ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ณ ห้วงภวันดร

    ลำดับตอนที่ #79 : การฟ้องที่ไม่ใช่การฟ้อง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2K
      174
      13 มิ.ย. 64

    ขุนคลายวงแขนออกมองใบหน้าที่เคยขาวใสบัดนี้แดงก่ำ รู้สึกว่าวันนี้ตนเองมิเป็นตัวเองเสียแล้ว เพียงเห็นคนได้ชื่อว่าเมียเมินใส่ ก็ร้อนใจ ยิ่งแม่คุณพูดแต่คำว่าเขามิชอบเขา ทั้งกล่าวหาว่าเกลียดกันใจก็ร้อนดั่งไฟแผดเผา ตัวเขานั้นหาเกลียดแม่คนปากกล้าดังที่ว่าไม่ ออกจะเอ็นดูมากเสียด้วยซ้ำ แต่กลับถูกมองข้าม มองเมินไปเสียได้

    ขุนแสนเดินกลับเรือนใหญ่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย มิเข้าใจตนเอง ฤาเขาจักโดนเสน่ห์เมียเรือนริมน้ำตามที่ชาวบ้านล่ำลือเสียแล้ว เสน่ห์นั้นหาใช่เล่ห์กลมนต์คาถาหากแต่เป็นความแม่กำไลตัวน้อยแต่ใจใหญ่เสียกระมัง ว่าแล้วก็ชวนให้นึกถึงการเจอกันของตนแลแม่กำไลที่มิน่าประทับจิตแต่กลับจดจำมิเคยลืม

    เขายอมรับว่าคราแรกเจอที่แม่น้ำเตร็ดน้อยเขาก็มิชอบใจนักดอก นางดูราวคนวิปลาส ปากก็พูดมิหยุดหย่อนจนปวดแก้วหู มิรู้จักเกรงกลัวสิ่งใดราวกับคิดว่าตนเองอยู่ในห้วงฝันตายมิได้เช่นนั้น แต่พอหนีมาด้วยกันนางก็เพียงผู้หญิงตัวเล็กเท่านั้น ความกล้าที่ว่านั้นเป็นเพียงแค่ปากดอก เขาแอบเห็นแม่คนเก่งแอบซับน้ำตาออกบ่อยไป แต่กลับมิร้องไห้คร่ำครวญก็รู้สึกชอบในความอดทนอดกลั้น เป็นผู้หญิงตัวเล็กจ้อยตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตร แต่กลับพยายามเอาตัวรอดแม้จักกลัวก็มิให้ใครเห็น น่าสนใจดีอยู่หรอก เมื่อต้องอยู่ด้วยกันก็นึกเห็นใจนักหากต้องระหกระเหินอยู่ตัวคนเดียวเกรงว่าจักมิปลอดภัย แลเห็นแก่สะมิงที่คิดอยากช่วยแม่ตัวยุ่ง จึงคิดจักพามาเลี้ยงดูปู่เสื่อให้เป็นน้องเป็นนุ่ง

    แต่มิรู้ผีห่าตนใดดลใจให้นางกล่าวหาเขาว่าเป็นผัว ใครจักมิโกรธกันเล่า เขานั้นเกลียดคนขี้ปด ขี้โกหกอยู่แล้ว จึ่งโมโหเป็นการใหญ่ แทนที่กำไลจักฟังกลับลอยหน้าลอยตาว่าเขา ทำอย่างกับทหารเลวที่มิมีความรับผิดชอบก็มิปาน ว่ากันตามตรงหากใครเจอเยี่ยงนี้ก็ต้องชังแม่คนนี้เข้าไส้ ความเอ็นดูที่เคยมีถูกฝังกลมลงทันที

