ทายาทตระกูลนาราปราศจากอากาศเพราะมันถูกรีดไปพร้อมกับความรู้สึกดีที่เขาส่งมอบให้เธอผ่านจูบอันอึดอัด ทว่าเปี่ยมล้นด้วยความอ่อนโยนลึกล้ำ เหนือสิ่งอื่นใดเขารู้สึกเหมือนเธอกำลังดูดกลืนเขาให้ถลำลึกลงไปในหลุมลึกที่เขาไม่อาจระบุประเภทความรู้สึกได้ อันที่จริง นารา ชิกามารุรู้ว่าเธอโอบกอดเขาลงไปนานแล้ว ฉุดดึงเขาเข้าไปช้าๆ ทีละน้อย โดยที่เขาเองก็เต็มใจเช่นนั้น

    แต่ครั้งนี้ราวกับว่าความรู้สึกซึ่งเอ่อท้นขึ้นมาแจ่มชัดยิ่งกว่าทุกที ชัดเจน โดดเด่นด้วยความความรู้สึกอันจริงแท้ อาจเพราะมีอารมณ์หวาดกลัวที่จะสูญเสียและความห่วงหาอันคลุ้มคลั่งเข้ามากระตุ้น ความรู้สึกดีที่เขาไม่อาจหาถ้อยคำเหมาะสมมาอธิบายได้ซ่านซึมไปทุกอณู เหมือนใจจมดิ่งลงไปกับเธอ มันลึกซึ้งทั้งยังรุนแรงอย่างที่ไม่เคยประสบ แล้วทำให้ขาดอากาศหายใจดังเช่นที่กำลังเป็นอยู่ได้โดยง่าย

    ดวงตาสีเขียวครามที่จ้องกลับมาปิดปรือ เกือบหลับใหล เขาปลอบโยนเธอผ่านทางสายตา ให้ความมั่นใจอีกทั้งยังหนักแน่นคล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร ชิกามารุรู้แก่ใจดีว่าขณะนี้ทุกความเป็นไปได้และโอกาสรอดนับถอยหลังแข่งกับเวลา ตั้งแต่เลือกกระโจนลงมาในน้ำเย็นเยียบนี้เขาถึงไม่ยอมปล่อยให้ทุกวินาทีเสียเปล่า ทายาทตระกูลนาราเริ่มว่ายขึ้นไปยังผิวน้ำที่แผ่นน้ำแข็งปิดกั้นดุจเดียวกับกำแพงบนผืนดิน ร่างกายปิดกั้นระบบทางเดินหายใจอัตโนมัติเพื่อไม่ให้สำลัก เด็กหนุ่มใกล้ถึงขีดสุด ประสาทหูอื้ออึง สมองมีแรงดันอัดแน่น แต่ไม่อาจเทียบแม้สักเพียงเศษเสี้ยวของความทรมานที่ก่อตัวในใจเมื่อคิดว่าเธอตรงหน้ากำลังเจ็บปวดมากมายเพียงใด เขารีบแหวกกระแสน้ำขึ้นสู่พื้นผิวพร้อมหญิงสาวที่กึ่งหมดสติ แม้อุณหภูมิสัมผัสจะเย็นเยือกหากก็ไม่สามารถสงบความร้อนรนซึ่งแผดเผาอยู่เงียบๆ ได้เลย

    ผิวน้ำอยู่ใกล้เพียงปลายนิ้ว ตราบเท่าอึดใจเดียวเด็กหนุ่มก็โผล่พ้นพื้นผิวทะเลสาบขึ้นมา อากาศเข้มข้นถ่ายเทเข้าสู่ทางเดินหายใจโดยพลัน ทว่าความรู้สึกแรกของเขาหาใช่อากาศที่เติมเต็มปอดหรือความเจ็บปวดอันเนื่องจากสภาพความเย็น แต่เป็นความห่วงใยที่มีต่อคนในอ้อมแขน เทมาริกึ่งหมดสติหากกระนั้นอาศัยเวลาชั่วครู่หนึ่งเธอก็สำลักน้ำออกมา เช่นนี้ความกังวลที่คอยทิ่มแทงใจเด็กหนุ่มจึงลดลงกว่าครึ่งครั้นพบว่าหญิงสาวยังสามารถหายใจด้วยตัวเองได้“เฮ้ เทมาริ” เขาเรียกเบาๆ เพราะกลัวว่าเธอจะหลับไปโดยไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเบือนจากร่างที่กอดไว้ชั่วครู่ เมื่อริมทะเลสาบเกิดความเคลื่อนไหวหวังจะรีบรุดเข้าช่วยเหลือ

    เทมาริ” เสียงฝีเท้าย่ำผ่านหิมะที่กำลังเข้ามาใกล้ไม่ได้กลบเสียงเรียกของเด็กหนุ่มบ้านนารา แม้กระทั่งความโกลาหลอึงอลบนฝั่งก็หาได้ลดทอนน้ำเสียงนุ่มนวลที่เด่นชัดบนโสตประสาทของหญิงสาวผู้ถูกเด็กหนุ่มกอดไว้อย่างทะนุถนอมคล้ายกำลังโอบอุ้มสิ่งเปราะบาง ถึงเธอจะยังขยับได้ไม่เต็มที่แต่พยายามสุดความสามารถที่จะตอบรับเจ้าของเสียงหนักแน่นที่ทำให้ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ นี้ เด็กหนุ่มแห่งตระกูลนาราปัดปอยผมสีบลอนด์ซึ่งเปียกชุ่มน้ำ “ไม่เป็นไรแล้วเทมาริ” ยังไม่ทันสิ้นคำดี คนในความปกป้องก็จับมือเขาไว้หลวมๆ แทนการตอบรับด้วยคำพูด ทว่ากระนั้นชิกามารุก็ยังอยากจะเรียก เพราะกลัวจะเสียเธอไป กลัวจะไม่ได้เรียกชื่อนี้อีก ความหวั่นเกรงดังที่เขาไม่เคยพานพบติดย้ำอยู่ไม่จาง มันลบเลือนความนิ่งขรึมอันพึงมีเสมอลงอย่างง่ายดาย ทายาทตระกูลนาราค่อยๆ ช้อนร่างคุโนะอิจิแห่งซึนะงาคุเระพลางรวบรวมจักระก่อนก้าวขึ้นไปเหนือผิวน้ำ สภาพบรรยากาศอันปลอดโปร่งแตกต่างจากที่เผชิญยามอยู่ใต้ผืนน้ำมากแรงดันทำให้ศีรษะกับทางเดินหายใจที่เครียดตึงผ่อนคลายลง ภายในกะโหลกซึ่งถูกบดเบียดด้วยความดันน้ำและการขาดแคลนออกซิเจนค่อยๆ กลับคืนสู่สภาวะเดิม ใบหน้าเด็กหนุ่มเจ็บแสบเพราะความยะเยือกจู่โจมผิวเนื้อทุกส่วนดุจแท่งน้ำแข็งนับพัน หากเขาไม่ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย เนื่องด้วยความห่วงใยทั้งหมดในเวลานี้ได้ถ่ายโอนไปยังคุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายทั้งสิ้น

    “ชิกามารุซังครับ!” เสียงดังก่อนการมาถึงของหน่วยสนับสนุน บรรดานินจาแพทย์ที่เร่งรุดเข้าที่เกิดเหตุเพื่อตรวจอาการฮารุโนะ ซากุระพร้อมทั้งพิสูจน์การสิ้นชีพของเหล่าอสรพิษกระโดดลงมาบนผิวทะเลสาบ บ้างก็ยืนบนแผ่นน้ำแข็งที่แตก ชิกามารุห่มผ้าที่รับมาจากหน่วยแพทย์เบื้องหน้าให้หญิงสาว ดวงตาคู่สวยสะลึมสะลือ พยายามประคองสติของตนหากไม่เป็นผล เทมาริถูกครอบงำโดยห้วงสลบไสลเพราะผลพวงคาถาที่ได้รับ เขาซับใบหน้าซีดเซียวของเธออย่างระมัดระวังก่อนยอมให้นินจาแพทย์ผู้ชำนาญกว่าเข้ามาพยาบาลเบื้องต้น ผิวเนื้ออันเย็นเยียบที่เขาปล่อยไปนั้นส่งอุณหภูมิเยือกแข็งบาดลึกเข้ามาในความรู้สึกเขาด้วย

    “ช่วยดูแลเธอให้ดีด้วย ขอความกรุณาด้วยนะครับ” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มมีทั้งความเฉียบขาดแบบที่เป็นคำสั่งกลมกลืนไปกับความสุภาพอย่างพอเหมาะ ชิกามารุถอยร่นออกมาเพื่อที่จะไม่ขวางการทำงาน เพราะเขาต้องการให้เทมาริปลอดภัยโดยเร็วที่สุด แม้จะอยากอยู่ข้างๆ แต่เนื่องด้วยความจริงที่ว่าการช่วยเหลือเธอกลายเป็นการทำผิดกฎการสอบในฐานะกรรมการคุมสอบอย่างร้ายแรง เขาล้ำเส้นมามากพอแล้วและจากนี้คือการรับโทษที่เขาพร้อมยอมรับโดยดุษณี กฎของการสอบจูนินข้อหนึ่งระบุไว้ว่ากรรมการคุมสอบห้ามกระทำการใดที่มุ่งแทรกแซงการสอบให้เกิดความไม่เท่าเทียม ถึงเทมาริจะถูกทำร้ายโดยนินจาซึ่งเป็นอสรพิษร้ายจากโอโตะพอๆ กับที่เป็นหนึ่งในผู้เข้าสอบ ฉะนั้นการทำร้ายกันนั่นจึงถือเป็นการประลองด้วย เหตุนี้ การที่เขาลงไปช่วยเทมาริโดยไม่รอให้บรรดางูพิษบนผืนหิมะถูกปลิดชีพให้หมดเสียก่อนจึงถือเป็นการแทรกแซงการต่อสู่ระหว่างผู้เข้าสอบ มากกว่าการปกป้องผู้ถูกทำร้ายจากบุคคลประสงค์ร้าย

    แต่ชิกามารุไม่มีความรู้สึกใดให้แก่การละเมิดกฎของตน แถมยังนิ่งเฉยจนแทบจะแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาอันน่ายำเกรงเสียด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มรู้แค่ว่าตัวเองช่วยคุโนะอิจิแห่งซึนะได้แล้ว ตอนลงไปหาเธอนั้น เขาไม่ได้มัวมาคิดถึงความจริงเหล่านี้ พวกกฎระเบียบอันตั้งไว้ แต่อย่างใด ไม่เลยสักนิด ทั้งความโกรธ หวาดกลัวจะสูญเสียและความห่วงจนแทบบ้าประดังเข้ามา ร่างกายขยับไปโดยอัตโนมัติเพราะเธอตกอยู่ในอันตราย เขาละทิ้งการควบคุมตัวเองหรือความสุขุมลงโดยเต็มใจเพื่อจะเข้าไปปกป้องหญิงสาว หรือถ้าเขาได้นึกถึงก็ยังลงไปโดยคิดอะไรเลยอยู่ดี เนื่องจากมันไม่สำคัญ เทมาริสำคัญที่สุดแบบที่เขายอมเสียสละซึ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องเจ้าหล่อน

