คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 # เปิดตำนาน
บทที่ 1 เปิดตำนาน
ในวันที่สดใสวันหนึ่งในอาณาจักรรูนมิดการ์ด ณ เมืองที่มีชื่อว่า มอร็อค เมือง...แห่งทะเลทราย เมือง...ที่แม้ว่าอากาศจะร้อนอบอ้าวตลอดปี เมือง..ที่ไม่เคยได้สัมผัสถึงหยดน้ำจากฟากฟ้า...หรือแม้แต่..หิมะ แต่เหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็ยังพากันเดินทางมาจากเมืองอัลเบอต้าเพื่อมาทำการค้าที่เมืองนี้เป็นจำนวนมากจนเมืองนี้กลายเป็นแหล่งที่มั่นทางการค้าไป รวมไปถึงเหล่าผู้กล้าที่เดินทางผ่านมาก็มักจะแวะพักที่เมืองนี้ เพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นโอเอซิสแห่งเดียวในทะเลทรายมอร็อค ทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในรูนมิดการ์ด อีกทั้งยังอยู่ใกล้แหล่งทำมาหากินของเหล่าผู้กล้าทั้งหลายด้วยไม่ว่าจะเป็นพีระมิดหรือสฟิงค์ก็ตาม ทั้งสองที่ต่างก็เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งชั่วร้ายซึ่งกำลังรอเหล่าผู้กล้าไปกำจัดหรือรอกำจัดเหล่าผู้กล้าเสียเอง.........
เมืองมอร็อคแห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศความวุ่นวายแบบตลาด จนมีอีกฉายาว่าตลาดมอร็อค " ตลาด " เป็นสถานี่ที่ผู้คนใช้แลกเปลี่ยน ซื้อ-ขายสิ่งของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันหรือที่เรียกว่าไอเทม การ์ด....ที่ใช้เพิ่มพลังความสามารถในการต่อสู้ และรวมไปถึงสิ่งของที่มีมูลค่ามากมายมหาศาล หรือที่เรียกว่าแรไอเทมนั่นเอง และเป็นที่แน่นอนว่า ถ้า......ที่ใดมีเงิน ที่นั่น.....ย่อมมีขโมย
" ช่วยด้วยค่ะ!!.....ขโมยยยย....... " เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากแม่ค้าขายอัญมณีคนหนึ่งที่กำลังวิ่งตามหัวขโมยที่เพิ่งจะฉกไข่มุกล้ำค้าของเธอไป
" ชิ...ขอแค่เม็ดเดียวก็ไม่ได้...ตัวเองมีตั้งเยอะ " หัวขโมยวิ่งไปบ่นไปในขณะที่เริ่มมีคนวิ่งตามไล่จับเขามากขึ้นทุกที
" หยุดนะ!!.....เจ้าหัวขโมย...แกหนีไม่รอดหรอก...หึหึ " ชายร่างยักษ์คนหนึ่งวิ่งมาดักหน้าหัวขโมยเอาไว้ แต่ด้วยร่างที่เล็กและเพรียวกว่าได้อาศัยความว่องไวเป็นพื้นฐานโยกตัวหลบซ้ายขวาด้วยความเร็ว จากนั้นจึงก้มตัวลงต่ำแล้วสไลด์ตัวพุ่งไปด้านหน้าลอดใต้หว่างขาของชายร่างยักษ์คนนั้นไปได้
" ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า....ไอยักษ์ตัวใหญ่แต่ไร้สมองอย่างแกหยุดชั้นไม่ได้หรอกน่า ..แบร่... " หัวขโมยตัวแสบหันกลับไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ชายร่างยักษ์ที่ตอนนี้กำลังโกรธสุดขีดอยู่ ก่อนจะวิ่งหนีต่อไป
เจ้าหัวขโมยวิ่งหนีไปเรื่อย ๆ ก่อนจะวิ่งเข้าไปแอบที่หลังร้านเหล้าแห่งหนึ่ง พลางชำเลืองมองขบวนแห่ที่วิ่งตามเขามาอย่างไม่ลดละ " ชิ....ไอพวกนี้กัดไม่ปล่อยจริง ๆ เอาไงดีฟระเรา " ระหว่างที่บ่นกับตัวเองเพื่อหาทางออกอยู่นั้นเขาได้เหลือบไปเห็นนักบวชสาวคนหนึ่งกำลังเดินผ่านมา " ได้การล่ะ....ฮิฮิ.. " หัวขโมยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางเดินเข้าไปหาเหยื่อผู้โชคร้ายคนนั้น
เมื่อขบวนแห่ได้ยกขบวนตามมาถึงบริเวณร้านเหล้า โดยมีชายร่างยักษ์คนเดิมเป็นคนนำขบวนและด้วยสายตาอันกว้างไกลของเขา เขาสังเกตเห็นเงาร่างหนึ่งแอบหลบอยู่ที่ด้านหลังร้าน เขาจึงรีบเดินเข้าไปหมายจะจับตัวเจ้าโจรตัวแสบที่กล้ามาลูบคมเขาแล้วนำตัวมันไปลงโทษให้ได้ เมื่อเขาเดินไปถึงด้วยความมั่นใจอันแรงกล้า เขาเงื้อมือขึ้นคว้าเสื้อของเจ้าของร่างบางที่แอบหลบอยู่โดยที่ไม่ดูให้ดีเสียก่อน เขายกร่างบางนั้นจนลอยขึ้นด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนที่ร่างบางนั้นจะส่งเสียงร้องจนเขาอาจจะไม่ได้ยินอะไรไปอีกนาน..................
" กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!............คนบ้า.......คนผีทะเล.....ไอยักษ์ไร้มารยาท.......ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะ..........ช่วยด้วยเจ้าค่า!!........ไอยักษ์ป่าเถื่อนกำลังจะทำร้ายสาวน้อยน่ารักที่อุตส่าห์ถวายตัวรับใช้พระเจ้า........ปล่อยชั้นนะ.....ไม่งั้นชั้นจะร้องนะ.........กรี๊ดดดดดดดดดดด "
เส้นเสียงทำลายโสตประสาทร้องต่อไปไม่หยุดจนกระทั่งคนในขบวนแห่เดินมาดูจนครบ เจ้ายักษ์ก็ยังไม่ยอมปล่อยสาวน้อยร่างบางคนนั้น เธอทั้งดิ้น....ทั้งถีบ....ทั้งชก....และต่อย เจ้ายักษ์เกิดอาการงงเล็กน้อยก่อนที่จะรีบวางตัวสาวน้อยลงกับพื้น
" เอ่อ...ขอโทษครับ..คุณผู้หญิง " เจ้ายักษ์ขอโทษอย่างสุภาพแต่ยังไม่วายโดนด่าซ้ำ
" ขอโทษแล้วมันหายงั้นเหรอ...ชั้นยืนหลบแดดอยู่ดี ๆ ก็ถูกยกซะลอยแบบนั้น....แล้วจะมาขอโทษงั้นเหรอ ถ้าอยากขอโทษอ่ะนะ...นี่ " สาวน้อยทำหน้าดุใส่เจ้ายักษ์อย่างไม่กลัวเกรงพลางแบมือยื่นออกไปหาเจ้ายักษ์ตรงหน้า
" นี่.? ...อะไรครับคุณผู้หญิง " เจ้ายักษ์ถามอย่างงง ๆ
" ก็ค่าทำขวัญน่ะสิ.....งงอยู่ได้เอามาสองหมื่นเซนี.....เร็ว ๆ สิ หรือว่าน้อยไปหา ? " นักบวชสาวร่างบางแต่หน้าไม่บางขูดรีดค่าทำขวัญเจ้ายักษ์ได้หน้าตาเฉย
" สองหมื่น!!...แต่ว่า.." เจ้ายักษ์ตาโตทันทีเพราะเงินสองหมื่นก็ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ จึงพยายามจะต่อรองราคา
" แต่...อะไร....งั้น...ห้าหมื่นเซนี...อย่าชักช้าขวัญชั้นน่ะมันกระเจิงไปไหนแล้วไม่รู้...ที่เรียกค่าทำขวัญเนี่ยยังไม่รวมค่าเดินทางตามหาขวัญอีกนะ จะจ่ายดี ๆ ..หรือ..จะเข้าคุกข้อหาลวนลาม " สาวน้อยผู้รับใช้พระเจ้าทั้งขู่ทั้งรีดไถจนคนในขบวนแห่เมื่อครู่เริ่มหวาดเสียวแทน หากเจ้ายักษ์ไม่ยอมจ่ายแล้วเข้าไปทำร้ายสาวน้อยขึ้นมา....ใครจะเข้าไปช่วยได้เนี่ย.....แต่สาวน้อยก็ยังคงรักษาสีหน้า( เลือด )ไว้ได้อย่างดีจนเจ้ายักษ์ไม่กล้าต่อรอง....
