คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : SF // I know // KaiTao
ความรักเหมือนผี...รู้ว่ามีแต่มองไม่เห็น
หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุเอ็นข้อเท้าขาดจากรายการโอลิมปิคไอดอลทำให้จื่อเทาไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมกับเมมเบอร์ในวงเท่าที่ควร ทำใหจื่อเทารู้สึกอึดอัดและก็คิดโทษตัวเองตลอด ถ้าตอนนั้นเขาไม่รั้นที่จะแข่งก็ไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ไม่ต้องมาเป็นตัวถ่วงของวงด้วย เรื่องที่จื่อเทาคลุ้มคิดเหมือนใครคนหนึ่งจะรับรู้ ฝ่ามืออุ่นวางที่หลังคอจื่อเทานวดคลึงเบาๆ
“คิดอะไรอยู่ห้ะ” คิมจงอินถามจื่อเทาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เขารู้ดีว่าความรู้สึกที่จื่อเทามีมันเป็นยังไงเพราะเขาก็เคยรู้สึก เขาเป็นอีกคนที่ได้รับบาดเจ็บบ่อยไม่ต่างจากจื่อเทา แต่ก็ไม่เคยเป็นหนักถึงขั้นนี้เหมือนกัน จื่อเทาเงยเอาคาดพาดพนักโซฟามองจงอินที่ยื่นซ้อนอยู่ด้านหลัง
“ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย” จงอินถอนหายใจแล้วเดินอ้อมมานั่งลงข้างๆจื่อเทา แล้วมองไปที่จอเอลซีดีที่กำลังฉายรายการเพลงอยู่
“งั้นอยากออกไปเดินไหม” ทีแรกจื่อเทาแสดงสีหน้ากระตือรือร้นชัดเจน แต่เพียงแวบเดียวดวงตาเฉี่ยวก็หมองลง จื่อเทาก้มมองเท้าตัวเองเหมือนให้คำตอบจงอินกลายๆ “อยากไปไหมละ”
“อยากไปก็อยากไปอยู่แล้ว แต่จะให้ทำยังไงละ” จื่อเทาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงอยๆ
“แค่บอกว่าอยากไปแค่นั้น ไปกับไม่ไป” จงอินยื่นมือทั้งสองข้างมาตั้งหน้าของจื่อเทา จื่อเทากำลังใช้เวลาในการขบคิดว่าเขาควรจะไปดีไหม เขาไม่รู้หรอกว่าจงอินจะพาไปยังไงแต่ถ้าอาการมันแย่ลงละ เขาไม่อยากใช้เวลารักษานานกว่านี้แล้วนะ แค่นี้มันก็ทรมานพอแล้ว
“...” ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากจื่อเทา ทำให้จงอินถอนหายใจอีกครั้ง
“ถ้าวันนี้ยังไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร” จงอินขยี้ผมคนที่นั่งอยู่จนฟูก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเอง พรางแยกเขี้ยวใส่ๆบรรดาพี่ๆที่แอบแง้มประตูห้องดูพวกเขาสองคน
