ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Amo-Te

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 # เปิดเทอม

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 49


    Amo-Te

    Chapter 1 # เปิดเทอมวันแรก


    แสงแดดยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างบานน้อยเข้ามาส่องกระทบใบหน้าได้รูปสวยที่ตอนนี้กำลังหลับสนิท  แต่ก็เริ่มไม่สนิทเสียแล้วเมื่อแดดมันแยงตาขนาดนี้  เจ้าของร่างขยับพลิกตัวเพื่อหลบแดดที่ส่องเข้ามา  แต่นกเจ้ากรรมที่มาทำรังในบ้านคนอื่นก็ดันส่งเสียงร้องจิ๊บ ๆ ขึ้นมาอีก


    ไอ้นกบ้า!!  ไม่รู้จักบุญคุณ


    คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากันใบหน้าสวยมุ่ยลงทันตาแต่ตาก็ยังไม่ยอมเปิด  แถมมือยังคว้าหมอนข้างมาอุดหูเสียอีก  หลับต่อ...

    ได้ไม่นาน...นาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้เองก็ดังตามขึ้นมา

    โธ่...เว้ยย!!

    มือสวยเริ่มยกขึ้นคลำไปคลำมาจนเจอนาฬิกาปลุกชะตาขาดโดยที่ตายังไม่ยอมเปิดเช่นเดิม  และแล้วนาฬิกาก็ต้องมีอันเป็นไปด้วยการถูกโยนออกไปนอกหน้าต่าง

    โป๊กก!!

     
    "โอ๊ยย !!" มีเสียงร้องตามมาแต่ตัวต้นเหตุก็ยังไม่สนใจ  หลับต่อ...โดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าของเสียงเมื่อสักครู่กำลังวิ่งขึ้นบันไดมาด้วยอารามโกรธจัด

    "มินจี...มินจี!!...ตื่นได้แล้วเดี๋ยวนี้เลย...ด่วน!!" เจ้าของเสียงไม่พูดเปล่าใช้มือเขย่าร่างบางภายใต้ผ้าห่มนวมไปมา  หวังให้รู้สึกตัวเร็วขึ้น

     
    "หืม?...อืมม..รุนหวัดโจยา...ฮ้าวว...หัวเป็นอะไรไปน่ะเลือดอาบแต่เช้าเลยนะ" มินจีลุกขึ้นมานั่งพลางขยี้ตาและบิดขี้เกียจ

    "ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เลย มานี่" ว่าแล้วก็ดึงหูมินจีให้ตามตนออกไป

    "โอ๊ยจะทำอะไรน่ะ เจ็บน้า..โจยา"

    "นี่เลยหลักฐาน  เธอจงใจโยนนาฬิกาปลุกตกใส่หัวฉันเรอะ ?" ตอนนี้โจยายืนกอดอก  ส่วนมินจีนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นมองดูซากนาฬิกาปลุกของตัวเอง

    "เอ่อ...นี่มัน แหะ แหะ" มินจียิ้มแห้ง ๆ พลางเงยหน้าขึ้นไปมองสีหน้าโกรธจัดของเพื่อนสนิท

    "ว่ายังไง ?"

    "โจยา ฉันขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจเลยจริง ๆ ฉันแค่จะทำให้มันเงียบเท่านั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจทำให้นายเจ็บตัวเลยน้า" มินจีขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่และทำสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้

    มารยาชัด ๆ สายตาไม่ได้สำนึกเล้ย!!

    แต่โจยาก็อดใจอ่อนไม่ได้นี่เขาโง่หรือบ้ากันแน่นะ "เอาเถอะ  ช่างมัน  ฉันจะไปโรงเรียนแล้ว  เธอรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ" แล้วเขาก็หันหน้าไปมองทางอื่นแต่สายตาก็เหลือบมองมินจีนิด ๆ

    "เดี๋ยวสิ  แล้วแผลบนหัวนายล่ะ  เป็นอะไรมากมั๊ย ?" คราวนี้มินจีมองด้วยสายตาเป็นห่วงจริง ๆ

    โจยาเหลือบมามองมินจีอีกครั้งแล้วพูดว่า "เป็นสิ  เจ็บมาก ๆ เลยด้วย  ทำแผล ๆ "

    แล้วมินจีก็จัดแจงให้โจยานั่งบนโซฟา  ส่วนตัวเองพันผ้าพันแผลให้  หลังจากที่พันเสร็จเธอก็เริ่มถามอีกครั้ง

    "นายไม่เป็นอะไรจริง ๆ นะ สมองกระทบกระเทือนรึป่าว ดูซิ นี่กี่นิ้ว" ว่าแล้วก็ยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว

    โจยาเห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นแล้วยกมือขึ้นลูบหัวมินจีเบา ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นขยี้แรง ๆ แล้วพูดว่า

    "ถ้าเป็นอะไรมาก ฉันคงไม่ขึ้นไปลากเธอลงมาด่าแบบนี้หรอก โน่น..นอนตายคาที่พร้อมนาฬิกาเป็ดน้อยของเธอตรงโน้นโน่นรู้มั๊ย  ยัยตัวแสบ.."

