คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ลำดับตอนที่ 2
1
เบิกน่านน้ำ
หลังจากที่ลูกเรือร่วมยี่สิบชีวิตร่วมกันฝ่าฟันพายุใหญ่ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่ตามคำสั่งของไอ้กัปตันงี่เง่าไปหมาดๆตอนนี้จึงเป็นธรรมดาที่ต้องหมดแรง ลูกเรือทั้งหมดต่างทิ้งตัวพิงสิ่งต่างๆทันที
“ต่อจากนี้ พวกเจ้าจะทำอะไรก็ตามสบาย ข้าจะไปนอนล่ะ ไว้ถึงฝั่งปลุกข้าด้วยแล้วกัน”กัปตันหนุ่มนามเซลูม่าเอ่ยกับลูกเรือตนราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะเดินไปยังบันไดที่ต่อลงไปใต้ท้องเรือ
“นี่ เซลูม่า”หญิงสาวนาม ซีฟาเนีย เดินย่างสามขุมไปจับไหล่ของกัปตันหนุ่มให้หันกลับมาทันที ก่อนจะเริ่มรายการเทศน์อีกคำรบ
“เจ้าเป็นแต่นอนอย่างเดียวรึไง? เซลูม่า เรื่องอื่นตั้งเยอะแยะมีให้ทำไม่ทำ ตกลงเจ้าเป็นกัปตันประเภทไหนของเจ้ากันเนี่ย”หญิงสาวเอ่ยอย่างอัดอั้น แต่ชายหนุ่มกลับยืนทำหน้าไม่ยี่หระอะไรทั้งสิ้น
“เอ...หากข้าจำไม่ผิด ข้าให้เจ้ามาเป็นคนทำอาหารไม่ใช่หรือ? นี่เจ้ากะจะควบตำแหน่งแม่ของข้าด้วยงั้นหรอเนี่ย?”ชายหนุ่มตอบสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนจะหันหลังแล้วเดินลงไปทันที
“หนอย...กลับมานี่เดี๋ยวนี้น่ะ เซลูม่า!”หล่อนตะโกนเรียกชายหนุ่ม ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจแล้ว จึงเม้มปากแน่นอย่างเจ็บใจ
“ปล่อยเขาไปเถอะ ซีฟาเนีย เจ้านั่นก็เป็นของมันแบบนี้แหละน่า เจ้าก็น่าจะรู้ดีมิใช่รึ”เนเฟลเอ่ยอย่างเคยชินในพฤติกรรมของผู้เป็นกัปตัน
ชายหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม รับกับใบหน้าขาว นัยน์ตาสีเขียวมรกต ทำให้เขาเป็นคนที่ดูดีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เดินก้าวลงมาจากตำแหน่งของตนไปตีบ่าหญิงสาวอย่างสนิทสนมในความหมายที่ว่า ‘ปลงซะเถอะ’
“ก็ใช่ ข้ารู้ดี แต่เมื่อไรเจ้านั่นมันคิดจะเคยใช้สมองอันน้อยนิดนั้นคิดว่าตัวเองควรจะปรับปรุงตัวเสียที ไม่ใช่ทำตัวเลื่อนลอย ไม่มีแก่นสารแบบนี้ ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าเจ้านั่นมันเป็นกัปตันของพวกเจ้าได้อย่างไร”หญิงสาวร่ายยาวอย่างอัดอั้นพาดพิงไปถึงกัปตันหนุ่มไร้แก่นสาร
“ข้าว่าข้าเริ่มเข้าใจความรู้สึกของเซลูม่าแล้วน่ะ ว่าเจ้านั้นเหมาะสมจะเป็นแม่คนจริงๆ”เนเฟลเอ่ยเรียบๆก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไป
“เนเฟล เจ้าก็เป็นไปอีกคนรึเนี่ย?! หนอย...”หล่อนเม้มปากแน่นอย่างขัดใจ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบาๆจากเหล่าลูกเรือได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ก่อนสายตาของหล่อนจะปราดมองลงไปยังทางลงสู่ท้องเรือ ก่อนจะรีบย่างก้าวลงไปทันที
“เฮ้อ...ข้าล่ะสงสารเจ้าจริงๆเซลูม่า”เนเฟลเปรยอย่างนึกสงสารสหายของตน พลางสายตานั้นก็มองออกไปยังฟ้ากว้างอย่างไร้จุดหมาย
...ท่านอยู่ที่ใด? ท่านพ่อ....