“เฮ้อ” จื่อเทาถอนหายใจออกมา เขารู้ว่าการที่ตัวเองทำตัวซึมแบบนี้ทำให้เมมเบอร์ในวงเกิดความกังวลแต่จะให้เขาทำยังไง จะให้มองข้ามปัญหาที่เขาก่อน่ะนะ เขาทำไม่ได้หรอก จื่อเทาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจตนเองไปบนจอเอลซีดีมากกว่าไล่ช่องไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเนื้อหาช่องไหนเข้ามาในความคิดเขาได้เลย แล้วไม่นานจื่อเทาก็ผล่อยหลับไปโดยมีเสียงพูดคุยในทีวีกล่อม
และนี่ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องเหงาอยู่ในหอคนเดียว เมมเบอร์คนอื่นออกไปอัดรายการเพลงตั้งแต่เช้ามืด โดยไม่มีใครปลุกเขาสักคน แต่ก็ดีแล้วละตื่นมาก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่ดี จื่อเทามองดูเจ้าก้อนขาวๆที่ขดตัวอยู่กับก่อผ้า ดีที่มีแคนดี้อยู่ด้วยไม่งั้นเขาก็คงเหงามากกว่านี้ เมื่อหลายวันนี้ก่อนด้วยตารางงานที่ต้องเดินทางบ่อยทำให้เขาไม่มีเวลาดูแลเจ้าตัวเล็กนี้ จนต้องไปรบกวนเพื่อนเซฮุนให้ช่วยดูแลให้ ตอนแรกก็ออกจะเกรงใจแต่ดูเพื่อนของเซฮูนจะชอบเจ้าแคนดี้เหมือนกันทำให้เขาเบาใจขึ้นเยอะ
จื่อเทาเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ แล้วเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อจะหาอะไรใส่ท้อง จื่อเทามองอาหารที่ถูกเตรียม คงไม่แคล่วที่จะเป็นเมเนเจอร์ฮยองเตรียมไว้ให้ จื่อเทาแอบเบหน้านิดๆกับอาหารตรงหน้าเพราะมันดันมีกิมจิที่เขาไม่ชอบอยู่น่ะสิ จื่อเทารินน้ำเย็นใส่แก้วแล้วลงมือกินอาหารแต่ก็เลือกเขี่ยของที่ตัวเองไม่ชอบออก พอเขากินเสร็จก็ถึงเวลาที่เจ้าตัวเล็กเดินกระดิกหางออกมาเขา
“แคนดี้อ่า หิวแล้วเหรอ” เหมือนเจ้าแคนดี้จะฟังรู้เรื่องกระดิกหางแรงๆตอบรับ จื่อเทารวบช้อนกับตะเกียบไปวางในซิงค์แล้วหยิบถ้วยอาหารของแคนดี้เพื่อเทอาหารให้มัน จื่อเทาลูบหัวเจ้าก้อนขาวๆแล้วเงยหน้ามองนาฬากาที่ติดอยู่ข้างฝา ตอนนี้ก็สิบโมงแล้วไม่รู้ว่าเมมเบอร์ของเขาจะได้พักกันบ้างรึยัง การเตรียมตัวขึ้นสเตจแต่ละครั้งต้องใช้เวลานาน บางทีอาจจะทั้งวันด้วยซ้ำ จื่อเทามองมือถือสักพักก่อนจะชั่งใจโทรออกได้ ที่เลือกจะโทรแทนที่จะส่งข้อความเพราะว่าภาษาเกาหลีของจื่อเทายังไม่แข็งแรงพอ
ถ้ามีเมมเบอร์สักคนอยู่ด้วยก็คงให้คนนั้นช่วยอ่านให้ไม่ก็ตอบให้ ภาษาเกาหลีก็ยังเป็นเรื่องที่ยากสำหรับจื่อเทาในตอนนี้อยู่ดี รอสายไม่นานก็ได้ยินสายทักทายมาจากปลายสาย ทีแรกเขานึกว่าต้องนานกว่านี้สะอีก