     
    "หยุดน่า โจยา ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ" มินจีพยายามจับมือโจยาไว้

    "ทำไมล่ะ ก็ฉันหมั่นไส้เธอนี่ นี่ ๆ ฮ่า ฮ่า" ว่าแล้วก็ขยี้แรงขึ้นกว่าเดิมอีก

    "หนอยย" ในขณะที่มินจีกำลังจะเอาคืนบ้างโดยที่ลืมไปแล้วว่าคู่กรณีบาดเจ็บอยู่

    "มินจี...คือว่าฉันมีอะไรอยากจะบอก" โจยาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและดึงมือคู่สวยมากุมเอาไว้เหนืออก

    "หืม?..อะไรเหรอ ?" มินจีเริ่มสนใจขึ้นมา

    "คือว่าฉันน่ะ..." แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยค  มันจูน้องชายของมินจีก็เดินลงมาจากห้องนอนพอดี

    "เฮ้ย!!  โจยา  จะทำอะไรอย่าให้มันประเจิดประเจ้อนัก" มันจูพูดพลางมองโจยาด้วยสายตาเย็นยะเยือก

     
    "นายนี่มันไม่น่ารักเหมือนเดิมเลยนะมันจู" โจยาพูดแซว "แล้วบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่โจยา" เขาพูดพลางจ้องตอบกลับไปทางมันจูด้วยแววตาแฝงนัยอะไรบางอย่าง


    แต่มันจูทำเป็นไม่สนใจแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป
     
    หนอย..ไอเด็กนี่...แกล้งออกมาขัดให้ถูกจังหวะ


    "นี่มินจี...ฉันไปโรงเรียนก่อนนะ  เรื่องที่ว่าไว้เราค่อย..." โจยาพยายามจะพูดต่อ

    "พี่มินจี  ผมลืมผ้าเช็ดตัวหยิบให้หน่อยยย" มันจูตะโกนออกมาจากห้องน้ำ

    "จ้า..เดี๋ยวพี่หยิบให้  โจยาไว้เจอกันที่โรงเรียนนะ" มินจียกมือขึ้นพลางทำสีหน้าบอกว่าขอโทษ  ซึ่งโจยาก็เข้าใจ

    "อืม..ได้เจอกันที่โรงเรียน" แล้วโจยาก็เดินออกจากบ้านไปด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย

    "มันจู  เอ้านี่ผ้าเช็ดตัวเปิดประตูออกมารับหน่อยเร็ว"

    ........................................

    สวัสดีค่ะ  แนะนำตัวช้าไปไหมนะ  ฉันชื่อว่า จา มินจี ค่ะ  อายุ 17 ปี  ทุกเช้าบ้านฉันจะครึกครื้นแบบนี้ล่ะค่ะ  อ๊ะ ! แต่ว่าไม่ได้มีหัวแตกเลือดอาบแบบนี้ทุกวันนะคะ  วันนี้เป็นอุบัติเหตุจริง ๆ ค่ะ  ซึ่งผู้เคราะห์ร้ายก็คือเพื่อนสมัยเด็กของฉันเองค่ะ  เขาชื่อว่า  ลี โจยา  อยู่บ้านข้าง ๆ นี่เองค่ะ  ส่วนเด็กน้อยที่ปะทะฝีปากกับโจยาเมื่อครู่นี้ก็คือ  จา มันจู  น้องชายของฉันเองค่ะ

    ปกติแล้วพวกเราจะเดินไปโรงเรียนพร้อมกันสามคนทุกวัน  แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันเปิดเทอมที่สองวันแรก  โจยาจึงต้องไปเช้าเป็นพิเศษ  ทำไมน่ะหรือคะ  ก็เขาต้องรีบไปทำความสะอาดห้องชมรมและโรงฝึกน่ะสิคะ  ยิ่งเขามีตำแหน่งรองประธานชมรมเทควันโดของโรงเรียนสาธิตชิอันค้ำคออยู่ด้วย  ดังนั้นจะไปสายไม่ได้เด็ดขาด 

    "แม่คะ หนูไปโรงเรียนแล้วนะค้า"

    "ผมไปด้วย"

    "จ้า...ขอให้สนุกนะ"

    "ค่า/คร๊าบ"

    ที่จริงแล้วฉันควรจะไปพร้อมกับโจยาน่ะแหล่ะค่ะ  แต่ช่วยไม่ได้ก็ตื่นสายไปแล้วนี่สายนิดสายหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า  ใครกล้าแหยมกับกัปตันชมรมเทควันโดอย่างฉันนี่คงเตรียมใจไปนอนตบยุงที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว .. 

