ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (fic reborn)The dangerous!! รักอันตราย!คุมกฎหัวใจนายกรรมการ

    ลำดับตอนที่ #4 : 3 The rains in my heart

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 55


                                                     


                                                     
    3
                                                The rains in my heart
                                                   (ฝนที่ตกอยู่ในใจ)
     

       กริ่ง
    !! เสียงออดบอกเวลาพักกลางวันดังขึ้นแล้ว ตามด้วยเสียงเฮฮาของเหล่านักเรียนที่ดูเหมือนจะเก็บกดกับช่วงเวลาในคาบเรียน วันนี้ไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อวานเท่าไหร่เพื่อนๆบางคนในห้องก็เข้ามาถามทำความรู้จักกับฉันบ้าง แต่ฉัน...ก็ไม่ใช่คนที่คุยและเข้ากับใครเก่งนี่นา บางคนก็ยังคงมองฉันเหมือนกับฉันเป็นตัวประหลาดเหมือนเดิม ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ วันนี้ท้องฟ้าไม่สดใสเลยแฮะ เมฆสีเทาลอยอยู่เต็มไปหมดเลย ท่าทางวันนี้ฝนคงจะตกสินะ
     
     แย่จังเลยนะจ๊ะโคลมจัง วันนี้ดูเหมือนฝนจะตกคงจะออกไปทานข้าวข้างนอกไม่ได้แล้วล่ะ คุณเคียวโกะพูดขณะที่เดินมายืนข้างๆฉันพร้อมกับคุณฮานะ
     
    นั้นน่ะสิ ฤดูร้อนแท้ๆฝนดันมีท่าทางว่าจะตกสะนี่คุณฮานะบอกก่อนะทำหน้าเอือมๆ กับสภาพอากาศอันแปรปรวน
     
    อืมจริงสิ!”คุณยามาโมโตะพูดขึ้นก่อนจะไปหยิบกล่องบางอย่างออกมาวางไว้ที่โต๊ะของฉัน พ่อฉันรู้ข่าวว่ามีเพื่อนย้ายมาใหม่ก็เลยทำซูชิมาให้น่ะ นี่ไงกินให้หมดเลยนะ คุณยามาโมโตะ พูดขณะที่เปิดกล่องข้าออก เผยให้เห็นซูซิหลากหลายหน้า ที่แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าคนทำต้องตั้งใจทำมากๆแน่
     
    ขะ..ขอบคุณ ฉันพูดเสียงตะกุกตะกักเพราะยังไม่ค่อยชินกับการที่ใครจะมาทำดีด้วยเท่าไหร่
     
    ว้าว! น่าทานจังเลย โคลมจังทานให้หมดเลยนะจ๊ะ^^” คุณเคียวโกะพูดและยิ้มให้กับฉันอย่างอ่อนโยน ก่อนที่คุณเคียวโกะกับคุณฮานะจะเดินไปหยิบข้าวกล่องของตัวเองแล้วมานั้งข้างฉัน
     
    กินกันเยอะๆแบบนี้ต้องอร่อยขึ้นแน่ๆเลยเนอะเคียวโกะ คุณฮานะหันไปคุยกับคุณเคียวโกะอย่างอารมณ์ดี 
     
    นั้นน่ะสิ ทานด้วยกันนะโคลมจัง^^” คุณเคียวโกะพูดแล้วหันมายิ้มให้กับฉัน ส่วนฉันก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยิ้มเจือนๆให้กับเธอ
     
    ถ้าอย่างงั้นเราก็ไปกินข้าวกันบ้างดีกว่านะครับรุ่นที่สิบ คุณโกคุเดระพูดขณะที่ถือกล่องข้าวของตัวเองกับบอสออกมาด้วยหน้าตาสดใส (แปลกแฮะวันนี้-_-^^)
     
    งั้นฉันกินด้วยสิ! กินกันเยอะๆจะได้อร่อยๆไง คุณยามาโมโตะพูดขณะที่เดินไปกอดคอบอส
     
    เอ่อนี่โคลม เสียงของบอสดังขึ้นทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นจากข้าวกล่อง
     
