ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ณ ห้วงภวันดร

    ลำดับตอนที่ #76 : ศึกชิงนาย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.89K
      154
      12 มิ.ย. 64

    “คุณสร้อยมิกินของเรือนใคร กลัวจักถูกทำของใส่”
    “หือ?”
    กำไลงง ทำของอะไร ที่ไหน เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลแล้ว ตั้งแต่ขึ้นมาบนเรือนแม่สร้อยไม่ไหว้ แม้แต่จะทักทายเธอก็ไม่ทำ หลังจากมองแวบหนึ่งก็เดินชมนั่นจับนี่ของเธอไปเรื่อย ทั้งบ่าวที่มาด้วยพูดแบบนี้คนที่เป็นเจ้าของเรือนก็ชักสับสนและไม่เข้าใจเจตนาการมาในครั้งนี้
    “แม่สร้อยมาหาฉันมีอะไรหรือจ๊ะ”
    “อีเย็น ไอ้หมาย ลงเรือนบัดเดี๋ยวนี้ แม่นายกูอยากคุยกับแม่คนนี้เพียงลำพัง”
    “ไม่ต้องไป! เธอเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาสั่งคนของฉัน”
    “อีฉันเป็นบ่าวคุณสร้อย”
    “แล้ว? ยังไง”
    กรวลัยชักยั้ว ตั้งแต่มาถึงสร้อยไม่พูดสักคำ มีเพียงบ่าวที่วางกล้ามพูดไม่หยุด สองทีแล้วนะที่พูดกับเธอไม่ดี จริงๆ เธอไม่ซีเรียสถ้าจะไม่พูดจาดีด้วย แต่ควรให้เกียรติเธอบ้าง
    “ฉันอยากคุยกับแม่กำไล ได้ฤาไม่”
    ในที่สุดสร้อยก็เปิดปากออก พลางชายตามองไปทางพี่หมาย และพี่เย็นของเธอ
    “ได้ แต่ถ้าคนของฉันลงเรือน คนของเธอ รวมทั้งนางก็ต้องลงเรือนเหมือนกัน อย่าใช้สองมาตรฐานที่นี่”
    ตอนนี้กำไลรู้แล้วว่าพวกที่มาวันนี้คงไม่ได้มาดี เมื่อแสดงชัดแบบนี้ก็ไม่ต้องรักษาน้ำใจแล้ว
    “พี่ม่วง และพี่นาง ลงเรือนไปก่อนเถิด”
    “แต่คุณเจ้าขา แม่คนนี้..”
    “งั้นก็ไม่ต้องคุย”
    “ไปเถิด หากมีกะไรฉันจักร้อง”
    “น้องดังๆ หนาเจ้าคะ หากถูกใครรังแก บ่าวจักขึ้นมาจัดการให้เจ้าค่ะ”
    คนมองอยู่อย่างกำไลเบ้ปาก โถร้อง ร้องทำไม เธอคิดว่าฉันจะจับหักแขนหักขาหรือไง แล้วพวกนั้นคือพร้อมจะบวกเธอขนาดนี้…ก็ไม่ต้องรักษาภาพกันแล้ว

    “คุณมาเพราะเรื่องขุนแสนหรือเปล่า นี่! แม่สร้อยอย่าเห็นฉันเป็นศัตรูเลย ฉันไม่ได้รักขุนแสนของเธอเสียหน่อย”
    กรวลัยเปิดประเด็นให้ก่อนเลย เพราะคิดว่าแม่สร้อยคงมาเพราะหึงหวงแน่นอน สมัยนี้จะมีอะไร ในละครที่ดูก็เห็นบ่อยฉากเมียหลวง เมียน้อย ตบตีแย่งความเป็นใหญ่ในเรือน ยิ่งมีนางมาด้วยแบบนี้ตีได้เพียงเรื่องเดียว จะแท็กทีมมารุมเธอแน่นอน… ถ้าเป็นเรื่องผู้ชายคนแบบเธอผู้หญิงยุคสองพีนยี่สิบเอ็ดที่พกความมั่นหน้ามาเป็นกระบุงไม่คิดจะแย่งหรอก