     
    "เจอกันตอนเย็นนะมันจู"

    "อืม"

    อ้าว...นี่ฉันยังไม่ได้บอกเหรอคะว่ากัปตันของชมรมเทควันโดก็คือฉันนี่แหล่ะ

    "โย่วว....สวัสดีทุกคน"

    ซ่า.!!!......เปียก

    "อ่ะ...โจยา!!!!!!!!"

    "ตัวเองเป็นกัปตันชมรมแท้ ๆ มาซะสาย อายรุ่นน้องซะมั่งสิ" โจยายื่นหน้ากวน ๆ ของเขาออกมาพร้อมด้วยหลักฐาน  กระป๋องน้ำว่างเปล่าหนึ่งใบในมือ…

    "หนอยย...ก็ไม่เห็นต้องสาดน้ำซะเปียกแบบนี้เลยนี่  ดีนะที่แวะเปลี่ยนชุดมาแล้วขืนชุดนักเรียนเปียกล่ะแย่เลย" ขณะที่มินจีกำลังสำรวจสวัสดิภาพชุดฝึกของเธอ

    "เอ้า!!.." โจยาโยนผ้าเช็ดพื้นให้กับมินจี  ซึ่งเธอก็รับไว้ได้อย่างแม่นยำ "ไหน ๆ ก็เปียกแล้ว  ซะหน่อยมั๊ย ?"

    "มันแน่อยู่แล้ว" รับคำเสร็จเธอก็เดินเข้าไปในโรงฝึก "เริ่มจากตรงไหนดีนะ..อืมม..ตรงนั้นดีกว่า" ว่าแล้วเธอก็เดินตรงดิ่งไปที่บริเวณเป้าหมาย

    จริง ๆ เธอก็อยากจะทำแบบนั้นแต่ว่าเหล่ารุ่นน้องทั้งหญิงชายที่ชื่นชมในตัวเธอนี่สิ  ต่างพากันกรูเข้ามาหาเธอเพื่อทักทายบ้าง  สอบถามสารทุกข์สุก ๆ ดิบ ๆ บ้าง  กว่าเธอจะหลุดไปถึงมุมสงบได้ก็แทบกระอัก…

    ยังเนื้อหอมเหมือนเดิม!!

    ในโรงเรียนสาธิตชิอันนี้แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักเธอ จา มินจี ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่ได้เรียนเก่งหรือเป็นกรรมการนักเรียนที่ต้องทำตัวเป็นนักเรียนดีเด่นตลอดเวลา  แต่สำหรับเธอแล้วสิ่งที่ทำให้ทุกคนในโรงเรียนรู้จักเธอนั่นก็คือ
     

    ตำแหน่งชนะเลิศการแข่งขันเทควันโดระดับม.ปลายทั่วประเทศเมื่อปีที่แล้ว  ถูกแล้วเด็กปีหนึ่งซ้ำยังเป็นผู้หญิงคนนี้แหล่ะที่พาชมรมเทควันโดของโรงเรียนสาธิตชิอันที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน  มุ่งสู่ระดับประเทศและคว้าตำแหน่งชนะเลิศได้ทั้ง ๆ ที่เข้าแข่งขันเป็นปีแรก  ม้ามืดของการแข่งขันอย่างแท้จริง!!

    นอกจากนี้เธอยังมีความสามารถด้านกีฬาอย่างล้นเหลือไม่ว่าจะเป็นกีฬาอะไรก็ตาม  ลองให้เธอได้เล่นแม้จะเล่นเพียงครั้งแรกก็ดูเหมือนกับเคยฝึกเล่นมาแล้วเป็นปี ๆ  อีกทั้งยังรูปร่างหน้าตาที่สวยและมีเสน่ห์ทั้งในสายตาเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน?!  ประกอบกับนิสัยที่ชอบช่วยเหลือผู้คนและเข้ากับคนอื่นได้ง่าย  จึงทำให้เธอกลายเป็นที่รักของคนหมู่มากได้ในไม่ช้า

    นอกจากมินจีแล้ว  โจยาก็เนื้อหอมไม่ใช่เล่นเหมือนกัน  ถึงเขาจะดูเป็นคนกวน ๆ บ้า ๆ บอ ๆ ออกจะประสาทนิดหน่อยด้วยซ้ำในความคิดของมินจี  แต่ทั้งความสามารถและหน้าตาถูกจัดว่าให้อยู่ในระดับที่สูงเหมือนกันถึงจะไม่เท่ามินจีก็เถอะ  ช่วยไม่ได้นี่คนมันหน้าตาดี  แถมสาว ๆ ที่ตอนแรกชอบโจยา  อยู่ดี ๆ เจ้าหล่อนทั้งหลายก็แปรพักตร์ไปชอบมินจีแทนซะอย่างนั้น

    จึงไม่น่าแปลกใจที่จะไม่มีใครอิจฉามินจีกับโจยา  ทั้งเรื่องที่ทั้งสองสนิทกันมากไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด  จนเรียกได้ว่าเป็นคู่หูกัปตันกับท่านรองได้เลย  แต่ก็อย่างว่าแหล่ะนะ  ถึงอิจฉาไปก็ทำอะไรไม่ได้  ใครกล้าไปหาเรื่องสองคนนั้นก็เชิญเลย  เทควันโดสายดำทั้งคู่...

