ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic-Ragnarok] The new story of rune midgard

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 # เปิดตำนาน

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 49


    บทที่ 1  เปิดตำนาน

    ในวันที่สดใสวันหนึ่งในอาณาจักรรูนมิดการ์ด  ณ เมืองที่มีชื่อว่า มอร็อค  เมือง...แห่งทะเลทราย  เมือง...ที่แม้ว่าอากาศจะร้อนอบอ้าวตลอดปี   เมือง..ที่ไม่เคยได้สัมผัสถึงหยดน้ำจากฟากฟ้า...หรือแม้แต่..หิมะ  แต่เหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็ยังพากันเดินทางมาจากเมืองอัลเบอต้าเพื่อมาทำการค้าที่เมืองนี้เป็นจำนวนมากจนเมืองนี้กลายเป็นแหล่งที่มั่นทางการค้าไป  รวมไปถึงเหล่าผู้กล้าที่เดินทางผ่านมาก็มักจะแวะพักที่เมืองนี้  เพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นโอเอซิสแห่งเดียวในทะเลทรายมอร็อค  ทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในรูนมิดการ์ด  อีกทั้งยังอยู่ใกล้แหล่งทำมาหากินของเหล่าผู้กล้าทั้งหลายด้วยไม่ว่าจะเป็นพีระมิดหรือสฟิงค์ก็ตาม  ทั้งสองที่ต่างก็เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งชั่วร้ายซึ่งกำลังรอเหล่าผู้กล้าไปกำจัดหรือรอกำจัดเหล่าผู้กล้าเสียเอง.........

    เมืองมอร็อคแห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศความวุ่นวายแบบตลาด  จนมีอีกฉายาว่าตลาดมอร็อค  " ตลาด " เป็นสถานี่ที่ผู้คนใช้แลกเปลี่ยน  ซื้อ-ขายสิ่งของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันหรือที่เรียกว่าไอเทม  การ์ด....ที่ใช้เพิ่มพลังความสามารถในการต่อสู้  และรวมไปถึงสิ่งของที่มีมูลค่ามากมายมหาศาล  หรือที่เรียกว่าแรไอเทมนั่นเอง  และเป็นที่แน่นอนว่า  ถ้า......ที่ใดมีเงิน  ที่นั่น.....ย่อมมีขโมย


    " ช่วยด้วยค่ะ!!.....ขโมยยยย....... " เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากแม่ค้าขายอัญมณีคนหนึ่งที่กำลังวิ่งตามหัวขโมยที่เพิ่งจะฉกไข่มุกล้ำค้าของเธอไป

    " ชิ...ขอแค่เม็ดเดียวก็ไม่ได้...ตัวเองมีตั้งเยอะ " หัวขโมยวิ่งไปบ่นไปในขณะที่เริ่มมีคนวิ่งตามไล่จับเขามากขึ้นทุกที

    " หยุดนะ!!.....เจ้าหัวขโมย...แกหนีไม่รอดหรอก...หึหึ " ชายร่างยักษ์คนหนึ่งวิ่งมาดักหน้าหัวขโมยเอาไว้  แต่ด้วยร่างที่เล็กและเพรียวกว่าได้อาศัยความว่องไวเป็นพื้นฐานโยกตัวหลบซ้ายขวาด้วยความเร็ว  จากนั้นจึงก้มตัวลงต่ำแล้วสไลด์ตัวพุ่งไปด้านหน้าลอดใต้หว่างขาของชายร่างยักษ์คนนั้นไปได้

    " ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า....ไอยักษ์ตัวใหญ่แต่ไร้สมองอย่างแกหยุดชั้นไม่ได้หรอกน่า…..แบร่... " หัวขโมยตัวแสบหันกลับไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ชายร่างยักษ์ที่ตอนนี้กำลังโกรธสุดขีดอยู่  ก่อนจะวิ่งหนีต่อไป


    เจ้าหัวขโมยวิ่งหนีไปเรื่อย ๆ ก่อนจะวิ่งเข้าไปแอบที่หลังร้านเหล้าแห่งหนึ่ง  พลางชำเลืองมองขบวนแห่ที่วิ่งตามเขามาอย่างไม่ลดละ  " ชิ....ไอพวกนี้กัดไม่ปล่อยจริง ๆ เอาไงดีฟระเรา " ระหว่างที่บ่นกับตัวเองเพื่อหาทางออกอยู่นั้นเขาได้เหลือบไปเห็นนักบวชสาวคนหนึ่งกำลังเดินผ่านมา  " ได้การล่ะ....ฮิฮิ.. " หัวขโมยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางเดินเข้าไปหาเหยื่อผู้โชคร้ายคนนั้น

