ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ณ ห้วงภวันดร

    ลำดับตอนที่ #42 : แต่งองค์ทรงเครื่อง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.04K
      159
      28 พ.ค. 64


    ร่างเล็กหยัดกายขึ้นไปนั่งบนชานบ้านที่อยู่ก่อนถึงส่วนห้องนอน กำไลมองดูพลางคิดว่า จุดนี้เขาน่าจะเอาไว้นั่งเล่นกัน เพราะมีพวกข้าวของเครื่องใช้ จุกจิก ขุดหมากพลู และหมอนอินวางใกล้มือ

    “คุณจักเอนหลังไหมเจ้าคะ เดินทางมาไกล บ่าวยังไม่เห็นคุณนั่งพักเลยเจ้าค่ะ มาถึงเรือนอาบน้ำผลัดผ้า ยืนเป็นนานสองนาน พอเสร็จก็เดินมิหยุดเทียว”

    กำไลที่หยิบจับชุดเครื่องเงิน หมากพลูมาดู หยุดฟังที่พี่เย็นถาม แล้วมองเสื้อผ้าที่ตนสวม ลูบจีบหน้านางของผ้าซิ่นที่ใส่ นึกถึงตอนอาบน้ำพี่เย็นเอาขมิ้นมาผสมน้ำเตรียมจะทาให้ทั่วตัว ด้วยเชื่อว่า

    ‘คุณกำไลจักได้งดงามดั่งทองเยี่ยงไรเจ้าคะ’

    เห็นขมิ้นในถ้วยกำไลตาโต ด้วยนึกถึงแม่พี่ขุนแสนแล้ว… ไม่อยากเหลืองแบบนั้นสักนิด ไหนจะให้ทาแป้งขาวอีก เข้าใจว่าเป็นแฟชั่นของคนที่นี่ แต่เธอสำหรับเธอสะดวกแบบนี้ พอจบเรื่องทาตัวก็มาที่เรื่องชุด

    ชุดที่พี่เย็นเตรียมให้ มีสไบสีน้ำตาลอ่อน กับผ้าลายๆ คล้ายสไบสีน้ำตาลอมทอง และผ้าซิ่นสีน้ำตาลเปลือกไม้ ลวดลายสวยแปลกตา

    ‘ลายสวยจังพี่เย็น’

    ‘ผ้าซิ่นยกดอกเจ้าค่ะ คุณหญิงท่านเมตตาให้คนเตรียมมาให้หลายผืนเทียว’

    กำไลนึกไปถึงคนให้ผ้ามาหลายชุด ถึงจะบอกไม่ชอบ และแสดงออกว่าไม่ต้อนรับสะใภ้ แต่ก็ยังใจดีให้ชุดมา ไหนจะข้าวของเครื่องใช้ผู้หญิงอีก เธอว่าคุณหญิงต้องเป็นคนจิตใจดีแน่นอน

    ‘อืม..นี่สไบ ฉันเคยเห็นในละคร ไม่คิดว่าจะต้องใส่ แต่ไม่น่ายากนะ ส่วนนี่ผ้าถุง ไปเถอะฉันใส่เอง’

    ‘ให้อีฉันช่วยเถิดเจ้าค่า’

    ‘ไม่ต้อง ไปเถอะ’

    กำไลมองชุดอย่างหมายมาด เคยเห็นฉากแบบนี้ในละครนางเอกใส่ไม่ได้ ต้องให้คนอื่นใส่ให้ก็ยังนึกขำ ว่ามันจะยากเย็นอะไร ก็แค่ใส่แบบผ้าถุง ของง่ายเคยใส่มาแล้ว คิดแล้วกำไลก็หยิบผ้าถุงมาสวม พิจารณาดูผ้าผืนนั้นแล้วมองตาโต เพราะมันไม่เย็บเป็นถุง เป็นเพียงผ้าผืนยาวใหญ่ อ่า…ไม่เป็นไร คนหัวใสรำพึงในใจ จับด้านปลายสองข้างทบกัน แล้วทำให้เหมือนว่าเย็บเป็นถุง พับเอาส่วนปลายเข้าด้านใน พาดมาอีกข้าง แล้วเหน็บ

    ‘เรียบร้อย เห็นไหมก็ใส่ได้ แล้วเอาเข็มขัดคาดจบปิ้ง ยากตรงไหน’

    ‘คุณใส่ได้ฤาไม่เจ้าคะ’