กัปตันหนุ่มเดินก้าวเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆของตน ปิดมันลงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเดินตรงไปยังลิ้นชักใต้เตียงของตน แล้วดึงมันออกมา
กล่องโลหะสีดำสนิทถูกยกออกมาอย่างเบามือราวกับมันเป็นของสำคัญ ก่อนเขาลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงนุ่มที่ยุบลงไปทันทีที่กัปตันหนุ่มนั่งลง
ก่อนมือหนานั้นจะบรรจงเปิดฝากล่องโลหะอย่างช้าๆสิ่งที่ปรากฏอยู่ภายในคือ สร้อยคอสีเงินจี้รูปเรือเดินสมุทรฝังเพชรเม็ดเล็กๆไว้ตรงเสากระโดงของเรือแลดูสวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว เขาหยิบมันขึ้นมาอย่างช้าๆเผยให้เห็นภาพหญิงสาวที่อยู่ใต้สร้อยคอนั้น
หญิงสาวผมยาวสีดำขลับ นัยน์ตาสีฟ้าสดใสบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนร่าเริง ริมฝีปากเรียวบางได้รูปสีชมพูอ่อนรับกับใบหน้าขาว มองดูแล้วเป็นหญิงสาวที่ถือว่าสวยอีกคนหนึ่งเลยทีเดียว และมีตัวหนังสือที่เขียนเอาไว้ตรงมุมภาพว่า ‘เฟรนเซีย’
แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจภาพนั้นเท่าไรนัก เขาจ้องมองลงไปในสร้อยคอนั้นราวกับจะจ้องลึกลงไปในเบื้องหลังของสร้อยคอนี้ด้วยแววตาสลดหดหู่ เศร้าหมองลงถนัดตา
“เจ้าอยู่ที่ใดกัน เฟรนเซีย เจ้ารู้มั้ย ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”ชายหนุ่มเปรยกับตนเองเบาๆก่อนจะก้มหน้าเข้ากับสร้อยคอนั้นด้วยหยาดน้ำใสๆที่เริ่มคลอขึ้น
เมื่อสองปีก่อน
เรือลำใหญ่สีดำสนิทตรงหัวเรือเป็นรูปนางเงือกได้เข้ามาเทียบท่าในท่าเรือของเมืองๆหนึ่ง ชายหนุ่มผมยาวสีดำขลับกระโดดลงจากเรือทันที ก่อนจะวิ่งตรงไปเบื้องหน้าอย่างไม่รอรีลูกเรือข้างบนเลยแม้แต่น้อย และด้วยความร่าเริงนี้เองทำให้เขาพบกับเธอ
ทั้งสองวิ่งเข้าชนกัน ก่อนต่างฝ่ายจะกระเด็นล้มไปคนล่ะทาง และด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ(ที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง)ของเขา เขาจึงรีบไปดูอาการของหญิงสาวคนนั้นทันที
“โอย”หญิงสาวโอดครวญพร้อมเอามือจับก้นตนเองที่กระแทกลงไปอย่างแรงเมื่อครู่อย่างเจ็บปวด
“เจ้าเป็นอะไรรึปล่าว? ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เซลูม่าเอ่ยพร้อมยื่นมือไปให้หญิงสาวผู้นั้นอย่างรู้สึกผิด
“เป็นสิ นี่ข้าล้มจนก้นข้าพังไปหมดแล้วน่ะเนี่ย”เธอเงยหน้าขึ้นมาตอบอย่างเอาเรื่อง แต่เขากลับไม่โกรธแต่อย่างใด กลับตะลึงมากกว่า
ผมยาวสลวยสีดำขลับ นัยน์ตาสีฟ้าใสรับกับใบหน้าขาวเนียนราวหิมะในฤดูหนาว ริมฝีปากบางสีกลีบกุหลาบได้รูป และร่างบางๆที่น่าถนุถนอมทำให้ชายหนุ่มแทบจะตะลึงค้างในความงามทันที
“นี่เจ้ามองหน้าข้าอย่างงั้นทำไม?”หล่อนแวดใส่ขึ้นทันที
“ปล่าวๆ”เขารีบตอบทันที
“แล้วนี่เจ้าไม่คิดจะขอโทษข้าสักคำเลยใช่มั้ยเนี่ย?”หล่อนทวง ใบหน้าเชิดขึ้นราวกับอยู่เหนือกว่า