    กิ๊ง...ก่องง..

    เสียงสัญญาณระฆังเข้าเรียนดังขึ้น  ทำให้ทุกคนในชมรมละจากภารกิจที่ทำอยู่อย่างเร่งด่วนเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและใส่เกียร์หมาโกยเข้าห้องเรียนในทันที  ก่อนที่จะถูกอาจารย์ด่าเนื่องจากโดดพิธีปฐมนิเทศไปแล้วยังจะเข้าห้องเรียนสายอีก

    มินจีกับโจยารีบวิ่งอย่างสุดชีวิตเพราะทั้งสองคนออกมาจากห้องชมรมเป็นคนสุดท้ายเนื่องจากต้องอยู่ตรวจสอบความเรียบร้อยและล็อคกุญแจให้แน่นหนาเสียก่อน

    แต่ที่จริงแล้ว....

     
    "เพราะนายแท้ ๆ เลยลืมกระเป๋าไว้ในห้องชมรม  ทำให้ต้องวิ่งกลับไปเอาเสียเวลาจริง ๆ" มินจีบ่นขณะที่วิ่งออกจากห้องชมรมรอบที่สอง

    "ก็ฉันบอกให้เธอไปก่อนแล้วไง  ตามมาเองทำไมล่ะ" โจยาหันไปบ่นบ้างขณะที่ยังวิ่งอยู่

    "ก็มันสายแล้วนี่ใครจะยอมโดนด่าคนเดียวล่ะ"

    "นี่สินะเหตุผลที่แท้จริง" ว่าแล้วโจยาก็ทำหน้าหน่าย ๆ

    ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงห้องเรียนชั้นปีสองห้องเอ

    มินจีง้างมือจะเคาะประตูแต่ก็หยุดไว้  เธอชักสีหน้ายุ่งยากใจแล้วก็ง้างมือขึ้นอีกครั้ง  แต่ก็ไม่เคาะอยู่ดี  จนโจยาเริ่มรู้สึกรำคาญ  ขณะที่มินจีง้างมือขึ้นรอบที่สามและคราวนี้ตั้งใจเคาะลงไปเต็มแรง…

    แต่ประตูได้ถูกเปิดออกเสียก่อน  ทำให้เธอเคาะลงไปบนหัวเหม่งของอาจารย์ใหญ่เต็มแรง  ย้ำ!!...เต็มแรงของนักกีฬาเทควันโดฝีมือระดับทีมชาติ...

    อาจารย์ใหญ่สลบเหมือดลงไปในทันที

    "เฮ้ยยยย!!" โจยากับอาจารย์ประจำชั้นร้องขึ้นมาพร้อมกัน  เมื่อเห็นภาพตรงหน้า

    สด ๆ ร้อน ๆ ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน โป๊กเดียวแทบเท้า!!

    "ว๊ากกกกก!!" มินจีร้องไม่ได้สรรพ  เมื่อเห็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่นอนกองอยู่ที่บริเวณปลายเท้าของเธอ

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    บริเวณบันไดทางขึ้นตึกที่ผู้คนพลุกพล่านเป็นประจำ  เพราะเป็นทางที่ทุกคนในโรงเรียนต้องใช้เพื่อเป็นทางผ่านไปชั้นเรียนของตน  โรงอาหาร  ห้องน้ำ  หรือแม้แต่ห้องพักครู

    แต่สำหรับวันนี้ผู้คนกลับดูพลุกพล่านเป็นพิเศษ  สาเหตุไม่ใช่เพราะเป็นวันเปิดเทอมวันแรกที่อะไร ๆ ยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางดีสักเท่าไหร่  แต่เป็นเพราะว่าสองคนดังแห่งโรงเรียนสาธิตชิอันกำลังถูกอาจารย์ใหญ่ลงโทษให้ยืนกระต่ายขาเดียว  พร้อมทั้งสวมที่คาดผมรูปหูกระต่ายแบกถังน้ำอยู่ต่างหากและที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างก็คือแผ่นป้ายที่ห้อยคอของทั้งคู่อยู่มันเขียนว่า

    "ฉันเป็นกระต่าย  กระต่ายตัวน้อยแบกน้ำขึ้นลงจากเขา  สุขเสียจริง  ฉันชอบแบกน้ำ  แบกได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ" 

    แต่สีหน้าของทั้งคู่มันช่างตรงข้ามกับข้อความที่เขียนอยู่นักสร้างความฮือฮาระคนขบขันจากทั้งเหล่ารุ่นพี่รุ่นน้องและเพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างดี  เพราะสีหน้าของทั้งคู่มันช่างส่ออาการเหม็นเบื่ออย่างรุนแรงแถมยังเริ่มเมื่อยแล้วด้วย  กระต่ายสองตัวเลยต้องหาอะไรกระแทกปากเพื่อยับยั้งความเหม็นเบื่อที่เริ่มโจมตีเข้ามาด้วยการ...