    มีอะไรค่ะ...บอส ฉันพูดเมื่อเห็นบอสมองด้วยท่าทางแปลกๆเหมือนกำลังสงสัยอะไรอยู่
     
    คือ...เอ่อ..เมื่อวานไม่มีอะไรใช่ไหม
     
    เอ๋? อะไรเหรอสึนะคุง คุณเคียวโกะถามขึ้นเมื่อได้ยินบอสพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าปกติ
     
    เอ่อ...เปล่าๆ ฉันแค่หมายถึงเอ่อ...โคลมโอเคไหมน่ะบอสแก้ตัวอย่างลุกลี้ลุกลนอีกตามเคย ฉันจึงพยักหน้าให้กับบอสเบาๆ ถ้าให้ฉันเดาบอสคงต้องการจะถามเรื่องของฉันกับคุณเมฆาสินะ แต่...ขนาดตัวฉันเองฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น แล้วจะให้ฉันตอบบอสว่าอะไรได้นอกจากพยักหน้าเท่านั้น
     
    ชิ!พิลึกคนจริงๆคุณฮานะเงยหน้าขึ้นมาค้อนให้บอสก่อนจะก้มลงไปกินข้าวกล่องของตัวเองต่อ บอสเองก็ทำหน้าเหมือนกับคนสติหลุดสักพักก่อนจะเดินไปกับคุณโกคุเดระและคุณยามาโมโตะ
     
    สึนะคุงนี่ตลอดจังนะจ๊ะ^^” คุณเคียวโกะพูดขึ้นเบาๆเมื่อมองแผ่นหลังของบอสที่กำลังนั้งกินข้าวกับคุณยามาโมะโตะและคุณโกคุเดระอยู่โตะที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก
     
    อืม...ฉันพูดก่อนจะมองออกไปทางหน้าต่างอีกครั้ง มองหยดน้ำที่ค่อยๆตกลดมายังพื้น... ฝนที่กำลังตกลงมา สภาพอากาศที่กำลังแปรปรวนในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับจิตใจของฉันที่กำลังมีแต่ความไม่เข้าใจและสับสนเต็มไปหมด...
     
     
       พรึ่ม!
     
     เสียงฟ้าร้องทำให้ฉันสะดุ้งขึ้น ฉันมองออกไปนอกตึกก็พบเพียงแต่สายฝนที่เทกระหน่ำลงมา และความมืดมิด ความจริงฉันน่าจะกลับถึงโกคุโยแลนด์แล้วล่ะ ถ้าไม่ติดว่าอยู่ๆฝนก็ตกหนักเสียก่อน ตอนนี้ก็เริ่มจะมืดแล้วล่ะ ในโรงเรียนนามิโมริแทบจะไม่เหลือใครอยู่เลย ฉันแยกกับคุณเคียวโกะและคุณฮานะตั้งแต่หน้าห้องเพราะพวกเขากลับทางด้านหน้าของโรงเรียน ส่วนฉันต้องกลับทางหลังเพราะจะใกล้กับโกคุโยแลนด์มากกว่า แต่จะว่าไปแล้ว...โกคุโยแลนด์ก็อยู่ห่างจากโรงเรียนนี้มากเหมือนกันถ้าอีกสิบนาทีฝนยังไม่หยุดตกล่ะก็กว่าจะไปถึงที่นั้นก็คงจะค่ำและก็มืดหน้าดู ฉันมองออกไปที่สายฝนที่กำลังเทกระหน่ำราวกับว่าจะไม่ได้ตกอีก ก่อนจะนึกไปถึงเคนกับจิคุสะ ป่านนี้พวกเขาคงจะเป็นห่วงฉันแล้วสินะ 
    ฉันมองไปที่สายฝนนั้นอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจวิ่งฝ่าสายฝนไปยังตึกตรงกันข้ามทันที ถ้าเกิดรอให้ฝนหยุดตกเคนกับจิคุสะคงต้องเดือดร้อนออกมาตามหาแน่ๆ เพราะฉะนั้นค่อยๆไปดีกว่า มันก็แค่ฝนจะไปกลัวอะไรกัน ฉันบอกกับตัวเองเมื่อวิ่งมาถึงตึกอีกตึกหนึ่ง
     