    เมื่อขบวนแห่ได้ยกขบวนตามมาถึงบริเวณร้านเหล้า  โดยมีชายร่างยักษ์คนเดิมเป็นคนนำขบวนและด้วยสายตาอันกว้างไกลของเขา  เขาสังเกตเห็นเงาร่างหนึ่งแอบหลบอยู่ที่ด้านหลังร้าน  เขาจึงรีบเดินเข้าไปหมายจะจับตัวเจ้าโจรตัวแสบที่กล้ามาลูบคมเขาแล้วนำตัวมันไปลงโทษให้ได้  เมื่อเขาเดินไปถึงด้วยความมั่นใจอันแรงกล้า  เขาเงื้อมือขึ้นคว้าเสื้อของเจ้าของร่างบางที่แอบหลบอยู่โดยที่ไม่ดูให้ดีเสียก่อน  เขายกร่างบางนั้นจนลอยขึ้นด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนที่ร่างบางนั้นจะส่งเสียงร้องจนเขาอาจจะไม่ได้ยินอะไรไปอีกนาน..................


    " กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!............คนบ้า.......คนผีทะเล.....ไอยักษ์ไร้มารยาท.......ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะ..........ช่วยด้วยเจ้าค่า!!........ไอยักษ์ป่าเถื่อนกำลังจะทำร้ายสาวน้อยน่ารักที่อุตส่าห์ถวายตัวรับใช้พระเจ้า........ปล่อยชั้นนะ.....ไม่งั้นชั้นจะร้องนะ.........กรี๊ดดดดดดดดดดด "


    เส้นเสียงทำลายโสตประสาทร้องต่อไปไม่หยุดจนกระทั่งคนในขบวนแห่เดินมาดูจนครบ  เจ้ายักษ์ก็ยังไม่ยอมปล่อยสาวน้อยร่างบางคนนั้น  เธอทั้งดิ้น....ทั้งถีบ....ทั้งชก....และต่อย  เจ้ายักษ์เกิดอาการงงเล็กน้อยก่อนที่จะรีบวางตัวสาวน้อยลงกับพื้น


    " เอ่อ...ขอโทษครับ..คุณผู้หญิง " เจ้ายักษ์ขอโทษอย่างสุภาพแต่ยังไม่วายโดนด่าซ้ำ

    " ขอโทษแล้วมันหายงั้นเหรอ...ชั้นยืนหลบแดดอยู่ดี ๆ ก็ถูกยกซะลอยแบบนั้น....แล้วจะมาขอโทษงั้นเหรอ  ถ้าอยากขอโทษอ่ะนะ...นี่ " สาวน้อยทำหน้าดุใส่เจ้ายักษ์อย่างไม่กลัวเกรงพลางแบมือยื่นออกไปหาเจ้ายักษ์ตรงหน้า

    " นี่.? ...อะไรครับคุณผู้หญิง " เจ้ายักษ์ถามอย่างงง ๆ

    " ก็ค่าทำขวัญน่ะสิ.....งงอยู่ได้เอามาสองหมื่นเซนี.....เร็ว ๆ  สิ  หรือว่าน้อยไปหา ? " นักบวชสาวร่างบางแต่หน้าไม่บางขูดรีดค่าทำขวัญเจ้ายักษ์ได้หน้าตาเฉย

    " สองหมื่น!!...แต่ว่า.." เจ้ายักษ์ตาโตทันทีเพราะเงินสองหมื่นก็ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ จึงพยายามจะต่อรองราคา

    " แต่...อะไร....งั้น...ห้าหมื่นเซนี...อย่าชักช้าขวัญชั้นน่ะมันกระเจิงไปไหนแล้วไม่รู้...ที่เรียกค่าทำขวัญเนี่ยยังไม่รวมค่าเดินทางตามหาขวัญอีกนะ…จะจ่ายดี ๆ ..หรือ..จะเข้าคุกข้อหาลวนลาม " สาวน้อยผู้รับใช้พระเจ้าทั้งขู่ทั้งรีดไถจนคนในขบวนแห่เมื่อครู่เริ่มหวาดเสียวแทน  หากเจ้ายักษ์ไม่ยอมจ่ายแล้วเข้าไปทำร้ายสาวน้อยขึ้นมา....ใครจะเข้าไปช่วยได้เนี่ย.....แต่สาวน้อยก็ยังคงรักษาสีหน้า( เลือด )ไว้ได้อย่างดีจนเจ้ายักษ์ไม่กล้าต่อรอง....