" ห้าหมื่น..!!...อ่ะ...ได้ครับคุณผู้หญิง... " ในที่สุดเจ้ายักษ์ก็ต้องยอมจ่ายเพราะจิตสำนึกฝ่ายดียังมีมากอยู่และกลัวว่าหากยืดเยื้อจำนวนเลขห้าหลักมันจะกลายเป็นเจ็ดหลัก...เจ้ายักษ์คิดพลางยื่นถุงใส่เหรียญทองจำนวนห้าหมื่นเซนีให้กับนักบวชสาวไปด้วยสายตาอาวรยิ่งนัก.....
" ขอบใจ......งั้นชั้นไปล่ะ....ลาขาด " สาวน้อยตอบพลางยิ้มหวานหลังจากได้รับเงินมาแล้ว เธอจึงรีบกล่าวลาและเดินหนีออกมาทันที ทิ้งให้เหล่าผู้ชมและเจ้ายักษ์ดวงซวยยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปตามหาเจ้าโจรขโมยไข่มุกกันต่อ.....
++++++++++++++++++++++++++++++++
ณ ห้อง 203 โรงแรมมอร็อคอินท์
" เฮ้อ....กว่าจะหนีไอยักษ์ปักหลั่นนั่นมาได้เหนื่อยชะมัดเล้ย....แต่ก็ดีได้ค่าเดินทางมาเพิ่มด้วยค่อยคุ้มหน่อย " หัวขโมยตัวแสบบ่นพลางถอดชุดนักบวชสาวที่เขาใช้ปลอมตัวหลอกเอาเงินเจ้ายักษ์มาได้อีกห้าหมื่นเซนี " เอาล่ะ...ไหนดูซิ.. "
เมื่อเจ้าหัวขโมยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบสำรวจของที่ได้ขโมยมาทันที ไข่มุกที่เขาขโมยมานั้นแท้จริงแล้วมันคือไข่มุกดำแห่งอิซลูท ซึ่งในรอบร้อยปีจะมีปรากฏเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น มันเป็นไข่มุกหายากที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักนอกจากในหมู่นักสะสมด้วยกันเท่านั้น และเป็นการยากมากที่จะแยกแยะไข่มุกดำแห่งอิซลูทของแท้ออกจากไข่มุกธรรมดา เพราะแท้จริงแล้วไข่มุกดำเม็ดนี้ในเวลาปกติมันไม่ได้มีสีดำเหมือนกับชื่อของมัน แต่สีของมันจะกลายเป็นสีดำทันทีที่ผิวของมันได้สัมผัสกับน้ำทะเล...
หัวขโมยหนุ่มได้นำน้ำทะเลที่เขานำมาจากเกาะอิซลูทเทใส่ชามใบหนึ่งตั้งทิ้งไว้ จากนั้นเขานำไข่มุกมาหย่อนลงในชามทันที ไข่มุกเม็ดนั้นเริ่มเปลี่ยนจากสีขาวนวลผ่องกลายเป็นสีดำสนิทในทันที เขามองมันเปลี่ยนสีด้วยความตื่นเต้นเพราะว่าเขาได้ทำงานสำเร็จไปอีกงานแล้ว และค่าตอบแทนของงานนี้ก็มีค่าถึงสิบล้านเซนี แน่นอนมูลค่าที่แท้จริงของไข่มุกดำที่มีสภาพสมบูรณ์ขนาดนี้ย่อมหาค่ามิได้ เงินแค่สิบล้านเซนียังน้อยไปด้วยซ้ำหากต้องการจะซื้อมันไว้ในครอบครอง
" ทีนี้ก็เหลือแค่เอาไปส่งกับรับเงินแล้วก็ใช้เงิน....ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า....งานง่ายรายได้ดีแบบนี้ล่ะชอบนัก " เจ้าหัวขโมยหัวเราะพลางรีบเก็บไข่มุกดำทันที และเตรียมออกเดินทางไปเมืองพรอนเทร่าเพื่อส่งมอบของและรับเงินค่าจ้าง
" ว่าแต่...เจ้านั่นทำงานเสร็จยังเนี่ยชักช้าจริง ๆ เลย เดี๋ยวก็ไปไม่รอซะเลยนี่ " บ่นถึงใครบางคนเสร็จ หัวขโมยตัวแสบก็ล้มตัวลงนอนจนผล็อยหลับไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ณ ร้านตีอาวุธทางใต้ฝั่งตะวันตกของตลาดมอร็อค
วันนี้ร้านตีอาวุธเพียงแห่งเดียวในเมืองมอร็อคไม่ได้เนืองแน่นไปด้วยลูกค้าเช่นทุกวัน เพราะวันนี้ที่หน้าร้านแขวนป้าย "วันนี้ปิด" เอาไว้ แต่ภายในกลับมีลูกค้าคนสำคัญกำลังเจรจากับนายช่างตีอาวุธประจำเมืองอยู่....
