ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; คุณหนูหน้าใสกับคุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #5 : >>:: Chapter 3

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 674
      9
      13 เม.ย. 58





    Chapter 3

     

     

    “เอ้าๆ  มองขนาดนี้  ติดใจในความหล่อของฉันรึไง?” เจ้าของนัยน์ตาสีทองกล่าวต่อ พร้อมเบียดตัวลงนั่งข้างๆ ลัลทริมา  ไม่ได้สนใจเอมิกาและมัณฑินีที่นั่งทำหน้างุนงงเลยแม้แต่น้อย  

     

    “โทษทีนะ แต่ใครเชิญให้นายนั่งไม่ทราบ?” เอมิกาเอ่ยถามทันที

     

    “ก็แฟนของฉันไง”

     

    คำตอบของอัลเวนยิ่งสร้างความสงสัยให้กับเอมิกาและมัณฑินีมากยิ่งขึ้น  ..แฟน..?  ก่อนทั้งสองจะต้องเบิกตากว้างเมื่ออัลเวนยิ่งมือขึ้นโอบไหล่ของลัลทริมา

     

    “ใช่ไหมจ๊ะ...ที่รัก ?”

     

    คนที่เอาแต่ตกตะลึงตั้งแต่เมื่อครู่ก็เหมือนจะเพิ่งได้สติ...ไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน  ลัลทริมารีบปัดแขนของอัลเวนทิ้งทันที  ก่อนจะลุกพรวดแล้วถอยห่างจากเขา “ทำบ้าอะไรของคุณน่ะ!!?

     

    “นั่นสิ  ทำบ้าอะไรของแกน่ะ  คิดจะรังแกลัลรึไง” เพื่อนสาวคนห้าวก็รีบช่วยลัลทริมาอีกแรงด้วยการคว้าแขนลัลทริมาให้ไปหลบหลังตนเอง  ส่วนมัณฑืนีก็รีบขยับเข้ามาอยู่ใกล้ๆ เอมิกา  เพื่อจะคอยห้ามสาวห้าวในกรณีที่อาจจะเกิดการใช้ความรุนแรงขึ้นได้  

     

    ถ้าเป็นปกติลัลทริมาอาจจะกล่าวกับเอมิกาไปแล้วก็ได้ว่า “เอม...อย่ามีเรื่องกันเลยนะ” อะไรประมาณนี้  แต่ในตอนนี้เธอกลับหวังเอาไว้ลึกๆ ว่าอยากจะให้เอมิกากระโดดต่อยปากคนตรงหน้าให้ที  เธอไม่ได้อคติกับเขานะ...แต่เธอไม่ชอบเขาเอาซะเลย  ผู้ชายที่กล้าทำรุ่มร่ามกับเธอทั้งๆ ที่เพิ่งจะเคยพบกัน  แถมยังทำแบบนั้นต่อหน้าพวกคุณชายจนทำให้เธอพลอยโดนพวกนั้นด่าไปด้วย 

     

    “เอาเป็นว่าคราวหน้าถ้าเจอก็อย่าเข้าไปใกล้มันล่ะ  หมอนั่นมันเป็นตัวอันตรายสำหรับผู้หญิง”

     

    แล้วคำเตือนของพวกคุณชายก็ย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของลัลทริมาอีก  ใช่แล้ว...เธอให้สัญญากับพวกนั้นเอาไว้ว่าจะไม่เข้าใกล้อัลเวนอีก  เพราะฉะนั้น...ตอนนี้เธอจะต้องหนีไปให้ไกลจากตรงนี้  หรือบางทีอาจจะพูดว่าหนีให้ไกลจาก หมอนี่ก็เป็นได้

     

    คิดได้ดังนั้นร่างบางจึงวิ่งหันหลังหนีออกไป  ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนสาวทั้งสอง

     

    “อ้าว จะไปไหนน่ะลัล?” เอมิกากับมัณฑินีตกใจกับท่าทางของลัลทริมาก็รีบเอ่ยถามเอาไว้ก่อนที่เพื่อนสาวของเธอจะวิ่งหนีไป

     

    “เอ่อ...ฉันขอตัวไปห้องน้ำหน่อยนะ  แล้วเจอกันที่ห้องเรียนเลยนะจ๊ะ”  ว่าจบลัลทริมาก็วิ่งไปอย่างรวดเร็ว   ปล่อยให้สองสาวได้แต่งงกับท่าทางรีบร้อนของเธอ  ก่อนที่เอมิกาจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มไม่ได้รับเชิญที่ยังอยู่ตรงนี้

     

    “ว่าไงล่ะ?  นายน่ะเป็นใคร  แล้วเมื่อกี้ทำไมถึงเรียกลัลว่าแฟน ?”

