ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ☆ PRINCE LUCIFER ☆

    ลำดับตอนที่ #16 : ☆ PRINCE LUCIFER ☆THE PRINCE OF SICOLD :PART 2

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 54



    PRINCE OF SICOLD
     


                                         
     
    PART 2SOMETHING IN MY MY HEART…
    Damn it !! ” แฟรงสบธออกมาเสียงดังและเดินตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อฟรานอย่างแรงก่อนที่เขาจะชกลงบนหน้าฟรานอย่างจัง
    ผลั๊วว
    ฟรานล้มลงกับพื้นแฟรงนั่งลงคล่อมหมายจะชกหน้าเขาอีก ฟรานผลักแฟรงออกอย่างแรงก่อนจะชกเข้าที่หน้าหน้าอย่างแรง เขาผลัดกันแลกหมัดไปมาโดยไม่สนใจเลยว่าฉันจะร้องห้ามแค่ไหน
    “นี่หยุดน่ะ”
    ผลั๊วว ผลั๊วว
    “ฉันบอกให้หยุด !! ” ฉันตะโกนออกมาเต็มเสียง ก่อนจะวิ่งเข้าไปแทรกกลางสองคนนั่น  
    “มินมิน ออกไป! ” แฟรงบอกก่อนจะผลักจนฉันจนเซลงไปกับพื้น...ฉันเงยหน้ามองของพวกเขาที่เต็มไปด้วยคราบเลือดที่ซึมออกมาจากมุมปากและหางคิ้วของฟรานที่ตอนนี้พลาสเตอร์ที่แปะอยู่หลุดออกไปแล้วและรอยฟกช้ำจากการแลกหมัดกัน...ไม่ฉันต้องทำอะไรบ้างอย่างให้พวกเขาหยุดสักที  
    “แฟรง...ฉันจะไปกับนาย!...ฮึก...ฮึก... ฉันตัดสินใจตะโกนออกไป....แฟรงปล่อยมือออกจากคอเสื้อของฟรานก่อนจะเดินมาหาฉันที่ล้มอยู่แฟรงนั่งลงยองๆข้างฉันและคว้าข้อมือฉันเพื่อให้ลุกขึ้น...ในขณะที่แฟรงจูงเมื่อฉันไปอยู่ๆมือฉันก็ถูกรั้งไว้ ฉันหั่นหน้าไปก่อนจะพบว่าคือฟราน...
    “....” ฟรานไม่พูดอะไร แต่มองมาที่ฉันด้วยแววตาจริงจังนิ่งงัน
    “ฟราน มึงปล่อยมินเดี๋ยวนี้”  แฟรงหั่นหน้ากลับมาก่อนจะพยายามดึงตัวฉันไปข้างหลังแต่มือของฟรานเองก็ยังคงบีบที่ข้อมือของฉันแน่นและไม่มีท่าทางว่าจะยอมปล่อย ความเจ็บปวดที่แล่นปรี๊ดมาจากแรงบีบมือของร่างผู้ชายทั้งสองคน ฉันนิ่วหน้าขึ้นมาทันที
    “ ถ้ากูบอกว่าไม่” ฟรานบอกขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง
    “Shit france! ” แฟรงสบธออกมาและทำท่าจะเข้าไปมีเรื่องกับฟรานอีกครั้ง ฉันยกมือข้างที่เหลือขึ้นดันอกแฟรงไว้ก่อนจะบอกเขาเสียงเบา
    “ไม่น่ะแฟรง! ขอร้องอย่ามีเรื่องกันเลย” ฉันบอกเสียงเบาในประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเว้าวอน ไม่ใช่เพราะฉันจะต้องการปกป้องใครแต่ฉันไม่ต้องการให้พี่น้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องงี่เง่าที่มีสาเหตุมาจากตัวฉัน.... ฉันไม่ต้องการให้ใครมาเจ็บตัวเพราะฉันอีก...
    ยัยมิน” ฉันหั่นหน้าไปตามเสียงของปายที่กำลังวิ่งออกมาจากข้างในบ้านพร้อมกับพี่สปาร์ค
    “พวกนายปล่อยเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้ ยัยมินไม่ใช่ข้าวของหรือเสื้อผ้าที่พวกนายจะแย่งกันน่ะ” ปายบอกก่อนจะผลักทั้งฟรานและแฟรงออกจากตัวฉันก่อนจะดึงตัวฉันไปไว้ข้างหลัง
    “นี่บอกแล้วไม่ใช่หรือไงหว่ะ ว่ามันเป็นเรื่องของฉันอย่ามายุ่งได้ไหม” 
    “เรื่องของนาย แต่นี้เพื่อนฉันดูสิยัยมินร้องไห้จะตายอยู่แล้ว” ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ทั้งสองคนเลย! ยัยปายพูดเสียงดังก่อนจะชี้มือไปทางประตูหน้า
    “ฉันไปแน่น...แต่มินต้องกลับกับฉัน” เขาบอกก่อนทำท่าจะเดินเข้ามาทางฉัน
    “เฮ๊ย พวกแกกลับไปก่อนไป จะใช้กำลังก็ให้มันมีขีดจำกัดบ้าง ยัยนี้ยังไงก็ผู้หญิง รอให้อารมณ์มันเย็นกว่านี้แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ดีกว่าไหมหว่ะ ถ้ายัยนี้เป็นไรขึ้นมาพวกแกเองที่ต้องเสียใจ...”
    สปาร์คพูดก่อนที่เดินเข้ามาขว้างทางแฟรงไว้  
    แฟรงเดินชนไหล่สปาร์คเข้ามาก่อนจะมองมาที่ฉัน เขาก้มลงกระซิบที่ข้างหูฉัน
    “เธอทำฉันโมโหมากมินมิน...ฉันจะกลับมารับเธอแน่นและอย่าให้รู้ว่าเธอไปกับไอ้ฟรานไม่งั้น...เธอน่าจะรู้น่ะว่าฉันจะเป็นยังไง”   เขาจุมพิตที่หูหลังฉันอย่างแผ่วเบาก่อนจะบีบที่มือฉันเบาๆและผละออกจากฉันก่อนจะสบตาฉันนิ่ง...ซึ่งทำเอาฉันขนลุกไปทั้งตัว พร้อมกลับใจที่เริ่มจะเต้นแรงขึ้นมาอีกแล้ว...
    สปายคว้ามันฉันขึ้นก่อนจะพาฉันเดินเขาบ้านไป ไม่มีใครเดินตามมาฉันหั่นหลังกลับไปมองก่อนจะพบว่ารถของแฟรงถูกขับออกไปอย่างเร็ว แต่ฟรานก็ยังคงยื่นอยู่ที่หน้าบ้านเขามองมาที่ด้วยสายตาสื่อความหมายอะไรบ้างอย่างก่อนจะเดินไปขึ้นรถของตัวเอง...
    ฉันยื่นนิ่งมองดูรถสปอร์ตสีดำคันหรูจับตามรถแฟรงออกไป...ไม่รู้นานแค่ไหนที่ตัวเองยื่นทื่อไม่ยอมขยับไปไหนแบบนี้
    “มิน เข้าบ้านเถอะ”
    “อืม... ” ฉันเดินเข้าบ้านด้วยความรู้สึกทั้งอึดอัดที่หนักอยู่ที่อกสิ่งบ้างอย่างที่ตอนนี้เหมือนมีอะไรค้างอยู่ในใจฉันตอน ร่วมถึงสายตาจากฟรานที่ต้องสื่อความหมายบ้างอย่างกับฉันเสียงหัวใจที่เต้นรั่วแรง ขณะเมื่อตอนที่แฟรงก้มลงมากระซิบที่หู
     (FRANCE TALK)
    @ ผับ Z
    ผมเลี้ยวรถเข้ามาในผับแห่งหนึ่งก่อนจะรถเพื่อจะเดินเข้าไปข้างในผับ กวาดสายตามองหาใครบ้างคนก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับร่างสูงประมาณผมนั่งกระดกน้ำสีอำพันอยู่...ผมเดินตรงเข้าไปหาที่เรียกว่าพี่ชายก่อนจะเดินไปข้างหน้าที่มันนั่ง แฟรงเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปม

    “มีเรื่องจะคุย... ” ผมบอกสั้นๆก่อนจะเดินหั่นกลับไปเพื่อจะเดินไปทางหลังร้าน แฟรงที่เดินตามผมออกมาหยิบบุหรี่ออกจากระเป๋ากางเกงก่อนจะจุดสูบ
    “มีอะไร... ” มันถามในขณะที่ในปากยังคาบบุหรี่อยู่
    “เรื่องมินมิน” ผมพูดออกไปและเงยหน้ามองมันที่ตอนนี้ใบหน้ายังคงเรียบตึงและนิ่งเฉยเหมือนผมในตอนนี้ มันเดินมาหาผมช้าก่อนก่อนพูดว่า
    “เรื่องที่มินมินเป็นของฉันน่ะหรา” มันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนประสาท ตั้งใจจะยั่วน้ำโหผม ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่หน้า...ผมผลักมันออกอย่างแรง
    “หึหึ...รับความจริงไม่ได้หราไง ” แฟรงยิ้มกวนๆแล้วเว้นระยะห่างประมาณ2ก้าว “เกิดมาก็ได้เป็นลูกคนโต... พ่อแม่เรียกหาก็เรียกหาฉันก่อนหรือแม้กระทั้งเรื่องของผู้หญิง เฮ้อ มีอะไรบางที่ฉันเป็นรองนาย...”
    “.....”
    ผมยืนกำหมัดแน่น พยายามข่มความรู้สึก เพราะผมรู้ถ้าเกิดตัวเองโกรธขึ้นมาก็คงจะมีแต่ผลเสียกับตัวเองขนาดไหน แต่ความอดทนมันก็มีขีดจำกัด...ตอนที่ผมกับบ้านสปายถ้าไม่มีใครมาห้ามเราไว้ก่อนไม่ผมก็แหละที่ต้องเข้าโรงบาลสักคน
    “ฉันไม่ชอบเลียแข้งเลียขาแบบหมาบ้างตัว” ผมพูเสียงเรียบ

    “หึ!” แฟรงแค่นหัวเราะเสียงดัง

    “แกคิดหรอว่ามินมินต้องการแก” ผมจ้องหน้าแฟรงนิ่ง

    “แล้วแกคิดหรอว่ามินมินต้องการแก” แฟรงถามกลับ

    “…ฉันจะไม่เถียงกับแกแล้ว แกจะเอาไงกับฉัน?” ผมตอบหน้านิ่ง

    “แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือไง แกก็นิสัยไม่ต่างกับฉันสักเท่าไรหรอก...”

    “......” ผมเงียบ

    “...สู้กันให้จบตรงนี้ ถ้าฉันชนะ..แกต้องเลิกยุ่งกับมินมิน แต่ ถ้าแกชนะ ฉันจะไม่ยุ่งกับมินมินอีก” แฟรงยื่นคำขาดขว้างบุหรี่ที่คาบอยู่ในปากลงบนพื้นก่อนจะเหยียบขยี้ราวกับจะทำให้มันหายไปกับพื้นยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวมันก็พุ่งเข้าหาตัวผมอย่างเร็ว
    ฟึ่บ! พลั่ก! ตึก!

    แฟรงเล็งชกหน้าผม ผมเบี่ยงหลบไปด้านขวา และไม่ถึงเสี้ยวนาทีผมก็โดนขาของแฟรงที่เตะเข้าท้องน้อยผมเต็มแรง ทำให้ผมชนเข้ากับกำแพงด้านข้าง ผมเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วพุ่งเข้าหาแฟรงทันที แฟรงถอยหลังจนไปชนกับกำแพง ผมจึงกระชากคอเสื้อแล้วผลักมันลงกับพื้นอย่างแรง แล้วตามลงไปคร่อมซัดมัดใส่หน้าแบบไม่ยั้ง เอาให้มันไปนอนอยู่โรงบาลแมร่งเลย!

    ผมหยุดเมื่อเห็นว่าสภาพมันใกล้ตายแล้วก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับปัดฝุ่นออกจากตัว
    พลั่ก! ตุ้บ!
    แฟรงที่ผมคิดว่าสลบไปแล้ว ถีบขาผมช่วงทีเผลอทำให้ผมล้มลงกับพื้น แล้วมันก็ยืนเต็มความสูงแล้วเหยียบมาที่ท้องนอน
     “ยอมแพ้มั้ย ฉันจะได้ปราณีให้แก” แฟรงกดน้ำหลักลงที่เท้าเพื่อบีบบังคับ
    “ถุย!” ผมถุยน้ำลายที่ปนเลือดของตัวเองลงพื้น

    แล้วมันก็ลงคร่อมผมชกหน้าผม เอาคืนกับที่ทำกับหน้ามัน ตอนนี้หน้าไอ้แฟรงก็คงเปรียบได้กับฆาตกรโรคจิตมีเลื้อดเปรอะเปื้อนแต่แย่หน่อยที่เป็นเลือดมันเอง ขณะที่แฟรงเผลอผมก็ถีบมันออกจากตัวแล้วเดินอย่างใจเย็นตามไปเตะมันซ่ำ(พระเอกเรื่องนี้โรคจิต:ไร)

    คนที่ถูกผมเตะคว้าขวดแก้วเพื่อจะปาใส่ผม ผมเตะเข้าไปที่แก้วอย่างจังจนกระเด็นไปอีกฝั่งหนึ่งก่อนจะเตะซ่ำเข้าไปหน้าท้องมันอีกครั้ง

    “You Lost” ผมบอกราวเสียงกระซิบและมองร่างของพี่ชายสายเลือดเดียวกันนอนแน่นิ่ง หน้าตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดและรอยช่ำที่ก็คงไม่ต่างจากผม ร่างกายก็เต็มไปด้วยรอยถลอก...ตาข้างขวาหรี่มองหน้าผม
    “.....” แฟรงเงียบไม่ตอบอะไรแต่นอนนิ่ง

    ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรเรียกรถพยาบาล (น้องที่ดีอ่ะ:ไร) อย่างน้อยมันก็น่าจะได้เห็นมินมินที่มันมั่นใจหนักหนาว่าต้องได้อยู่กับตัวเอง
    ผลั๊วะ! ตุ้บ!
    ผมรู้สึกถึงอะไรบ้างอย่างฟาดเข้าที่ท้ายทอยและผมพยายามเพ่งมองร่างที่เรือนร่างของร่างที่อยู่ตรงหน้า
    “I’M THE WINNER”
    ผมที่ล้มลงกับพื้นก่อนจะมองไปที่หน้าของพี่ชายตัวเองที่กำลังพูดอะไรบ้างอย่าง...พยยามจะลืมตาขึ้นแต่อยู่นั่นสติก็เหมืนจะดับวูบไปในทันที...
    End talk France

    @โรงพยาบาล
    ผมลืมตาขึ้นช้าๆกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับตาให้ตัวเอง ก่อนจะพบว่าเป็นห้องสี่เหลี่ยมสีขาวก่อนจะมองชุดของตัวเองในชุดของโรงพยาบาลสีขาวสะอาด ปวดหัวชิบเลย ผมนึกก่อนจะค่อยๆจับที่หัวของตัวเองที่ตอนนี้ถูกพันเอาไว้ในขณะที่จะลุกขึ้นจากเตียงนั่นความเจ็บปวดก็แล่นมาที่กลางหลังทันที...

    “Shit…”  ผมสบธออกมาเสียงเบาด้วยความเจ็บ ในขณะที่กำลังจะพาตัวเองลุกขึ้นใหม่สายตาก็ไปสะดุดกับร่างเล็กของใครบ้างคนที่นอนอยู่บนโซฟามุมหนึ่งของห้อง...

    “มินมิน…”  ผมเรียกฉันเธอออกมาเบาก่อนจะพยุงตัวเองเพื่อจะไปนั่งข้างๆเธอ ผมนั่งลงบนโซฟาก่อนจะมองใบหน้าขาวใสของคนตัวเล็กที่กำลังหลับตาพริ้ม ก่อนจะปัดผมที่บังหน้าผากเธอออก..

    “อืมม ” มินมินรู้สึกตัวก่อนจะร้องออกมาด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นผมผละมืออกมาอย่างเร็ว

    “ฟราน! นายฟื้นแล้ว มินมินเรียกชื่อผมเสียงดัง ก่อนจะรีบลุกขึ้นมาอย่างเร็ว ผมมองหน้าของเธอที่ตอนนี้ยิ้มอยู่

    “ฉันมาอยู่ที่นี้ได้ไง…” หลังจากเหตุการณ์ล่าสุดก็จำได้ว่าตัวเองอยู่ที่ผับ ก่อนจะมีเรื่องกับไอ้แฟรง ตอนที่ผมกำลังจะโทรหาใครสักคน จู่ๆตัวเองก็เหมือนสลบไปเลยจนมารู้สึกตัวก็ตอนนี้
    “เจ้าของผับเขาโทรมาบอกพ่อแม่นาย... ” เธอพูดในขณะที่รอยยิ้มขนาดนี้กลับไปเปลี่ยนเป็นสีหน้าเฉยชา “คุณเสปรียร์แทบเป็นลมตอนที่เธอมาหาฉันที่บ้านปาย”
    “....”