" เอ้า...นี่ของที่สั่ง...รับไปสิ " ช่างตีอาวุธกำลังมอบห่อผ้าห่อหนึ่งให้กับชายปริศนาที่ใส่ผ้าคลุมปกปิดหน้าตาเอาไว้
" แล้วข้าจะรู้ได้ไง...ว่านี่มันของแท้ " ชายหนุ่มยังไม่ยอมรับห่อผ้านั้น แต่สายตาคมภายใต้ผ้าคลุมกำลังเพ่งพินิจพิจารณาห่อผ้าอย่างละเอียด
" เจ้าคงสงสัยล่ะสิ...ว่าของหายากขนาดนั้นมาอยู่ที่ข้าได้อย่างไร...ข้าจะเล่า.... " ช่างตีอาวุธหยุดพูดทันทีเมื่อส่วนปลายของอาวุธมีคมได้จ่อมาที่คอหอยของเขา
" อย่ามาเล่นลิ้น....เอาของจริงมาให้ข้าไม่งั้นแกจะไม่มีหัวจริง ๆ อยู่บนบ่า " ชายหนุ่มปริศนาตะคอกใส่ด้วยน้ำเสียงเอาจริงพลางค่อย ๆ ใช้ปลายมีดอันแหลมคมกรีดที่คอของช่างตีอาวุธจนเลือดสีแดงสดไหลเป็นทางยาว
" ดะ..ได้ครับ...ไม่มีปัญหา...เชิญนายท่านตามข้าน้อยมาทางนี้เลย " ช่างตีอาวุธรีบประจบสอพลอพลางเดินนำชายหนุ่มปริศนาไปยังทางลับใต้ดิน
ช่างตีอาวุธเดินไปที่กำแพงด้านหนึ่งที่มีรูปภาพแปะเอาไว้ เขาฉีกรูปนั้นทิ้งไปเผยให้เห็นช่องที่มีลักษณะเหมือนกับลูกกุญแจ จากนั้นเขาก็ใช้มือที่สั่นเทาควานหาบางอย่างในกระเป๋ากางเกง เขาหยิบกุญแจดอกหนึ่งออกมาแล้วนำมันไปใส่ไว้ตรงช่องรูปกุญแจนั้นซึ่งมันใส่ได้พอดี จากนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนที่ด้านหลังกำแพงแล้วกำแพงเริ่มแยกออกจากกันเผยให้เห็นบันไดทางลับที่ทอดลงไปสู้ห้องลับใต้ดิน....