    นะ..หนาวจัง... ฉันพึมพำขณะที่กอดร่างเปียกโชกของตัวเองเอาไว้เพื่อคลายความหนาวเย็นจากน้ำฝนและลมที่พัดกระหน่ำเข้ามาพร้อมกับความมืดมิดที่ได้เริ่มปกคลุมไปทั่ว
     
    ตุ๊บ!
     
    อ๊ะ!” ฉันสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่ามีผ้าอะไรบางอยากถูกโยนมาคลุมไว้ที่ตัวของฉันอย่างรวดเร็ว ฉันค่อยๆดึงผ้าผืนนั้นออกมาดูแล้วพบว่า...
     มันคือเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่ที่ส่วนข้างในเป็นสีแดง ขนาดของมันใหญ่พอที่จะคลุมร่างของฉันได้ทั้งร่าง แล้วมันมาได้ยังไงกันนะ...ฉันถามกับตัวเองในใจด้วยความสงสัย
     
    วิ่งตากฝนมาแบบนั้นเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก เสียงเรียบๆที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงในเสื้อนักเรียนนามิโมริที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ตอบคำถามในใจของฉันได้เป็นอย่างดี...
     
    คะ..คุณเมฆา ฉันพูดเมื่อเห็นดวงตาสีเทามีเสน่ห์ของเขา ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี่จะฉายขึ้นในหัวของฉัน หรือว่าเขามาเพราะต้องการใช้ฉันเรียกท่านมุคุโร่ออกมา ไม่ได้นะ! ฉันคิดในใจขณะที่ก้าวถอยหลังห่างออกจากเขา
     
    อะไร...คุณกลัวผมอย่างงั้นเหรอ คุณเมฆาพูดเสียงเรียบๆขณะที่เขายืนเผชิญหน้ากับฉัน ไม่ต้องห่วงหรอก ครั้งนี้ผมก็แค่มาใช้หนี้ เขาพูดเสียงเรียบๆก่อนจะดึงแขนฉันให้เข้ามาใกล้เขามากขึ้น ใช้หนี้อย่างงั้นเหรอ...หมายความว่ายังไง
     
    ใช้หนี้??” ฉันทวนคำก่อนจะมองหน้าของเขาอย่างงงๆ หลายครั้งแล้วนะที่ฉันรู้สึกไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ฉันมองเขาอีกครั้งอย่างต้องการคำตอบและเขาก็ยิ้มมุมปากกลับมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
     
    ก็ครั้งที่แล้วโรคุโด มุคุโรใช้ร่างของคุณต่อสู้กับผม และนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกสนุก เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ ใช้ร่างของฉันต่อสู้กับเขา...ถ้าอย่างงั้นวันนั้นท่านมุคุโรคงจะใช้ร่างของฉันต่อสู้กับคุณเมฆาแล้วก็พาฉันกลับไปที่โกคุโยแลนด์สินะ ฉันเริ่มปะติดปะต่อเรื่องขึ้นมาเองจากความเข้าใจของฉัน ถ้ามันเป็นอย่างงั้นคำถามที่ค้างคาใจของฉันก็ถูกเฉลยหมดแล้ว เฮ้อ...อย่างน้อยก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยที่รู้ว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นยังไง ไม่ใช่ตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหมือนตอนแรก
     
    ครั้งนี้ผมก็เลยมาใช้หนี้ให้ เขาพูดก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ ส่วนฉันก็ก้าวถอยหลังไปเช่นเดียวกัน
     