     

    หากแต่คนถูกถามกลับเมินหน้าหนีจากเอมิกา  นัยน์ตาสีทองมองตามแผ่นหลังบางที่วิ่งหนีออกไปไกล  ก่อนจะพาตัวเองลุกตามร่างเป้าหมายไป  ไม่สนใจสองสาวที่เหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย

     

    “อ้าว  เฮ้ย!!

     

    “ช่างเขาเถอะเอม” มัณฑินนีว่า  พร้อมถอนหายใจอย่างนึกโล่งอกที่อย่างน้อยๆ ก็ไม่ต้องมีเรื่องกัน “แต่ก็สงสัยจริงๆ นะ...ว่าทำไมถึงต้องเรียกลัลว่าแฟน”

     

     

     

     “บอกให้หยุดไงล่ะ!

     

    ..หยุดก็โง่สิ.. ลัลทริมาคิดขณะที่กำลังวิ่งหนีอัลเวน  เธออุตส่าห์มั่นใจในฝีเท้าตัวเองแล้วนะว่าเร็วแสนเร็ว  ขนาดพวกคุณชายที่ว่าเก่งๆ ก็มีแค่อคินเท่านั้นที่สามารถตามฝีเท้าเธอทัน  แล้วทำไมตอนนี้อัลเวนถึงได้ตามเธอมาติดๆ ได้

     

    ฝ่ายคนวิ่งตามเองก็ชักจะรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเต็มทีแล้ว  อัลเวนจึงรวบรวมแรงกำลังเร่งฝีเท้าให้เข้าใกล้เธอ มือหนายื่นไปคว้าเอาแขนของลัลทริมาไว้อย่างแรง “บอกให้หยุดก็หยุดสิ” 

     

    “ว้ายยยยย”  เพราะถูกกระชากแขนเอาไว้อย่างแรง  ทำให้ลัลทริมาเสียหลักหงายหลังล้มลงไปนั่งกับพื้นทันที  ทำเอาเจ้าของมือแกร่งที่จับแขนเธอไว้ต้องหัวเราะร่วนด้วยความสะใจ  พลางย่อตัวลงมาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกันกับเด็กสาว

     

    “ไม่สวยแล้วยังซุ่มซ่ามอีก”  อัลเวนว่า “คงไม่โง่ด้วยหรอกใช่ไหมเนี่ย??”

     

    คนถูกต่อว่าตวัดสายตามองเขาด้วยความไม่พอใจ  ก่อนจะกดเสียงต่ำตอบกลับไป “อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน  แล้วก็ช่วยปล่อยแขนของฉันด้วย” ตอบพลางพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากมือแข็งแกร่งของอัลเวน  แต่ยิ่งเธอพยายามสะบัดแรงเท่าไหร่  เขาก็ยิ่งบีบแขนเธอแรงขึ้นเท่านั้น

     

    “ไม่ปล่อย” อัลเวนตอบชัดเจน “แล้วนี่คิดจะหนีไปไหน??  ไม่ได้ยินรึไงว่าฉันบอกให้หยุดน่ะ”

     

    “ไม่ได้หนี...จะไปห้องน้ำตะหาก”  

     

    “โกหก  เธอหนีฉันชัดๆ”

     

    “ก็แล้วแต่จะคิด” ลัลทริมาตอบปัดราวกับไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนตรงหน้า  

     

    อัลเวนมองใบหน้าหวานของคนตรงหน้า  ก่อนจะแค่นยิ้ม  “หึ..ทำท่าทางโอหังดีนี่  ลืมไปแล้วรึไงว่าวันนั้นเธอทำอะไรกับฉันเอาไว้”

     

    “อะไรเหรอคะ?” ลัลทริมาว่าพลางเลิกคิ้วถามอีกฝ่ายอย่างท้าทาย

     

    “ทำเป็นลืมไปได้  ก็เธอตบหน้าฉันไง  กล้าดียังไงมาทำร้ายหน้าหล่อๆ ของฉันได้  ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำแบบนั้นกับฉันเลยนะ” อัลเวนกัดฟันว่าด้วยแววตาไม่พอใจ

     

    “ก็คุณทำร้ายฉันก่อนรึเปล่าล่ะ?”