“จงอินอ่า ยุ่งอยู่รึเปล่า” จื่อเทาถามเสียงเป็นกังวลเล็กๆ เขากลัวจะโทรมาไม่ถูกเวลาน่ะสิ ถ้ากำลังอัดรายการอยู่เขาโทรมาแบบนี้ก็ถือว่ารบกวนแล้วละ
“พักอยู่พอดี มีอะไรรึเปล่า” จงอินตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เพราะวันนี้ต้องออกมาเช้าเลยไม่มีใครคิดจะปลุกจื่อเทา แล้วพอจื่อเทาตื่นมาก็คงไม่เจอใครอยู่ที่หอพักแล้วจนกว่าจะอัดรายการเสร็จ เว้นแต่เมเนเจอร์ฮยองจะกลับไปดูจื่อเทาตอนเที่ยง
“ไม่มีอะไรหรอก แค่จะถามว่าเป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม” จื่อเทาได้ยินเสียงหัวเราะหยอกล้อดังผ่านปลายสาย ทางนั้นคงสนุกมากเลยสินะ จื่อเทาคิดอย่างน้อยใจ
“ก็เหนื่อยแหละแต่มันก็เป็นเรื่องปกติไปแล้วละ แล้วนายกินข้าวรึยัง”
“กินแล้ว แล้วจะกลับกันมาเมื่อไหร่เหรอ”
“ก็อีกไม่นานก็เสร็จแล้วละ” จื่อเทากระตุกยิ้มอย่างดีใจ แต่เพียงประโยคต่อมาต้องทำให้หุบยิ้มอีกครั้ง “แต่ต้องเข้าบริษัทไปซ้อมอีกน่ะสิ กว่าจะได้เข้าหอคงเที่ยงคืนได้”
“อ้องั้นเหรอ นายไปพักต่อเถอะ”
“เฮ้ย!เดี๋ยวอย่างเพิ่งวางนะ” แล้วเสียงเรียกให้เตรียมตัวก็ดังขึ้น ทำให้จงอินเงียบไปและสุดท้ายสายก็โดนตัด จื่อเทาก้มมองสมาทโฟนด้วยสายตาเศร้าๆ แล้วถอนหายใจออกมา ช่วงนี้เขาจะถอนหายใจบ่อยไปแล้วมั้งเนี่ย ขณะที่จื่อเทาจะตกในภวังค์แคนดี้ก็เดินมาชนขาเขาสะก่อน
“หืมอิ่มแล้วเหรอลูกสาว” แคนดี้กระดิกหางตอบรับ จื่อเทาเลยอุ้มมันขึ้นแนบอกแล้วพยายามเดินไปที่โซฟาตัวประจำ เปิดทีวีก็เจอแต่รายการเดิมซ้ำๆที่เขาไม่สนใจ เลื่อนจนครบมันทุกช่องแต่ก็ไม่มีช่องไหนดึงดูดสายตาเกินสิบนาทีได้ จื่อเทาเลยเลือกช่องที่เหล่าเมมเบอร์เขาไปอัดรายการกันอยู่ตอนนี้ ถึงมันจะฉายตอนเย็นก็เถอะ รอนิดหน่อยไม่เห็นจะเป็นไรเลย ยังไงก็ว่างทั้งวันอยู่แล้ว แต่ระหว่างรอจื่อเทาก็จิ้มสมาทโฟนไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าเขาเผลอหลับไปตอนไหนแต่เสียงปลดล็อคหน้าประตูปลุกเขาตื่น
“อ้าวหลับอยู่เหรอ” เมเนเจอร์ทักแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ จื่อเทาหยิบสมาทโฟนขึ้นมาดูเวลาตอนนี้ก็เที่ยงครึ่งแล้วคงได้เวลาที่เขาต้องกินยาแล้ว “เทาอ่า ทำไมเขี่ยผักทิ้งอีกแล้ว” พอได้ยินแบบนี้จื่อเทาก็โผล่เบะปากเป็นเด็กๆ
“ก็มันไม่อร่อยนี่ฮยอง ถ้าอร่อยผมก็กินหมดแล้ว”