    “ฉันไม่อธิบายเรื่องที่มาเป็นเมียขุนแสนหรอกนะ เพราะระหว่างฉันกับขุนแสนมันก็มีสตอรี่ของมัน แต่จะบอกแค่ว่า คุณกับเขาจะได้แต่งงานกันแน่นอน และถึงตอนนั้นฉันก็จะไป”
    “ตักไปรึ”
    “ใช่”
    “งั้นมึงก็ไปเลยซี พิรี้พิไรทำไมเล่า”
    “ฉันกำลังหาที่หาทางอยู่”
    “ตอแหล”
    คำด่าที่คนยุคนี้ว่าแรงที่จะทำให้คนฟังแสบๆ คันๆ แต่สำหรับกำไลที่ถูกเพื่อนใช้คำนี้เป็นคำชมไม่สะเทือนตับไตสักนิด ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วล่ะว่ากำลังจะถูกหาเรื่อง เพราะผู้ชาย… กับอีแค่แท่งอันเดียวก็ทำให้คนที่ไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยพูดกันจู่ๆ ก็เกลียดกันได้ ทำให้นึกพาลโกรธเจ้าของจรวดที่แม่สร้อยหวงเสียจริง
    “ถึงฉันจะเคยตอแหล แต่เรื่องนี้พูดจริง แบะจะทำจริงด้วย ฉันก็เหมือนเธอล่ะ ไม่รักไม่เอา ไม่ใช่ของตัวก็ไม่เอา”
    “เหอะ! แลทุกวันนี้เล่า มิใช่เอาของกูไปแล้วฤามึงมันอีโกง”
    “ได้กันแล้ว? คิดว่าน่าจะยังหรอก แต่เอาเถอะ เธอจะได้จรวดเอ้ย…ได้ผู้ชายของเธอคืนแน่นอน รอก่อน ขอกกไว้ไม่นานหรอก”
    “อีถ่อยหน้าเกือกพูดมาได้มิรู้จักอาย”
    กำไลพยายามใจเย็นเป็นนางเอกสุดๆ เธอคิดทำความเข้าใจสร้อยให้มากที่สุด เพราะถ้าเป็นเธอจะแต่งกันอยู่แล้ว จู่ๆ ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาปาดหน้าเค้ก ก็คงโกรธมากเหมือนกัน แต่เธอคงไม่ทำแบบสร้อย แต่ความใจเย็นมันก็มีขีดจำกัดของมัน แล้วดูเหมือนใกล้จะหมดแล้ว
    “ทำไมเธอไม่เลิกด่า แล้วเอาเวลาเอาใจพี่ขุนของเธอแทน ยังดูมีประโยชน์กว่ามาทะเลาะกับฉันนะ ไม่ก็โน่นเอาเรื่องพี่ขุนเธอแทนแบบนี้”
    “พี่ขุนมิผิดที่จักมีหลายเมีย แต่มึงผิดที่กล้าเชิดหน้าว่าเป็นเมีย วางอำนาจใส่คนในเรือนนี้ กูจึงมาให้มึงรู้ว่าหากกูมาวันใดมึงก็จะกลายเป็นแค่เมียที่ไร้สิทธิ์แลเสียง แลตอนนี้ที่มึงกล้ามากนัก เพราะคิดว่าพี่ขุนลุ่มหลงมึงซีนะ”
    “โอ้ยไปกันใหญ่ ขี้เกียจฟัง คือที่มาหาเรื่องเพราะจะมาแสดงตัวว่าต่อไป ถ้ามาอยู่นี่จะใหญ่ในเรือนแค่นี้ใช่ไหม ใหญ่แค่ไหนก็ใหญ่ไปเถอะ ให้มันถึงตอนนั่นก่อนเถอะ ยังไม่เป็นก็มายืนด่าปาวๆ เป็นน้องเป็นนุ่งจะฟาดให้ แต่เธอไม่ใช่น้องฉันสอนไปก็ไม่จำหรอกสมองมีแต่เรื่องผู้ชาย”