“เอ่อ...ใช่ๆ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”เขาสลัดอาการเมื่อครู่ออก ก่อนจะรีบเอ่ยถ้อยคำขอโทษทันทีอย่างจริงใจ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกแปลกๆเมื่อได้เจอหน้าหญิงสาวคนนี้
“อืม...ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่นี่เจ้าเป็น...โจรสลัดใช่มั้ย?”หล่อนถาม ก่อนจะมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยการแต่งกายแบบนี้แล้วไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจาก ‘โจรสลัด’
เขาพยักหน้าเบาๆอย่างไม่แน่ใจ เพราะคนที่เขาเคยบอกว่าเขาเป็นโจรสลัดนั้นบางคนก็วิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง บางคนยังคิดจะส่งตัวเขาให้ทางการ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่เคยจะประกาศอีกเลยว่าตนเป็นโจรสลัด
“ว้าว...จริงๆหรอเนี่ย โจรสลัดกำลังอยู่ต่อหน้าข้า สุดยอดไปเลย”แต่หล่อนกลับมีท่าทีปลาปลื้มใจอย่างเด่นชัด ทำเอากัปตันหนุ่มงงไปเลยทีเดียว
“นะ...นี่เจ้าไม่กลัวงั้นหรอ?”เขาเอ่ยถามเสียงเบาราวกับหยั่งเชิงของอีกฝ่าย หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ข้าอาจจะปล้นเจ้า ลักพาตัวเจ้าก็ได้น่ะ เจ้าไม่กลัวงั้นรึ?”เขาหยั่งเชิงของหล่อนอีกครั้ง หญิงสาวส่ายหน้าเหมือนเดิม
“ข้าไม่กลัวหรอกน่า ข้าน่ะชอบโจรสลัดจะตายไป ข้าว่าการได้ออกเดินทางไปกับเรือน่ะมันสุดยอดไปเลยนา ข้ายังคิดเลยว่าสักวันข้าจะเป็นโจรสลัดสาวให้ได้เลย”หญิงสาวเอ่ยอย่างมาดมั่น ในแววตานั้นเป็นประกายทำให้เขาลอบยิ้มออกมาไม่ได้
“เจ้านี่พิลึกจังแหะ ข้าชักจะถูกใจเจ้าซะแล้วสิ เจ้าชื่ออะไรล่ะ?”เขาหัวเราะเบาๆในท่าทางของหล่อน
“อ๋อๆ...ชื่อข้าหรอ? ข้าเฟรนเซีย เฟรนเซีย ฟีเรนซ่า เป็นชาวบ้านของที่นี่เองล่ะ”หล่อนแนะนำตัวอย่างร่าเริง
“อื้ม...เฟรนเซีย ชื่อเพราะนี่”เขาเอ่ยชม
“จริงๆหรอ นี่เจ้าเป็นคนแรกเลยน่ะเนี่ยที่ชมข้าแบบนี้ แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร?”เธอทำหน้าปลาบปลื้มอีกครั้ง ก่อนจะย้อนถามเขา
“ข้าเซลูม่า เซลูม่า ซีเมนดร้า กัปตันของเรือเดธมารีน”เขาแนะนำตัว
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับหญิงสาวนามว่า เฟรนเซีย หญิงสาวที่ทำให้ชีวิตของกัปตันหนุ่มไร้แก่นสารเปลี่ยนไปตลอดกาล และทำให้เขาได้รู้จักกับคำว่า ‘รัก’ และคำว่า ‘เสียใจ’
“เฟรนเซีย หลับตาก่อนสิ ข้ามีอะไรจะให้”น้ำเสียงนุ่มเอ่ยอย่างอ่อนโยนไปยังหญิงสาวตรงหน้า
“เจ้าจะให้อะไรข้างั้นรึ? อะไรล่ะ?”หล่อนถามอย่างตื่นเต้น
“หลับตาก่อนสิ”
“อื้ม...ได้”เปลือกตาของหญิงสาวหลุบลงช้าๆตามคำขอร้องของชายหนุ่ม
ก่อนมือหนาจะค่อยๆล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตน ดึงสร้อยเส้นสวยออกมา สร้อยเงินงามขลับและยิ่งงามขึ้นไปอีกเมื่อจี้นั้นเป็นรูปเรือเดินสมุทรที่มีเพชรเม็ดเล็กประดับไว้ตรงเสากระโดงเรือ
เขาเดินอ้อมไปหลังร่างบางช้าๆก่อนจะบรรจงสวมสร้อยคอนั้นให้หล่อนอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน ก่อนจะโน้มใบหน้าไปข้างร่างของหญิงสาว