    ท้องฟ้าเหนือขึ้นไปเริ่มกลับมาสลัวรางเพราะเกล็ดน้ำแข็งกำลังควบแน่นใต้บรรยากาศหนาวจนอุณหภูมิเหนือพื้นกลายเป็นไอ พื้นที่ปกคลุมหิมะหนามีหมอกจับทีละน้อย เสียงกระโดดดังขึ้นอีกครั้งก่อนโคเท็ตสึและอิสึโมะจะเข้าประชิดตัวนินจารุ่นน้องอย่างชิกามารุ ผ้าห่มถูกโยนให้เด็กหนุ่มบ้านนาราที่พยักหน้าเพราะทราบกลไกต่อไปดี “เช็ดตัวให้แห้งซะ หน่วยลับรายงานขึ้นไปแล้ว การสอบสวนนายกำลังจะเริ่ม” ฮากาเนะ โคเท็ตสึกล่าวขณะใบหน้าของชิกามารุเรียบเฉยราวกับเขากำลังรับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบมากกว่าจะเดินหน้าเข้าสู่บทลงโทษสำหรับความผิด

    เพราะสิ่งเดียวที่เด็กหนุ่มเสียใจตอนนี้เห็นจะเป็นการที่ต้องทิ้งเธอไว้กับนินจาแพทย์ คนแปลกหน้า เนื่องจากการรับโทษทัณฑ์จำต้องดำเนินไป เรื่องละเมิดกฎแบบนี้บรรดากรรมการคุมสอบนายอื่นต้องรายงานขึ้นตรงต่อหอข่าวด้วยความรวดเร็วทันที เป็นข้อปฏิบัติสำคัญ ชิกามารุพยักหน้าเชิงรับรู้เมื่อนินจารุ่นพี่กระโดดมาประชิดตัวเพื่อถ่ายทอดคำสั่งของโฮคาเงะรุ่นที่ห้า “เข้าใจแล้วครับ” เด็กหนุ่มกล่าวเหมือนตอนรับภารกิจไม่มีผิดเพี้ยน เพราะเขาเองก็ถือว่านี่เป็นหน้าที่รับผิดชอบหนึ่งของตน ดวงตาคมกริบเหลือบมองหญิงสาวผู้ไม่ได้สติในความดูแลของนินจาแพทย์อยู่ชั่วขณะ “เธอเป็นหนึ่งในพันธมิตรดังนั้นคงต้องดูแลเธอให้ดี ฝากรุ่นพี่ด้วยนะครับ” มันคือข้ออ้างที่ทายาทตระกูลนาราตั้งใจฝากฝังกับรุ่นพี่ประจำหน่วย เขาต้องการรักษาเกียรติเธอในฐานะสตรีเพศเลยไม่พูดตรงๆ ว่าเขาห่วง อย่างไรเสียเราสองคนก็ไม่ได้มีพันธะความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันมากกว่าเพื่อน การเปิดเผยท่าทีจึงอาจทำให้คนอื่นเข้าใจเทมาริผิดจนเสียหาย แม้ใจจริงจะอยากแสดงตนปกป้องเธอโดยสมบูรณ์ก็ตาม เด็กหนุ่มแห่งบ้านนาราตัดใจไม่มองหญิงสาว ก่อนจะกระโดดไปตามทิศทางที่หมายด้วยหน้าที่ทันที ไม่คิดจะรีรอหรือพะว้าพะวง นิสัยสุขุมเยือกเย็น ทั้งยังมั่นคงทำให้เฉียบขาดพอดู

    ทว่าความจริงคือเขาไม่อยากไปเลย ห่วงเทมาริแต่ต้องมองความเป็นจริงจนความกดดันเพิ่มทวีคูณ

    หากเป็นก่อนหน้านี้ไม่เท่าไหร่ คำว่าน่าเบื่อน่ารำคาญติดปากที่บ่นออกมาเพราะอารมณ์ภายในเริ่มขัดแย้งกันคงมีให้ได้ยิน แต่ยามชิกามารุรู้หน้าที่เพราะเติบโตกว่าเด็กชายขี้เบื่อหมดไฟคนเก่า เขาก็จะนำความรับผิดชอบออกหน้าและเก็บความรู้สึกส่วนตัวไว้ จอมเหนื่อยหน่ายแห่งโคโนะฮะพยายามมองผ่านความเป็นห่วงและกังวลที่คอยสะกิดอยู่ในใจ

    การที่เขาเลือกจะไม่มองเทมาริเพราะคิดว่านี่ไม่ใช่การล่ำลาเสียทีเดียว เขาแค่ปลีกตัวไปจัดการธุระของตัวเองเท่านั้น เมื่อมันเสร็จสิ้นก็จะกลับมาพบกันอีกโดยเร็วเนื่องจากเขายังมีสัญญาที่ให้ไว้กับเธอแต่ยังไม่ได้ทำสำเร็จอีกมากมาย นอกจากนี้การไม่มองยังทำให้ตัดใจจากมาได้ง่ายกว่าอารมณ์ห่วงหาที่ยังติดค้าง ถึงชิกามารุจะไม่รู้ว่าบทลงโทษคืออะไร ทว่าหลังรับรู้โทษ เขาต้องปลีกตัวกลับมาติดตามอาการเธอแน่ หรืออย่างมาก ในแง่นานสุด ตราบที่การสอบจูนินยังคงดำเนินต่ออีกเกือบเดือน ก็ยังประมาณการได้ว่าต้องมีเวลาเจอกัน เด็กหนุ่มบ้านนารากระโจนก้าวผ่านแขนงไม้หงิกงอที่เรียงตัวไร้ซึ่งระเบียบไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หิมะทำให้ลื่น แถมหมอกสลัวเริ่มลงก็แทบจะอำพรางเส้นทางตรงหน้าให้เห็นในระยะไม่ไกลเกินเหยียดมือ

    ถึงชิกามารุจะพยายามใช้เหตุผลกับเรื่องที่จากหญิงสาวมาด้วยหน้าที่รับผิดชอบ ทว่าความอดกลั้นแทบจะถูกความรู้สึกที่อยู่เหนือเหตุผลใดตัดสะบั้นลง ต่อให้ทำอย่างไร ทายาทตระกูลนาราก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อหญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายได้ “ให้ตายเถอะ ไม่จริงน่า” เด็กหนุ่มพึมพำอย่างเสียไม่ได้ด้วยน้ำเสียงใจอ่อนที่แทบไม่รู้ตัว เขากำลังค้นพบบางสิ่งซึ่งจะทำให้มีความสุขเหมือนปุยเมฆลอยลม

    ตอนนั้น ที่ใต้น้ำกับแสงสีฟ้าละมุน ตอนที่เขาประทับริมฝีปากลงไปเพราะไม่มีทางเลือก ชิกามารุไม่มีเวลาไตร่ตรองว่าความรู้สึกในอกที่เขาประสบอยู่สามารถอธิบายได้ว่าอย่างไร เขารู้สึกอะไรกับเธอกันแน่ ความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว…’ เด็กหนุ่มจดจ่ออยู่กับคำถามของตัวเอง ความรู้สึกที่โดดเด่นขึ้นมาคล้ายท้องฟ้าที่โปร่งโล่งและกระจ่างชัด มีความลึกซึ้งพร้อมทั้งรุนแรงเจือปนอยู่ในเวลาเดียวกัน เขามักรู้สึกเหมือนมีปุยนุ่นบางเบามาโอบอุ้มไว้เมื่ออยู่กับเธอ ปุยนุ่นที่ค่อยๆ บีบรัดให้เขาขาดอากาศอย่างช้าๆ ด้วยความละมุนละไมอันบาดลึก ใช่ ความรู้สึกนี้ไม่เคยจางหายไปเลยเวลาได้ร่วมแบ่งปันเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยกัน บางทีเขาอาจรู้สึกกับเธอแบบผู้หญิงคนหนึ่ง เทมาริเป็นทั้งคนพิเศษ คนสำคัญ แต่คงไม่ใช่ในฐานะที่เคยให้เธออีกต่อไปแล้วตั้งแต่เขาคิดกับเธออย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมอบความรู้สึกดีๆ ให้ผู้หญิงที่ชอบ และเป็นห่วงอย่างมากมายเสียขนาดนั้น ชิกามารุกระโจนเกี่ยวกิ่งไม้สน ฝ่าผืนป่าทึบที่คลุมเครือด้วยหมอกขุ่นมัว ความห่วงหาในใจเขาเองก็เช่นเดียวกัน เป็นดุจกลุ่มควันคละคลุ้งที่ไม่ยอมจางหาย

    ในที่สุดเขาก็เข้าใจและรู้ตัวแล้วว่าตนมีความรู้สึกให้หญิงสาวมากมายอย่างไร

    เขามีความรู้สึกให้เทมาริ

    2.

    ทุกสิ่งอยู่นอกเหนือความควบคุม หมากกระดานใหม่นี้ เขาไม่ได้ยืนอยู่เหนือมันหรือมีอำนาจในตาเดิน

    ร่างสูงหยุดฝีเท้าลง โถงทางเดินโค้งกลมบนหอข่าวเงียบงันจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง เช่นนี้เสียงเคาะประตูกับคำตอบรับอันเฉียบขาดจากอีกฝั่งจึงดังชัดเจนมากทีเดียว “เชิญ” หลังคำอนุญาตสั้นๆ ชิกามารุก็ก้าวเข้าไปในห้องทำงานของผู้รั้งตำแหน่งสูงสุดแห่งโคโนะฮะอย่างสุขุมและพร้อมยอมรับโทษทุกกรณีโดยปราศจากข้อโต้แย้ง เขาเคยควบคุมเกมของหมากกระดานเก่า กระดานที่ตัวเขาเองเป็นผู้ไล่ล่าอสรพิษ แต่ภารกิจแทรกซึมการสอบนั่นจบลงแล้วเมื่อพวกมันถูกปลิดชีพด้วยแผนการซึ่งเขากลั่นกรองไว้เป็นอย่างดี

    ดังนั้นหมากกระดานใหม่ที่เด็กหนุ่มทำให้มันเกิดขึ้นด้วยตัวเองจึงหมายถึงการฝ่าฝืนกฎในฐานะกรรมการผู้คุมสอบเข้าช่วยเหลือผู้เข้าสอบจูนิน ชิกามารุก็ไม่อาจหลุดพ้นความจริงที่ว่าตนได้แทรกแซงการสอบจูนินโดยการให้ความช่วยเหลือผู้เข้าสอบ หลังเขาช่วยคุโนะอิจิแห่งซึนะขึ้นมาจากทะเลสาบนั่น กลไกของกฎซึ่งต้องหมุนไปตามหน้าที่ของมันก็ได้เริ่มทำงานเรียบร้อย ความผิดถูกรายงานต่อเบื้องบนและคำสั่งเรียกตัวให้เข้าพบโฮคาเงะก็ส่งตรงถึงเขาทันที บรรยากาศภายในห้องเจือกระแสความอบอุ่น นอกหน้าต่างยังคงมีแต่สีขาวโพลนของหิมะรวมทั้งความขมุกขมัวจากไอเย็นแห่งเหมันต์จนอากาศอุ่นกำลังดีที่ล่องลอยอยู่ทั่วห้องแทบจะกลายเป็นสิ่งลวงตา ทายาทตระกูลค้อมศีรษะให้สตรีทรงอำนาจเบื้องหน้าเพื่อแสดงความเคารพ ฉับพลันนั้นเองที่โกะไดเมะซึนาเดะฮิเมะถอนหายใจออกมาทีเล่นทีจริง ปราศจากการเตือนล่วงหน้า