     

    คนฟังเลิกคิ้วกับคำตอบของเด็กสาว “แค่จูบเนี่ยนะเรียกทำร้าย  ฉันว่าเธอน่าจะดีใจด้วยซ้ำนะ  ไม่ใช่ว่าฉันจะยอมจูบใครง่ายๆ ซะหน่อย  แถมไม่สวยและไร้เสน่ห์อย่างเธอ  ควรจะดีใจเอามากๆ ด้วยซ้ำไป”

     

    คำพูดนั้นพาให้คนฟังถึงกับหน้าแดงจัดด้วยความโกรธ  มือบางข้างที่ไร้พันธนาการเงื้อมขึ้นสูงเตรียมจะตบหน้าเขาเพื่อสั่งสอน  แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันถึงได้รีบคว้ามือของลัลทริมาเอาไว้ก่อน  ทำเอาเด็กสาวตกใจหนักที่คราวนี้มือทั้งสองข้างถูกพันธนาการเอาไว้หมด “ปล่อยนะ!

     

    เห็นท่าทางดื้อดึงของคนตรงหน้าแล้วอัลเวนก็ชักจะหมั่นไส้  จึงคิดจะกลั่นแกล้งเด็กสาว “เอางี้  ฉันจะปล่อยเธอก็ได้  แต่เธอต้องตะโกนให้ผู้คนรอบๆ นี้ได้ยินว่า... คุณอัลเวนที่รัก...ฉันขอโทษนะคะ

     

    ลัลทริมาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่อัลเวนพูด  พลางลองกวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณก็เห็นว่ามีผู้คนรายล้อมอยู่มากทีเดียว  โดยเฉพาะกลุ่มสาวๆ ที่ตามอัลเวนมา  ซึ่งกำลังมองมาทางเธอและอัลเวนด้วยความสนใจใคร่รู้  “บ้า! ใครมันจะไปพูดแบบนั้นกัน” ใช่...เธอไม่เห็นจำเป็นจะต้องขอโทษอะไร  คนที่ต้องขอโทษน่ะ...มันอัลเวนต่างหาก! และที่สำคัญ...เธอไม่มีทางยอมเรียกผู้ชายแบบนี้ว่าที่รักแน่ๆ!!

     

    “ไม่พูด...ก็ไม่ปล่อย” อัลเวนตอบอย่างลอยหน้าลอยตา 

     

    “ไม่ปล่อยก็ไม่ง้อหรอก!!!” ลัลทริมาตอบกลับทันที  แล้วไม่รอช้ารีบเอาศีรษะของเธอโขกเข้ากับคางของเขาเต็มแรง  ทำเอาอัลเวนถึงกับต้องรีบปล่อยมือที่จับลัลทริมาไว้ไปกุมคางของตนเองทันที  และลัลทริมาก็ไม่ยอมปล่อยเวลาให้เสียเปล่า  เธอผลักเขาจนหงายหลังล้ม  แล้วรีบลุกขึ้นจะวิ่งหนี...แต่กลับต้องชะงักเสียก่อนเมื่อเสียงตะโกนของอัลเวนดังขึ้นมา...   

     

    “ที่รัก!! ผมรู้นะว่าคุณโกรธมากที่ผมจูบคุณโดยไม่ได้ขออนุญาต” 

     

    ลัลทริมาตาโต  หันกลับมามองอัลเวนด้วยสายตางุนงงปนกับไม่พอใจที่เขาพูดเรื่องจูบ “พูดบ้าอะไรของคุณน่ะ”

     

    “ผมขอโทษจริงๆ  แต่ริมฝีปากของคุณมันหอมหวานจนผมอดใจไม่อยู่  และที่ผมทำไปทั้งหมดก็เพราะผมรักและหลงใหลในตัวคุณนะ...เพราะฉะนั้นอภัยให้ผมเถอะนะ”

     