    กำไลเองก็โมโห ลุกขึ้นยืนแอ่นอกตั้ง มองคนที่สูงใกล้เคียงตน อุตส่าอธิบายยืดยาวคุยดีๆ เป็นเด็กเป็นเล็กมาปีนเกรียวอีก
    “ไอ้เราก็นึกว่าจะน่ารักเหมือนหน้า ที่ไหนได้หน้าสวยนิสัยทราม สรุปก่อนหน้าคือการแสดง แล้วนี่คือตัวจริงสินะ”
    “อีกำไล มึงกล้าด่ากูรึ มึงทะนงตัวไปเถิด เมื่อใดที่กูมาอยู่ที่นี่กูจักทำให้มึงเป็นทาสเยี่ยงอีนางเลยคอยดู กูจักทำให้มึงกระอักความทุกข์ตายคาเรือนริมน้ำเล็กๆ นี้เลยคอยดู”
    “เออ! จะคอยดู แต่ขอพูดอย่างเถอะ ตอนนี้จำด้วยว่าเธอเป็นคู่หมาย แต่ฉันเป็นเมีย และเป็นก่อนเธอด้วย จำที่คนล่ำลือไม่ได้หรือ ว่าขุนแสนหลงฉันอย่างกับอะไรดี ถ้าฉันเพียงนอนคุยออดอ้อนนิดหน่อยก็อาจจะยกเลิกงานแต่งเธอเลยก็ได้ แล้วทีนี้คิดดูว่าคนจะลือว่าอะไร? หม้ายขันหมากน่ะสิ”
    “อีกำไล มึง! อีเปรต มึงกล้าย้อนกูรึ”
    “เออ! ทำไม เลิกปลอมแล้วก็ดี ด่ามาด่ากลับไม่โกงนะบอกเลย อย่าหาว่าอีกำไลรังแกเด็กนะมึง มา”
    กำไลยียวน ลอยหน้าลอยตาท้าทาย ขึ้นชื่อว่าเด็ก ยังไงก็คือเด็กวันยังค่ำ ความอดทนต่ำ และเลือดร้อน
    “มึง! กรี้ด”
    สร้อยตวาด พลางจับแจกันดอกฝ้ายที่กำไลจัดอยู่ยกขึ้น พร้อมกรีดร้องอย่างเดือดดาล กำไลเห็นเด็กกว่าร้องคิดถึงพวกคนข้างล่างทันที จึงร้องกรี๊ดขึ้นประสานเสียงด้วย แล้วจับกาน้ำร้อนของตนโยนทุ่มลงพื้นทั้งน้ำร้อน ทั้งกาแตกกระจาย แล้วแกล้งล้มตัวลงนั่งใกล้น้ำที่มีไอนั้น พลางแผดเสียงร้องให้ดังกว่าแม่สร้อย เอาสิเธอก็ศิษย์มีครูละวะ ครูการแสดงของเธออย่างเพื่อนรักในโลกนั้นคงภูมิใจ
    กรี้ดดด!!
    “เกิดอันใดเจ้าคะ”
    “ตาเถรคุณกำไล เป็นกะเจ้าคะ เจ็บฤาไม่ โถแม่คุณ”
    สร้อยถือแจกันค้าง เสียงที่ร้องเหือดแห้งลง ทั้งตกใจ และงุนงง นี่หล่อนเสียรู้แม่กำไลฤานี่ คิดแล้วก็โมโหจะโยนแจกกันใส่กำไลแต่หมายรีบไปแย่งออกจากมือเสียก่อน
    “ไอ้หมายมึงอย่าคิดแตะต้องแม่นายกูเทียว
    ม่วงปราดไปดึงแขนหมาย นางก็เข้าไปช่วย เย็นละจากกำไลลุกไปช่วยหมาย จนเกิดเสียงร้องและความวุนวายขึ้น

    “นี่มันอันใดกัน”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×