    "เป็นเพราะนายแท้ ๆ เลยถ้านายหยิบกระเป๋าออกมาตั้งแต่แรกพวกเราก็ไม่ต้องสาย  แล้วก็ไม่ต้องมาโดนทำโทษอยู่แบบนี้" มินจีเริ่มเปิดศึกก่อนทำให้อีกฝ่ายที่รอโต้ตอบอยู่แล้วต้องตอบกลับมา

    "อย่ามาทำเป็นโทษฉันนะ  เธอนั่นแหล่ะประตูมีให้เคาะไม่เคาะไปเคาะหัวเหม่งจารย์ใหญ่ทำไม  นี่น่ะมันเป็นเพราะเธอต่างหาก  แล้วทำไมฉันต้องมาโดนทำโทษกับเธอด้วยเนี่ย!.." โจยาตอกกลับทำให้คนเปิดศึกเริ่มหมั่นไส้

    "แล้วทำไมนายไม่เคาะซะเองล่ะ  รอให้ฉันเคาะมันก็เลยเป็นแบบนี้น่ะแหล่ะ" จนคำพูดด้วยความผิดที่แท้จริง  ทำให้ต้องเถียงข้าง ๆ คู ๆ

    "เธอ..นี่" คนถูกเถียงกำลังจะแย้งกลับแต่กลับรู้สึกถึงน้ำหนักที่มันเพิ่มขึ้นของถังน้ำที่เขาถืออยู่  เมื่อเขาหันกลับไปมอง

    "มันจู!!!" ถูกแล้วมันจูกำลังเอาหินถุงใหญ่ใส่เข้าไปในถังน้ำของโจยาเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้มันมากขึ้นทั้งที่มีน้ำอย่างเดียวก็หนักจะตายอยู่แล้ว  "ทำอะไรของนายน่ะ!!"

    มันจูทำไม่สนใจแล้วเดินเอาหินอีกถุงไปใส่ในถังน้ำอีกข้างที่โจยาถืออยู่  เมื่อหินถูกใส่เพิ่มเข้าไปด้วยน้ำหนักที่มากขึ้นเหลือคณาทำให้โจยาหมดแรงที่จะต่อปากต่อคำกับมินจีต่อไปได้

    จากนั้นมันจูก็เทน้ำจากถังพี่สาวออกถังละครึ่งหนึ่งใส่ถังที่ตนเองเตรียมมาซึ่งมินจีก็ยิ้มให้น้องชายเป็นเชิงขอบคุณ  มันจูยกถังของตัวเองขึ้นและกำลังจะเดินจากไป

    แต่ก่อนที่เขาจะเดินจากไปนั้นเขาได้หันกลับมาบอกโจยาว่า

    "อาจารย์บอกให้ผมเอาหินพวกนี้ไปทิ้ง  และตักน้ำกลับไปจะได้ถูห้อง" แล้วมันจูก็เดินจากไปทิ้งให้ใครบางคนต้องมองตามด้วยความแค้น

    ไอเด็กติดพี่...ตัวเองอยู่ ม.ต้น ดันเอามาทิ้งที่ตึก ม.ปลาย มันน่าเชื่อนัก!!

    เวลาผ่านไปคาบหนึ่งก็แล้วคาบสองก็แล้ว  กระต่ายสองตัวเริ่มหมดแรงอย่างเห็นได้ชัดแม้จะมีแอบอู้บ้างแต่อาจารย์ใหญ่ก็ไม่ประมาทส่งสายสืบมาแอบดูอยู่เรื่อย ๆ ทำให้พวกเขาอู้ได้ไม่สะดวกเท่าไหร่

    แต่เมื่อเวลาเลยผ่านมาถึงพักกลางวัน  อาจารย์ใหญ่คงเห็นว่าทำโทษพอแล้วเดี๋ยวจะเสียการเรียนตั้งแต่วันแรก  จึงปล่อยให้ทั้งคู่กลับห้องเรียนไปได้  ซึ่งทั้งคู่ก็มิได้ขัดข้องแต่ประการใดรีบชิ่งไปโดยทันที  และเป้าหมายแรกที่พวกเขาจะไปก็คือโรงอาหาร...