    " ห้าหมื่น..!!...อ่ะ...ได้ครับคุณผู้หญิง... " ในที่สุดเจ้ายักษ์ก็ต้องยอมจ่ายเพราะจิตสำนึกฝ่ายดียังมีมากอยู่และกลัวว่าหากยืดเยื้อจำนวนเลขห้าหลักมันจะกลายเป็นเจ็ดหลัก...เจ้ายักษ์คิดพลางยื่นถุงใส่เหรียญทองจำนวนห้าหมื่นเซนีให้กับนักบวชสาวไปด้วยสายตาอาวรยิ่งนัก.....

    " ขอบใจ......งั้นชั้นไปล่ะ....ลาขาด " สาวน้อยตอบพลางยิ้มหวานหลังจากได้รับเงินมาแล้ว  เธอจึงรีบกล่าวลาและเดินหนีออกมาทันที  ทิ้งให้เหล่าผู้ชมและเจ้ายักษ์ดวงซวยยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น  ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปตามหาเจ้าโจรขโมยไข่มุกกันต่อ.....


    ++++++++++++++++++++++++++++++++


    ณ  ห้อง 203 โรงแรมมอร็อคอินท์


    " เฮ้อ....กว่าจะหนีไอยักษ์ปักหลั่นนั่นมาได้เหนื่อยชะมัดเล้ย....แต่ก็ดีได้ค่าเดินทางมาเพิ่มด้วยค่อยคุ้มหน่อย " หัวขโมยตัวแสบบ่นพลางถอดชุดนักบวชสาวที่เขาใช้ปลอมตัวหลอกเอาเงินเจ้ายักษ์มาได้อีกห้าหมื่นเซนี  " เอาล่ะ...ไหนดูซิ.. "


    เมื่อเจ้าหัวขโมยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เขาก็รีบสำรวจของที่ได้ขโมยมาทันที  ไข่มุกที่เขาขโมยมานั้นแท้จริงแล้วมันคือไข่มุกดำแห่งอิซลูท  ซึ่งในรอบร้อยปีจะมีปรากฏเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น  มันเป็นไข่มุกหายากที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักนอกจากในหมู่นักสะสมด้วยกันเท่านั้น  และเป็นการยากมากที่จะแยกแยะไข่มุกดำแห่งอิซลูทของแท้ออกจากไข่มุกธรรมดา  เพราะแท้จริงแล้วไข่มุกดำเม็ดนี้ในเวลาปกติมันไม่ได้มีสีดำเหมือนกับชื่อของมัน  แต่สีของมันจะกลายเป็นสีดำทันทีที่ผิวของมันได้สัมผัสกับน้ำทะเล...

    หัวขโมยหนุ่มได้นำน้ำทะเลที่เขานำมาจากเกาะอิซลูทเทใส่ชามใบหนึ่งตั้งทิ้งไว้  จากนั้นเขานำไข่มุกมาหย่อนลงในชามทันที  ไข่มุกเม็ดนั้นเริ่มเปลี่ยนจากสีขาวนวลผ่องกลายเป็นสีดำสนิทในทันที  เขามองมันเปลี่ยนสีด้วยความตื่นเต้นเพราะว่าเขาได้ทำงานสำเร็จไปอีกงานแล้ว  และค่าตอบแทนของงานนี้ก็มีค่าถึงสิบล้านเซนี  แน่นอนมูลค่าที่แท้จริงของไข่มุกดำที่มีสภาพสมบูรณ์ขนาดนี้ย่อมหาค่ามิได้  เงินแค่สิบล้านเซนียังน้อยไปด้วยซ้ำหากต้องการจะซื้อมันไว้ในครอบครอง


    " ทีนี้ก็เหลือแค่เอาไปส่งกับรับเงินแล้วก็ใช้เงิน....ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า....งานง่ายรายได้ดีแบบนี้ล่ะชอบนัก " เจ้าหัวขโมยหัวเราะพลางรีบเก็บไข่มุกดำทันที  และเตรียมออกเดินทางไปเมืองพรอนเทร่าเพื่อส่งมอบของและรับเงินค่าจ้าง