“ลืมตาได้แล้ว”เขาเอ่ยข้างหูของเฟรนเซียอย่างแผ่วเบา ร่างบางค่อยๆเปิดเปลือกตาช้าๆก่อนจะยิ้มอย่างตื้นตันใจเมื่อเห็นจี้งามที่สะท้อนแสงตะวันยามเย็นอย่างเจิดจรัต สายตานั้นเหลือบขึ้นมามองใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่ม
“ข้ารักเจ้าน่ะเฟรนเซีย”ถ้อยคำที่กลั่นกรองออกมาอย่างดีที่สุดของชายหนุ่มนามว่า เซลูม่า และเป็นครั้งแรกที่คำๆนี้หลุดออกจากปากเขา
ก่อนหล่อนจะยิ้มออกมาอย่างตื้นตันใจ น้ำตาแห่งความตื้นตันนั้นเอ่อคลอมาเต็มเบ้าก่อนหญิงสาวจะโผเข้ากอดชายหนุ่มทันที
“ข้าก็รักท่านเซลูม่า”หล่อนเอ่ยอย่างแผ่วเบา ได้ยินดังนั้นเขาก็รีบกอดร่างบางตอบทันที ทั้งสองกอดกันเนิ่นนานราวกับจะให้ความอบอุ่นนั้นแผ่ผ่านเข้าไปในกายของกันและกัน
ก่อนเขาจะเป็นฝ่ายผละเธอออกมาแล้วเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้หญิงสาวต้องคิดหนัก
“เจ้าเดินทางไปกับข้าน่ะ เฟรนเซีย ข้าจะพาเจ้าไปสุดขอบโลก”ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มอ่อนโยน แต่ใบหน้าของหญิงสาวบัดนี้ฉายแววหนักใจอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมรึ? เฟรนเซีย”เขาถามเธออีกครั้ง
“เอ่อ...คือข้า ข้าขอโทษท่านด้วย ข้าไปกับท่านไม่ได้หรอกน่ะท่านเซลูม่า ข้ามีพ่อและแม่ที่ต้องดูแลอยู่ที่นี่ ข้าไม่อาจจะทิ้งพวกท่านไปได้ ท่านเข้าใจข้าน่ะ”หล่อนเอ่ยด้วยสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เห็นดังนั้นแม้จะผิดหวังอยู่ไม่น้อยแต่เขาก็ไม่อาจจะบังคับจิตใจเธอได้ เขาดึงเธอเข้ามาสวมกอดอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรๆข้าเข้าใจเจ้าน่ะ ถ้าเจ้าอยากจะอยู่ที่นี่ข้าก็ไม่ว่าเจ้าหรอกน่ะและข้าก็จะอยู่กับเจ้าที่นี่เอง”ชายหนุ่มเอ่ยปลอบร่างบางที่เริ่มสะอื้นเล็กน้อย
“ไม่ได้น่ะ ท่านจะทิ้งความฝันของท่านไม่ได้เด็ดขาด ท่านเป็นโจรสลัดน่ะ ท่านจะต้องออกเดินทางไปเพื่อความฝันของท่าน”หญิงสาวผละออกจากอ้อมกอดเอ่ยแย้งขึ้น
“แล้วเจ้าล่ะ”
“ข้าไม่เป็นไร ข้าอยู่ได้ ท่านไม่ต้องห่วงหรอก ข้าสัญญาว่าข้าจะจำท่านไว้ตลอดกาล”หญิงสาวเอ่ย
“งั้นก็ตามใจเจ้า พรุ่งนี้เช้าข้าจะออกเรือแล้ว เจ้ามาส่งข้าน่ะ”ชายหนุ่มเอ่ยด้วยแววตาอ่อนลงก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ้อนวอนในช่วงหลัง
“ได้สิ”หล่อนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวมีความสุขเพียงใด
แล้วเหตุการณ์ที่ทำให้เขารู้จักกับคำว่า ‘เสียใจ’ ก็ปรากฏ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เหตุการณ์ที่ทำให้เขาเสียเธอไป...
“เซลูม่า! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!”เนเฟล ลูกเรือคนสนิทของเขาเอ่ยพลางวิ่งหน้าตื่นมายังเขา
“มีอะไร? เกิดอะไรขึ้น?”เขารีบถามทันที สีหน้าที่ไม่ธรรมดาของเนเฟลแสดงว่าต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่ๆ
“พวกมารีนคิลเลอร์...พวกมันเข้าทำลายหมู่บ้านในเมือง!!”เนเฟลเอ่ยด้วยเสียงตื่น ถ้อยคำที่ทำให้เขาใจหายวาบ และคนๆเดียวที่เขานึกถึงในตอนนี้คือ.....