“เฮ้อ! มื้อนี้ต้องกินให้หมดนะ” เมเนเจอร์ฮยองถอนหายใจแบบเหนื่อยใจกับเจ้าเด็กขี้เอาแต่ใจคนนี้จริงๆเลย ทั้งๆที่แก่กว่าสองคนในวงแต่ก็ทำตัวเด็กกว่าสองคนนั้นมาก จื่อเทาลุกจากโซฟาแล้วมองหาเจ้าก้อนกลมๆทีเคยนั่งขดตัวอยู่ข้างๆกัน
“ฮยองแคนดี้ไปไหนอะ”
“โดนซาแซงเอาไปย่างหลังตึกแล้วมั้ง”
“ฮยอง!!” จื่อเทาขึ้นเสียงอย่างตกใจ ช่วงนี้เขายิ่งได้ข่าวไม่ดีต่อลูกสาวเขาอยู่ด้วย ผมก็ไม่รู้เจ้าก้อนกลมมันไปทำอะไรไว้แต่ดูแฟนคลับออกจะเอ็นดูมันมากไปหน่อยขนาดมีรูปหมาย่างแล้วแท็คชื่อแคนดี้ก็มี
“นู้น นอนอยู่บนเตียงนายนั้นแหละ” เมเนเจอร์ฮยองส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ ไม่รู้จะเอาหมามาเลี้ยงทำไมทั้งๆที่ตัวเองก็เอาตัวไม่รอด แต่ก็คงไม่วายเพราะเห็นเมมเบอร์ในวงมีสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ ยิ่งโดนจงอินยุหน่อยก็คล้อยตามไปสะแล้ว “เทามากินข้าวได้แล้ว” เมื่อจัดโต๊ะเสร็จ ก็เรียกจื่อเทามากินอาหารกลางวัน
“ครับ” จื่อเทาขานรับเหนื่อยๆ มื้อนี้ต้องมีผักอีกแน่เลย จื่อเทาคิดในใจก็เมเนเจอร์ฮยองชอบแกล้งเขาหนิ ยิ่งขาเดี้ยงไปไหนไม่ได้ต้องคอยมีคนเอาอาหารมาให้ก็ยิ่งเลือกกินไม่ได้เข้าไปใหญ่ จื่อเทาใช้ความพยายามด้วยตัวเองเดินจนมาถึงโต๊ะอาหารที่ตัวเองเพิ่งกินข้าวไปคนเดียวไม่นานนี้
“เออนี่ จงอินบอกให้นายตอบไลน์ด้วยนะ” จื่อเทามองตามเมเนเจอณ์ฮยองที่กำลังใส่รองเท้าเพื่อออกข้างนอกต่อ
“ฮยองก็รู้ว่าผมอ่านเกาหลีไม่ค่อยออก” จื่อเทาว่าเซ็งๆแล้วตักข้าวเข้าปาก
“ไม่รู้คุยกันเอง ฮยองไปแหละกินผักด้วยจื่อเทา” จื่อเทาแลบลิ้นไล่หลังเมเนเจอร์ฮยอง ทำไมขอบสั่งจัง ดุเขายิ่งกว่าแม่สะอีก อย่างน้อยแม่ก็ไม่บังคับให้ผมกินผักเยอะขนาดนี้หรอก ด้วยความสงสัยทำให้จื่อเทาต้องยกสมาทโฟนขึ้นมาก็เจอแจ้งเตือนว่ามีข้อความใหม่จากแอพสีเขียวๆ ทำให้จื่อเทาต้องกดเข้าไลน์ด้วยความอยากรู้ จื่อเทาเปิดข้อความใหม่ที่จงอินลงมาพอเห็นแล้วทำให้คลียิ้มออกมาได้ทันที
“หย่า นายเอารูปนี่มาจากไหนห้ะ” แทนที่จะพิมไปจื่อเทากลับวอยแทน แต่จงอินก็พิมพ์ตอบมาเป็นภาษาเกาหลี พอเห็นแบบนั้นจื่อเทาก็ไม่พยายามที่จะอ่านเลือกส่งสติขเกอร์หมีไฟลุกไปแทน จื่อเทายิ้มให้หน้าจอเล็กๆแล้วหันมากินข้าวต่อ ไม่รู้เพราะอะไรทำให้มื้อนี้จื่อเทากินผักจนหมด