    “จนได้สินะชิกามารุ” ริ้วรอยแห่งความชอบอกชอบใจปรากฏบนรอยยิ้มของโฮคาเงะที่เริ่มหัวเราะในลำคอ “ในที่สุดก็ถึงคราวเธอที่แหกกฎบ้าง แต่ยอมให้ตัวเองตกที่นั่งลำบากเพื่อเด็กคนนั้นก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของฉันเท่าไหร่หรอก” หากดวงตาสีอัลมอนต์ของซึนาเดะฮิเมะไม่คมกล้าด้วยอารมณ์เย้าหยอกไม่จริงจังเสียจนคู่สนทนาแทบจะแยกไม่ออก เด็กหนุ่มบ้านนาราก็คงจะแย้งกลับไปด้วยนัยยะเชิงปฏิเสธ แต่เขาจะทำอย่างไรในเมื่อรู้ตัวและเข้าใจเหตุการณ์ของการกระทำตั้งแต่ต้นจนได้ว่าตนมีความรู้สึกประเภทไหนกับเจ้าหล่อน ชิกามารุแค่เด็กหนุ่มจอมหน่ายเซ็งไม่ใช่ผู้ชายทึ่ม ถึงจะชอบบ่นว่าผู้หญิงน่าเบื่อน่ารำคาญ หากก็ยังตรงไปตรงมากับใจตัวเอง เทมาริเป็นเหมือนลมซึ่งต้องอยู่คู่กับเมฆแบบเขาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยตอนคำตอบของความรู้สึกอันซับซ้อนรุนแรงที่เขาได้ประสบบ่อยครั้งเด่นชัดขึ้นมากะทันหัน

    ที่ผ่านมาก็ได้แต่คิดว่าความรู้สึกแปลกๆ ชวนพิศวงซึ่งก่อตัวรุกรานหวังครอบครองทั่วร่าง แทรกซึมไปทุกอณูอย่างรุนแรงแต่กลับทำให้อบอุ่นแถมยังสบายใจอย่างน่าประหลาดเหล่านี้คืออะไร ทั้งที่มันค่อยๆ พร่าพรายด้วยความละมุนละไมอันบาดลึก ทว่าใจกลับสงบ ก่อเกิดความรู้สึกลึกล้ำสูบฉีดท่วมท้นประหนึ่งโลหิตทุกหยาดหยดแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งลุ่มลึกอันเปี่ยมด้วยพลังดึงดูด ร่างกายคล้ายถูกอัดอากาศก่อนบีบรัดให้ยอมจำนนอย่างช้าๆ ท่ามกลางความรู้สึกดังกล่าวนี่ แม้จะประสบกับตัวอยู่เนื่องๆ ยามใช้เวลาร่วมกับหญิงสาว ชิกามารุก็ไม่เคยอธิบายได้ หากอยู่ดีๆ เมื่อเกือบจะสูญเสียผู้หญิงที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกพิเศษทั้งหมดทั้งมวลนั้น ก็ประจักษ์แจ้งข้อเท็จจริงอันกระจ่าง คำตอบพลันกระจ่างชัดขึ้นมาดุจความจริงแท้ที่ขาวปลอดปราศจากเหตุผลขัดขวางใดๆ เขากำลังจมลงไปในสายลมนั่นเอง

    เขาซึ่งเคยเกือบจะสูญเสียเทมาริมาแล้วครั้งหนึ่ง ถึงได้เข้าใจความรู้สึกที่มีต่อเธอ

    “ชิกามารุเธอนี่รสนิยมไม่เบาแหะ รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าถ้าทำแล้วตัวเองต้องเจอกับอะไรแต่กับเธอคนนั้นน่ะยังไงก็ยอมปล่อยไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ” ริมฝีปากแต้มชาดสีหวานเหยียดยิ้มเจือเสียงหัวเราะฮึมฮัม โกะไดเมะ โฮคาเงะรุ่นที่ห้าประสานมือเข้าด้วยกัน เธอเฝ้าสังเกตเด็กหนุ่มจากบ้านนาราทุกครั้งยามตนเองริเริ่มหัวข้อสนทนาที่มีส่วนข้องเกี่ยวกับคุโนะอิจิแห่งทะเลทราย ท่านหญิงซึนาเดะถึงได้ค้นพบว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่เคยแสดงปฏิกิริยาในทางปฏิเสธหรือมีท่าทีกระอักกระอ่วนต่อคำหยอกล้อของเธอเลยแม้เพียงสักครั้ง ซึนาเดะฮิเมะไม่รู้ว่าเขารำคาญที่จะบอกปัด ไม่รู้สึกรู้สา หรือการไม่แก้ต่างนั้นจะเป็นการยอมรับแบบกลายๆ โดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้รู้ตัวกันแน่ ดวงตาสีอัลมอนต์หรี่ลงครึ่งหนึ่งก่อนตัดสินใจเลือกตัวเลือกซึ่งประกอบข้อเท็จจริงได้เข้าทีที่สุด ข้อคะเนว่าเหตุผลของนารา ชิกามารุอาจเป็นอย่างหลังจึงเริ่มเคลื่อนผ่านเข้ามา

    ความเห็นที่ท่านหญิงซึนาเดะมีต่อพวกเขาทั้งคู่ค่อนไปทางสนุกสนานแถมติดจะบันเทิงเริงใจอยู่ไม่น้อยกับการเฝ้าสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างจอมขี้เบื่อหมดไฟของโคโนะฮะกับคุโนะอิจิผู้แข็งกร้าวแห่งหมู่บ้านซึ่งซ่อนเร้นอยู่ใต้เงาทราย เธอไม่ได้สนใจเรื่องของคนวัยหนุ่มสาวนานแล้วเพราะใช้ชีวิตผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมามากเกินไป จนสายตาที่ใช้มองโลกนั้นกลายเป็นผู้ใหญ่แม้จะไม่อยากให้เป็น ทว่ากับนารา ชิกามารุและบุตรสาวในคาเสะคาเงะรุ่นที่สี่ เธอต้องยอมรับว่าการดึงดูดซึ่งกันและกันของทั้งสองเป็นธรรมชาติ น่ารัก ทั้งยังสวยงามด้วยมันล้วนมีแต่ความจริงใจ เจตนาบริสุทธิ์ที่คนทั้งคู่ทำให้กัน มอบความรู้สึกต่อกัน เรียบง่ายแต่มีความหมายและมั่นคง

    “แต่เรื่องนี้ก็ถือว่าเธอทำได้ดีชิกามารุ เธอตัดสินใจถูกต้องแล้วที่ช่วยเทมาริแห่งซึนะ แม้จะบ้าบิ่นไม่คิดหน้าคิดหลังไปก่อนก็เถอะนะ”

    เล็บเรียวแหลมของสตรีผู้รั้งตำแหน่งสูงสุดในหมู่บ้านเคาะลงบนโต๊ะไม้อย่างครุ่นคิดพิจารณา ทันทีที่เหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ หน่วยลับก็รายงานการละเมิดกฎของเจ้าหน้าที่คุมสอบแก่เธอด้วยความรวดเร็วปานพายุ เพราะมันคือข้อปฏิบัติสำคัญซึ่งจะหลีกเลี่ยงหรือล่าช้าไปไม่ได้ ซึนาเดะไม่แปลกใจเลยเมื่อรายละเอียดของคำร้องมีชื่อนารา ชิกามารุปรากฏอยู่ เธอรู้จักเด็กหนุ่มเลี้ยงกวางจอมเหนื่อยหน่ายคนนี้ดีเกินกว่าจะประหลาดใจกับสิ่งที่เขาทำลงไป ต่อให้ไม่ใช่เทมาริแห่งทะเลทราย แต่ท่านหญิงแห่งเซ็นจุก็เชื่อว่าเด็กหนุ่มไม่มีทางปล่อยใครเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่ช่วยเหลือ ชิกามารุซึ่งตระหนักความสำคัญของคำว่าความสำเร็จในภารกิจแล้ว จะไม่มีวันยอมเสียใครไปอีก ซึนาเดะฮิเมะวางท่าทรงอำนาจเช่นตำแหน่งโฮคาเงะบนบ่าขณะกล่าวต่อ “ภารกิจล่าตัวอสรพิษนี้สำเร็จโดยไม่สูญเสียใครไป เธอเติบโตจนเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ได้ทีเดียว”

    แม้ในน้ำเสียงของโฮคาเงะจะมีการยอมรับและความชื่นชมแฝงอยู่ ชิกามารุกลับเลือกจะนิ่งเงียบ เพราะเด็กหนุ่มทราบความผิดของตนดี เขาช่วยปกป้องคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายโดยไม่คำนึงว่าสามารถรอจนกว่าบรรดาอสรพิษถูกปลิดชีพได้ ถ้าขณะนั้นตนพอมีสติยั้งคิดสักนิด ก็จะสามารถช่วยเหลือเธอได้อย่างที่ไม่ละเมิดกฎการแทรกแซงการประลองระหว่างผู้เข้าสอบ เขาจึงผิดที่สูญเสียการควบคุมตัวเองด้วยความโกรธและละทิ้งความสุขุมเยือกเย็นทั้งมวลไปมากกว่าจะไตร่ตรองให้รอบคอบ แถมยังละเลยกฎซึ่งควรจะรักษา คำชมเชยใดก็ไม่อาจชำระล้างความจริงพวกนี้ได้

    แต่ทายาทบ้านใหญ่ตระกูลนาราก็ยังยืนยันคำเดิมคือ เขาไม่เสียใจหรือสนใจด้วยซ้ำว่าตนขาดสติใคร่ครวญและลงไปช่วยหญิงสาวจนต้องถูกโทษทัณฑ์ การที่ได้ช่วยเทมาริไว้ทันการ อีกทั้งยังปกป้องเจ้าหล่อนด้วยมือเขาเองนับว่าเทียบกับที่ต้องรับโทษภายหลังไม่ได้เลย เนื่องจากความปลอดภัยของเธอมันมีค่ายิ่งกว่า เด็กหนุ่มรู้ว่าความผิดมิอาจแปรเปลี่ยนเป็นความถูกต้อง ชิกามารุไม่รู้สึกรู้สาในข้อนั้น ทว่ามิใช่เพราะเขาไม่รู้จักสำนึกหรือยโส หากจะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาไม่มีสักเศษเสี้ยวความเสียใจในความผิดนี้แม้เพียงน้อย บางทีเราอาจจะมีความรู้สึกให้เธอจนหน้ามืดตามัวไปแล้วก็ได้ แบบผู้ชายที่หลงผู้หญิงจนตาบอดพวกนั้น เด็กหนุ่มจอมเหนื่อยหน่ายนึกติดตลกทั้งที่ใบหน้ายังคงนิ่งขรึมรอรับคำสั่งคาดโทษจากโฮคาเงะแห่งโคโนะฮะ แต่อย่างเราคงเรียกได้ว่ากำลังหลงอยู่ในสายลมสินะ…’