    “พวกนายทำอะไรลงไป รู้ตัวไหม..ก่อนจะทำอะไรคิดบ้างหรือป่าว..รู้ไหม..ว่าฉัน..ฉันเป็นห่วงพวกนายมากแค่ไหนหลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ ฮึก..ฮึก”  มินมินหยุดชะงักไปแต่กลับเป็นเสียงสะอื้นมาแทน ผมเงยหน้ามามินมินที่ตัวสั่นโยนจากการร้องไห้ ผมอยากดึงตัวเธอเข้ามาในอ้อมแขนและกอดเธอไว้…มันก็แค่ความคิดเท่านั่นแหละ
    คิดว่าจะทำ...
    “ฮึก..ฮึก.”  เธอบอกเสียงเบาและพยายามจะดันตัวผมออกและเริ่มดิ้นไปมา
    “จะร้องไห้ทำไมหว่ะ”  ผมถามออกไปด้วยเสียงที่แสดงความรำคาญ...ทั้งที่ก็อยากจะพูดดีๆกับเธอแต่ปากมันดันพูดไปอีกอย่าง…
    ผลัก
    เสียงคนใครสักคนที่มาจากทางประตูทำให้มินมินผละตัวออกจากผมอย่างเร็วก่อนจะรีบเดินเพื่อจะหลีงไปทางเข้าห้องน้ำหลังจากได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก ผมมองไปที่ประตูก่อนจะพบว่าคอแม่และพ่อ
    อ้าว หนูมินเป็นไรหรือป่าวน่ะลูก ตาแดงๆน่ะ
    พอดีฝุ่นเข้าตาอ่ะค่ะ ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนน่ะค่ะ
    “จร้า...ฟรานลูกฟื้นแล้ว ขอบคุณพระเจ้า”  แม่เดินก่อนจะเข้ามากอดผม
    “เป็นไงมั่งลูก”  พ่อถามขึ้น
    “ก็ปวดหัวอยู่”  
    “บอกแม่สิมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้ตีกันให้เลือดตกยางออกขนาดนี้”  แม่ถามขึ้นทันที ผมหั่นหน้ามองออกไปนอกนึกถึงหน้าต่างนิ่งเงียบผมถึงได้นึกถึงคำพูดของมินขึ้นมาทันทีและหาคำพูดเพื่อไม่อยากให้แม่ต้องคิดมากเรื่องพวกผม
    “ไม่มีอะไรหรอก พวกเรามีปัญหากันนิดหน่อย”
    “นิดหน่อยจนเข้าโรงบาลขนาดนี้น่ะหรา ฟรานบอกความจริงแม่มาน่ะ”  

    ก๊อกๆ ก๊อกๆ
    “ขอโทษน่ะค่ะ คนไข้ห้อง 406 ฟื้นแล้วน่ะค่ะ คุณหมอให้ดิฉันมาตาม... ”
    “รอแม่อยู่นี้ แล้วอย่าคิดจะหนีกลับบ้านก่อนเข้าใจไหม”  แม่พูดดักทางผมไว้เหมือนจะรู้ทันความคิดผม ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับพ่อ...ผมมองเลยไปที่ประตูที่คนร่างเล็กเข้าไปนานมากแล้ว ก่อนจะพยุงตัวเองไปทางห้องน้ำ
    ฟึ่บ
    “ฟราน! ”   ฉันร้องออกมาด้วยเสียงตกใจที่อยู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดออก ก่อนจะหั่นหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเขาที่ยังหน้านิ่งไรความรู้สึกเหมือนเดิม…คนมันคนเลือดเย็นอยู่แล้ว
    “ นายจะบ้าหรือป่าวเข้ามาได้ไง ”
    “ฉันเห็นเธอเข้ามานานแล้ว...”  เป็นห่วงเลยเข้ามาตาม...
    “ก็กำลังจะไปแล้ว... ” ฉันบอกก่อนเช็ดหน้าหลังจากที่ล้างหน้าเสร็จ
    “เดี๋ยว...”
    “มี...อะไร”
        ฉันถาม ฟรานเงยหน้าขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ฉันเดินถอยหลังไปและอยู่ๆหลังก็ชนเข้ากับขอบอ่างล่างหน้าทันที ฟรานคล่อมตัวฉันไว้เอาแขนบังไม่ให้ฉันขยับไปไหนได้ ก่อนที่จะก้มหน้าลงมาใกล้ ใกล้ฉันมากขึ้น ฉันหลับตาปี๋ก่อนจะดันอกฟรานไว้เขาจับแขนฉันไว้ก่อนจะเชยคางฉันขึ้นฟรานก้มหน้าลงมาก่อนฉันเบี่ยงหน้าหลบและเมมปากแน่นเขาประทับริมฝีปากลงมาอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆแทรกปลายลิ้นเข้ามา…ตัวเขาเขยิบแนบชิดเข้าหัวตัวฉัน ขาของฉันอ่อนปวกเปียกไปหมดเหมือนถูกดูดพลังไป ฟรานค่อยๆอุ้มตัวฉันขึ้นก่อนจะว่างตัวฉันลงบนขอบอ่าง...มือของฟรานสัมผัสที่เอวของฉันในขณะที่ริมฝีปากยังคงแนบชิดติดกัน...สัมผัสที่โอนโยนทำให้ฉันยอมโอนอ่อนก่อนจะตอบรับสัมผัสจากเขาฉันจับชายเสื้อเขาแน่น ฟรานจูบย่ำครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะยอมผละริมฝีปากออก...

      แววตาที่เฉยชาแต่...แต่ในตอนนี้มีตัวของฉันที่สะท้อนอยู่ในนั่น เขาต้องการบอกอะไรกับฉัน…ฟรานก้มหน้าลงมาหวังจะจูบอีก แต่แล้วก็เหมือนภาพตอนที่พวกเขาตีกันผุดขึ้นมาในหัวฉุดดึงสติฉันกลับมาก่อนดันอกเขาไว้ก่อน...
    “ไม่ฟราน... ”
    “...?”
    “...ออกไปข้างนอกกันเถอะ”
    “ไม่เดี๋ยว มิน ... ”   ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะรอฟัง “ที่บอกว่าเป็นห่วงฉัน...เธอหมายความว่ายังไง”
    “.....” ฉันเงียบไปไม่ตอบอะไรเขาก่อนจะชนไหล่เขาเพื่อจะออกไปทางห้องน้ำ
    “มิน มิน! ”  เขาเริ่มขึ้นเสียงที่เริ่มจะโมโห
    “ใช่ฉันห่วง...ห่วงในฐานะคนที่รู้จักกันนี่ไง” แต่ความเป็นจริงแล้ว....ฉันเป็นห่วงนาย ห่วงมากมากเลยด้วย ตอนที่รู้ว่านายเข้าโรงบาลและนายก็ไม่ยอมรู้สึกตัวเลยตลอดทั้ง 4 วัน ฉันก็แทบจะบ้าตายแล้วฟราน....
    “อย่าหลบตา...เพราะมันทำให้รู้ว่าเธอโกหกฉัน” ฉันเงยขึ้นและหั่นหน้ากลับมาสบสายตากับร่างสูงด้วยแววตาที่คิดว่าจะจริงจังและนิ่งงันที่สุด ที่จะทำได้
    “ฉันถามเธอคำเดี่ยวเลยมิน ตอบมาก็พอว่าใช่หรือไม่ก็พอ... ”   ฉันหั่นหน้ากลับมาด้วยความตกใจกับประโยคที่ฟรานพึ่งถามออกมาเมื่อกี้ อยู่ๆประตูห้องน้ำก็ถูกกระชากเปิดออกตามด้วยร่างของแฟรง ที่ตอนนี้เขาเองก็สภาพไม่ต่างจากฟรานเลย
    “Shit ! fance ” เขาสบธออกมาก่อนทำท่าจะเข้ามาชกหน้าฟรานอีก ฉันรีบเข้ามาขว้างพวกเขาไว้ทันที
    “ไม่น่ะ หยุดเดี๋ยวนี้เลย! ”  
    “ฟรานได้เวลาที่แกต้องทำตามสัญญาแล้ว”
    “ว่าไงน่ะ?”   
    “...ถามมันสิ”    ฟรานพูดขึ้นก่อนจะหั่นหน้าไปมองแฟรงที่ยืนนิ่งอยู่แต่มืออีกข้างก็ยังคงจับมือฉันไว้แน่น ...ฉันหั่นหน้าไปมองเขา
    “แฟรง บอกมาสิ ที่ทะเลาะกันจนลงไม้ลงมือขนาดนี้มันคืออะไร?”
    “เธอไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้...รู้แค่ว่าตอนนี้เธอต้องไปกับฉันก็พอ” แฟรงงพูดเสียงนิ่งที่เริ่มปนรำคาญ ก่อนจะคว้าข้อมือฉันหมายจะลากไปที่ประตู
    “ไม่แฟรง บอกมา ไม่งั้นก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั่น ฉันพูดเสียงแข็ง ก่อนจะจ้องหน้าแฟรงนิ่ง
    “แฟรง ปล่อยเดี๋ยวนี้ ทำบ้าอะไร ฉันโวยทันทีที่เขาอุ้มฉันขึ้น แฟรงไม่ได้ฟังที่ฉันบอกเลยก่อนจะเดินไปที่ทางออกนอกห้อง
    “เดี๋ยว...ฉันคุย
    “ไม่... แฟรงพูดเสียงเย็นก่อนจะเดินพาฉันออกไป
    ฉันหั่นหลังกลับไปมองที่มือตัวเองก่อนจะหั่นไปมองแผ่นกหลังกว้างของคนที่เดินออกไป...หัวใจเหมือนชาวาบไปชั่วขณะ
    “หึ... ผมหัวเราะเยาะเย้ยตัวเองถ้าผมคิดจะรั้งมันไว้ ผมก็ทำได้จะมีเรื่องกับมันอีกสักทีเพื่อจะเอาเธอกลับมาผมก็ทำได้ แต่ทำไมถึงไม่ทำ...บ้างครั้งมันก็น่าคิดน่ะว่าผมทำอะไรไร้สาระอยู่หรือป่าว...กับผู้หญิงคนหนึ่งที่พบกันไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ่ำ ทำไมต้องช่วยเธอ ทำไมต้องมีอาการแปลกเวลาอยู่ใกล้ ทำไมต้องยอมเจ็บตัวเพื่อที่จะได้เธอมา ทำไม ทำไม ทำไม คำๆนี้มันลอยเต็มหัวผมไปหมดตั้งแต่ที่เธอออกจากห้องนี้ไป...