    คำพูดที่ทำให้สาวๆ ที่อยู่บริเวณนั้นกรี๊ดขึ้นมาด้วยความเขินอาย  สายตาแต่ละคู่มองที่อัลเวนอย่างเพ้อฝัน  แต่กลับส่งความอิจฉาริษยามาทางลัลทริมาแทน  ส่วนสายตาของพวกหนุ่มๆ ในที่นั้นก็มองเธออย่างต้องการจะค้นหาว่าสิ่งที่อัลเวนพูดนั้นจริงหรือไม่  ทำเอาลัลทริมาตีสีหน้าไม่ถูก  ทั้งโกรธทั้งอาย  แถมยังไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี  จึงได้แต่หันไปมองตัวต้นเหตุที่ส่งรอยยิ้มสะใจให้เธอ

     

    “ตกลงว่าคุณให้อภัยผมรึเปล่าครับ...ที่รัก?”

     

    “ฝันไปเถอะไอ้บ้า!  ว่าจบก็วิ่งหนีไปทันที  ปล่อยให้อัลเวนที่ยังคงอยู่ตรงนั้นมองตามด้วยความสะใจ

     

     

     

    ลัลทริมาเดินขึ้นห้องเรียนมาด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว  ยิ่งมาเจอพวกคุณชายหน้าหล่อทั้ง 7 นั่งคุยกันอย่างสนุกสนานแล้ว  เธอก็ยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่  ที่พวกเขาบังอาจมานั่งคุยกันสนุกสนาน แต่กลับปล่อยให้เธอต้องเผชิญหน้ากับอัลเวนตามลำพังแบบนั้น...แถมยังโดนไอ้เจ้านั่นตะโกนเรียก ที่รักต่อหน้าคนตั้งเยอะ  ไหนจะพูดเรื่อง จูบนั่นอีก  แบบนี้มีหวังพวกนั้นคงเข้าใจผิดเรื่องระหว่างเธอกับอัลเวนกันหมดแล้วแน่ๆ  ยิ่งคิดก็ยิ่งพาให้อารมณ์ของเด็กสาวขุ่นมัวมากขึ้นเท่านั้น 

     

    “อ้าว คุณลัล  อรุณสวัสดิ์ครับ” แคปเปอร์ที่สังเกตเห็นลัลทริมาเป็นคนแรกก็เอ่ยทักทายเธอทันที  ก่อนที่คุณชายคนอื่นๆ จะหันมามองเธอทางเธอบ้าง

     

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ทว่าน้ำเสียงของร่างบางกลับฟังดูแข็งเสียยิ่งกว่าก้อนหิน  ทำเอาพวกคุณชายได้หันมองหน้ากันไปมาราวกับจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับลัลทริมา  แต่ต่างคนต่างก็ทำเพียงยักไหล่ให้กันอย่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

     

    “เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณลัล  ท่าทางอารมณ์ไม่ดีเลยนะครับ” เป็นแคปเปอร์ที่เอ่ยถามอีกครั้ง

     

    “ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ” ปฏิเสธกลับไป  หากแต่คิ้วเรียวกับขมวดมุ่นจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์อยู่แล้ว

     

    “โกรธอะไรพวกฉันรึเปล่าเนี่ย?” ภามเอ่ยถามอย่างสงสัย 

     

    “ก็นิดหน่อย” เด็กสาวว่า  พลางทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ประจำตัวของเธอ “แต่โกรธคนที่ชื่ออัลเวนมากกว่า”

     

    พอได้ยินชื่อของคนที่ไม่ชอบขี้หน้าเอามากๆ แล้ว  พวกคุณชายก็ถึงกับตาโต  และดูท่าว่าตอนนี้จะไม่ได้มีเพียงลัลทริมาเท่านั้นที่อารมณ์เสีย  เพราะพวกคุณชายเองก็เริ่มจะอารมณ์เดือดไม่ต่างจากเธอ  ก่อนที่พวกเขาจะรุมล้อมถามลัลทริมาถึงเรื่องของอัลเวนว่ามันเกิดอะไรขึ้น  แล้วทำไมเธอถึงได้อารมณ์เสียเพราะมีต้นเหตุมากจากไอ้เจ้านั่น

     