     " ว่าแต่...เจ้านั่นทำงานเสร็จยังเนี่ยชักช้าจริง ๆ เลย เดี๋ยวก็ไปไม่รอซะเลยนี่ " บ่นถึงใครบางคนเสร็จ  หัวขโมยตัวแสบก็ล้มตัวลงนอนจนผล็อยหลับไป


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ณ  ร้านตีอาวุธทางใต้ฝั่งตะวันตกของตลาดมอร็อค 


    วันนี้ร้านตีอาวุธเพียงแห่งเดียวในเมืองมอร็อคไม่ได้เนืองแน่นไปด้วยลูกค้าเช่นทุกวัน  เพราะวันนี้ที่หน้าร้านแขวนป้าย  "วันนี้ปิด" เอาไว้  แต่ภายในกลับมีลูกค้าคนสำคัญกำลังเจรจากับนายช่างตีอาวุธประจำเมืองอยู่....


    " เอ้า...นี่ของที่สั่ง...รับไปสิ " ช่างตีอาวุธกำลังมอบห่อผ้าห่อหนึ่งให้กับชายปริศนาที่ใส่ผ้าคลุมปกปิดหน้าตาเอาไว้

    " แล้วข้าจะรู้ได้ไง...ว่านี่มันของแท้ " ชายหนุ่มยังไม่ยอมรับห่อผ้านั้น  แต่สายตาคมภายใต้ผ้าคลุมกำลังเพ่งพินิจพิจารณาห่อผ้าอย่างละเอียด

    " เจ้าคงสงสัยล่ะสิ...ว่าของหายากขนาดนั้นมาอยู่ที่ข้าได้อย่างไร...ข้าจะเล่า.... " ช่างตีอาวุธหยุดพูดทันทีเมื่อส่วนปลายของอาวุธมีคมได้จ่อมาที่คอหอยของเขา

    " อย่ามาเล่นลิ้น....เอาของจริงมาให้ข้าไม่งั้นแกจะไม่มีหัวจริง ๆ อยู่บนบ่า " ชายหนุ่มปริศนาตะคอกใส่ด้วยน้ำเสียงเอาจริงพลางค่อย ๆ ใช้ปลายมีดอันแหลมคมกรีดที่คอของช่างตีอาวุธจนเลือดสีแดงสดไหลเป็นทางยาว

    " ดะ..ได้ครับ...ไม่มีปัญหา...เชิญนายท่านตามข้าน้อยมาทางนี้เลย " ช่างตีอาวุธรีบประจบสอพลอพลางเดินนำชายหนุ่มปริศนาไปยังทางลับใต้ดิน


    ช่างตีอาวุธเดินไปที่กำแพงด้านหนึ่งที่มีรูปภาพแปะเอาไว้  เขาฉีกรูปนั้นทิ้งไปเผยให้เห็นช่องที่มีลักษณะเหมือนกับลูกกุญแจ  จากนั้นเขาก็ใช้มือที่สั่นเทาควานหาบางอย่างในกระเป๋ากางเกง  เขาหยิบกุญแจดอกหนึ่งออกมาแล้วนำมันไปใส่ไว้ตรงช่องรูปกุญแจนั้นซึ่งมันใส่ได้พอดี  จากนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนที่ด้านหลังกำแพงแล้วกำแพงเริ่มแยกออกจากกันเผยให้เห็นบันไดทางลับที่ทอดลงไปสู้ห้องลับใต้ดิน....

    ช่างตีอาวุธเดินนำไปอย่างเงียบ ๆ พลางใช้ไม้ขีดจุดคบเพลิงที่ปักอยู่ตามทางไปด้วยเพื่อเพิ่มแสงสว่าง  พวกเขาเดินลงไปเรื่อย ๆ จนสุดทางพบประตูไม้บานหนึ่งที่มีฝุ่นและหยากไย่เกาะอยู่หนาเตอะ  ช่างตีอาวุธร่ายคาถาปลดล็อคประตูนั้นแล้วเขาก็เปิดประตูเข้าไปในข้างใน

    ภายในห้องนั้นมืดมากหากไม่ได้แสงสว่างจากคบเพลิงที่ช่างตีอาวุธถือเข้ามาด้วย  พวกเขาก็ไม่อาจเดินไปไหนมาไหนได้มันเป็นความมืดอย่างแท้จริง  เมื่อช่างตีอาวุธจุดคบเพลิงภายในห้องจนห้องเริ่มสว่างแล้ว  พวกเขาจึงเริ่มเห็นสิ่งของภายในห้องชัดเจนขึ้น