จื่อเทาเหล่มองนาฬิกาแล้วตั้งใจฟังเสียงทีวีที่กำลังฉาย ตอนนี่ก็ใกล้เวลาที่รายการเพลงจะฉายแล้ว จื่อเทาเลยละจากโน็ตบุ๊คลุกจากเตียงเพื่อไปนั่งดูรายการเพลงที่เหล่าเมมเบอร์เขาไป จื่อเทานั่งจอย่างตั้งใจ ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านไม่มีวันไหนที่เรียกว่าเสียเปล่าเพราะการแสดงที่โชว์ออกมามันคือหลักประกันที่ดีเยี่ยมเลยทีเดียว แต่พอการแสดงสิ้นสุดลงอารมณ์น้อยใจก็กัดกินใจจื่อเทาอีกครั้ง จากที่ดูการแสดงเมื่อกี๊ก็ทำให้เขา เข้าใจได้ว่าบนสเตจนั้นถึงจะไม่มีเขาทุกอย่างก็ออกมาดูดี
อารมณ์น้อยใจกลั่นออกเป็นน้ำที่คลอเต็มสองเบ้า จื่อเทาใช้หลังมือเช็ดลวกๆแล้วปิดทีวีเดินเข้าห้องไปเงียบ จื่อเทานั่งลงบนเตียงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเหนื่อยแล้วล้มลงเอาหน้าซุกหมอนใบโต ไหล่กว้างกำลังสั่นไหวโดยไม่มีใครรู้แม้กระทั่งเจ้าก้อนกลมๆที่นอนบนที่นอนของมัน เสียงสะอื้นเบาๆดังขึ้นเป็นระยะๆ
จื่อเทาเคยคิดว่าตัวเองโตพอ มีภูมิคุ้มกันมากพอที่จะไม่ร้องไห้ออกมาง่ายแบบนี้อีก แต่คงเป็นเพราะความอ้างว้างทำให้กำแพงที่จื่อเทาสร้างมาเริ่มมีรอยโหว่ง จื่อเทาปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างไม่คิดห้าม คิดแต่ว่าให้มันไหลออกมาให้หมดไม่ให้เหลือร้องในรอบต่อไปอีก เขาต้องเข้มแข็งจะมาร้องไห้กับเรื่องงี่เง่าแบบนี้อีกไม่ได้
หลังจากปล่อยให้น้ำตาไหลจนชุ่มหมอน จื่อเทาก็พยายามตั้งสติ ล้างหน้าล้างตาหาน้ำแข็งมาประคบ เพื่อตอนที่เมมเบอร์กลับจะได้ไม่มีใครเห็นความผิดปกติ ระหว่างนั้นเจ้าก้อนกลมก็ตื่นมากระดิกหางให้เขา ปฏิกิริยาที่อยากเล่นของมันก็ทำให้เขายิ้มได้ เขาเล่นกับเจ้าตัวเล่นจนความเศร้าค่อยๆคลีคลาย เขาคิดว่าต้องพาเจ้าแคนดี้ไปอาบน้ำแล้วละเพราะขนที่ยาวพันกันเป็นก้อนเชียวละ ขนสั้นขนาดนี้ยังพันกันถ้าปล่อยให้ขนยาวเหมือนที่แฟนๆส่งรูปมา แคนดี้คงได้เป็นมอนสเตอร์หน้าขนแน่ๆ
ที่จริงจื่อเทาน่ะเป็นคนที่คลั่งแมวเอามากเลย เพราะว่าแมวเป็นสัตว์ที่ขี้อ้อนและหยิ่ง ซึ่งลักษณะคล้ายจื่อเทา แต่การตัดสินใจเลือกเลี้ยงหมาก็เพราะมงกู จังกู และจังอา ทำให้เขาเปลี่ยนใจ แล้วได้แรงยุจากไคทำให้เขาคล้อยตามไปรับเจ้าตัวเล็กมาจากร้านเพทช้อป วันแรกที่รับมาเขาออกจะเห่อลูกสาวคนใหม่มากๆจนพี่ในวงหมั่นไส้ คอยมาวุ่นวายกับลูกสาวเขาตลอดเวลา
“บ๊อกๆ” จื่อเทามองการกระทำที่หน้าแปลกใจของแคนดี้เพราะมันกำลังเห่าใส่ประตู
“ทำไม อยากออกไปเหรอ”
“บ๊อกๆ”
“ออกไปไม่ได้หรอกนะ แคนดี้อ่า”
“บ๊อกๆ”
“เอ๊ะ!! ทำไมดื้อแบบนี้นะ”
“บ๊อกๆ”