    “มิน…หึ ใจลอยไปหามันหรือไง”  ฉันสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากได้ยินเสียงของแฟรง ฉันเงยหน้าขึ้นก่อนจะพบว่าหน้าของเราห่างกันไม่ถึงเซน เขายิ้มเจ้าเลห์ ฉันผลักเขาออกอย่างรู้ทัน
    “ถอยไปฉันจะกลับบ้านแล้ว... ” ฉันบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินออกไปยังประตูแต่ยังเดินไม่ถึงก้าวแฟรงก็คว้าแขนฉันหั่นกลับมา
    “ปล่อยแฟรง...”  ฉันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
    “ทำไม ถ้าเป็นไอ้ฟรานเธอก็คงพร้อมจะให้มันได้ทั้งตัวเลยใช่ไหม...”
    เพีระ
    “นายไม่มีสิทธ์มาพูดแบบนี้กับฉัน... ” ฉันพูดออกไปหลังจากที่ตบลงบนหน้าแฟรงเต็มแรง เขาหั่นหน้ากลับมาด้วยแววตาที่ครุกรุ่นก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสที่แก้มของตัวในตอนนี้ที่มีเลือดซึมออกมา
    “อืมม... ” ทันทีที่ฉันหั่นมาแฟรงก็ประกบริมฝีปากร้อนราวกับไฟที่พร้อมจะแผดเผาได้ตลอดเวลา สัมผัสริมฝีปากบดเบียดกันสนิทแนบแน่นและหนักหน่วงจนเจ็บแสบไปหมด...ท่อนแขนแข็งแกร่งกอดรัดร่างฉันไว้แน่นจนตัวฉันแทบจะสลายไปในมือเขาอยู่แล้วฉันจิกเล็บลงบนไหล่เขาแน่น ริมฝีปากร้อนยังคงเน้นย่ำอยู่ไล้เลียดไปทั่วริมฝีปาก...ฉันดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมแขนเขาแต่แฟรงก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย
     
      เมื่อกี้ฉันจูบกับคนที่เป็นน้องชายของเขาสัมผัสนั่นยังคงตราตรึงอยู่ไปทั่วอนุริมฝีปากฉัน...ส่วนในตอนนี้ก็กำลังจูบอยู่กับคนที่เป็นพี่ชายพร้อมกับของเสียงหัวใจที่เต้นรั่วดังตลอดเวลา...ฉัน...ฉันมันเลวมากขนาดไหน...น้ำตาที่สกัดกลั่นเอาไว้ไหลออกมาราวกับเขื่อนที่กำลังพังทลายและกำลังจะแตก...

       แฟรงลากริมฝีปากร้อนจัดการฝากร่องรอยเดิมที่ฟรานเป็นคนทำไว้และย้ำแรงๆราวกับว่าจะให้มันติดตรึงกับตัวฉันไปจนตาย...แฟรงเงยหน้าขึ้นเงยหน้าขึ้นจูบซับน้ำตาให้ฉันอย่างแผ่วเบาก่อนจะจุมพิตที่ปลายคางของฉันก่อนจะเลียดไล้ไปทั่วทั้งใบหน้า ฉันเบี่ยงหน้าหลบสัมผัสนั่นแฟรงจับปลายคางฉันให้หั่นกลับมาก่อนที่ปลายจมูกเราจะชนกัน แฟรงจ้องมองหน้าฉันด้วยสายร้อนแรงราวกับจะเผาฉันให้เป็นผุยผง....ฉันหอบหายใจถี่เอาออกซิเจนเข้าปอดได้ทีผลักเขาออกเต็มแรงหมายจะตบเข้าที่ใบหน้าร่างสูงแต่ก็ถูกเขาคว้าแขนไว้
    “อย่า...หรือที่พูดมันไม่จริง นี่ถ้าไม่เข้าไปก่อนก็คง...”
    ฉันสะบัดมืออกจากเขาก่อนจะตบไปที่ใบหน้าเขาอีกครั้ง
     เพีระ
       “หุบปากของนายไปเลย แฟรง หยุดพูดหยาบคายกับฉันสักที” หน้าแฟรงหั่นไปตามแรงตบจากฝ่ามือฉันเขาหั่นหน้ามาก่อนจะแสระยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะตรงเข้ามาอุ้มฉันขึ้นพาดบาด ฉันทั้งทุบทั้งตีหลังเขา แฟรงเดินตรงมาที่เตียงพยาบาลก่อนจะวางฉันลงอย่างแรง ฉันจับที่ราวเหล็กที่อยู่ข้างเตียงหวังจะพยุงตัวเองลุกขึ้นแต่แฟรงที่ไวกว่าก็ตรงเข้ามาคล่อมร่างบางของฉันอย่างเร็ว…

     “ ปล่อยน่ะแฟรง”
    “หึ... ”  แฟรงพูดจบก็ก้มหน้าลงกระแทกริมฝีปากลงมาอย่างแรง รสข่มปร่าของบุหรี่อ่อนๆที่ยันติดอยู่บนปลายลิ้นชื่นซึมซาบเข้าสูริมฝีปากที่บวมช่ำของฉันอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดเป็นสองเท่า ฉันทั้งข่วนทั้งจิกหลังและหัวไหล่เขาอย่าแรงแต่ก็ไม่เป็นผล...  

    ฉันดิ้นพล่านไปมาใต้ร่างของแฟรง เขาผละออกจากริมฝีปากฉันก่อนจะก้มลงมาที่ซอกที่เขาพึ่งทำรอยไว้เมื่อกี้ ราวกับแอกอฮอลที่ราดลงบนแผลสดฉันน้ำตาไหลซึมออกมาอีกครั้งก่อนจะจิกเล็บลงบนไหล่เขาแน่น...ในขณะเดี่ยวกันที่มืออีกครั้งยังคงไล้ไปตามแผ่นหลังอย่าชำนาญ…เขาเลื่อนมาจับที่สาปเสื้อเชิร์ตสีขาวของฉันเพื่อจะปลดกระดุมมันออก

    “ไม่ อย่า อย่าน่ะ” ฉันบอกเขาเสียงสั่น แฟรงรวบมือฉันไว้ ฉันดิ้นไปมาเพื่อเบี่ยงหลบสัมผัสจากแฟรง
     ก่อนที่แฟรงจะปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายฉันก็กัดเข้าที่ไหล่เขาอย่างแรง

    “Dam !! ” เขาสบธออกมาเสียงดังก่อนจะผละออกจากฉัน ฉันหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดก่อนจะผลักแฟรงออกด้วยเรี่ยวแรงของตัวเองที่เหลืออยู่อย่างแรงก่อนจะลุกขึ้นนั่งวิ่งเข้าไปในเข้าน้ำอย่างเร็ว ฉันล็อกกลอนห้องน้ำไว้ก่อนจะหั่นหลังพิงประตูฉันติดกระดุมที่หลุดหลุยออกด้วยมือที่สั่นเทา

    ปึกๆ
    “มินเปิดประตู เดี๋ยวนี้น่ะ! ”  ฉันปิดหูแน่นไม่ฟังเสียงของแฟรงที่ตะโกนเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ข้างนอก ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนพื้นห้องน้ำและก้มหน้าลงบนฝ่ามือตัวเองปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาอย่างที่เคยเป็นมาก่อน...มีใครบอกฉันได้ไหมว่านี้มันเรื่องบ้าอะไร ไม่รู้จะเอาคำไหนมาเทียบกับคนอย่างเขาได้อีกแล้ว ฉันเกลียดเขาแต่ก็เกลียดตัวเองที่ยังใจเต้นและตอบรับสัมผัสจากคนใจร้ายคนนี้... เกลียดตัวเองที่คงจำสัมผัสจากของผู้ชายอีกคนอีกคนได้  สัมผัสที่ไม่เคยลบเลือนจากตัวเองได้...ทำไมอาการแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับฉัน พวกเขาจะรู้บ้างไหมว่าพวกเขาทำฉันอัดอึดจะตายอยู่แล้ว...
     