    ถ้ายังไม่หยุดทำท่าทางแบบนั้นผมจะขย้ำล่ะนะ!” คำขู่ของเขาทำให้ฉันหยุดชะงักทันที คุณเมฆายิ้มมุมปากก่นจะเดินมาหยิบเสื้อคลุมของเขาจากมือของฉัน
     
    ไอ้นี่นะ ผมให้ยืมก่อนแล้วกันคุณเมฆาพูดก่อนจะค่อยเอาเสื้อคลุมนั้นมาคลุมที่ไหล่ของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนกับตัวเองไม่สามารถขยับตัวได้ได้แต่ยืนนิ่งมองสิ่งที่เขากำลังทำให้ ฉันมองใบหน้าของคุณเมฆาที่อยู่ใกล้กับใบหน้าของฉันมาก มากจน...ฉันรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆของเขาที่รินรดบนผิวหน้า ซึ่งนั้นมันก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนใจเต้นแรงกว่าปกติราวกับคนเพิ่งวิ่งมาหลายกิโลเมตร คุณเมฆาเงยหน้าขึ้นก่อนที่ดวงตาคมสีเทามีเสน่ห์ประสานเข้ากับดวงตากลมสีม่วงของฉันเพียงแค่ชั่ววินาทีเท่านั้น แต่แปลกมากเลยที่ฉันกลับรู้สึกว่าเพียงแค่ชั่ววินาทีที่ได้เห็นดวงตาสีเทาของเขาทุกๆอย่างรอบๆเหมือนกับหยุดนิ่ง ฉันไม่ได้ยินเสียงฝนที่เทกระหน่ำ ฉันไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง ฉันได้ยินแต่เพียงเสียงหัวใจสั่นๆของตัวเอง นี่ฉันคง...กำลังเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
     
    ฮึ... คุณเมฆาชะงักเมื่อมองหน้าของฉันนิ่งๆ ครั้งที่แล้วตอนที่ผมต่อสู้กับโรคุโด มุคุโร่คุณบาดเจ็บด้วยเหรอ เสียงของเขาเอ่ยเบาๆก่อนจะมองไปทั่วไปหน้าของฉันอีกครั้ง บาดเจ็บงั้นเหรอ...ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนนี่ แล้วที่เขาพูดหมายถึง....
     
    อ๊ะ!” ฉันเผลออุทานขึ้นอย่างตกใจนิดๆ เมื่อนิ้วอุ่นๆของคุณเมฆาแตะเบาๆที่แก้มของฉัน  คุณเมฆาก้มลงมาใกล้ๆก่อนจะมองสำรวจใบหน้าของฉันอีกครั้ง...
     
    ไม่ได้บาดเจ็บอะไร ก็ดีแล้วเขาพูดก่อนจะยิ้มมุมปาก ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมก็แย่นะสิ เสียงเรียบๆนั้นพูดขึ้น ทำให้ฉันต้องมองหน้าเขาด้วยความสงสัยทันที
    ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมก็แย่นะสิ คำพูดของเขาดังก้องอยู่ในหัวขงฉันซ้ำไปซ้ำมา เขาหมายถึงเรื่องอะไรกันนะ
     
    ถ้าคุณเป็นอะไรไปผมคงจะไม่ได้ต่อสู้กับโรคุโด มุคุโร่อีกคำพูดที่เฉลยสิ่งที่ฉันคิดดังขึ้น ถึงแม้จะหายสงสัย...แต่ฉันกลับรู้สึกแปลกๆอย่างบอกถูก มันเหมือนความรู้สึก...ผิดหวัง แต่ทำไมฉันจะต้องรู้สึกผิดหวังด้วยล่ะ ในเมื่อฉันก็ไม่ได้หวังอะไรจากเขาอยู่แล้ว ฉันเถียงกับตัวเองไปมาในใจด้วยความรู้สึกที่สับสนอย่างบอกไม่ถูก
     
    เพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งตายจนกว่าผมจะแก้แค้นโรคุโด มุคุโร่ได้ คุณเมฆาบอกกับฉันด้วยเสียงเรียบๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองสายฝนที่ตอนนี้ตกปอยๆเท่านั้น
     
    หึ! พวกสัตว์กินพืชเพื่อนของคุณคงจะมากันแล้วคุณเมฆาพูดก่อนจะหันหลังเพื่อจะเดินเข้าไปในตึก แต่ว่า...
     