“แคนดี้มานี่มะ” จื่อเทาเอาตุ๊กตาตัวโปรดของลูกสาวมาล่อ ที่จริงตุ๊กตาตัวนี้เป็นของที่แฟนคลับให้คยองซูมา แต่แค่เผลอวางไว้บนโซฟาแป้บเดียวก็กลายเป็นที่ลับฟันของแคนดี้ไปแล้ว “มานี่เร็วๆ” แคนดี้เห็นตุ๊กตาตัวโปรดตาก็ลุกวาวทำท่าจะเดินมาหาแต่ก็ชะงัก
“บ๊อกๆ”
“เฮ้อ ทำไมดื้อแบบนี้ล่า” จื่อเทาได้แต่ถอนหายใจแล้วพยายามเดินไปหาเจ้าตัวป่วนสงสัยคงจะเบื่อที่ต้องอยู่ห้องเฉยๆสินะ ปกติเวลาที่เขาออกไปทำงานก็จะเอาเจ้าแคนดี้ไปฝากกับโรงพยาบาลสัตว์ไม่ก็ฝากนูนาที่บริษัทไว้ แต่ตอนนี้จื่อเทาโดนสั่งหยุดงานเลยรับเจ้าตัวเล็กมาอยู่ด้วย พอเห็นว่าจื่อเทาเดินมาใกล้ๆเจ้าก้อนขาวเลยสะกิดหางอย่างชอบใจ “ดีใจอะไรไม่ได้จะพาออกไปสักหน่อย” จื่อเทาอุ้มเจ้าตัวป่วนไปวางบนโซฟา ส่วนเขาก็เดินหยิบขนมมาให้แคนดี้ แต่พอหันกลับมาเจ้าตัวป่วนก็ไปยื่นอยู่หน้าห้องอีกแล้ว
“เฮ็อ นี่จะออกให้ได้เลยใช่มะ”
“บ๊อกๆ” ยอมเขาเลย จื่อเทามองเจ้าตัวป่วนอย่างคาดโทษแต่ก็ยอมเดินไปหยิบสายจูง มันไม่ใช่ของแคนดี้หรอกนะแต่เป็นของจงกู เหมือนครั้งก่อนที่จงอินพาจงกูไปเดินเล่นแล้วลืมเอาไว้ จื่อเทามองเวลาอย่างชั่งใจนี่มันก็จะสี่ทุ่มแล้วออกไปตอนนี้คงไม่มีคนเท่าไหร่หรอกมั้ง จื่อเทาเลือกหมวกแล้วทับด้วยฮู้ดอีกชั้นแถมด้วยผ้าปิดปากอีกอัน ปิดขนาดนี้แล้วหวังว่าจะไม่มีแฟนคลับสังเกตเห็นเขาหรอกนะ
บริเวณแม่น้ำฮันตอนกลางคืนให้อากาศดีไม่น้อย แสงสีของตึกสูงทำให้เมืองนี้ยังคงดูมีชีวิตชีวา บริเวณที่จื่อเทาเดินอยู่ไม่ถึงกับร้างผู้คนแต่ก็มีน้อยพอดูอยู่ดี เจ้าตัวเล็กที่เพิ่งได้ออกมาข้างนอกครั้งแรกทำท่าดีใจใหญ่ วิ่งพลานไปทั่วจื่อเทาที่ข้อเท้ายังไม่หายดีก็พยายามจะดึงเอาไว้เวลามันจะเดินไกลเกินไป จื่อเทาสูดน้ำมูกดังซื้ดเพราะลมเย็นตอนกลางคืนพัดมาปะทะกับหน้า
จื่อเทาหยิบกาแฟร้อนที่เพิ่งมาจากมินิมาร์คขึ้นจิบนิดๆ เขาหาที่ปลอดคนที่สุดนั่งเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศที่แสนโรแมนติกหน้าแม่น้ำฮัน ยิ่งมองก็ยิ่งอดทำให้คิดถึงใครอีกคนไม่ได้ คริสเก่อ ตอนนี้เก่อจะทำอะไรอยู่นะเก่อจะคิดถึงน้องคนนนี้อยู่บ้างไหม เก่อรู้รึเปล่าว่าที่เราชอบมานั่งด้วยกันเขาปรับปรุงใหม่แล้วนะ ผมอยากให้เก่อมาเห็นจังเลย ไม่นานน้ำตาก็รินอีกครั้ง แต่จู่ๆตาทั้งสองข้างก็มืดลง
“ให้ทายใครเอ๋ย” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู
“คิมจงอิน”