      ฉันค่อยๆนั่งลงเอาหลังพิงกับประตูแล้วกอดเข่าของตัวเองไว้ก่อนจะนึกถึงหน้าป๊าม๊าและเฮียขึ้นมาทันที ไม่มีที่ไหนจะดีเท่าบ้านตัวเองอีกแล้ว ฉันจะกลับบ้านนี้คงเป็นทางที่ดีที่สุด ที่จะยุติเรื่องทั้งหมดนี้ ยิ่งทำเป็นปล่อยไปมันก็ยิ่งเหมือนจะถล่ำลึกขึ้นมากเท่านั่น ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายและตัดสินใจเปิดประตูออกจากห้องไป

        ฉันกวาดสายตามองไปทั่วทั้งห้องที่ตอนนี้ว่างเปล่าไม่มีวี่แววของผู้ชายคนนั่น ฉันกระชับคอเสื้อตัวเองให้แน่นขึ้นก่อนจะเดินไปที่ที่ประตูห้องเตะลูกบิดก่อนจะหมุนมันและปิดลงอย่าง ฉันเดินเลยไปที่อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นห้องของฟรานก่อนจะมองผ่านช่องบานเกร็ดสี่เหลี่ยมขนาดเล็กที่อยู่หน้าห้องของเขา...

    “ทำอะไร” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยถึงเสียงที่เรียกขึ้นข้างหลังก่อนจะหั่นหลังกลับไปปรากฏว่าคือร่างสูงที่มีผ้าพันอยู่บนหัว
    “ฟะ..ฟราน”
    “มายืนทำอะไรตรงนี้” เขาถามฉันด้วยเสียงเรียบ
    “ป่าวพอดี กำลังจะกลับแล้วหล่ะ...”
    “ไอ้แฟรงไปไหนหล่ะ” เขาถามแทรกขึ้นมา
    “....”    ฉันไม่บอกก่อนจะกระชับคอเสื้อตัวเองไว้ ฟรานเดินเข้ามาใกล้ฉัน แปลกที่ฉันไม่เดินหนีเขาแต่กลับยื่นนิ่งอยู่ตรงนั่น เขาเอื้อมมือขึ้นลูบที่แก้มฉันแผ่วเบาก่อนจะไล้ลงมาที่ซอกคอฉันยกมือขึ้นแต่ฟรานกลับจับข้อมือฉันขึ้นมาดู เขาเงยหน้ามองฉันด้วยสายตาที่คาดเดาอารมณ์ไม่ถูก
    “มา..ฉันจะไปส่ง”  ทั้งมีคำพูดมากมายที่ต้องพูดกับเธอ  “เจ็บมากไหม”   เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงด้วยความ...ความห่วงใยนี้ฉันจะคิดไปเองหรือป่าว“ จำเมื่อตอนบ่ายได้ไหม... ”     “ฉันอยากถ้าเกิดว่าฉันจะต้องให้เธอเลือกระหว่างฉันกับแฟรงเธอจะเลือกใครมาคิดดูแล้วฉันนี่มันก็เลวจริง...ดึงเธอเข้ามาโดยแคร์เธอเลย ว่าเธอจะรู้สึกยังไง ไม่แคร์ว่าคนรอบข้างจะต้องมีผลกระทบจากความคิดไร้สาระนั่นมากขนาดไหน...ตอนนี้ฉันจะบอกเธอแค่ว่าไม่ว่าตอนนี้ใจเธอจะเป็นยังไงจะอยู่กับไอ้แฟรงไปแล้วฉันก็คงทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อมันก็คือการตัดสินใจของตัวเธอเอง ฉันไม่ต้องการบังคับหรือฟื้นใจใคร... ”   
    “ไม่..ไม่เป็นไรฉันกลับเองได้ อีกอย่างนายก็ยังไม่...”  
    “มา...”   เขาบอกเสียงเรียบก่อนจะเดินนำฉันไปที่ลิฟท์ ตลอดทางเดินมาที่รถจนตลอดถึงบ้านของสปาย เขาก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เขาจอดรถฉันถอดเบลที่คาดเอวออก่อนบอกขอบคุณฟราน

    “ขอบคุณน่ะ…”   ฉันหั่นไปทางฟรานใบหน้าเรียบเฉยมองตรงไปที่ข้างหน้าของถนน ฉันเปิดประตูรถก่อนจะลงมา...ฉันยืนนิ่งมองรถฟรานขับออกไปอย่างเร็วจนสุดลุกหูลูกตา ก่อนที่อะไรบ้างอย่างจะหล่นแหมะมาที่ข้อมือของตัวเองฉันยกมือปาดน้ำตาของตัวเองที่อยู่ก็ไหลออกมาดื้อๆ
    ฉันหั่นหลังกลับเพื่อเดินเข้าไปข้างในบ้านก่อนจะพบว่าทั้งบ้านเงียบไปฉันจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปบนห้องเพื่อจะกลับเข้าไปที่ห้องตัวเอง

    “อ้าวมินกลับมาแล้วหรา”   เสียงยัยปายทักขึ้น ฉันวิ่งเข้าไปกอดยัยปายก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา
    “เฮ๊ย มินเป็นอะไร? ”  
    “ฮึก...ฮื่อ...ฮึก”   
    “ไม่เป็นไร ร้องออกมาเถอะ”   

    ฉันยืนกอดปายและร้องไห้อยู่แบบนั่นไม่รู้นานขนาดไหนที่ผละตัวเองออกจากยัยปาย ปายเช็ดน้ำตาให้ฉันก่อนจะพาฉันเดินไปในห้องนอน

    “เอาละที่นี้ จะเล่าได้หรือยัง ว่าเป็นอะไร”   
    “ฉันขอเวลา...ฮึก...ขอเวลาอีกหน่อยได้ไหม ถ้าฉันพร้อมแล้วฉันจะเล่าให้เธอฟัง...ฮึก...”  
    “โอเคๆ ไม่พูดๆ”   ปายบอกเสียงเบา
    ฉันโผเข้ากอดปายอีกครั้ง...ตอนนี้ที่ฉันกำลังเป็นอยู่กำลังร้องไห้อยู่นี้ฉันร้องให้กับใครฉันร้องเพราะอะไรฉันจะไปทำไม ฉันเองก็ตอบคำถามนี้ไม่ได้ รู้แต่เพียงตอนนี้มันรู้สึกเจ็บจิ๊ดที่ใจจริงและมันก็บังคับให้ตัวเองหยุดร้องไห้ไม่ได้...ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากอ่อนแอ แต่เป็นเพราะความรู้สึกที่อึดอัดตันใจในขนาดนี้ ร่วมถึงภาพผู้ชายคนนั่นที่ผุดขึ้นมาในหัวราวกับจะบีบหัวใจของฉันให้แตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ เขาจะรู้บ้างไหมว่าตอนนี้ฉันเจ็บปวดขนาด...ฉันพึ่งเข้าใจเวลาคนที่เขาขาดออกซิเจนหรือต้องการหมอมันเป็นแบบนี้เอง...
     
    ฉันลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็มองเป็นสปายนั่งหลับข้างๆ มือยังวางอยู่บนหัวฉัน ฉันยิ้มออกมาบางๆ...ต้าหลงโชคดีจริงๆที่ได้ยัยเป็นแฟน เฮ้อถ้าฉันเป็นผู้ชายก็คงจะหลงรักในความน่ารักของยัยนี้ นิสัยที่ในบ้างครั้งก็ห้าวใช่ย่อยแถมยังตัวแสบเลยแต่ปายก็เป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุดเลย ปายคงจะรักต้าหลงมากๆและต้าหลงก็คงจะเหมือนกัน...แตกต่างก็ฉันในตอนนี้ดูสิในใจก็มีแต่ผู้ชายสองคนวนเวียนอยู่ในนี้ ถ้าเลือกได้จริงๆฉันก็อยากมีรักเดี่ยว อยากมีคนรักเพียงคนเดี่ยว ใครคนนั่นที่จะเป็นรักแท้จริงๆให้ฉัน...
    “อือ..ตื่นแล้วหรอ จ้องฉันอย่างนั้นทำไมหรือแกคิดจะ..จะ” ปายถอยหลังนี้ฉันไปสอง สาม ก้าว ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ
    “บ้า!..ฉันแค่คิดว่าผู้ชายที่เป็นแฟนเธอคงโชคดีหน้าดู อย่างต้าหลงเงี้ย” ฉันแซวปายที่หน้าแดงลามไปถึงหู
    “บ้า...แล้วเย็นนี้ไปเที่ยวถนนฟริงกันมั้ย วั้นนี้ครบรอบปีด้วย !” ปายทำหน้าตื่นเต้นแล้วลงมานั่งข้างๆฉัน
    “น่าสนุกดีนี้ ไปดิ” ฉันตอบตกลงปายจึงให้ฉันเปลี่ยนชุด แล้วปายก็เดินออกจากห้องไปเปลี่ยนชุดเช่นกัน ฉันเลือกที่จะเสื้อแขนยาวเพราะรู้สึกว่าที่นี้หนาวมาก อันที่จริงก็หนาวทุกคืนส่วนใหญ่ฉันนอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม นอนขดในผ้าห่ม ทำให้ไม่เคยไปดูบรรยากาศข้างนอกตอนกลางคืน
    “มินเสร็จยังงงงง” ปายที่อยู่หน้าห้องเรียก
    “อืม!” แล้วฉันก็เดินออกจากห้องไปแล้วก็เจอกับปายที่สวมเสื้อโค้ดสีน้ำตาลอ่อน
    ณ ถนนฟริง
    ฉันและปายมาถึงที่นี้โดยพี่ปารค์พี่ของปายมาส่ง และตอนนี้กำลังหาที่จอดรถเพราะคนเยอะมากๆ ผู้คนหน้าแน่นแถมยังมีคนตัวสูงๆ-^-
    “คนเยอะจัง....มินจะ...มินมิน” ปายเรียกฉัน ขณะที่ฉันกำลังจะตอบกลับก็ถูกมือใหญ่และเย็นของใครบ้างคนปิดปากเอาไว้
    “อ๋อยอ๊ะ!” ฉันพยายามตะโกนเต็มเสียงแต่เจ้าของมือใหญ่ก็อุ้มฉันขึ้นแล้วก็พาออกมาจากนอกงานนินหน่อยแล้วค่อยปล้อยฉันที่เตรียมจะวิ่งก็ถูกฉุดเอาไว้ก่อน โดยร่างสูงนั้นสวมกอดฉันจากด้านหลัง
     “ฉันเอง...” เสียงที่คุ้นเคยกระซิบที่ข้างหู
    “แฟรงO_O!!” ฉันพยายามดิ้นออกจากแขนของร่างสูงที่รั้งไว้ แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขากลับยิ่งรัดแน่นมาขึ้นจนฉันหยุดและปล่อยให้เขากอดตามสบาย
    “ถ้าเธอไม่ดื้อฉันก็ไม่ทำอะไรเธอ...”
    “…..”ฉันเงียบไม่ตอบอะไร
    บางทีสำหรับบางคนการไม่พูอะไรมันดูจะง่ายกว่าที่เรายิ่งพูดยิ่งถูกเข้าใจผิด ถ้าฉันนิ่งและเงียบผู้ชายคนนี้จะเลิกตามราวีฉันมั้ย ถ้าฉันไม่พูดด้วย ถ้าฉันคิดว่าเขาเป็นเพียงอากาศเขาจะยอมเลิกราจากฉันมั้ย
    “มินมิน...มินมิน” แฟรงเรียกฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขย่าตัวฉันจนทุกอย่างในร่างกายจะสลับที่กันแต่ฉันไม่ตอบเขากลับ แฟรงเริ่มคิ้วขมวดเขาหากัน
    “มินมิน...เธอเป็นอะไรตอบฉันมาสิ” แฟรงถามออกมาเสียงอ่อน 
    “นายบอกว่าถ้าฉันไม่ดื้อนายจะไม่ทำอะไรไง...” ฉันตอบกลับใบหน้ายังคงว่าเปล่า
    “...ยัย!” แฟรงด่าฉันแล้วหยิกแก้มฉันเบาๆ”ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่เธออย่าทำอะไรให้ฉันหงุดหงิดหรือทำอะไรที่มันจะต้องทำให้เรามาทะเลาะกันแบบนี้ ต่างหาก”  แฟรงยิ้มออกมาบางๆ
    ฉันรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมา ทำไมต้องมาทำแบบนี้ทำมาต้องมาอ่อนโยนและทำไมฉันต้องมาหวั่นไหวด้วย...แล้วทำไมหัวใจต้องเต้นทุกครั้งที่ใกล้กันแฟรงนายจะได้ยินหรือเปล่า
    “แฟรงฟังฉันน่ะ...ฉันไม่ชอบให้นายมาทำลุ่มลามกับฉัน ฉันไม่ชอบให้นายมาระบายความโกรธกับฉัน ฉันไม่ชอบให้พวกนายมาทะเละกันเพราะฉัน” ฉันระบายความรู้สึกทั้งหมดออกมา ไม่รู้เพราะอะไรแต่...อยู่ๆปากก็พรั่งพรูคำพูดเหล่านั้นออกมา
    “ฉันจะไม่ทำอะไรลุ่มลามกับเธอถ้าฉันไม่สนใจเธอ ฉันจะไม่ระบายความโกรธกับเธอถ้าฉันไม่หึ่งเธอ และฉันจะไม่ทะเลาะกับน้องตัวเองถ้ามันไม่ได้รักเธอ” แฟรงพูดออกมาบ้าง ฉันมองเข้าไปในตาของแฟรงที่มีความหมายบ้างอย่าง ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดนั้นจริงมั้ย ฉันไม่สามารถล่วงรู้ความคิดของสองพี่น้องคู่นี้เพราะพวกเขาก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ใช่ที่รองรับรับอารมณ์โมโหร้ายของพวกเขา...และทุกการกระทำสุดท้ายก็ต้องพลอยมาพาดพิงถึงฉัน ต้นเหตุของการชกต่อยก็ฉัน สาเหตุที่ทำให้พวกเขาเจ็บตัวก็ฉัน ....
      ฉันจะต้องจัดการทุกอย่างให้จบฉันไม่อยากให้มันคาราคาซังอีกต่อไป เพราะถ้ายิ่งเป็นอย่างนี้นานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งถล้ำลึก ยิ่งจะลึกซึ่ง ความสัมพันธ์ก็ยิ่งล่ำเส้นไปมากขึ้นเท่านั่น และในตอนสุดท้ายคนที่เจ็บทาสุดก็ไม่ใช่ใคร...พวกเราทั้งสามคนๆไง!
    “มินมินบอกฉันมาได้เลย....บอกมาเลยว่าอยากให้ฉันทำอะไร...” แฟรงใช้มือเย็นเฉียบข้างหนึ่งมาลูบแก้มฉันเบาๆ ฉันไม่ได้ปัดออกแต่ยอมให้เขาลูบไป
    “.... ถ้าฉันให้นายเลิกสนใจฉันล่ะ...ให้ปล่อยมือจากฉัน….ให้เลิกรักฉัน แค่นี้เองแฟรง ฉันขอแค่นี้จริงๆ ทำให้ฉันได้ไหม?”  ฉันตัดสินใจพูดออกไป แฟรงไม่รอให้ฉันได้พูดอะไรก่อนจะก้มลงมาประกบริมฝีปากฉันในทันที ฉันพยายามผลักเข้าออกแต่ก็ถูกมือใหญ่รอบ เอาไว้ ฉันเม้มริมฝีปากแน่น แฟรงจึงก้มไปจูบที่ซอกคอแทนแล้วแล้วดันฉันจนไปชนกับกำแพง