    คุณเมฆา!” ฉันร้องท้วงขึ้นเมื่อเขาเดินออกไปได้ไม่ถึงห้าเก้า คุณเมฆาหันมามองฉันด้วยใบหน้านิ่งๆ ก่อนที่เสียงเรียบๆของเขาจะเอ่ยขึ้น
     
    มีอะไรอย่างงั้นเหรอ
     
    คือ..ฉัน ฉันพูดเสียงตะกุกตะกัก ขะ..ขอบคุณฉันบอกเสียงแผ่วเบาขณะที่มองหน้าเขานิ่งๆก่อนที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายหันหน้าไปอีกทาง แต่เมื่อกี้...ถ้าเกิดฉันตาไม่ฝาดเมื่อกี้ก่อนที่ฉันจะหันมาที่ใบหน้าเรียบนิ่งของคุณเมฆามันได้มีรอยยิ้มปรากฎขึ้นแต่มันไม่ใช่ยิ้มมุมปากเหมือนอย่างที่เขาชอบทำ ครั้งนี้มันเป็นรอยยิ้ม...รอยยิ้มจริงๆ
     
    ผมไปล่ะนะ เสียงเรียบๆดังขึ้นทำให้ฉันหันกลับไปมองทางเขาอีกครั้งทันที


    ผมไม่ชอบอยู่สุมหัวกับใคร โดยเฉพาะพวกสัตว์กินพืชน่ารำคาญเพื่อนของคุณเขาพูดโดยไม่ได้หันกลับมามองฉันสักนิด ฉันมองตามแผ่นหลังของเขาที่ไกลออกไปเรื่อยๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า...เสื้อคลุมของเขายังคงคลุมไว้ที่ตัวของฉันอยู่
     
    คุณเมฆา เสื้อคลุมนี่...!!” ฉันตะโกนออกไปทันทีที่คิดได้ แต่ว่าตอนนี้ฉันกลับมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขาอีกแล้ว เฮ้อ...ฉันถอนหายใจยาวๆก่อนจะมองเสื้อคลุมนี่อีกครั้ง
     
    พรุ่งนี้ค่อยเอาไปคืนแล้วกันนะ... ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆขณะที่จับเสื้อคลุมนั้นเอาไว้
     
    นี่ยัยบ้า! ไปยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นของเธอ เสียงอันคุ้นหูที่แสดงความไม่พอใจดังขึ้น ถึงจะยังไม่ได้หันกลับไปดูแต่ฉันก็รู้เลยว่านั้นคงต้องเป็นเสียงของเคนแน่ๆ
     
    ฉัน..เข้ามายืนหลบฝนน่ะ ฉันหันไปตอบเคน ขณะที่จิคุสะเองก็กำลังเดินมาทางนี้ด้วยเหมือนกัน
     
    เธอนี่น๊า! ไม่ได้เรื่องเลย คุณมุคุโร่บอกให้พวกฉันช่วยเธอ และเธอนี่ก็ชอบหาเรื่องให้ตลอดเลยจริงๆ!” เคนบอกอย่างอารมณ์เสียอีกเหมือนเคน
     
    ฉันขอโทษนะเคน จิคุสะฉันพูดก่อนจะมองหน้าเคนและจิคุสะ
     
    ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ เคนกลับกันเถอะจิคุสะพูดนิ่งๆ ก่อนจะเดินนำหน้าออกไปก่อน
     
    เธอนี่มันงี่เง่า น่ารำคาญ!” เคยบ่นไปตลอดทางแต่ก็ยอมเดินตามจิคุสะไปโดยดี ฉันเองก็เดินตามพวกเขาไปเหมือนกันแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันขึ้นไปมองบนตึกอีกครั้ง บนตึกนั้นมีห้องๆหนึ่งที่เปิดไฟสว่างอยู่ท่ามกลางความมืด ห้องนั้น...คุณอยู่ที่นั้นสินะคุณเมฆา...
    ฉันคิดในใจก่อนจะก้มลงมองเสื้อคลุมอีกครั้งและเดินตามเคนกับจิคุสะไป...
     