    เกล็ดน้ำแข็งสีขาวโรยรายลงมาจากปุยเมฆสีเทาที่แผ่เป็นระลอกคลื่นหม่นมัวอยู่เหนือพื้นดินซึ่งเหมันตฤดูกำลังครอบครองทั่วทุกอาณาเขตสุดสายตา อากาศภายในห้องยิ่งอุ่นขึ้นเพื่อสู้กับไอความหนาวที่แผ่กระสานซ่านซึมภายนอกนั่น หน้าต่างกระจกมีแผ่นน้ำค้างแข็งเกาะลอกจนทิวทัศน์อีกฝั่งเริ่มพร่าเลือนประหนึ่งริ้วน้ำใต้ผืนน้ำแข็ง หลังคาบ้านเรือนรวมทั้งดาดฟ้าของอาคารสูงต่างเริ่มถูกกคลุมด้วยหิมะอีกหน ครั้งแรกที่เด็กหนุ่มบ้านนาราเอ่ยปากนับแต่ก้าวย่างเข้ามาในห้องแห่งนี้เป็นตอนเครื่องทำความร้อนแบบก่อไฟส่งเสียงดังเปรี้ยะเหนือตะแกรงที่วางกาน้ำชาไว้ เด็กหนุ่มค้อมศีรษะเล็กน้อย “ผมไม่กล้ารับคำพูดพวกนั้นไว้หรอกครับ” เวลานี้เขาต้องการเพียงอย่างเดียว อยากให้นาเมคุจิ ซึนาเดะฮิเมะลงโทษตามกฎโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้พอมีเวลาไปพบเทมาริตามที่ตั้งใจแน่วแน่ ถึงท่านรุ่นที่ห้าจะพอใจกับผลลัพธ์ ทว่าอย่างไรการกำหนดโทษก็ต้องดำเนินอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง ชิกามารุพยายามสะกดกั้นความร้อนใจไว้ตลอดเมื่อต้องเผชิญหน้าที่รับผิดชอบด้วยสติเยือกเย็นและเหตุผล เพิกเฉยต่อด้านที่อยากพบเธอซึ่งซุกซ่อนยังส่วนลึก หากผิวกายเย็นเยียบของหญิงสาวคล้ายจะติดแน่นในความรู้สึกไม่จาง มันเร่งเร้าความห่วงหาให้เพิ่มเท่าทวีคูณจนท้ายที่สุดก็ไม่อาจประมาณ

    “เพราะเธอเตรียมตัวเตรียมใจมารอความรับผิดเต็มที่เลยล่ะสิ งั้นก็ย่อมได้” ใบหน้าอ่อนเยาว์เกินอายุแท้จริงของโฮคาเงะแห่งโคโนะฮะจับจ้องเด็กหนุ่มตรงๆ ชั่วพริบตาที่ท่านหญิงแห่งเซ็นจุวางแฟ้มลงตรงหน้าเมื่อสิ้นเสียงพูดนั้น หน่วยลับก็กระโดดลงมารวดเร็วเกินกว่าสายตาจะกะทิศทาง เหล่านินจาซึ่งสวมหน้ากากอันไร้ชีวิตคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นขณะรอคำบัญชาจากซึนาเดะฮิเมะผู้เป็นนายเหนือ หิมะด้านนอกเทลงหนาตาเหมือนแมลงกลางคืนกลุ่มมหึมาบินวนใต้แสงไฟ เด็กหนุ่มทราบดีว่าตนอาจจะถูกสอบสวนอย่างเข้มงวดต่อเหตุการณ์ที่เกิด หรือพักหน้าที่ชั่วคราวสักสองสามเดือนเป็นพื้น แต่จะอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น หมู่เมฆทะมึนครึ้มยามโปรยปรายเกล็ดน้ำแข็งขาวละเอียดหนักข้อขึ้น ไม่ถึงอึดใจถัดมาคำประกาศโทษอันผ่านการตริตรองก็ถูกประกาศโดยสตรีผู้มีอำนาจสูงสุดของหมู่บ้านด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดไม่รับกับสีหน้าอารมณ์ดีและท้าทายความสนุกสนานเสียมากมายคล้ายกำลังเดิมพันเสี่ยงพนันอยู่ตรงหน้า “หวังว่าภารกิจไร้กำหนดกับหน่วยลับที่ชายแดนแคว้นคามินาริจะเป็นบทลงโทษที่ดีสำหรับเธอ คนจากหน่วยลับต้องการมันสมองปราดเปรื่องที่เธอมี” ท่านหญิงซึนาเดะใช้นิ้วชี้เคาะขมับตัวเองพลางจับจ้องยังเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่วางตา “รายละเอียดพวกเขาจะอธิบายให้ฟังตอนเธอไปถึงจุดนัดหมายที่กำหนดไว้”

    ต่อให้ทายาทตระกูลนาราพิจารณาด้านไหน มันก็ไม่เป็นการลงโทษเลยแม้แต่น้อย การปฏิบัติภารกิจคือสิ่งที่นินจาทั่วไปทำอยู่แล้ว ต่อให้ภารกิจนั้นๆ จะถูกประเมินให้มีระดับยากเพียงใด ก็ไม่ได้มีไว้ใช้เพื่อความรับผิด จะเรียกว่าโทษทัณฑ์ไม่ได้ ดังนั้นเหตุผลมีเพียงอย่างเดียวคือโกะไดเมะ ซึนาเดะฮิเมะไม่ต้องการลงโทษเขาจริงๆ นั่นเอง รูปการณ์อื่นจึงสวมเสื้อผ้าในรูปบทลงโทษเข้ามาเพื่อรักษาความเคร่งครัดของกฎเกณฑ์ไว้ เด็กหนุ่มรับแฟ้มจากโฮคาเงะแห่งโคโนะฮะงาคุเระ ความกังวลหยดลงกระทบพื้นผิวจิตใต้สำนึกจนสั่นไหวเป็นวงกว้างเมื่อใดไม่อาจทราบได้ ชิกามารุรู้สึกว่าในใจมีหมอกหมองมัวก่อตัวหนักอึ้ง ความไม่สบายใจซึ่งตกค้างอยู่กระตุ้นความวิตกกังวลลึกๆ ที่มีต่อคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายจนเครียดเขม็ง ชั่วหัวใจบีบรัดจังหวะเดียวนั้น เขาถามสิ่งที่ตัวเองอาจไม่อยากได้ยินคำตอบออกไป “เวลานัดหมายคือเมื่อไหร่ครับ”

    ดวงตาเฉียบคมเห็นร่องรอยเหยียดยิ้มกว้างของอีกฝ่ายแทนการตอบรับก่อนคำว่าเดี๋ยวนี้จะถูกเอื้อนเอ่ยออกมาเสียอีก

    3.

    แม้จะเหมือนมีตะกั่วเหล็กอันหนักอึ้งคอยถ่วงความรู้สึกของเขาแต่ความเร็วในการก้าวกระโดดก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย รังแต่จะเพิ่มมากขึ้นด้วยความร้อนใจที่ถูกน้ำแข็งชื่อว่าสติเยือกเย็นห่อหุ้มไว้ให้ยังคงอารมณ์สงบนิ่งอยู่ได้ เด็กหนุ่มกระโจนผ่านทุ่งหิมะเนียนละเอียดแต่ปราศจากรอยเท้าใดปรากฏเป็นมลทินบนสีขาวนั้น ปุยเมฆสีเทากระจุกตัวเหนือเส้นขอบฟ้าคล้ายจะกลืนกินท้องนภาสลัวรางทีละน้อย บรรยากาศอึมครึมฉาบทัศนียภาพบนภูเขาซึ่งตั้งตระหง่านอย่างสูงใหญ่ภายใต้สายหมอกให้ทะมึนมืด เขาเกี่ยวกิ่งไม้ระเกะระกะเพื่อส่งตัวเองไปข้างหน้า หลบหลีกลำต้นสูงลีบของไม้สนที่ปักลงบนผืนดินอย่างไร้ระเบียบ เสื้อคลุมติดฮู้ดสีครีมสะบัดลู่ลมยามเจ้าของร่างพุ่งตัวโดยความเร่งที่ใช้ความห่วงหาเป็นเชื้อเพลิง

    จิ้งจอกน้ำตาลใต้โคนต้นอิงแอบมองอย่างสนใจใคร่รู้ก่อนพลุบไปซ่อนตัวใต้กิ่งสนที่โน้มต่ำเมื่อเงาร่างของบุรุษเร่งผ่าน เกล็ดน้ำแข็งกรุยกรายซึ่งเกาะตามใบแคระแกร็นประหนึ่งผงน้ำตาลร่วงลงสู่พื้น และมันก็เป็นเช่นนี้ตลอดเส้นทางที่ชิกามารุเหยียบย่าง การที่เขาเร่งรีบเข้ามายังสนามสอบจูนินรอบสองนี้หาใช่เพราะภารกิจไม่ ช่องว่างระหว่างเวลาเตรียมตัวอันน้อยนิดก่อนเข้าร่วมภารกิจกับหน่วยลับถูกเด็กหนุ่มใช้อย่างรวดเร็วเพื่อให้ช่วงที่เหลือสามารถมาพบคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายได้ เขาไม่อาจทิ้งเธอไปปฏิบัติภารกิจไร้กำหนดกลับทั้งอย่างนี้โดยไม่แม้เพียงบอกลา

    เงาร่างใต้เสื้อคลุมกระโดดขึ้นไปเหนือทิวไม้สนจนได้ยินเสียงสายลมหวีดร้องระงมหูและพัดหอบทั่วสรรพางค์อย่างข้นคลั่ก ลำต้นเหยียดตรงอันลีบเล็กที่โอบล้อมอยู่ทุกทิศสลับผ่านสายตา โฮคาเงะแห่งโคโนะฮะอนุญาตให้เขาเข้ามายังสนามสอบนี้โดยปราศจากการสอบถามเหตุผล ชิกามารุขอบคุณท่านหญิงซึนาเดะในข้อนั้นมากทีเดียว แม้ภายหลังเธอจะยิ้มกริ่มพลางบอกว่าเพื่อความสัมพันธ์ดีระหว่างโคโนะฮะและซึนะก่อนเขาขอตัวออกมาก็ตาม เด็กหนุ่มบ้านนาราเร่งความเร็วอีกเท่าตัวเนื่องจากคาดคะเนแล้วว่าเกล็ดน้ำแข็งจะกระหน่ำโปรยลงอีกระลอกในไม่ช้า เหนือต้นสนสูงชะลูดที่แผ่กิ่งก้านอำพรางผืนฟ้า ทะเลเมฆาลอยต่ำด้วยความอัดอั้น ท่ามกลางไอเย็นซึ่งระบายลมหายใจจนขุ่นขาว เสียงแตะกิ่งไม้กับความเร็วที่ดังเสียดอากาศปรากฏเป็นช่วงๆ ทัศนะวิสัยรอบอาณาบริเวณเริ่มโปร่งโล่งขณะทิวสนค่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างเรือนยอดขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเขาก็หลุดพ้นแนวชายป่า แมกไม้เคลื่อนหลุบไปด้านหลัง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนปรับรับสภาพแสงที่ลานหิมะขาวโพลนดุจผืนพรมหนาสะท้อนดวงอาทิตย์ซึ่งแหวกกลีบเมฆสาดส่องเป็นสีนวล ริมเชิงผาข้างธารน้ำตกขนาดย่อมที่รอดพ้นจากการแช่แข็งของเหมันต์มีหอสังเกตการณ์ยืนยามอยู่