    “แฟรงยะ..อุ๊บ!” แฟรงปิดปากฉันอีกรอบด้วยรสจูบที่อ่อนหวานและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นของบุหรี่อ่อนๆและหมากฝรั่งเปเปอร์มินยังติดที่ปลายลิ้นเขา ความขมนิดๆและกลิ่นมินอ่อนๆทำให้ฉันเผยยอมรับสัมผัสนั่นจากเขา...  ฉันพยายามที่จะไม่จูบตอบเค้าแต่ร่างกายกลับทำตรงกันข้าม
    “ทำไมเธอถึงชอบโกหก...โกหกแม้กระทั้งใจของตัวเอง...ที่เต้นแรงขนาดนี้...”
    ทำไมกัน ทำไมฉันถึงหลงในรสจูบเข้าทำไมฉันถึงตอบรับ นี้ฉันเป็นผู้หญิงยังไงกันแน่! ฉันรู้สึกถึงขอบตาร้อนผ่าว และมันก็ค่อยๆไหลอาบแก้มทั้งสอง
    “ร้องไห้ทำไมครับ” แฟรงเกลี่ยน้ำตาเบาๆ “อย่าปฏิเสธตัวเอง ลองทำในสิ่งที่เธอต้องการสิ คิดว่าฉันก็คือแฟรง คิดว่าเราพึ่งเป็นคนที่รู้จักกัน คิดว่าฉันกับฟรานไม่ใช่พี่น้องกัน แล้วคิดดูว่าเธอรู้สึกยังไง” แฟรงลูบหัวฉันเบาๆ
    “ฉันไม่อยากยุ่งกับเรื่องแบบนี้แล้ว!” ฉันตะโกนใส่แฟรง
    “เรื่องนี้มันจบแล้ว...” แฟรงตอบ
    “ถ้ามันจบแล้วนายจะมายุ่งกับฉันทำไม่กัน” ฉันผลักแฟรงที่ยิ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวออก
    “มินมินเป็นของแฟรงนิครับ ไม่ให้ยุ่งได้ไง^^” แฟรงยิ้ม
    “นายพูดเองว่าจบ งั้นปล่อยแนไปได้แล้ว”
    “ฉันจะบอกเธอเหตุผลที่เธออยากจะฟังตอนอยู่ โรงบาลน่ะ...ฉันตกลงกับไอ้บ้านั้นแล้ว แล้วที่เห็นพวกเราสองคนเข้าโรงบาลก็เพราะเรื่องเธอนั้นแหละ ถ้าฉันชนะนะ ไอ้บ้านั้นจะไม่ยุ่งกับเธอแต่ถ้าไอ้บ้านั้นชนะฉันจะไม่ยุ่งกับเธอ และตอนนี้ฉันชนะ^^” แฟรงยิ้ม
    “หึ พูดได้ไม่อายปากเลยน่ะแฟรง พวกนายเห็นฉันเป็นสิ่งของหรือไงที่ต้องแย่งกันน่ะ พวกนายเห็นฉันเป็นอะไร จะทำอะไรคิดถึงฉันบ้างหรือป่าว...ถ้าว่ารักฉันจริงๆนายก็โกหกทั้งเพแหละแฟรง” ฉันคิ้วขมวดเขาหากัน กำหมัดแน่นจนเล็บจิกจนรู้สึกเจ็บแปลบ
    “ถ้าเธอเป็นสิ่งของฉันก็คงไม่ทำถึงขนาดนี้หรอก^^” แฟรงพูดด้วยเสียงยียวน
    “แต่ฉันไม่ต้องการ ถอยไป
    “เดี่ยวมิน ทำไมเวลาที่ยังคุยกันไม่จบชอบเดินหนีทุกที อย่าเดินหนีปัญหาจะได้ไหม
    “ฉันไม่ได้หนี แล้วก็หยุดพูดเรื่องบ้าๆนี่ทีเถอะ
    เรื่องบ้าๆ ที่เธอเป็นสาเหตุไง
    “...! ฉันหั่นหน้ามองมามองเขา ไม่รู้จะพูดยังไงกับผู้ชายคนนี้
    “ฉันขออะไรบางอย่างได้มั้ยมิน...แค่อย่างเดี่ยวจริงๆ” แฟรงถาม
    “เปิดใจให้ฉันได้ไหม ให้ฉันได้ดูแลเธอ ให้ฉันได้รักเธอได้ไหม....
    “...... ฉันไม่ตอบแต่กลับยืนนิ่งงัน
    “ไม่ตอบแสดงว่าเธอตกลงแล้วน่ะ...
    “ไม่น่ะ... ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยคเสียงแฟรงก็แทรกขึ้น
    “มองฉันเป็นคนใหม่...ลืมฉันคนเก่าไปและลืมผู้ชายทุกคนที่อยู่ในใจเธอ...ให้โอกาสกันได้ไหม
    “โอกาสมันไม่ได้มีให้ใครง่ายๆหรอกแฟรง เราควรจะต่างคนต่างอยู่ได้แล้ว ขอร้องจริงๆ...
    “ไม่เอา...งั้นฉันสาบาน ถ้าฉันคนนี้มันยังทำให้เธอรักไม่ได้จริง ฉันสัญญาฉันจะไปเอง...น่ะค่ะ เขาบอกด้วยเสียงอ่อน ก่อนจะจับหน้าฉันหั่นมาสบตา ฉันยอมรับเลยว่าตอนนี้เขาทำใจอ่อนไปกว่าครึ่งแล้ว...กำแพงแข็งแกรงที่ตัวเองเป็นคนสร้าง ทำมันเหมือนจะทรุดตัวลงไปแล้วหล่ะ ไม่อย่าหวั่นไหว ฉันจะไม่หวั่นไหว ท่องไว้…แต่ถ้าฉันตอบว่าไม่ คนอย่างแฟรงหรอจะยอม ฉันจึงตัดสินใจ...
    “อืม.. ฉันบอกสั้นๆด้วยเสียงเรียบ
    “ขอบคุณน่ะ ที่ยอมเชื่อฉัน เขาบอกก่อนจะโผเข้ามากอดฉันแน่นฉันขึ้นกลางอากาศ
    “นี่แฟรง ปล่อย อายคน ฉันบอกด้วยเสียงสั่น เหมือนจะร้องไห้อยู่แล้ว...ขอโทษน่ะแฟรงถ้าไม่ทำแบบนี้ฉันคงจะกลายเป็นผู้หญิงที่เลวมาก ฉันจะรักนายทั้งที่ในใจยังมีคนอีกคนไม่ได้หรอก
    “เฮ นี่ร้องไห้เลยหรายัยต๊อง
    “ฝุ่นมันเข้าตาน่ะ...
    “ไหนเดี๋ยวดูให้ เขาบอกก่อนจะก้มหน้าลงใกล้
    “ไม่ๆ ไม่เป็นไรแล้วไปกันเถอะ พุลจะจุดแล้วน่ะ ฉันบอกก่อนจะเดินนำหน้าเขาไป
     หมับ
    ฉันหั่นหลังไปมองมือที่กุมมือฉันอยู่ เขาหั่นหน้าไปทางอื่นก่อนจะผิวปากเดินไป ฉันไม่ขัดขื่นหรือพยายามสะบัดมือเขาออก ปล่อยแฟรงจับไว้แบบนี้...เพราะนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกันแฟรง
     “ไปซุ่มนั่นกัน...” แล้วแฟรงก็ลากฉันเข้าไปในงานและพาไปแวะซุ้มนู้นซุ้มนี้...เขาปล่อยมือก่อนจะเดินเข้าไปในร้านขนมแห่งหนึ่งก่อนจะออกมาพร้อมสายไหมสองไม้..เขาเดินมาทางฉันก่อนจะยื่นมาให้
    “กินสิ อร่อยน่ะ”   ฉันรับมันมาก่อนจะค่อยๆกินสายไหมสีชมพู่หวานแหวว
    “มิน มันติดจมูกเธออ่ะ...” ฉันที่เห็นว่าแฟรงบอกแบบนั่นจึงยกมือขึ้นเพื่อที่จะเช็ดออก แต่มือแฟรงก็ไวกว่าเขาหั่นหน้าฉันไปเผชิญหน้ากับเขาก่อนจะเช็ดมันออกอย่างเบามือ แฟรงก้มหน้าลงมาฉันยืนกำไม้สายไหมในมือแน่น ไม่ได้ขยับไปไหน ไม่ได้จะวิ่งหนี แต่กลับ...ตัวแข็งทื่อและยืนนิ่งปล่อยให้เขาจูบแบบนั่น...
    ตูม! ตูม!
    พลุถูกจุดขึ้นอย่างสวยงาม แต่ตอนนี้เสียงหัวใจของตัวเองมันคงดังซะยิ่งกว่าพลุที่ถูกจุดซะอีก เขาผละริมฝีปากออกจากฉันช้าๆอย่างออยอิ่ง 
    “ I love you” แฟรงกระซิบที่ข้างหูฉันเบาๆ
    “…” ฉันยืนนิ่งไม่หั่นไปมองหน้าเขา
    “ฮะๆ...เธอต้องตอบว่า ‘ฉันก็รักนายเหมือนกัน’ ซิ” แฟรงดัดเสียงให้เล็กลงแล้วยิ้มและมองฉันด้วยสายตาที่มีความหมายอะไรบ้างอย่าง...แล้วระยะห่างหน้าฉันกับหน้าของแฟรงก็ลดลงเรื่อยๆ
    “มินมิน!” เสียงผู้หญิงที่ผลัดลงฉันดังมาจากด้านหลัง ฉันไปมองตามเสียงก็เจอสปายกับสปารค์อยู่ด้านหลัง   ปายดึงฉันออกห่างจากแฟรงแล้วสำรวจดูว่าฉันสึกหลออะไรบ้างรึเปล่าก่อนจะหันไปด่าแฟรง
    “ji$%Tr9gu!^&+@#$!T#%^/*U^-*+{P)OI*$%%fghbr5%Y%#$” (เซนเซอร์:ไร)
    “ฉันฟังไม่ทัน จะทำเป็นไม่สนใจ อีกอย่างตอนนี้ก็อารมร์ดีด้วยรอดตัวไปน่ะ...อ่ะมินนี่เบอร์ฉัน”  เขาบอกก่อนจะยืนเอาไอโฟน 4 สีขาวมาให้ตรงหน้า ฉันงงนี่เขาเอาไปตอนไหน