“ว้า ทายถูกได้ไง” จื่อเทามองคนที่มาใหม่ด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “ไม่ต้องมาทำตาโตเลย รู้ไหมว่าทำคนอื่นวุ่นวายกันไปหมด แล้วมือถือทำไมไม่หัดพก” จงอินยื่นสมาทโฟน จนทำให้เขาเผลอตบกระเป๋ากางเกงเบาๆ ตอนออกมาเขาคิดว่าใส่กระเป๋ากางเกงมาแล้วนะ
“แล้วนายรู้ได้ไงว่าชั้นอยู่ที่นี่” จื่อเทาถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“ตามเสียงหัวใจมา” จงอินตอบเสียงแผ่ว
“ห้ะ!! พูดอีกทีได้ไหมชั้นไม่ได้ยิน” จื่อเทาย่นคิ้วจนกลายเป็นเส้นเดียว
“แล้วจะมีสักกี่ที่ที่ตอนนี้นายไปได้ละ ยิ่งเห็นเจ้าตัวนี้ก็ดูออกว่าเป็นนายแล้ว” จื่อเทาพยักหน้าอย่งเข้าใจ “แล้วคิดไงเนี่ยออกมา ถ้าโดนซาแซงทำร้ายเข้าจะว่ายังไง” จื่อเทาทำหน้าตกใจเหมือนกับเพิ่งนึกได้ พลอยทำให้จงอินถอนหายใจเหนื่อยๆออกมา
“ขอโทษ”
“หืม ขอโทษเรื่อง”
“ที่ทำให้ทุกคนต้องวุ่นวาย” จื่อเทาพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด เขาไม่คิดการกระทำของเขาจะทำให้ใครวุ่นวาย แต่ฝ่ามืออุ่นๆก็ลูบหัวเขาอย่างปลอบโยน
“คิดมากไปแล้ว ที่ทุกคนตามหาก็เพราะทุกคนเป็นห่วงนายนะ” จื่อเทาช้อนตามองจงอิน
“ขอบคุณนะ”
หลังจากนั่งตากลมหนาวอยู่สักพักจงอินก็ชวนจื่อเทากลับ ยิ่งดึกอากาศรอบตัวก็ต่ำลงทำให้หายใจออกมาเป็นควันจางๆ จื่อเทาที่ได้ไม่ได้พบถุงร้อนมาก็อดไม่ได้ที่จะซุกมือใส่กระเป๋าเสื้อฮู้ด ถ้ารู้ว่าหนาวขนาดนี้น่าจะพกมาด้วยสะก็ดีหรอก จงอินที่ลอบมองเงียบๆ ส่งถุงร้อนที่อยู่ในกระเป๋าส่งให้แต่ก็ได้สีหน้างงงวยของจื่อเทากลับมา เขาไม่คิดจะอธิบายอะไรเลือกย่อลงไปอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมา แล้วดึงมือข้างที่ติดกันของจื่อเทาซุกเข้ามาในกระเป๋าฮู้ดของเขา ไม่มีใครเอยอะไรออกมา แต่เลือกที่จะประสานนิ้วแล้วเดินกลับหอด้วยกันอย่างเงียบๆ
พอมาถึงห้อง จื่อเทาก็โดนเทศนาชุดใหญ่จากลีดเดอร์ร่างเล็ก ถึงจะฟังออกบ้างไม่ออกบ้างมันก็ทำให้เขาสำนึกผิดได้อยู่ดี
“ทีหลังอย่าออกไปไหนคนเดียวอีกนะ” เจ้าของผิวโอโม้ว่าแล้วถอนหายใจเดินเข้าห้องนอนของตนเองไป พอสถานการณ์คลีคลายลงเมมเบอร์ก็มามุงให้กำลังใจจื่อเทา ไม่เว้นแม้แต่เลย์ที่ชอบมีท่าทีนิ่งๆมึนๆตลอดเวลาก็เขามาลูบหัวปลอบใจจื่อเทา