    เสียงบ่าวร้องถามที่ด้านนอกฉากกั้น

    ‘ได้พี่ ห่มสไบแปบนึง’

    ร้องบอกพี่เย็นเสร็จ กำไลก็หยิบผ้าสไบขึ้นมาทาบ กับผ้าที่ปักลวดลายเดินเส้นสีทองเอามาวางซ้อนกันแล้วพันตัว คนฉลาดลังเลพาดจากซ้ายไปขวา หรือขวาไม่ไปซ้ายก็จำไม่ได้ ดูละครกับซันช่ายผ่านๆ ตัดสินใจพาดทับบ่าขวา แล้วจัดชุดให้เข้าที่แล้วร้องบอกอย่างภาคภูมิใจ

    ‘เสร็จแล้วพี่เย็น’

    ‘ไหนเจ้าคะ บ่าว…ตายแล้วเจ้าค่ะ เหตุใดห่มไม่งาม แลไม่ถูกเล่าเจ้าคะ’

    คนถูกบอกว่าห่มผิดมองชุดตัวเองเร็วๆ แล้วถาม

    ‘ทำไมหรือจ๊ะ อ๋อชายมันแพลมใช่ใหม่ ก็พวกพี่ไม่เย็บเป็นถุง มันเลยจับยาก ไม่เป็นไรเดี๋ยวหนูทำใหม่’

    ก่อนหน้าที่จะข้ามมาที่นี่ เวลาคุยกับคนโตกว่า กำไลมักแทนตัวเองว่าหนู ครั้งนี้ก็เผลอใช้กับพี่เย็น แต่ดูเหมือนหูพี่เย็นจะไม่รับรู้ เพราะมัวแต่เข้ามาจับเสื้อผ้าเธอปลดออก

    ‘พี่เย็น จะถอดชุดหนูทำไม โป้ กางเกงก็ไม่มี อาย’

    ‘มิต้องอายบ่าวดอกเจ้าค่ะคุณกำไล มาบ่าวใส่ให้ใหม่หนาเจ้าค่ะ เกิดออกไปเยี่ยงนี้ คนจักหัวร่อเอา ซิ่นต้องจับหน้านางเจ้าคะ’

    พี่เย็นบอก พลางจับผ้าซิ่นคลี่ออก ตอนแรกกำไลก็เคอะเขิน แต่คิดเสียว่า ขนาดนอนนวดน้ำมันอโรม่าก็ยังเคยมาแล้ว จึงปล่อยเลยตามเลย พยายามจดจำวิธีใส่ ครั้งหน้าจะได้ใส่เองโดยไม่ต้องพึ่งพี่เย็นอีก

    บ่าวคนสนิทนำผ้าซิ่นมาพันอ้อมตัว วัดแต่ละข้างให้ยาวเท่ากัน แล้วยกผ้าที่ติดเอวทั้งสองฝั่งมัดเป็นผมหูกระต่าย นำผ้าด้านซ้ายมาพับทบซ้อนกันแบบกลับไปกลับมาจนสุด สอดลอดผ่านปมหูกระต่ายไปอีกข้าง 


    แล้วพี่เย็นก็จับผ้าอีกข้างทำแบบเดียวกัน ก่อนจะยกจีบผ้าขึ้นเพื่อดูชายผ้าด้านล่างให้เสมอกัน 


    ‘ยกชายสูงหน่อยสิพี่เย็น จะได้เดินง่าย มันยาว’


    ‘ต้องนุ่มกรอมเท้าเจ้าค่ะคุณกำไล’ 


    เย็นนึกเอ็นดูที่คุณกำไลช่างชักช่างถาม ช่างเจรจาพาที เธอคงหลงลืมจนเหมือนคนไม่เคยใส่… โถแม่คุณของอีเย็น


    ระหว่างคิดมือก็จับจีบผ้าเข้า ยัดลงตรงกลางปมหูกระตาย  หยิบเชือกมามัดทับผ้าถุงไว้จนแน่น


    ‘ไม่หลุดนะพี่เย็น ไม่งั้นได้หวอออกแบบไม่ต้องส่องเลยล่ะ’

    ‘หวอ คืออะไรเจ้าคะ บ่าวไม่เคยได้ยิน’

    พี่เย็นถามพลางจับชายผ้าที่พับไว้ก่อนหน้าออกมาไม่ให้เชือกทับ ตามด้วยคาดเข็มขัดเงิน

    ‘ช่างเถอะพี่ ฉันพูดไปเรื่อยเปื่อย’