    ตรงกลางประตูเปิดแง้ม โคเท็ตสึยืนตากอากาศหนาวกับลมหายใจซึ่งจับตัวเป็นไอรอนินจารุ่นน้องอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนเงาร่างที่เขาต้องการตัวจะโผล่พ้นทิวป่าสนออกมา อันที่จริง ถึงนกสื่อสารของชิกามารุจะไม่แจ้งล่วงหน้า เขาก็ยังมั่นใจว่าเด็กหนุ่มบ้านนาราคนนี้ต้องมาอย่างแน่นอนในเมื่อเขามองออกว่าเจ้าหนุ่มจอมเหนื่อยหน่ายนี่ให้ความสำคัญกับคุโนะอิจิแห่งซึนะงาคุเระมากมายผิดแผกจากสตรีเพศคนอื่นอย่างไร ทายาทตระกูลนาราปลดฮู้ดลงเมื่อหยุดยืนตรงหน้า เขาจึงถามขึ้นอย่างกดดันเกินคาด “นายเหลือเวลาอีกเท่าไหร่”

    ครั้นประตูเปิดกว้างเต็มบาน อากาศอุ่นก็ละลายความหนาวซึ่งเกาะกุมผิวเนื้อไว้แทบจะทันที เด็กหนุ่มแห่งบ้านตระกูลนาราก้าวเข้าไปในหอสังเกตการณ์เก่าแก่ หากทว่าความเย็นยังซึมผ่านผนังหรือกระทั่งแผ่นไม้ทุกแผ่นมาได้ยาก สรรพสำเนียงมีทั้งเตาถ่านลั่นไฟ เสียงฝีเท้าย่ำเหนือพื้นกระดานผุกร่อน “อีกไม่มากครับ แต่ผมปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ เธอเป็นยังไงบ้าง” สิ่งเดียวที่เหนี่ยวรั้งชิกามารุไว้คือความต้องการรู้ว่าหญิงสาวจะไม่เป็นไร แต่มันก็ทำให้ห่วงจนแทบคลั่งด้วยเช่นกัน เขาปล่อยให้นินจารุ่นพี่ผู้เอื้อมมือมาตบบ่าเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถามนำทางไปยังจุดหมาย ทั้งที่ใจจะถูกทับถมโดยความกังวลเมื่ออีกฝ่ายมีปฏิกิริยาบ่ายเบี่ยง ทางเดินบนตัวอาคารเป็นไม้กระดานลั่นเอียดอาด ตัวบันไดทอดผ่านชั้นต่างๆ ตามระเบียงซึ่งล้อมรอบโถงกลางทรงกลม โคมไฟแก้วขุ่นๆ ห้อยโยงจากเพดานสูง และเพราะความเก่าของสิ่งปลูกสร้างนี้ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกจึงค่อนข้างขลุกขลัก ความอบอุ่นที่แผ่กระจายสู้อากาศหนาวภายนอกคือการเติมเชื้อฟืนใส่เตาผิงไฟแทบจะตลอดเวลา ป้องกันความเย็นกล้ำกราย

    “ห้องของเธออยู่สุดทางเดินชั้นนี้ พวกนินจาแพทย์ร่ายคาถาให้หลับไว้จนกว่าคาถาของพวกโอโตะจะหมดฤทธิ์น่ะ นายเสร็จธุระที่นี่แล้วก็คงจะรีบไปเลยเพราะงั้นลาตรงนี้แล้วกันนะ” ฮากาเนะ โคเท็ตสึกล่าวเมื่อขึ้นถึงชั้นอันเป็นจุดหมาย เนื่องด้วยตนรู้สึกคับคล้ายจะหมดหน้าที่ตรงนี้แล้ว “ฉันมีธุระต้องไปทำต่อด้วย” นินจาหนุ่มยกมือให้รุ่นน้องเป็นสัญญาณของการล่ำลา แต่แท้ที่จริงเขาปลีกตัวออกมาเพราะต้องการรักษามารยาท ตอนโคเท็ตสึได้ยินเสียงคำขอบคุณไล่หลังมาไกลๆ จึงเบิกบานโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเพราะน่าประทับใจในความราบเรียบแต่ดูเป็นความจริงเสียยิ่งกว่าอะไรของคนคู่นี้กระมัง เขากับอิสึโมะบังเอิญพบจอมขี้เบื่อหมดไฟของโคโนะฮะกับคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายที่ข้างนอกบ่อยทีเดียว การเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ในทุกครั้งทำให้พบความจริงว่าทั้งสองไม่เคยรู้ตัว ทว่าโคจรรอบกันประหนึ่งดวงดาวสองดวงซึ่งไม่อาจแยกขาด ดูเหมือนนิสัยเด็กหนุ่มเติมเต็มอีกด้านของหญิงสาว และหญิงสาวเองก็ทำให้อีกส่วนของเด็กหนุ่มสมบูรณ์ขึ้นมา เป็นครึ่งหนึ่งของกันและกัน

    หลังร่างสูงของนินจารุ่นพี่ลับหายไปกับขอบขั้นบันได เด็กหนุ่มบ้านนาราก็รีบเร่งฝีเท้าสู่ปลายทางเดินโดยปราศจากการรีรอ เขาต้องการพบหญิงสาวและได้รับทราบว่าเธอจะไม่เป็นอะไรยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด

    นินจาแพทย์นำเทมาริมาที่นี่เพื่อติดตามอาการหลังคาถาของเหล่าอสรพิษแห่งโอโตะทำลายประสาทรับรู้บางส่วนไปชั่วคราว เด็กหนุ่มรู้สึกถึงความโกรธอีกครั้งเมื่อตระหนักว่าตนไม่ได้ปกป้องเทมาริตั้งแต่ต้น เขาโมโหทั้งยังโทษความไม่เอาไหนของตัวเอง ร่างกายถูกบีบอัดด้วยความรู้สึกหลากหลายอันประดังเข้ามา มันตีรวน คลุ้มคลั่งอยู่ในใจจนกรามขบกันแน่นเพื่อสะกดกั้นเพลิงโทสะที่เกือบโหมกลืนความสุขุม แรงกดดันย่อมๆ ภายในกะโหลกศีรษะส่งผลให้สมองเครียดขึ้ง แต่สีหน้าเรียบเฉยช่วยปกปิดอารมณ์ส่วนตัวพวกนั้นไว้เหมือนหน้ากากด้านชาที่ใช้ซ่อนเร้นใบหน้าเหล่าหน่วยลับ ความสงบนิ่งกลางอารมณ์ซึ่งกำลังโกลาหลเป็นราวกับตาพายุอันสงบราบเรียบไม่มีผิดเพี้ยน

    แม้แต่จะปกป้องเธอ เขายังทำไม่ได้ เด็กหนุ่มลิ้มรสความเจ็บใจของตัวเองว่าเป็นประหนึ่งพิษร้ายคอยกัดกร่อนส่วนลึกทีละน้อยให้ปากแผลลุกลามอย่างเชื่องช้าแต่บาดคม ความเสียใจและห่วงหาคือแท่งเข็มทิ่มแทง หากทว่าชั่วลมหายใจเดียว ตอนมาถึงบานประตูเบื้องหน้า ชิกามารุกลับคลายความรู้สึกประเดประดังทั้งหมดจนมลายหายเสียสิ้น คงเป็นความจริงอย่างไม่มีทางปฏิเสธเลยว่าเทมาริทำให้จิตใจเขาสงบลงได้เสมอ หญิงสาวคือสิ่งปลอบประโลมของเขา นารา ชิกามารุหมุนลูกบิดทองเหลืองฝืดๆ เปิดอุปสรรคเดียวที่ขวางกั้นตนกับคุโนะอิจิผู้มาจากทะเลทรายทันที อีกฝั่งนั้นเป็นห้องสีขาวสว่าง หิมะซึ่งเริ่มพร่างพรมเอื่อยๆ นอกหน้าต่างก็มีสีเช่นเดียวกัน ทายาทตระกูลนาราก้าวเข้าไปใกล้ร่างบางระหงบนเตียง ลมหายใจเธอเป็นจังหวะที่มั่นคง สม่ำเสมอ สีน้ำตาลอ่อนบนดวงตาคมกริบจึงค่อยๆ อ่อนแสง สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นความนุ่มนวลแบบที่มีไว้เฉพาะผู้หญิงตรงหน้า แค่เห็นเทมาริความไม่สบายใจรวมถึงอารมณ์สับสนก่อนหน้านี้ก็พลันถูกพัดพาไปโดยแท้จริง “เฮ้ ฉันกลับมาแล้วนะยัยโหด” ชิกามารุกระซิบ เสียงเรียกมีแต่ความทะนุถนอมเจือปน มันแผ่วเบาเพราะกลัวเธอจะบุบสลายหากไม่ระมัดระวัง เขาไม่นั่งบนเก้าอี้เนื่องด้วยระยะเวลาที่เหลือกำลังจะเกินกำหนด นัยน์ตาสีอ่อนเพียงจ้องมองดวงหน้าซึ่งหลับใหลอย่างละมุน ก็เจือจางความเป็นห่วงที่แผลงฤทธิ์อยู่ในใจมาตลอดแล้ว

    ความกังวลซึ่งกดย้ำห้วงความรู้สึกค่อยๆ ถอยร่นไปเพราะใบหน้าหญิงสาวเริ่มซับสีเลือดขึ้นมาก เมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่เขาปล่อยมือจากเธอ ผิวนั้นทั้งเย็นเฉียบและขาวซีดดุจหิมะที่รายล้อม เด็กหนุ่มหยิบหมากโชหงิใต้เสื้อคลุมออกมา ค่อยๆ ถูเหลี่ยมตัดของมันอย่างครุ่นคิดก่อนวางลงบนโต๊ะข้างเตียง เขาวางช่อดอกไม้สีฟ้าอ่อนดุจเดียวกับท้องฟ้าแต่งแต้มเมฆไว้เคียงคู่กันด้วย เพื่อตอนเทมาริตื่นขึ้นมาเห็นก็จะได้พบว่าเขายังอยู่ข้างเธอเสมอ ไม่ได้ไปไหน