    “ก็เพราะเมื่อกี้ฉันถูกหมอนั่นแกล้งไงเล่า  เขาเดินเข้ามาทำเป็นทักทาย  แล้วก็นั่งลงข้างๆ ฉัน  ทีนี้ฉันก็เลยลุกขึ้นวิ่งหนีออกมา...” ลัลทริมากล่าวได้แค่นั้น...  มือบางกำแน่นอย่างอดโมโหไม่ได้  บางทีก่อนที่จะวิ่งหนีออกมาเมื่อครู่นี้...เธอไม่น่าจะทำแค่ผลักเขาเลย   แต่น่าจะตบหน้าอัลเวนแรงๆ อีกสักครั้งก็คงจะดี

     

    “ดีนะที่คราวนี้ไม่ได้ยืนโง่ปล่อยให้มันทำอะไรแบบครั้งที่แล้วอีก” การินว่าอย่างตำหนิ  ทว่ามันก็ดูจะเป็นคำชื่นชมเช่นเดียวกัน

     

    “นี่...ฉันคงไม่โง่ซ้ำซ้อนหรอก” ลัลทริมาว่า

     

    “ดีแล้วล่ะที่เธอรีบลุกหนีจากมันน่ะ” ชินะกล่าวยิ้มๆ อย่างชื่นชมเธอ

     

    ”ก็ฉันสัญญากับพวกคุณไว้แล้วนี่...ว่าจะระวังตัวจากเขาน่ะ” เด็กสาวกล่าวพลางก้มหน้างุดอย่างอดที่จะเขินอายไม่ได้  ทำเอาพวกคุณชายเองก็รู้สึกเขินขึ้นมาด้วยเสียได้

     

    “ก็ดีแล้วนี่” ภามว่าพลางขยี้ผมลัลทริมาเบาๆ   

     

    “ใช่...ทำได้ดีเลยนะ” เชียรเองก็กล่าวชมบ้าง

     

    แต่เวลาแห่งความสุขของเธอและพวกเขาดูเหมือนจะเดินเร็วกว่าที่คิด  เพียงไม่นานเสียงบานเลื่อนของประตูห้องเรียนก็ถูกเปิดออก  พร้อมๆ กับนักเรียนหลายคนที่เดินเข้ามาในห้องเรียนแห่งนี้  ก่อนที่จะมีสองสามคนที่เดินเข้ามาเอ่ยแซวลัลทริมา

     

    “เมื่อเช้านี้เขินแทนลัลเลยนะ” เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งที่อยู่ร่วมเหตุการณ์เมื่อเช้ากล่าว “ว่าแต่นั่นแฟนเธอจริงๆ เหรอ?”

     

    “นั่นสิๆ แฟนจริงๆ เหรอลัล  ทำไมหล่อจังเลยอ่ะ  แนะนำให้รู้จักบ้างสิ” อีกคนว่าอย่างอยากรู้อยากเห็น

     

    “ใช่...นอกจากจะหล่อแล้ว  ยังน่ารักอีกนะ  เล่นตะโกนง้อลัลแบบนั้น...ทำเอาคนแถวนั้นเขินไปหมดเลยรู้ไหม?  ดูสวีทเหมาะสมกันมากๆ เลยนะ”

     

    เจอคำเอ่ยแซวจากเพื่อนๆ เข้าไปก็ทำเอาเด็กสาวเจ้าของหัวข้อการสนทนาหน้าซีดเล็กน้อย  ก่อนที่เธอจะปรายตามามองยังพวกคุณชาย...ที่ตอนนี้ต่างก็จ้องหน้าเธอเขม็งอย่างเอาเรื่อง

     

    “ที่พวกนั้นพูดหมายความว่าไง?” อคินเอ่ยถาม

     

    “ไหนบอกไม่ได้โดนทำอะไรมาไง?” 

     

    “ยังไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย...ฉันบอกแค่ว่าฉันลุกหนีออกมา” คนถูกกล่าวหารีบอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “...แต่เขาตามมาทัน  แล้วก็แกล้งฉันด้วยการตะโกนเรียกฉันว่า ที่รักซะเสียงดัง  แถมบริเวณนั้นคนยังเยอะมากอีกด้วย...”