    "เป็นยังไงบ้างล่ะ  โดนทำโทษตั้งแต่วันแรกแบบนี้สมเป็นพวกนายเลยนะ" รุ่นพี่อินยองเดินเข้ามาทักเมื่อเห็นทั้งสองยกอาหารมาที่โต๊ะกินข้าว  และเดินตามไปนั่งด้วยโยไม่สนใจสายตาแปลก ๆ ของโจยาเลยแม้แต่น้อย

    "ก็อย่างนี้แหล่ะ  วันแรกไม่เอิกเริกก็ไม่สนุก" มินจีตอบขณะตักอาหารใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ไม่สนใจสายตารอบข้างที่มองมาอย่างสนใจ

    ก็จะไม่ให้สนใจได้ยังไง  เมื่อคนดังคนที่สามได้เข้ามาสมทบกับอีกสองคนที่ดังอยู่แล้ว  รุ่นพี่อินยองนั่นเอง  ประธานนักเรียนที่เพียบพร้อมที่สุดในประวัติศาสตร์โรงเรียนสาธิตชิอันที่ก่อตั้งมาแล้วกว่า 100 ปี

    ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาจนสาว ๆ ต้องมองเหลียวหลัง  มันสมองอันเป็นเลิศในด้านวิชาการ  และความสามารถทางกีฬาอันยอดเยี่ยม  อีกทั้งยังเป็นลูกชายของรัฐมนตรีว่าการกระทรงการต่างประเทศอีกด้วย  อนาคตเริ่ดหรูขนาดนี้มารู้จักกับสองตัวแสบของโรงเรียนได้ยังไง

    "ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ  อยากรู้จังว่าเมื่อไหร่จะยอมคบกับผมเสียที" ประโยคนี้ทำให้มินจีสำลักจนต้องทุบอกตัวเอง  และบะหมี่ที่อยู่ในปากของโจยาก็ถูกพ่นพรูดออกมาเต้นระบำอยู่บนโต๊ะ...

    "รุ่นพี่...ยังไม่ตัดใจอีกเหรอ ?" มินจีตอบทั้ง ๆ ที่มือควานหาแก้วน้ำ  ซึ่งรุ่นพี่อินยองก็เป็นคนส่งให้

    ถูกแล้วสิ่งที่ทำให้พวกเขาสนิทกันก็คือรุ่นพี่อินยอง  ประธานนักเรียนคนสำคัญของโรงเรียนสาธิตชิอัน  เป้าหมายหลักของสาว ๆ ในโรงเรียนได้ตกหลุมรักมินจีไปแล้วตั้งแต่แรกเห็น  แถมยังสารภาพรักกลางงานปฐมนิเทศเมื่อปีที่แล้วเสียอีก....และก็ถูกปฏิเสธกลางงานเช่นกัน

    เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์แรก ๆ ที่ทำให้มินจีเริ่มดังและเป็นที่รู้จักในโรงเรียน  ไม่ใช่เพียงหน้าตาที่สะสวยเท่านั้น  แต่เพราะสาว ๆ ที่เป็นแฟนคลับของรุ่นพี่อินยองต่างก็ปล่อยข่าวลือเลวร้ายต่าง ๆ นา ๆ เพื่อให้มินจีเสียชื่อ  แน่นอนว่าคติของมินจีคือ 

    "บุญคุณต้องทดแทน  ถูกแกล้งต้องเอาคืนเป็นล้านเท่า" (ไอข้างหลังมันแปลก ๆ นะ)

    และเป็นที่แน่นอนอีกเช่นกันว่าทุกรายถูกเอาคืนจนไม่กล้ามาตอแยกับมินจีอีก  แถมบางรายยังผันแปรไปเป็นแฟนคลับของมินจีซะเองตั้งแต่เธอพาชมรมไปชนะเลิศกลับมา

    "ยังหรอก  ตราบใดที่เธอยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน  ต่อให้มีพี่ก็จะแย่งเธอมาให้ได้" ประโยคนี้ทำให้มินจีสำลักรอบสองจนไอค่อกแค่ก  และโจยาที่เงียบมานานต้องเป็นฝ่ายพูดบ้าง

    "ใครคบกับยัยนี่ได้เกินสามวัน  เรียกว่า"หลง"  เกินห้าวัน  เรียก"เสียสติ"  ถ้าเกินกว่านั้น  ก็เรียกว่า"บ้า" แล้ว" พอพูดจบเขาก็ต้องหลบน้ำแข็งที่มินจีปามาเป็นการใหญ่

     
    "คิก...ฮ่า ฮ่า...คุยกับพวกนายเนี่ยสนุกดี  คลายเครียดเรื่องงานกรรมการนักเรียนไปได้มากเลย  โอ๊ะ!! นั่นรองประธานนี่นา โย่วว" ว่าแล้วก็โบกไม้โบกมือเรียกให้คนดังคนที่สี่ที่กำลังวิ่งวุ่นตามหาตัวคนดังคนที่สามอยู่ต้องรีบวิ่งเข้ามาหา

    กลายเป็นจุดเด่นหนักกว่าเก่าอีก  เมื่อรองประธานหน้าหวานได้วิ่งเข้ามาสมทบ  ทำให้จำนวนนักเรียนที่มุงดูอยู่ห่าง ๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นไปอีก

    นี่มันงานชุมนุมอะไรกันเนี่ยย!!