    ดอกอาจิไซฤดูหนาวบนโต๊ะโดดเด่นท่ามกลางห้องสีขาว อุณหภูมิในนี้อุ่นพอเหมาะจนเจ้าช่อสีหวานสะพรั่งบานเต็มที่ แม้กลีบดอกซึ่งเกาะตัวเป็นพุ่มจะดูบอบบางกว่าเคยแต่ก็ทำให้ทั้งห้องอ่อนหวานและมีชีวิตชีวา มันอบอวลด้วยความห่วงใยเสมอเหมือนคำพูดที่ต้องการเอื้อนเอ่ย และบางทีก็ทดแทนความรู้สึกผิดที่จะไม่ได้อยู่ข้างๆ ทายาทตระกูลนาราทอดมองหญิงสาวอย่างนิ่งงัน ดวงตาคมกริบซึ่งหากมองผิวเผินจะเห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังเหม่อลอย ทว่าแท้จริงแล้วความรู้สึกอันอ่อนโยนนุ่มลึกกำลังระบายบนสีน้ำตาลอ่อนนั้น เด็กหนุ่มผู้ห่วงหาพยายามตักตวงเวลาอีกเพียงนิดทั้งที่ไม่สามารถรั้งรอได้อีกต่อไป เพราะฟันเฟืองนาฬิกาไร้ซึ่งความปราณี เข็มวินาทีคล้ายจะหมุนอย่างรวดเร็วประหนึ่งแกล้งกัน เกล็ดหิมะละเอียดปลิวเกาะขอบหน้าต่างเป็นแนว ชิกามารุชะงักมือที่จะเกลี่ยแก้มขาวเนียนแทนการปลอบโยนนั่นเล็กน้อย ท้ายสุดก็ได้แค่ขยับผ้าห่มให้เธออุ่นสบาย

    หากการเคลื่อนไหวด้วยความแผ่วเบากลับทำให้คนใต้ผ้าห่มพลันมีสติรับรู้ขึ้น ตอนวางมือบนขอบผ้าชิกามารุเห็นร่างบางระหงขยับเล็กน้อย หัวใจเขาก็บีบล้นเอาความหวังออกมากับเลือดที่ฉีดพล่านทั่วร่าง เด็กหนุ่มระงับความตื่นเต้นระคนยินดี ก่อนประสานมือกับหญิงสาวแน่นเพื่อรับรองว่าเธอจะตื่นมาโดยมีคนอยู่เคียงข้าง ไม่ได้อยู่ท่ามกลางความโดดเดี่ยว ทว่าเธอที่นอนนิ่งไม่ไหวติงมาตลอดคล้ายสิ่งเปราะบางเข้าไปทุกทีจนเขาต้องอ่อนน้ำเสียงที่ใช้เรียกเพื่อตรวจสอบว่าเธอกำลังจะได้สติหรือไม่ แม้อารามดีใจจะผสมปนเปกับความโล่งใจอยู่มากแต่เด็กหนุ่มก็ยังคงความหนักแน่นที่รับประกันต่อคนตรงหน้าได้เสมอว่าทุกสิ่งจะไม่เป็นไรไว้ในปฏิกิริยาตอบสนองต่อการรู้สึกตัวของคุโนะอิจิแห่งทะเลทราย “เทมาริ- เทมาริจอมโหดกลับมาได้แล้วนะ” ทายาทตระกูลนารากดเสียงตัวเองให้ต่ำ ระมัดระวังไม่ให้เธอที่เพิ่งฟื้นคืนสติต้องตกใจ ชิกามารุกำลังรอรับหญิงสาว เขาไม่ยอมปล่อยมือจนกว่าจะได้เจ้าหล่อนกลับคืนมาจากห้วงนิทรายาวนาน เมื่อเปลือกตาค่อยๆ หลุบลืมอย่างอ่อนแรง เด็กหนุ่มถึงปลดเปลื้องลูกตุ้มเหล็กอันมีชื่อว่าความหวั่นวิตกและเกรงกลัวจะสูญเสียที่ถ่วงตนลง อารมณ์หนักอึ้งกับความไม่สบายใจซึ่งติดตรึงถูกรอยยิ้มสะลึมสะลือดูดกลืนสิ้น

    เพียงลมหายใจเดียวนี้เองเขาเห็นดวงตาปิดปรือจ้องมองมาอย่างเคลิบเคลิ้มแต่ในสีเขียวครามนั้นละลายความหวานละมุนเจือปนอยู่ ริมฝีปากซึ่งเริ่มมีสีเลือดค่อยๆ ขยับ “อะไรกัน” เธอพยายามเค้นเสียง หากก็หยุดพูดกลางคัน กลืนน้ำลายก่อนกระพริบตาช้าๆ เหมือนจะเหนื่อย ทว่ายังคงระบายยิ้มน้อยๆ “นายร้องไห้อยู่เหรอ นาคิมุชิคุง” สำหรับชิกามารุผู้ห่างไกลจากคำว่ากำลังร้องไห้ตามคำกล่าวอ้างของหญิงสาว การทักทายนี่ไม่เหนือความคาดหมายเท่าไรนัก ถ้อยคำแรกที่เธอเอื้อนเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงแหบและรอยยิ้มจางๆ ซึ่งคลี่ออกมาอย่างอ่อนระโหยโรยแรงทำให้เขาต้องหลุดหัวเราะขรึมอย่างอ่อนใจ ส่วนหนึ่งเพราะเพิ่งผ่อนคลายสติอันเครียดเขม็งลง เมื่อเจออารมณ์ขันของเทมาริจึง ภูเขาแห่งความเคร่งขรึมเนื่องจากหน้าที่รับผิดชอบบนบ่าก็พลังทลายลงด้วยความกระปรี้กระเปร่าของสายลมเหมือนเช่นทุกทีที่เด็กหนุ่มไม่สบายใจ เธอช่วยปลดปล่อยเขา ความจริงคือเทมาริเป็นสายลมที่ปลอบประโลมให้จอมเหนื่อยหน่ายหมดไฟแห่งโคโนะฮะสงบลงได้ไม่ว่าอย่างไร

    ท่อนแขนเพรียวสมส่วนยื่นขึ้นไปหาเด็กหนุ่มที่โน้มเข้ามาใกล้เพื่อสดับตรับฟังถ้อยคำหยอกเย้าอันเผ่าแพ้ว เธอแตะแก้มอีกฝ่าย ในคราแรกเทมาริพอรู้สึกตัวต่อสิ่งรอบข้างอยู่บ้างเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด ทว่าเพราะหมดสติไปนาน แถมทั้งมึนงงเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดในทันที นอกจากนี้ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนด้วยผลตกค้างของคาถา ท่ามกลางประสาทรับรู้ทั้งหมด เธอสัมผัสได้แค่ความรู้สึกอันคุ้นเคยที่ปกคลุมทั่วห้อง จึงตระหนักว่าบุคคลผู้เยี่ยมเยือน เจ้าของบรรยากาศที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยนี่คือนารา ชิกามารุ ซึ่งเสียงอันอ่อนโยนของเขาชั่วขณะถัดมาก็ช่วยยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว และกอดเธอเอาไว้

    ความรู้สึกอันอบอุ่น หนักแน่นทั้งยังมั่นคงทั้งหมดนั่นเกาะกุมใจเธอ หญิงสาววางใจและพร้อมอยู่ในความปกป้องของเขา ยิ่งกว่านั้นยังอุ่นใจจนอยากจะพึ่งพิงไปตลอด ตอนเสียงวางหมากดังพร้อมกับกลิ่นดอกไม้กำซาบซึม เทมาริก็สลัดอาการมึนงงหลังฟื้นคืนจากห้วงสลบไสลลงจนหมดถึงเพิ่งหวนระลึกเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ครบถ้วน เศษความทรงจำอันกระจัดกระจายพลันกลับมาปะติดปะต่อรวมกัน ครั้นสติคลอนแคลนเข้าที่ เธอจึงเริ่มเชื่อมต่อเรื่องราว เพียงเสี้ยวหัวใจเต้นชั่วจังหวะก็ค้นพบข้อสรุปว่าเพราะเหตุใดตนถึงตกใต้ในสภาวะเช่นนี้ หญิงสาวจำได้ว่าตนต่อสู้กับนินจาจากโอโตะงาคุเระในการสอบจูนินรอบสองแล้วถูกล่อมายังลานหิมะที่มีทะเลสาบน้ำแข็งกว้างทอดตัวเป็นแอ่งลึก นอนทอดแขนแผ่หลากลางทุ่งสีขาวสล้าง เวลานั้นลางสังหรณ์ก็เริ่มทำงานว่าโคโนะฮะต้องกำลังเผชิญปัญหาบางอย่าง ซึ่งก็ไม่ผิดเลย เมื่อเธอเห็นเหล่าจูนินฟาดฟันกับนินจาโอโตะงาคุเระอีกหลายนาย จึงเดาว่าเป็นพวกเดียวกับผู้ครอบครองคาถาอสรพิษที่จู่โจมเธอไม่ลดละเทมาริประสานความทรงจำในหัวอย่างรวดเร็ว แค่ไม่กี่ลมหายใจก็ประจักษ์แจ้งก่อนชิกามารุจะห่มผ้าให้เธอด้วยสัมผัสนุ่มนวลเสียอีก ทว่าฉับพลัน ยามแสงสีฟ้ากับริ้วน้ำพลิ้วพรายปรากฏเหนือผืนความจำ ร่องรอยอ้อยอิ่งบนริมฝีปากก็คล้ายจะเด่นชัดขึ้นอีกครั้ง คุโนะอิจิแห่งทะเลทรายรู้สึกภายในอกบิดมวนกับการรุกล้ำที่เป็นเหตุสุดวิสัยแต่อ่อนหวานจนฝังแน่นตราตรึง

    ภาพความจำเลื่อนไหลผ่านพร้อมอารมณ์ที่ส่งผ่านความรู้สึกหวานละมุนไปทั่วร่าง ราวกับโลหิตทุกหยาดหยดแปรเปลี่ยนเป็นปุยนุ่นบางเบาที่ย้อนกลับเข้าสู่หัวใจซึ่งเต้นระรัว คล้ายกับถูกกอดด้วยละอองเมฆนุ่มนิ่ม หญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายว่ายวนอยู่ในห้วงความคิดแต่ไม่อาจหลีกหนีความลุ่มลึกที่รุกรานทุกอณูไปได้ ตอนนั้นเองที่เธอเริ่มขยับร่างกายจนเด็กหนุ่มตระหนก ถึงได้หยอกเย้าเขาว่านาคิมุชิคุงร้องไห้อีกแล้ว เพราะเธอกำลังโดนความรู้สึกเขินอายแต่เต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึกดีของตัวเองเล่นงานอยู่ ในความทรงจำ ชิกามารุช่วยเธอไว้ เขาคือเงาร่างคุ้นเคยที่ดำดิ่งลงมาหาพร้อมสัมผัสแผ่วเบา อากาศซึ่งถูกถ่ายเทมาดึงรั้งสติอันเลือนราง ไหนจะเสียงเรียกที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียวของเธอ ณ เวลานั้น เทมาริจดจำได้ครบถ้วน หญิงสาวค้างมือที่จับแก้มทายาทตระกูลนาราไว้อย่างเนิบนาบเพราะเกือบสิ้นเรี่ยวแรง เธอใช้พลังงานเกือบหมดแล้ว แต่กลัวว่าความรู้สึกผิดของเด็กหนุ่มจะเรื้อรังจึงต้องพูด