“เฟรนเซีย!!”พูดจบ ชายหนุ่มก็วิ่งลงจากเรือของตนทันทีด้วยความประหวั่นว่าจะเกิดเหตุร้ายกับคนรักตน
ชายหนุ่มวิ่งไปเรื่อยในเมืองที่ตอนนี้เพลิงลุกไม้ขึ้นอย่างโชดช่วง ดาบเล่มยาวถูกดึงออกมาใช้กวัดแกว่งสิ่งต่างๆที่ขวางทาง ปากนั้นก็พร่ำเรียกชื่อคนรักอย่างหวั่นเกรง
“เฟรนเซีย เจ้าอยู่ไหนเฟรนเซีย”น้ำเสียงที่แสดงถึงความเหนื่อยอ่อนเป็นเพราะเขาวิ่งหาเธออยู่เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงเต็มแล้ว แต่ก็ยังไม่พบแม้แต่เงาเลยแม้แต่น้อย
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสร้อยคอสีเงินงามที่เขาเคยสวมให้กับเธอเองกับมือตกหล่อนอยู่ แทบไม่ต้องคิดร่างสูงพุ่งเข้าไปหยิบมันออกมาจากกองเพลิงทันที สายตากวาดมองไปทั่วเพื่อหาเจ้าของของมัน
“กรี๊ดดดดด!”เสียงกรีดร้องดังลั่น ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่าเป็นของใคร ชายหนุ่มวิ่งตรงไปยังต้นเสียงนั้นทันทีอย่างไม่รีรอ บัดนี้จิตใจภายในนั้นไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดแล้ว เพียงแค่เขาได้ช่วยเธอออกมาเท่านั้น เพียงเท่านั้นก็พอแล้ว
ก่อนสายตาจะหันไปเห็นภาพที่ทำให้ใจทั้งใจแทบจะแตกสลายไปในทันที ภาพเฟรนเซียถูกหามไปด้วยชายร่างสูงนับสิบ ไม่ทันที่จะเข้าไปช่วยได้ ร่างทั้งหมดก็กลับหายออกไปอย่างไร้ร่องรอย
ร่างสูงทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นกำลังทันที ดาบในมือถูกปล่อยลงตามแรงโน้มถ่วงอย่างไม่คิดฝืนอีกต่อไป หยาดน้ำตาของลูกผู้ชายเอ่อคลอขึ้นมาทันที ก่อนมันจะไหลลงมาตามรูปหน้า
“เฟรนเซีย!!!!”น้ำเสียงที่ตะโกนออกไปหวังจะให้คนรักนั้นกลับมา แต่ไม่เธอไม่มีทางกลับมา ก่อนหยาดน้ำจากฟากฟ้าจะร่วงหล่นลงมาที่ล่ะเม็ด ทีล่ะเม็ด ก่อนจะหนักขึ้น หนักขึ้น จนกลายเป็นฝนที่ช่วยกลบน้ำตาแห่งความเสียใจนี้
ชายหนุ่มกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ความเป็นจริงที่ไม่มีเธออยู่ ไม่มีคนที่เขารักที่สุดอยู่อีกต่อไป หยาดน้ำตาใสๆของกัปตันที่ไม่เผยให้ใครเห็นไหลรินออกมาอย่างไม่นึกห้าม
...เฟรนเซีย ข้าจะต้องหาเจ้าให้เจอให้จงได้ เมื่อว่าจะแลกด้วยชีวิตข้าก็ตาม....
แต่ภาพทั้งหมดกลับอยู่ในสายตาของหญิงสาวนามว่า ซีฟาเนีย ความโกรธเมื่อครู่มลายหายจนหมดสิ้น มือที่แง้มบานประตูนั้นบรรจงปิดมันลงกลับที่เดิมช้าๆแล้วหันหลังเดินออกไปอย่างเงียบๆ
...เมื่อไรเจ้าจะลืมเสียที เซลูม่า....
..............................................
เม้นกันหน่อนเน้อ จะได้นำไปปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
ตอนแรกเศร้าๆหน่อยน่ะ(ตรงไหนฟ่ะ)(เศร้าแล้วกันน่า)
จะอะไรก็ช่างเหอะ.....ฝากหน่อยน่ะคับ^O^
ความคิดเห็น