    "ประธานนนนนนน!!~มัวทำอะไรอยู่ครับ  ถึงจะเพิ่งเปิดเทอมแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีงานนะครับ แล้วนี่ยังมีเรื่อง แว๊ด ๆ ว๊าก ๆ บลา บลา บลา "

    รองประธานว๊ากใส่คนตำแหน่งสูงกว่าไม่หยุดก่อนที่จะลากตัวประธานคนสำคัญกลับไปห้องกรรมการนักเรียนได้เป็นผมสำเร็จ  สร้างความโล่งใจให้กับคนสองคนยิ่งนัก

    จะได้กินข้าวอย่างสบายใจเสียที...

    กว่าที่พวกเขาจะกินเสร็จก็ใกล้เวลาเข้าเรียนคาบบ่ายมากแล้ว  พวกเขาจึงตรงดิ่งกลับห้องเรียนทันที

    การเรียนในช่วงบ่ายเป็นอะไรที่น่าเบื่ออีกแล้วสำหรับมินจี  เพราะเธอไม่ชอบวิชาประวัติศาสตร์  มันเป็นวิชาที่ชวนง่วงที่สุดเท่าที่มินจีเคยเรียนมา  และยิ่งจัดตารางมาให้เรียนตอนบ่ายด้วยแล้ว  ไม่ต้องพูดถึง...หลับชัวร์

    ขณะที่มินจีกำลังหลับอย่างเป็นสุขอยู่นั้นอาจารย์ประจำชั้นซึ่งเป็นอาจารยืประจำวิชาประวัติศาสตร์ก็ย่างสามขุมมาหาเธอ

    โป๊ก!!  โอ๊ยย!!

    "จา มินจี" อาจารย์พูดด้วยเสียงแข็งกร้าว

    "ขา...จารย์  เคาะหัวหนูทำไมเนี่ย  ยิ่งโง่ ๆ อยู่เดี๋ยวความรู้กระเจิงหมด" มินจีตอบพลางเอามือคลำหัวป้อย ๆ จากการที่โดนสันหนังสือเล่มหนาวัดความหนาของกะโหลกเข้าให้

    "เย็นนี้ไปที่ห้องพักครูด้วย" อาจารย์ไม่เล่นด้วยแฮะ

    "ค่ะ" เนื่องจากทำอะไรไม่ได้เธอจึงต้องตอบรับไปอย่างว่าง่าย

    "เอ้า...เรียนต่อ ๆ" หลังจากนั้นมินจีก็หลับต่อเป็นที่อนาถใจแทนอาจารย์จริง ๆ

    ในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกเรียน  แสงอาทิตย์ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีส้มแสดสวยสด  แต่สีแสดสวยนี้ไม่ได้ฉาบที่ท้องฟ้าเพียงอย่างเดียว  มันยังฉาบจนแทบอาบไปทั่วใบหน้าของโจยาที่ดูแล้วเหมือนพระอาทิตย์พิโรธมากกว่า

    ก็จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรในเมื่อนี่ไม่ใช่ความของเขาเลยแม้แต่น้อย  แต่เขากลับต้องมาหาอาจารย์รับผิดเป็นเพื่อนมินจี  ทั้งที่เขามีหน้าที่รองกัปตันชมรมค้ำหัวอยู่แท้ ๆ แล้วนี่ก็ใกล้แข่งแล้วด้วย  ยังไม่ได้ฝึกรุ่นน้องให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย  ที่ปีที่แล้วเอาชนะมาได้นี่ก็เพราะเขากับมินจีช่วยกันติวเข้มรุ่นพี่หรอกนะ  แถมรุ่นพี่ก็มีพื้นฐานกันอยู่แล้วด้วย  ถึงรุ่นน้องบางคนจะเคยมาบ้าง  แต่กับรุ่นน้องที่เข้ามาเพราะชื่อเสียงของชมรมแต่ไม่มีพื้นฐานเลยล่ะจะทำอย่างไร

    ไม่ทันที่โจยาจะเอ่ยปากบอกอะไร  พวกเขาก็เดินมาจนถึงหน้าห้องพักครูแล้ว  ซึ่งมินจีก็เปิดเข้าไปทันทีโดยไม่ได้เคาะก่อน  ช่างเป็นผู้หญิงที่มารยาทดีเสียจริง ๆ

    "อาจารย์ขา  จา มินจีมารายงานตัวแล้วค่ะ  พร้อมด้วยโจยาคู่หูค่ะ" นั่น...ลากเพื่อนมาซวยด้วยอีกแล้ว

    "อืม...มากันสองคนก็ดีแล้ว" ถึงตรงนี้โจยาทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก  อาจารย์ก็เป็นไปกับเขาด้วย

    "เอาล่ะ...วันนี้ไม่มีอะไรมาก  ครูเรียกพวกเธอมาเพื่อบอกว่า  อาจารย์มีงานจะให้พวกเธอทำสักหน่อย" เรียกมาเรื่องงานอีกแล้วหรือเนี่ย  แต่ก็ยังดีกว่าถูกทำโทษล่ะนะ มินจีคิด