    “ไม่เป็นไรชิกามารุ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าห่วงอีกเลย” กว่าเสียงจะหลุดเลื่อนผ่านลำคอช่างยากลำบาก มันเลยทั้งเบาโหวงและเนิบช้า เพราะเธอรู้จักชิกามารุดีถึงคาดหมายได้ว่าเด็กหนุ่มต้องกำลังโทษตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเธอไว้ตั้งแต่ต้น อารมณ์ที่แผ่ออกมาจากบรรยากาศรอบตัวอีกฝ่ายก็ยังตอกย้ำความจริงข้อนี้ เทมาริค่อยๆ ดึงไหล่เขาลงมา ร่างสูงจับแขนหญิงสาวให้เธอมีหลักผ่อนแรงก่อนนั่งลงข้างๆ ทันที มืออบอุ่นประคองศีรษะเธอพลางปัดเรือนผมสีบลอนด์ที่เกลี่ยหน้าผากอย่างเบามือภายใต้การยินยอมของสาวเจ้าซึ่งต้องการพึ่งพิงมืออันมั่นคงนี่อย่างวางใจ

    “ขอโทษนะ” ถ้อยคำนี้ถ่ายทอดความรู้สึกผิดและอารมณ์ห่วงหาทั้งหมดลงไป ชิกามารุแตะใบหน้าสะสวยที่อ่อนล้าพร้อมเกลี่ยผมยาวๆ อยู่อย่างนั้น ถึงสายตาซึ่งทอดมองจะราบเรียบทว่าลึกๆ แล้วอ่อนแสงลงมากทีเดียว คำตอบรับกลับจากเด็กหนุ่มบ้านนาราทำให้เทมาริต้องใช้เรี่ยวแรงน้อยนิดตีต้นแขนเขาเชิงตำหนิเพราะไม่มีแรงแม้แต่จะกลั่นคำพูดหรือทำอะไร เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้จึงเงียบเสียง ก้มหน้าลง มือถูขอบตาคู่สวยที่งัวเงียเบาๆ ด้วยสำนึกผิดในคำขอโทษนั้นโดยแท้จริง เขาจะรู้ดีว่าการที่เจ้าหล่อนบอกไม่เป็นไร หมายถึงคำขอโทษใดๆ ล้วนไม่จำเป็น เทมาริยังคงเป็นผู้หญิงจอมโหดอยู่นั่นเอง นินจาผู้ถือครองวิชาเงาแห่งโคโนะฮะใช้หลังมือลูบแก้มหญิงสาว ปล่อยให้เวลาที่เร่งรีบเดินเป็นเพียงเงื่อนไขลวงตา เขาละเลียดความรู้สึกที่ได้เห็นเธออยู่ในความปกป้องชั่วขณะนี้อย่างหวงแหน นัยน์ตาคู่สวยกับท่อนแขนเพรียวบางพยายามเหนี่ยวรั้งเขาคล้ายจะรู้ล่วงหน้าว่าคำพูดเช่นใดกำลังจะหลุดลอดออกมา เด็กหนุ่มวางมือบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาเพื่อให้ความเชื่อมั่นเจืออารมณ์ปลอบโยนกลายๆ ก่อนจะสารภาพ ให้ความสัตย์คอยอยู่ข้างเธอตอนที่เขาไม่อยู่

    เช่นนี้เทมาริจะดีใจมากกว่าตื่นขึ้นมาด้วยความไม่รู้และความรู้สึกว้าเหว่ เขารู้จักเจ้าหล่อนดี การชื่นชอบความตรงไปตรงมานั่นทำให้หญิงสาวเป็นคนที่ให้ความรู้สึกกระจ่างชัดดุจเดียวกับสายลมของตัวเอง ลึกลงไปเบื้องหลังความเย่อหยิ่งทั้งยังแข็งกร้าวนั้น เขาจึงสามารถอ่านออกได้ง่ายดาย ภายในสิ่งอันก่อกำแพงปกป้องมีแต่ลักษณะนิสัยที่ทำให้เขาหลงเข้าไป ฉุดดึงลงไป นารา ชิกามารุสบสายตารู้เท่าทันของคนตรงหน้า เธอฉลาด ฉะนั้นคงรู้แล้วด้วยว่าสิ่งที่กำลังจะได้ยินหมายถึงเรื่องใด เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวจนสมบูรณ์ คุโนะอิจิแห่งซึนะก็ตระหนักถึงผลที่เด็กหนุ่มจะได้รับหลังการละเมิดกฎเพื่อเข้าช่วยเหลือเธอทันทีเพราะข้อเท็จจริงมักเชื่อมโยงไปมาเหมือนลูกโซ่เสมอ หญิงสาวรู้สึกประหนึ่งมีสมอเรือหนักถ่วงอยู่ในใจ ลางสังหรณ์ซึ่งมีต่อการจากลารุนแรงในอก ถ้าแค่พักงานหรือคุมความประพฤติ ชิกามารุคงไม่มีทีท่าราวกับมาเพื่อล่ำราครั้งสุดท้าย ทำไมเหมือนนายจะกำลังไปล่ะทำไมทำหน้าแบบนั้น นายจะไปไหน ความคิดไม่อาจแปรเป็นคำพูด ความอ่อนล้าจำกัดไว้ เทมาริถูกห้วงอารมณ์หวาดวิตกบีบเร้า ความรู้สึกห่วงหา ไม่ยากพลัดพรากเลยก่อตัวเป็นสมอเหล็กอันที่ว่า เธอใจหายถึงยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นไปก่อนเขาจะทันได้เอ่ยอะไรเสียอีก สตรีผู้มาจากทะเลทรายชูมือขึ้นหาเด็กหนุ่มคล้ายจะโผเข้ากอด

    ความรู้สึกของพวกเขาเชื่อมต่อกันโดยไม่ต้องอาศัยอากัปกิริยาใดๆ เป็นตัวชี้นำ เข้าใจกันแบบที่การพูดจาให้มากความเป็นสิ่งไม่จำเป็น เด็กหนุ่มบ้านนาราโน้มตัวลงไปใกล้เพราะไม่ต้องการให้เธอพูดดังกว่ากระซิบจนเกินขีดความอดทนของร่างกายอันเหนื่อยล้า เทมาริยิ้มหยอกอย่างขี้เล่นตอนโอบแขนรอบคอเด็กหนุ่มเพื่อดึงใบหน้านั้นเข้ามาใกล้ “ขอบใจนะ” สุดท้ายก็ได้บอก นี่คือสิ่งที่เธออยากจะกล่าวมากที่สุดนับแต่รู้สึกตัว น้ำเสียงแผ่วเพียงขนนกบนผิวน้ำนี้แจ่มชัดบนโสตประสาทของชิกามารุมากทีเดียว “ขอบใจที่ช่วยฉันเอาไว้” หญิงสาวเลือกจะยิ้มหวานเพื่อย้ำความมั่นใจให้คนตรงหน้าไม่ห่วง ถ้าการจากลามาถึงจริง เพียงหัวใจเต้นจังหวะเดียว ถ้อยคำอันอ่อนหวานก็แล่นเข้าสู่โลหิตทุกเส้นของทายาทตระกูลนารา เขารู้สึกหัวใจอบอุ่น ขณะคิดว่าเธอจะพูดอะไรต่อ เรี่ยวแรงน้อยนิดที่เกี่ยวกระหวัดไว้ก็พยายามดึงเขาเข้าไปใกล้กว่าเดิม ใกล้ขึ้นอีก จนเหลือเพียงกลิ่นหอมกับลมหายใจ และพวกเราแค่สองคน

    รอบด้านไม่มีอะไรอยู่อีกเลย ความอบอุ่นของเตาทำความร้อนก็คล้ายจะไม่จำเป็น ละอองสีขาวโรยรายนอกหน้าต่างหาได้มีอิทธิพลเหนือโลกของพวกเขา เทมาริตอบความรู้สึกดีที่ประคองทั่วทั้งร่างอย่างอ่อนละมุนในเวลานี้ไม่ได้ ต้องการก็แต่เพียงชิกามารุเท่านั้น สัมผัสละมุนนุ่มดุจเดียวกับจุมพิตของสายลมยามพัดมาต้องใบหน้าอย่างหยอกเย้าประทับลงบนใบหน้าเด็กหนุ่มแห่งตระกูลนาราอย่างนุ่มนวล เธอจูบหน้าผากเขา เช่นเดียวกับการยอมรับความรู้สึกในใจตัวเอง

    แม้รอยยิ้มหวานละมุนที่ชิกามารุไม่สามารถละสายตาออกมาจะไม่สะกดเขาไว้ เธอก็ยังดึงดูดเขาได้เสมอ เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายผละออกมาเพราะกลัวตนจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไปก่อน ความตระหนกปรากฏเหนือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนอย่างโจ่งแจ้ง “ให้ตายเถอะ คิดว่าฉันเด็กกว่าล่ะสิ แต่ผู้ชายบางคนเขาไม่ยอมเธอง่ายๆ หรอกนะ” ทายาทบ้านนาราค่อนข้างฉุนเพราะออกจะหวง หญิงสาวยังคงยิ้มละไมทั้งที่เขาตักเตือนเชิงตำหนิอย่างนึกห่วงทั้งที่ในอกยังคลุ้มคลั่ง ไม่คิดสงบลงง่ายๆ เพราะการกระทำของเธอนั้นมีอิทธิพลร้ายแรงมากนักโดยที่เจ้าหล่อนอาจไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้ผู้ชายคนหนึ่งถูกครอบงำด้วยความอยากจะเป็นเจ้าของตามประสาบุรุษเพศที่มักจะต้องการแสดงความครอบครอง เขาเองก็เป็นผู้ชายที่มีความรู้สึกต่อเพศตรงข้ามอย่างรุนแรงได้เช่นกัน อารมณ์ตระกุมตระกรามกำลังแผลงฤทธิ์อยู่ทีเดียว