    แต่เมื่อฟังคำแก้ตัวก็พอจักเข้าใจนางอยู่ดอก จึ่งลดฐิทิลง ตอนนี้แม้เขากับแม่ตัวดียังมิได้มีสัมพันธ์ผัวเมียลึกซึ้ง แต่นางก็เสียนวลเนื้อมิน้อยเช่นกัน จึ่งคิดจักเลี้ยงดูตามหน้าที่ผัวพึงมีต่อเมีย แต่ก็วางตนให้ห่างเพื่อมิให้ตนพลั้งเผลอกระทำการมิดีมิงามขึ้น หากในกาลภาคหน้าแม่กำไลหาหนทางกลับบ้านเรือนตนได้ จักมิเสื่อมเสียเกียรติมัวหมองมากกว่านี้ จักได้ไปหาคนรักของตนได้อย่างเต็มภาคภูมิ เขาเคยคิดเช่นนั้นจริงๆ แต่กาลเดี๋ยวนี้เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่ายังอยากส่งนางกลับบ้านเรือนฤาไม่ แค่เห็นน้ำตาใจเขาก็อ่อนราวขี้ผึ้งเสียแล้ว... แม่ตัวดีจักรู้ฤาไม่ว่าเขานั้นแพ้น้ำตาแม่มาโดยตลอด

    “กลับมาแล้วฤา อุเหม่! ประเดี๋ยวนี้ กลับมาก็ไปเรือนริมน้ำก่อนเรือนใหญ่เทียวนะพ่อแสน แลที่หน้าตึงมานี่แม่คนนั้นคงฟ้องละสิ”

    คุณหญิงร้องทักลูกชายที่เดินขึ้นเรือนเข้ามาหา

    “มิมีผู้ใดฟ้องกะไรดอกขอครับคุณแม่”

    ขุนแสนยกมือไหว้พ่อ และแม่ของตัวเองที่นั่งอยู่คุยกันอยู่

    “ว่าไงเล่าพ่อแสน”

    ขุนแสนได้ยินพระยาภักดีเดโชพ่อของตนเอ่ยถามเสียงเรียบ ก็เข้าใจความในถึงเรื่องที่เขาต้องเข้ากรมกองเป็นการด่วน จึงอธิบายสั้นๆ เพราะคุณแม่ของตนนั่งอยู่ตรงนี้มิอยากให้ต้องตกอกตกใจเหตุบ้านการเมืองนัก

    “วันนี้ที่กองทะลวงฟัน หารือกันถึงหัวเมืองเหนือนานทีเดียวขอรับ แลกระผมส่งคนไปดูลาดเลาเพิ่งจักเสร็จจากการสั่งงานขอรับคุณพ่อ”

    “อืมงั้นฤา จักต้องไปราชการที่โน่นฤาไม่เล่า”

    “ยังมิมีคำสั่งให้กระผมไปขอรับ”

    “มีกระไรกันฤาเจ้าคะคุณพี่ พ่อแสน บ้านเมืองมีเหตุใดให้วิตกฤาไม่”

    “มีดอกขอรับคุณแม่ ...คุณแม่ขอรับวันนี้คุณแม่ไปเรือนแม่กำไลมาฤา”

     “แม่คนนั้นฟ้องเจ้าละซี... อีฉันบอกแล้วว่าแม่คนนั้นจักต้องฟ้องออดอ้อนพ่อแสน คุณพี่ก้มิเชื่อเห็นฤาไม่เจ้าคะ”

    “คุณแม่ขอรับ มิใช่ดอก แม่กำไลมิพูดสิ่งใดกับลูกเลย บอกเพียงให้มาถามคุณแม่เพราะรับปากคุณแม่ไว้” 

    “หือ...นี่ก็มิเท่ากับฟ้องขุนแสนแล้วดอกรึ”

    “ใช่ที่ใดกันเล่าคุณหญิง... แม่กำไลก็ทำตามคำสั่งมิให้เล่าให้ขุนแสนฟังก็ทำถูกแล้ว แต่บอกให้ถามแม่พุดซ้อนแทนเพียงเท่านั้น ฮึๆ แม่คนนี้ฉลาดนัก”

    พ่อของขุนแสนพูดพลางนึกถึงเมียของลูกชาย ที่ฉลาดเฉลียวไม่ให้บอกขุนแสน แต่ให้เขามาถามแม่ก็เป็นการฟ้องที่ไม่ใช่การฟ้องกลายๆ นึกชื่นชอบที่รู้จักพลิกแพลง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×