    "งานอะไรหรือคะ ?" เธอถามพลางยกแขนเรียวสวยขึ้นมากอดอกเอาไว้

    "พรุ่งนี้จะมีนักเรียนใหม่มาอยู่ที่ห้องของพวกเรา" อาจารย์พูดพลางหันหลังกลับไปหยิบแฟ้มประวัติยื่นให้ทั้งสองคน

    "นักเรียนใหม่ ?!" ทั้งสองพูดพร้อมกันด้วยสีหน้าตกใจ  นักเรียนใหม่!  เข้ามากลางเทอมอย่างนี้เนี่ยนะ

    "ใช่  เขาเพิ่งกลับจากต่างประเทศ  เขาไปอยู่ที่โปรตุเกสกับพ่อของเขาตั้งแต่ 8 ขวบ  และเพิ่งย้ายกลับมาเกาหลีเมื่อวาน  ดังนั้นพรุ่งนี้เขาถึงจะมาเรียนได้"

    "เดี่ยวก่อนนะครับอาจารย์  ชื่อ  ชาง ซุนวู  นี่มัน..." โจยาทักขึ้นเพราะชื่อมันคุ้นหูพิกล

    "อย่างที่เธอคิดนั่นแหล่ะ  ชาง ซุนวู  ผู้สืบทอดอันดับสามจากตระกูลชาง  ผู้ครอบครองธุรกิจใหญ่ ๆ ในเกาหลีไปกว่าครึ่ง  จะเรียกว่าเจ้าชายเลยก็ได้นะ"

    "อะไรนะนี่พวกหนูจะต้องมานั่งดูแลตาเจ้าชายอะไรนั่นงั้นเหรอ ?  ขอปฏิเสธค่ะ" มินจีพูดพร้อมยื่นแฟ้มประวัติส่งคืนให้กลับอาจารย์ประจำชั้นของเธอ  ซึ่งเขาไม่รับคืนและยังพูดต่อว่า

    "ไม่ได้หรอก  นี่เป็นคำสั่งอาจารย์ใหญ่" คำตอบของอาจารย์ทำเอามินจีกับโจยาหันขวับ

    ตกลงคดีเคาะเหม่งอาจารย์ใหญ่เมื่อเช้ายังไม่เคลียร์หรือนี่  ถูกทำโทษต่อจนได้  มินจีกับโจยาคิดเหมือนกันพลางทำสีหน้าหน่าย ๆ  โดยหารู้ไม่ว่าทั้งสองนั้น...คิดถูกแล้ว

    "เอาล่ะพรุ่งนี้รีบมาเร็ว ๆ ล่ะ  วันนี้หมดเรื่องแล้วกลับบ้านได้แล้ว" อาจารย์ตัดบทและไล่ทั้งสองกลับบ้านเพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว  ดีที่ทั้งสองฝากข่าวไปกับรุ่นน้องที่เจอระหว่างทางแล้วว่าวันนี้งดชมรมให้กลับบ้านกันไปได้เลย  ทั้งสองจึงเดินกลับบ้านด้วยกัน

    แต่เมื่อเดินมาถึงประตูหน้า  มิจีก็พบกับ  มันจู..น้องชายของเธอนั่นเอง  เขายืนคอยพี่สาวสุดที่รักอยู่นานสองนานทั้งที่ไม่รู้ว่าวันนี้มินจีถูกอาจารย์กักตัวไว้  เมื่อทั้งสองเดินมาถึง

    "ทำอะไรกันซะเย็น" มันจูถามด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ จนพี่สาวต้องรีบตอบไป

    "วันนี้พี่ถูกอาจารยืกักตัวไว้น่ะ" มันจูทำสีหน้าเข้าใจและหันไปมองทางโจยา

    "แล้วนั่นล่ะ" เขาถามพลางชี้ไปทางโจยาโดยที่ไม่ได้มองแม้แต่น้อย  ทำเอาโจยาเริ่มฉุนขึ้นมาตะหงิด ๆ

    "หมอนั่นเหรอ  ก็ด้วยกันแหล่ะ" มินจีตอบยิ้ม ๆ

    "อ้อ...คงไม่ใช่เพราะมันหรอกนะ" มันจูถามอย่างเอาเรื่อง

    "ไม่หรอก  แต่ก็นิดหน่อยน่ะ" มินจีแอบใส่ลูกหยอกพาซวยให้โจยาอีกแล้ว

    "พอเลย ๆ พอกันทั้งพี่ทั้งน้อง  อย่าคิดว่าฉันเงียบแล้วจะพูดอะไรก็ได้นะ" โจยาทำสีหน้าโกรธ ๆ แล้วก็เดินจากไป  จนมินจีต้องวิ่งตามไป  และมันจูก็วิ่งตามมินจีไปอีกที

    สุดท้ายทั้งสามก็กลับบ้านด้วยกันเช่นเคย  แล้วพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรนะ

    +++++++++++++++++++++++
    จบ chapter 1 To be continue
    +++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×