    เมื่อสายตาพวกเขาปรับกับความสว่างภายในห้องได้แล้ว  พวกเขาเห็นสิ่งของมากมายวางระเกะระกะมีฝุ่นเกาะอยู่เต็มไปหมด  แต่ที่สะดุดตามากที่สุดคือแท่น ๆ หนึ่งซึ่งวางอยู่กลางห้องแยกออกจากของชิ้นอื่น ๆ บนแท่นนั้นวางกล่องใบหนึ่งที่มีขนาดไม่ใหญ่มากแต่ฝุ่นเกาะอยู่หนาเตอะ  ชายปริศนาเดินเข้าไปใกล้ ๆ แท่นนั้นพลางพึมพำว่า " ใช่แล้ว..นี่แหล่ะคือสิ่งที่ฉันต้องการ " เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าแท่นและเปิดผ้าคลุมออกจนสามารถเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน

    ภาพที่ปรากฏต่อหน้าช่างตีอาวุธคือชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม  เส้นผมสีเงินของเขาสะท้อนกับแสงไฟจากคบเพลิงเป็นประกายสวยงามน่าประหลาด  นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดุจท้องฟ้ายามราตรีมีประกายลึกล้ำและดูจริงจังจนน่ากลัว  ส่วนสูงของเขานั้นไม่น่าจะน้อยไปกว่า 185 เซนติเมตร  รูปร่างสันทัดสมส่วน  เมื่อนำทุกอย่างมารวมกันเป็นชายคนนี้  มันกลับทำให้ช่างตีอาวุธนึกใครบางคนขึ้นมา  ใครบางคนที่เขากลัวว่าจะเป็นคนตรงหน้านี้จับใจ


    " ทะ...ท่านคือ...เรเวน  นักบวชไร้เงา !! " อุทานเสร็จช่างตีอาวุธรีบวิ่งหนีทันที  แต่ไม่ทันแม้แต่จะได้ก้าวขาเรเวนก็มายืนขวางอยู่หน้าเขาอย่างรวดเร็วสมฉายานักบวชไร้เงา 

    " เห็นหน้าข้าแล้วสินะ " พริบตาที่กล่าวเสร็จร่างของช่างตีอาวุธผู้โชคร้ายก็ลงไปกองอยู่กับพื้นทันที  เลือดสีแดงสดค่อย ๆ ไหลออกมาจากรอยปาดที่คออย่างช้า ๆ จนนองอยู่เต็มพื้นไปหมด  และไม่ช้ากล่องปริศนาก็หายไปจากแท่นพร้อมกับร่างของนักบวชไร้เงา.........


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    กลับมาที่ห้อง 203 โรงแรมมอร็อคอินท์


    นักบวชไร้เงาหรืออีกชื่อหนึ่งซึ่งก็คือเรเวนกำลังเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสองของโรงแรมมอร็อคอินท์  เขาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องหมายเลข 203 แต่แทนที่เขาจะเคาะประตูก่อนตามมารยาท  เขากลับเปิดเข้าไปทันทีเฉกเช่นตัวเขานั้นเป็นเจ้าของห้องก็ไม่ปาน  เมื่อเขาเปิดเข้ามาภาพแรกที่เขาได้เห็นคือภาพของสาวน้อยผมบรอนด์ผิวขาวอมชมพูคนหนึ่งกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงของเขา  แก้มที่แดงระเรื่อดูมีเลือดฝาดและริมฝีปากแดงอวบอิ่ม  ทำให้เธอดูน่ารักมาก  ทั้งรูปร่างที่อ้อนแอ้นดูน่าทะนุถนอม  ช่างเป็นเด็กสาวที่น่าครอบครองเสียนี่กระไร  ...แต่....เสียอย่างเดียว...เธอ....ไม่ใช่มนุษย์..!!


    " Ruwach!! " เรเวนร่ายคาถาทำให้เกิดลูกไฟสีฟ้าขึ้นมาลอยวนอยู่รอบตัว  ผลของคาถานี้คือทำให้คนที่แอบซ่อนตัวอยู่ไม่ว่าจะใต้พื้นหรือในกำแพงต้องเผยตัวออกมา


    เมื่อเรเวนร่ายคาถาจบร่างของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่กำแพงฝั่งประตูทางเข้า  เรเวนหันกลับไปมองทันที  ภาพที่เขาเห็นนั้นก็คือ...........


    ++++++++++++++++++++
    จบบทที่ 1 To be continue
    ++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×