     
     อีกด้านหนึ่ง...
     ห้องกรรมการคุมกฎ โรงเรียนนามิโมริ
     
    ฮิบารินั้งที่นั้งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาอยู่กลางห้องเขาเงยหน้าขึ้นจากหนังสือก่อนจะหันออกไปมองทางหน้าต่าง...
    ก่อนที่จะก้มลงอ่านหนังสือในมือต่อ แต่ถึงดวงตาของเขาจะจ้องมองไปที่หนังสือแต่ทว่าสมองและความคิดของเขานั้นกำลังคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่...
     
     ฮึ... ฮิบาริชะงักเมื่อมองเห็นหน้าของโคลมนิ่งๆ อย่างชัดเจน ครั้งที่แล้วตอนที่ผมต่อสู้กับโรคุโด มุคุโร่คุณบาดเจ็บด้วยเหรอ ฮิบาริเอ่ยเสียงเบาขณะที่มองไปที่ใบหน้าของโคลมอีกครั้ง ใบหน้าของเธอที่ตอนนี้มีสีแดงปรากฏขึ้นที่แก้มใส เธอ...บาดเจ็บหรือเปล่านะ เขาคิดในใจก่อนจะให้นิ้วแตะเบาๆเพื่อให้แน่ใจว่ารอยแดงๆนั้นไม่ใช่บาดแผลที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ของเขากับโรคุโด มุคุโร่
     
    อ๊ะ!” โคลมสะดุ้งนิดๆเมื่อปลายนิ้วของฮิบาริสัมผัสกับแก้มของเธอ แต่เธอคงไม่รู้ตัวหรอกว่าฮิบาริแอบลอบยิ้มให้กับท่าทางตกใจจนเกินไปของเธอ ฮิบาริหุบยิ้มอย่างรวดเร็วแล้วทำสีหน้านิ่งตามปกติก่อนจะค่อยๆก้มลงสำรวจใบหน้าของคนตัวเล็กตรงหน้าอีกครั้งเพื่อให้นาใจว่าเธอไม่ได้บาดเจ็บจริงๆ
     
    ไม่ได้บาดเจ็บอะไร ก็ดีแล้วฮิบาริพูดก่อนจะยิ้มมุมปาก ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมก็แย่นะสิ เสียงเรียบๆนั้นพูดขึ้น ทำให้โคลมต้องมองหน้าเขาด้วยความสงสัยทันที...
     
    “หึ!สัตว์กินพืชตัวน้อยที่อ่อนแอ...” เขาพูดขึ้นเสียงเบาก่อนจะเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ฮิบาริมองออกไปที่หน้าต่างอีกครั้งก่อนจะก้มลงอ่านหนังสือต่อ




      


              







                 



                              
      


      

     
    แฮกๆ อัพแล้วจร้า... ตอนนี้ท่านฮิไม่โดนแย่งซีนแล้ว ^o^

    แต่อัพตอนนี้ยากลำบากมากเลย... ความจริงเรื่องนี้แต่งเสร็จไปแล้วค่ะ แต่ว่า จะเซฟใสแฟลชไดร์ฟเอาไว้ แต่เมื่อวานเกิดอุบัติเหตุเหยียบแฟลชไดร์ฟหัก ข้อมูลหายหมดเลยอะค่ะ TOT ก็เลยต้องมาพิมพ์ใหม่หมดเลย....(จำได้คร่าวๆ แต่งเสริมใหม่ไปบ้าง)

    แต่ยังไงก็จะอัพจนจบให้ได้ค่ะ เข้ามาอ่านและก็เมนต์เป็นกำลังใจให้กันบ้างนะคะ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×