    “เอาไปตอนที่กำลัง kiss กันอยู่อ่ะ…” เขาบอกเหมือนจะรู้ความคิดจากฉัน
    “นายนี่มัน... ” ฉันหั่นหน้าไปอีกทาง ก่อนแอบลอบยิ้มออกมากับนิสัยเป็นเด็กของแฟรง
    “ปาย กลับกันเถอะ” ปายบอกก่อนจะสะกิดที่ข้อมือเบาๆ
    “ให้ฉันไปส่งไหม.. ”
    “ไม่จำเป็นย่ะ ฉันเอารถมาเอง”
    “งั้น ถึงบ้านแล้วโทรหาฉันด้วยน่ะ... ”
    “อืม... ” ฉันตอบกลับก่อนจะหั่นหลังเดินจากไป...เดินมาได้วะพักแล้วแต่ทำไมฉันคิดตลอดเวลามีคนมองหลังฉันอยุ่ แนหั่นไปก่อนจะเห็นว่าแฟรงยังอยู่ที่เดิม  เขายิ้มก่อนจะโบกมือให้ฉัน...ฉันหั่นหน้ากลับมาพร้อมกับขาวตาที่รู้สึกร้อนผ่าว จมุกเริ่มจะแสบอาการแบบนี้มาอีกแล้ว
        ฉันนั่งเงียบตลอดรถและหั่นหน้ามองนอกหน้าต่าง ในขณะที่ติดไปแดงอยู่นั่นเองสายก็สะดุดกับร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งยื่นคุยกับผู้หญิงผมยาวสีดำตัวเล็กที่หน้า super market เขาค่อยๆหั่นหน้ามาก่อนจะที่สายตาเราจะมองกัน ฟรานนั่นฟรานจริงๆด้วย เขาจ้องมองหน้าฉันอยู่นาน ก่อนที่ผู้หญิงคนนั่นจะสะกิดฟรานหั่นหน้ากลับก่อนจะเดินตามร่างเล็กไป... เขาไมแม้แต่จะหั่นหลังกลับมาด้วยซ่ำ...แล้วฉันจะไปสนใจทำไมกัน ในเมื่อเราไม่ได้เป้นอะไรกัน เขากับเธอจะเป้นแฟนกันหรือจะรักกันมันก็ไม่ใช่เรื่องของเรา..แต่มันติดอยู่ที่ฉันยังเจ็บจิ๊ดที่หัวใจตัวเองอยู่แบบนี้ น้ำตาที่คลอหน่วยเริ่มไหลลงมาช้าๆ...สปายขับรถออกมาจากตรงนั่นแล้วแต่ภาพที่เกิดตรงนั่นกลับตามฉันมาด้วย... 
         ฉันเดินเข้าไปในบ้านก่อนจะขึ้นบันไดเพื่อไปที่ห้องตัวเองแนวิ่งเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะปล่อยให้น้ำตาที่กลั่นไหวเมื่อสักครู่ไหล่ออกมาฉันฟุบหน้าลงบนฝ่ามือของตัวเอง...นานแค่ไหนที่ฉันร้องไห้ไม่รู้ฉันสะอื้นก่อนจะเงยหน้ามองตัวเองในกระจกที่ มินมินเธอเป็นคนยังไงกันแน่น...เธอหวั่วไหวกับผู้ชายทั้งสองคน เธอคิดถึงพวกเขา เธอจำสัมผัสนั่นได้เสมอ   เธออยู่กับผู้ชายอีกคนแต่ในใจก็มีเขาคนนั่นตามมาตลอด แต่พอเธออยู่กับเขาคนนั้นในใจของเธอก็ยังคิดถึงผู้ชายอีกคน...ฉันจูบกับแฟรงโดยไม่ขัดขืนพร้อมกับหัวใจที่เต้นถี่...และที่ ห้องน้ำในโรงบาลฉันกลับมาหวั่นไหวในสัมผัสของผู้ชายอีกคนที่เป็นพน้องชายของเขา ทำไมฉัน..ฉันถึงเป็นผู้หญิงที่เลวแบบนี้
         ถ้าฉันยังอยู่ที่นี้ต่อไป ยังปล่อยให้แฟรงได้เดินเข้ามาในหัวใจฉันมากกว่านี้หรือจะฟรานที่ไม่ค่อยจะถูกลบเลือนจากหัวสมองของฉัน...ฉันไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้ จะรักก็ทรมานในใจ ถ้าไม่รักก็ทรมานอยู่เหมือนเดิม ฉะนั่นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เอาน้ำมันเอาห่างจากเชื้อเพลิง คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
    พวกนาย ฮึก ฮึก ไม่ต้องมีใครไปไหนทั้งนั่น....ฉันจะไปเอง
    ก๊อกๆ
    “ปายฉันเข้าไปนะ” ฉันเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับปายที่กำลังเช็ดผมอยู่ที่เตียง
    “มีอะไร...” ปายถามแล้วมองหน้าฉัน
    “พรุ่งนี้ฉันจะกลับไทยแล้วนะ ...” ฉันตอบ
    “ทำไม? หล่ะ ป๊ากับม๊ามีไรหรือป่าว ปายถามหลังจากที่วางผ้าเช้ดผมลงข้างตัว ฉันเดินเข้าไปใกล้ปายก่อนนั่งลงบนเตียง
    “ใช่พอดีม๊าป่วยหนักเข้า รพ.น่ะ” ฉันเลยต้องรีบตอบกลับไป....ขอโทษน่ะค่ะม๊า
    “เสียดายจังอ่ะ เรายังไม่ค่อยได้เที่ยวกันเลย”
    “ไม่เป็นไร ถ้าไปไทยเมื่อไร ก็โทรหาฉันได้น่ะ”
    “จร้า และเครื่องออกกี่โมงล่ะ ” ปายถาม
    “9 โมง น่ะ”
    “ถ้างั้น...คืนนี้นอนด้วยกันนะ *-*”
    “แกไม่คิดจะทำอะไรฉันหรอกนะ- -++” ฉันมองสปายด้วยสายตาวาดระแวง
    “ฮะๆ...ฉันต้องระวังแกต่างหาก” ปายตอบกลับ
    “ขี้เกียจเถี่ยงด้วยแล้ว...”  ฉันตัดบทแล้วดึงลงมาห่มผ้านอน
    “ฉันจะเก็บความบริสุทธิ์ให้ว่าที่สามีในอนาคตนะเฟ้ย” ปายพูดขึ้น
    “ต้าหลงน่ะหรอ ฮ่าๆ><” ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ
    “ยัยบ้า!><///” ปายผลักฉันจนเกือบตกเตียง ฉันอดขำไม่ได้กับท่าทีของปายก่อนแซวปาย
    “หน้าแดงเลยว้าวๆ”
         ฉันล่อไปแล้วปายก็ยังเถียงอย่างนี้สลับกันไปมาจนอยู่ๆเสียงของยัยปายก็เงียบ สงสัยจะหลับไปแล้ว นี่ก้ดึกมากแล้ว ฉันก็ควรจะนอนได้แล้วสิน่ะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าด้วยสิแต่ทำมมันถึงนอนไม่หลับน่ะฉันที่นอนหั่นหลังพลิกไปมาหลายตลบ ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินออกไปมองดวงดาวที่ระเบียง นั่นดาวตกนิ ฉันกุมมือตัวเองไว้ก่อนจะหลับตาอธิฐาน...
    “ขอว่าไง?” อยู่เสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาฉันจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร…


       
        ****************************************************************
    หวัดดีค่ะ มาอัพครึ่งหลังต่อให้แล้วน่ะค่ะ ตอนนี้ปิด 4 วัน เลยกะจะมาอัพให้เสร็จแล้วจะเอาให้จบใน part 3 เลย ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่ยังค่อยติดตามและคนอื่นๆด้วย ยังไงก็เมนให้กันบ้างน่ะค่ะ คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของเด็กดีก็เมนได้น่ะค่ะ เมนเถอะค่ะ ด่าก็ได้ถึงจะไม่สนุกแต่ไรเตอร์ก็อยากเห็นว่ามีคนมาวิจาร์ผลงานที่ตัวเองเขียนหรือมาให้กำลังใจกันบ้าง...1 เมนไรเตอร์ก็ดีใจที่สุดแล้ว ส่วนคนที่เมนให้กันมาทุกตอนก็ขอบคุณมากๆน่ะค่ะ บายน่ะค่ะเจอกันตอนหน้า ^^ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×