“ทีหลังจะออกไปไหนโทรมาบอกเก่อก็ได้เข้าใจไหม” พอจื่อเทาเห็นท่าทางของพวกพี่ก็ก้มหน้าอย่างสำนึกผิด เขาไม่คิดว่าการกระทำเพียงไม่คิดของเขาจะทำให้ฮยองๆห่วงได้ขนาดนี้แต่มันก็ทำให้รู้ว่าทุกคนแคร์เขามากรวมลีดเดอร์ด้วยถึงจะดุเขาแต่นั้นก็แสดงว่าฮยองแคร์เขามาก พอทุกคนจัดการธุระของตัวเองเสร็จก็แยกย้ายเข้าห้องของตัวเองเหลือจื่อเทาที่นั่งดูทีวีนิ่งๆ ที่จริงเขาไม่ได้อยากดูทีวีหรอกแค่ยังสู้หน้าฮยองๆไม่ได้เท่านั้นเอง เลยเลือกนั่งนิ่งๆอยู่หน้าจอเอลซีดี
“ไม่นอนเหรอ” จงอินที่ตอนนี้อยู่ในชุดนอนเสื้อกล้ามกับกางเกงขายาวนั่งลงข้างๆจื่อเทาที่เดียวกันกับเมื่อวันก่อน
“ยังไม่ง่วงเลย” จื่อเทาตอบเสียงเจือๆ
“ง่วงก็ต้องนอนนะ แล้วพรุ่งนี้จะตื่นไหวได้ยังไง” จื่อเทามองหน้าจงอินด้วยความไฉนไหน
“หมายความว่ายังไง”
“ก็พรุ่งนี้เรามีนัดกันไม่ใช่เหรอ...ในไลน์ไง” จื่อเทาถึงกับร้องอ้อ คงจะเป็นข้อความนั้นที่จงอินส่งมาแน่ๆเลย
“แล้วเนยเอารูปนั้นมาจากไหนกัน มันนานมากแล้วนะ”
“ไม่ได้หา แต่เก็บมันมาตั้งแต่วันนั้นแล้วต่างหาก” ไม่รู้เพราะอะไรทำให้มุมปากของจื่อเทากระตุกยิ้ม ใม่ต่างจากจงอินที่กำลังยิ้มส่งมาให้สายตาของทั้งคูสบประสานกัน จื่อเทาสบสายตากับคนตรงหน้าด้วยความหลงไหลนัยตาสีนิลนั้นมีแรงดึงดูดทำให้ระยะห่างระหว่างสองคนค่อยๆสั้นลงเรื่อยๆ จนจมูกได้รูปของทั้งสองชนกัน จื่อเทาค่อยๆหลับตาลงเอียงหน้าให้ได้องศา ความรู้สึกต่อมาก็คือสัมผัสนุ่มอุ่นประกบลงบนริมฝีปากเรียว สัมผัสที่โยนอ่อนทำให้จื่อเทาหลงใหลเผลอเผยอริมฝีปากออกเล็กน้อย ลิ้นร้อนของคนตรงหน้าค่อยๆแทรกริมฝีปากนุ่มเข้ามาในโพร่งปากต้อนหาความหวาน ซึ่งจื่อเทาก็ตอบรับเป็นอย่างดี ทุกสัมผัสเบาราวกับขนนกเหมือนกำลังลอยอยู่บนอากาศ หอมหวานดั่งดอกกุหลาบสัมผัสที่อ่อนโยนดำเนินไปอย่างนาบเนิบและยาวนานพอที่จะทั้งคู่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของกันและกัน เรียวปากทั้งสองค่อยๆผละออกจากกันช้าๆ จงอินก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูจื่อเทาเบาๆ แล้วเดินเข้าห้องของตัวเองไป
“จื่อเทาอ่า รักนะ”
The end
อันนี้มาแบบเบาๆ แบบเรารู้กันสองคนพอ ฮ่าๆถ้าหากเกิดเหตุผิดพลาดประการณ์ได้นักแต่งก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะจ้ะ ก็ตามเคยจะหาเหตุผลจากช้อทฟิคนี้ไม่ได้แน่นอนเพราทุกอย่างมาจากการสนองนีดนั้นเอง จนกว่าจะพบกันใหม่รักน้า ม็วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
ความคิดเห็น