    กำไลตัดบท ไม่อยากจะให้พี่เย็นรู้สึกว่าเธอแปลกแยก แค่ให้คนทั้งบ้านเข้าใจว่าเธอความจำหายก็พอ

    คนถามก็ดูไม่ได้ใส่ใจคำตอบมากนัก เพราะมัวแต่ให้ความสนใจอยู่กับการจัดชายพกไม่ให้เข็มขัดทับ ลูบๆ คลำๆ ที่ตรงหน้านางจดกลีบเรียบสวยงาม

    ‘นานมากพี่ แบบนี้กว่าจะออกบ้านได้คือต้องตื่นกี่โมงถามจริง’

    กรวลัยบ่น พลางขยับตัว ตรวจเช็คความเรียบร้อย ด้วยกลัวผ้าหลุดจะยุ่ง

    ข้างล่างเสร็จ พี่เย็นของเธอก็หันมาจับผ้าที่กำไลคิดว่าพันดีแล้วออก ปากก็บอก

    ‘สไบเขาห่มกันทับบ่าซ้ายเจ้าค่ะ’

    ‘แล้วเฉียงอีกข้างมันผิดตรงไหน’

    ‘ผิดแผด แลผิดหูผิดตาเจ้าค่ะ คนจักว่าเราแต่งตัวมิเป็น’

    ‘ก็ไม่เป็นจริงๆ อ่ะ นี่หนูอุดส่าพยายามจำจากละครมาแล้วนะ เฮ้อ..’

    ‘คุณเคยดูละครด้วยฤาเจ้าคะ’

    ‘อ่า..ไม่รู้สิพี่เย็น เดี๋ยวจำได้ เดี๋ยวลืม’

    กำไลแกล้งพูด เพื่อพี่เย็นจะได้ไม่เซ้าซี้อีก พยายามเตือนตัวเอง ให้เงียบไว้เป็นดีที่สุด

    ‘เสร็จหรือยังพี่เย็น’

    ‘ยังเจ้าค่ะ เดี๋ยวบาว จั..’

    ‘ทำผมต่อเหรอ พอแล้ว ไม่ได้ไปไหน ไม่ต้องแต่งแล้ว เยอะมากอ่ะ’

    ‘เยอะฤาเจ้าคะ นี่น้อยแล้วหนาเจ้าคะ สไบยังมิได้ห่มผ้าสะพัดตาดเลยหนาเจ้าคะ’

    ‘อะไรอีกพี่’

    ‘บ่าวต้องห่มผ้าตาดให้ก่อนเจ้าค่ะ


    ‘พอแล้ว’


    ‘มิได้ดอกเจ้าค่ะ’


    ก่อนที่เย็นจะทันอ้าปาก แม่นายของเธอก็สวนขึ้นก่อน


    ‘คนจักว่าแต่งตัวไม่งาม ไม่ถูก ไม่ควร ใช่ไหม เอ้าจะทำก็ทำ’


    แม้เย็นจะอยากบอกว่ามิควรสอดเสือก แต่ก็มิกล้า ด้วยยังมิรู้ใจว่าหากสอนมากเข้าคุณเขาจักโมโห จนเอากะลาตบปากตนฤาไม่


    กำไลยืนกางแขนกางขาประชด เห็นพี่เย็บหยิบจับผ้ามาห่มทับสไบอีกชั้น ปากก็เจื้อยแจ้ว


    ‘ต้องห่มทับผ้าแพรไว้เจ้าค่ะ มันบางนักหนา’


    กำไลมองตามผ้าสไบแพร ก็เห็นว่าไม่ได้บางเยอะจนขนาดนั้น แต่ด้วยอาจจะแนบเนื้อมากหน่อย เดาเอาว่าผ้าตาดที่ว่านี้ คงเอาไว้กันโป้ โดยเฉพาะเวลาขนลุก ส่วนที่ชอบแข็งจะได้ไม่เห็นละมั้ง ไม่งั้นคงได้อายหน้าดำหน้าแดง


    คิดถึงตรงนี้เธอก็หลุดขำ นึกสภาพตัวเองเป็นแบบนั้น ต่อหน้าขุนคงได้อายเขาแย่… แล้วก็หุบยิ้มฉับ เรื่องอะไรเธอต้องไปคิดถึงเขา บ้าบอ!


    ‘ป่ะไปข้างนอกกัน ฉันหิวแล้วพี่’
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×