    “ฉันไม่ได้คิดว่านายเด็กกว่า” แน่ละเธอยังคิดว่าเขาเป็นผู้ชายถึงได้ทำแบบนั้น เทมาริคงไม่จูบทั้งที่มีความรู้สึกคลุมเครือแบบนี้แน่ถ้าคิดว่าเขาเป็นเด็ก เธอไม่ได้คิดว่าชิกามารุอายุน้อยกว่ามานานแล้วตั้งแต่วันสายฝนพรำที่เขาพึ่งพาได้เช่นเดียวกับผู้ชายคนหนึ่ง หญิงสาวลอบมองปฏิกิริยาอีกฝ่าย บนดวงตาของชิกามารุเป็นประกายแรงกล้าจนเธอแอบใจฝ่อ กลัวว่าจะโกรธ แล้วทำไมต้องกลัว หญิงสาวไม่ได้สนใจความคิดที่ถามย้อนขึ้นมาในหัว เนื่องจากสีหน้าอีกฝ่ายจริงจังจนน่ากลัวดังเช่นว่าขึ้นมาจริงๆ แต่ทว่าเด็กหนุ่มกลับสัมผัสริมฝีปากลงบนหลังมือเธออย่างอ่อนโยน นานเกินชั่วอึดใจก่อนจะผิวผ่านจากไป ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอเป็นเรื่องจริงจัง ลุ่มลึกและมีความหมายท่วมท้น เขาแตะต้องเธออย่างเบามือ ทั้งให้เกียรติพร้อมยกย่องเพราะผู้หญิงตรงหน้าสำคัญเกินกว่าจะฉายฉวยหรือทำเป็นเล่น ซึ่งนั่นมากพอให้หัวใจเจ้าหล่อนเต้นผิดจังหวะ คุโนะอิจิแห่งทะเลทรายแทบจะถูกความทะนุถนอมนี่โอบกอดจนลอยได้ หากจูบบนหน้าผากเมื่อครู่หมายความถึงการยอมรับของเทมาริแล้วว่าตนมีความรู้สึกบางประการให้เด็กหนุ่มต่างหมู่บ้าน อารมณ์ ณ ขณะปัจจุบันคงช่วยให้เธอค้นพบได้ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร แต่ดูเหมือนจะไม่ อารมณ์ที่หญิงสาวรับรู้ยังคงไม่ชัดเจนเท่าความรู้สึกซึ่งก่อตัวอย่างมากมายแล้วในใจ ส่วนหนึ่งอาจด้วยเธอไม่แน่ใจรูปแบบหรือสถานะของมัน ร่างเพรียวระหงพยายามยันตัวขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับทายาทตระกูลนารา เขาที่ไม่ยอมให้ได้ทำเช่นนั้นจึงกดไหล่ลงมาเบาๆ แทนการห้ามปราม

    หัวใจที่เต้นจังหวะนั้นเองถึงทำให้เธอได้รู้ในที่สุดว่าความรู้สึกเหล่านั้นไม่ใช่เพียงผิวเผิน แต่มันผูกพันและลึกซึ้ง เธอจับมือเขาไว้แน่นเมื่อชิกามารุกำลังจะพูดสิ่งที่กลัวจะได้ยินออกมา สีหน้าเหงาสร้อยบนดวงหน้าสวยคมนั้นคือความจริงพอๆ กับรอยยิ้มซึ่งหญิงสาวพยายามระบายความร่าเริงลงไปเพื่อให้เด็กหนุ่มสบายใจเป็นหลัก ชิกามารุบอกกับเธอด้วยด้วยความนุ่มนวลทั้งทางสายตา น้ำเสียง รวมถึงการกระทำ คล้ายกำลังประคองตุ๊กตาแก้วอันเปราะบาง จนความหวิวโหวงเข้าเกาะกุมจิตใจเทมาริ ประหนึ่งห้วงอากาศกลวงๆ ที่ดูดกลืนทุกสิ่ง ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแห่งการพรากจาก ช่องท้องว่างโหวงตอนเขาปฏิบัติต่อเธอโดยพ่วงสัญญาณของการล่ำลา “ขอโทษที่จะไม่ได้อยู่ข้างๆ เธอ ฉันต้องไปทำภารกิจไม่มีกำหนดและไม่รู้ว่าจะได้กลับมาก่อนจบการสอบจูนินรึเปล่า ไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่นั่นแหละ”

    ถึงชิกามารุจะเศร้า เขาก็ไม่ได้แสดงออกมา บนดวงตาเฉียบคมมีแต่ความหนักแน่นให้เจ้าหล่อนรู้สึกมั่นคง เด็กหนุ่มผ่อนยิ้มเมื่อหญิงสาวยังคงเป็นเธอที่ทำให้เขาหยุดไว้ได้ ผู้หญิงซึ่งชิกามารุยกให้ต่างจากสตรีเพศทั้งหมดทุกคน เพราะเธอพยายามบอกว่าไม่มีอะไรเป็นปัญหา ทุกอย่างจะไม่เป็นไร เทมาริได้มอบความเชื่อมั่นกับเขาเฉกเช่นเดียวกัน เธอกำลังจะส่งเขาด้วยความสบายใจ“นายต้องกลับมาทำตามสัญญาที่ติดไว้ ตกลงนะ” ชิกามารุตระหนักเสมอว่าหญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายเข้มแข็งและทำให้เบิกบาน ยามอยู่ด้วยจะสงบลงโดยง่าย แต่อิทธิพลของมันมากมายมหาศาลจนเข้าข่ายน่าพิศวง รอยยิ้มเหนื่อยหน่ายที่ออกจะเป็นสุขระบายจางๆ เหนือใบหน้าคมสันหลังเธอทักท้วงทิ้งท้าย “ฉันจะรอ” นานแค่ไหนก็จะรอ

    ถึงกระนั้น ตอนอีกฝ่ายลุกขึ้นยืน หญิงสาวก็ใจหายอย่างที่สุด เหมือนโหลแก้วที่อากาศภายในวูบออกจนว่างเปล่า ทั้งยังกลวงก้องด้วยคำพูดซ้ำซ้ำ อย่าไปเลย มือเนียนนุ่มอันอ่อนล้าเกี่ยวมือที่ใหญ่กว่าไว้ก่อนจำต้องพละจากกันเพียงปลายนิ้วสัมผัส ชิกามารุปล่อยการเกาะกุมเพื่อห่มผ้าให้คนตรงหน้ารู้สึกสบาย เขาวางมือบนหน้าผากเจ้าหล่อนสำหรับรับรองว่าทุกสิ่งจะราบรื่น ปลอดภัย เป็นไปอย่างเรียบร้อย ไร้ซึ่งปัญหา ไม่มีเรื่องต้องห่วงและไม่เป็นไร หญิงสาวดื่มด่ำสัมผัสนี้ไว้กับตัวให้มากเท่าที่จะสามารถถนอมได้ ท้องฟ้าด้านนอกโปรยปรายหิมะลงมาหนักข้อแต่บรรยากาศกลับขาวกระจ่าง เกล็ดน้ำแข็งละเอียดปลิวว่อนมากระทบหน้าต่างกระจก แม้เวลาจะยิ่งบีบกระชันทุกชั่วขณะหากเด็กหนุ่มก็ยังคงไม่แยแส ในยามนี้การก้าวเดินของเวลากลายเป็นสิ่งที่ปราศจากความหมาย หาใช่ปัจจัยสำคัญเหนือ เขามองผู้หญิงบนเตียงอย่างอ้อยอิ่งเพราะไม่อยากจากไป เธอก็ไม่ต้องการเช่นนั้นดุจเดียวกัน ทว่าภาระหน้าที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เทมาริไม่อาจปล่อยให้เด็กหนุ่มบ้านนาราถูกดึงรั้งไว้โดยความห่วงหาหรืออาวรณ์ เพราะเมื่อมองลึกเข้าไปในสีน้ำตาลอ่อนของดวงตาคมกริบ เธอแอบเห็นร่องรอยห่วงใยกับความพะวงที่ขัดแย้งต่อความรับผิดชอบ

     เรี่ยวแรงชุดสุดท้ายซึ่งพอเหลืออยู่บ้างเลยถูกใช้เพื่อสะบัดมือไหวๆ เร่งเด็กหนุ่มแห่งบ้านตระกูลนาราให้รีบไป “ฉันเหนื่อยแล้ว นายไปเถอะ” เทมาริเอ่ยกับเด็กหนุ่มที่ตีความหมายแฝงออก มันคือนัยยะซึ่งหญิงสาวต้องการจะสื่อว่าเธอไม่ต้องการได้ยินคำลาจริงๆ ผ่านปากเขา และเปิดทางให้เขาจากลาได้โดยไม่หลงเหลือสิ่งใดติดค้างใจอยู่ หญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายจุมพิตปลายนิ้วตัวเองก่อนแตะบนแก้มเด็กหนุ่มต่างหมู่บ้าน จูบแห่งความโชคดีกับรอยยิ้มอ่อนหวานส่งท้ายแทนคำกล่าวอำลา เปลือกตาประดับแพขนตางามงอนค่อยๆ กลืนสีเขียวครามทีละน้อย เธอข่มสติให้หลับ คุโนะอิจิแห่งซึนะปล่อยให้ผิวสัมผัสแผ่วๆ เหนือหลังมือประทับตราอยู่ตรงนั้นเสมอเหมือนน้ำเสียงอันติดตรึง ทั้งเสียงหัวเราะขรึมกลั้วประโยคซึ่งออกจะเรื่อยเฉื่อย สบายๆ ตามประสาจอมเหนื่อยหน่ายที่เธอคุ้นเคย

    “ฉันไปแล้วนะยัยโหด” พอได้ยินก็ยิ่งรู้สึกโหยหาเหลือเกิน

    โสตประสาทค่อยๆ เงี่ยฟังฝีเท้าที่ไกลออกไปเรื่อยๆ เทียบเท่าจังหวะหัวใจบีบตัว ตอนประตูเปิดความอดทนซึ่งข่มไว้ทั้งหมดกลับโถมออกมาเหมือนมรสุมคลื่น หญิงสาวผู้มาจากหมู่บ้านแห่งทรายโพล่งขึ้นอย่างรวดเร็วปานพายุเพราะกลัวโอกาสจะหลุดลอย การเหนี่ยวรั้งครั้งสุดท้ายระงับการก้าวเดินของเด็กหนุ่มให้ชะงักงันโดยฉับพลัน เทมาริกล่าวด้วยความกังวล ละห้อยหาและเว้าวอน “นี่ต้องกลับมาล่ะ รีบกลับมา”

    ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหันกลับไปหาหญิงสาวบนเตียงที่มองมาอย่างอ่อนไหวประหนึ่งกลีบดอกไม้บอบบาง ห้องจมลงในบรรยากาศนุ่มนวล เกือบจะได้ยินเสียงอุณหภูมิจากเครื่องทำความร้อนกระซิบเลยทีเดียว ดอกอาจิไซสีหวานแต่งแต้มอารมณ์อ่อนหวานราวกับมันสะพรั่งบานอยู่ทั่ว ท่ามกลางความเคลื่อนไหวซึ่งหยุดนิ่ง มีเพียงความรู้สึกที่โลดแล่น เชื่อมต่อกันระหว่างคนทั้งคู่โดยไม่ผ่านถ้อยคำใดๆ จะยกเว้นก็แต่กระแสเสียงนุ่มละมุนเหมือนเขาใช้มันเพื่อโอบกอดเธอไว้ “อย่าห่วงเลย เธอแทบจะไม่รู้สึกว่าต้องรอด้วยซ้ำ” เด็กหนุ่มหยุดชะงักชั่วครู่หนึ่งก่อนจะกระตุกยิ้มแบบที่ไม่ทำบ่อยนัก พริบตานั้น เขาก็เห็นริมฝีปากอวบอิ่มของเธอคลี่บานอย่างมีชีวิตชีวาเป็นภาพสุดท้ายก่อนช่องว่างระหว่างประตูกับวงกบจะปิดสนิทลงเหลือเพียงแผ่นไม้สีขาว

     

     



     

    つづく
    .






     

                 ... 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×