ช่างตีอาวุธเดินนำไปอย่างเงียบ ๆ พลางใช้ไม้ขีดจุดคบเพลิงที่ปักอยู่ตามทางไปด้วยเพื่อเพิ่มแสงสว่าง พวกเขาเดินลงไปเรื่อย ๆ จนสุดทางพบประตูไม้บานหนึ่งที่มีฝุ่นและหยากไย่เกาะอยู่หนาเตอะ ช่างตีอาวุธร่ายคาถาปลดล็อคประตูนั้นแล้วเขาก็เปิดประตูเข้าไปในข้างใน
ภายในห้องนั้นมืดมากหากไม่ได้แสงสว่างจากคบเพลิงที่ช่างตีอาวุธถือเข้ามาด้วย พวกเขาก็ไม่อาจเดินไปไหนมาไหนได้มันเป็นความมืดอย่างแท้จริง เมื่อช่างตีอาวุธจุดคบเพลิงภายในห้องจนห้องเริ่มสว่างแล้ว พวกเขาจึงเริ่มเห็นสิ่งของภายในห้องชัดเจนขึ้น
เมื่อสายตาพวกเขาปรับกับความสว่างภายในห้องได้แล้ว พวกเขาเห็นสิ่งของมากมายวางระเกะระกะมีฝุ่นเกาะอยู่เต็มไปหมด แต่ที่สะดุดตามากที่สุดคือแท่น ๆ หนึ่งซึ่งวางอยู่กลางห้องแยกออกจากของชิ้นอื่น ๆ บนแท่นนั้นวางกล่องใบหนึ่งที่มีขนาดไม่ใหญ่มากแต่ฝุ่นเกาะอยู่หนาเตอะ ชายปริศนาเดินเข้าไปใกล้ ๆ แท่นนั้นพลางพึมพำว่า " ใช่แล้ว..นี่แหล่ะคือสิ่งที่ฉันต้องการ " เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าแท่นและเปิดผ้าคลุมออกจนสามารถเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าช่างตีอาวุธคือชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม เส้นผมสีเงินของเขาสะท้อนกับแสงไฟจากคบเพลิงเป็นประกายสวยงามน่าประหลาด นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดุจท้องฟ้ายามราตรีมีประกายลึกล้ำและดูจริงจังจนน่ากลัว ส่วนสูงของเขานั้นไม่น่าจะน้อยไปกว่า 185 เซนติเมตร รูปร่างสันทัดสมส่วน เมื่อนำทุกอย่างมารวมกันเป็นชายคนนี้ มันกลับทำให้ช่างตีอาวุธนึกใครบางคนขึ้นมา ใครบางคนที่เขากลัวว่าจะเป็นคนตรงหน้านี้จับใจ
" ทะ...ท่านคือ...เรเวน นักบวชไร้เงา !! " อุทานเสร็จช่างตีอาวุธรีบวิ่งหนีทันที แต่ไม่ทันแม้แต่จะได้ก้าวขาเรเวนก็มายืนขวางอยู่หน้าเขาอย่างรวดเร็วสมฉายานักบวชไร้เงา
" เห็นหน้าข้าแล้วสินะ " พริบตาที่กล่าวเสร็จร่างของช่างตีอาวุธผู้โชคร้ายก็ลงไปกองอยู่กับพื้นทันที เลือดสีแดงสดค่อย ๆ ไหลออกมาจากรอยปาดที่คออย่างช้า ๆ จนนองอยู่เต็มพื้นไปหมด และไม่ช้ากล่องปริศนาก็หายไปจากแท่นพร้อมกับร่างของนักบวชไร้เงา.........
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กลับมาที่ห้อง 203 โรงแรมมอร็อคอินท์
นักบวชไร้เงาหรืออีกชื่อหนึ่งซึ่งก็คือเรเวนกำลังเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสองของโรงแรมมอร็อคอินท์ เขาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องหมายเลข 203 แต่แทนที่เขาจะเคาะประตูก่อนตามมารยาท เขากลับเปิดเข้าไปทันทีเฉกเช่นตัวเขานั้นเป็นเจ้าของห้องก็ไม่ปาน เมื่อเขาเปิดเข้ามาภาพแรกที่เขาได้เห็นคือภาพของสาวน้อยผมบรอนด์ผิวขาวอมชมพูคนหนึ่งกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงของเขา แก้มที่แดงระเรื่อดูมีเลือดฝาดและริมฝีปากแดงอวบอิ่ม ทำให้เธอดูน่ารักมาก ทั้งรูปร่างที่อ้อนแอ้นดูน่าทะนุถนอม ช่างเป็นเด็กสาวที่น่าครอบครองเสียนี่กระไร ...แต่....เสียอย่างเดียว...เธอ....ไม่ใช่มนุษย์..!!
" Ruwach!! " เรเวนร่ายคาถาทำให้เกิดลูกไฟสีฟ้าขึ้นมาลอยวนอยู่รอบตัว ผลของคาถานี้คือทำให้คนที่แอบซ่อนตัวอยู่ไม่ว่าจะใต้พื้นหรือในกำแพงต้องเผยตัวออกมา
เมื่อเรเวนร่ายคาถาจบร่างของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่กำแพงฝั่งประตูทางเข้า เรเวนหันกลับไปมองทันที ภาพที่เขาเห็นนั้นก็คือ...........
++++++++++++++++++++
จบบทที่ 1 To be continue
++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น