     

    “อ๋อ...แล้วเธอก็โง่ปล่อยให้มันเรียกที่รักอยู่แบบนั้น  ใช่ไหม?” การินขมวดคิ้วถาม

     

    ลัลทริมาเองก็ชักจะโกรธขึ้นมาบ้างแล้วที่ถูกต่อว่าเรื่องโง่  จริงๆ ความโง่มันก็ไม่เข้าใครออกใครหรอก  แม้มันจะเข้าเธอบ่อยและไม่ค่อยจะออกจากเธอสักเท่าไหร่ก็ตาม  แต่โดนด่าโง่บ่อยๆ นี่มันก็ไม่ตลกนะ “ก็เขาเรียกเองป่ะ?  ฉันไม่ได้บอกให้เขาเรียกฉันแบบนั้นซะหน่อย  แล้วฉันเองก็ไม่ได้เรียกเขาว่าที่รักกลับด้วย”

     

    “แต่ทำแบบนั้นมันไม่โอเคเลยนะครับ” เรวินว่า “แบบนี้คนทั้งโรงเรียนคงเข้าใจผิดคิดว่าคุณลัลกับเขาเป็นแฟนกันแล้วล่ะมั้งครับเนี่ย?”

     

    “ไหนบอกรักษาสัญญาไง...” ชินะกล่าวขึ้นมาลอยๆ แต่ลัลทริมาก็รู้ดีว่าเขาตั้งใจจะว่าเธอนั่นแหละ

     

    “มันก็ความผิดพวกคุณเหมือนกันนั่นแหละ  ฉันกับเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  ตอนที่เจอกันเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรฉันสักหน่อย  แต่พอเขามาเห็นฉันอยู่กับพวกคุณ...ตั้งแต่นั้นมาเขาก็แกล้งฉันแบบนี้ไง” ลัลทริมาโต้

     

    พวกคุณชายอึ้งไปเล็กน้อย  ไม่ใช่พวกเขาไม่รู้ว่าอัลเวนเข้าใกล้ลัลทริมาเพราะอะไร...พวกเขาออกจะรู้ดีด้วยซ้ำไป

     

    “เพราะงั้นถึงได้บอกให้ระวังตัวไง” ภามว่าอย่างอดเห็นใจเด็กสาวไม่ได้  จริงๆ เธอก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอก คนที่ผิดน่าจะเป็นอัลเวนเสียมากกว่า

     

    “แล้วทำไมหมอนั่นถึงมาโผล่ที่โรงเรียนนี้ได้ล่ะ?” แคปเปอร์เอ่ยข้อสงสัยของตนเองขึ้นมา  พาให้คนอื่นๆ ได้คิดตาม  นี่อัลเวนถึงขนาดตามมาก่อกวนที่โรงเรียนเลยอย่างนั้นหรือ..?  หรือว่า... 

     

    “หมอนั่นน่าจะมาในฐานะนักเรียนค่ะ  เพราะเขาแต่งชุดเครื่องแบบของนิศาพาณิชย์” ลัลทริมากล่าวตอบข้อสงสัยให้   ก่อนจะหันไปมองการินที่รีบล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก  และเพียงไม่นานเขาก็เอ่ยคำถามเสียงดังกับคู่สนทนา

     

    “หมายความว่าไงกันพ่อ  ทำไมไอ้เจ้าอัลเวนมันถึงมาโผล่ที่โรงเรียนนี้ได้”

     

    แค่ได้ยินคำสนทนา  พวกคุณชายก็พอจะเดาได้ว่าการินคงจะโทรไปสอบถามเรื่องราวจากผู้อำนวยการนรินทร์เป็นแน่แท้

     

    เอ่อ...ก็เมื่อวันที่เขามาบ้านเรานั่นไง เขามาคุยเรื่องขอทำเรื่องเข้าเรียนที่นิศาพาณิชย์ พ่อก็เลยอนุมัติเขาพร้อมทำเรื่องเข้าเรียนให้

     

    “พ่อเอามันเข้าเรียนทำไม  ไล่มันออกไปเลยนะ!!” การินว่ากลับไป

     

    จะบ้ารึไงเจ้าลูกคนนี้ พ่อจะไล่เขาออกได้ยังไงกัน เขา.......ฟังได้แค่นั้นการินก็กดตัดสายทิ้งทันที ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเพื่อนๆ ที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

     

    “พ่อเป็นคนรับมันเข้ามาเรียนเอง”

     

    “เฮ้ย! เล่นตามกันมาถึงโรงเรียนเลยงั้นเหรอ?” อคินพึมพำ  ก่อนจะเอ่ยกับเพื่อนๆ เสียงดัง “เห็นทีคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ”

     

    “อืม...เตรียมแผนรับมือกันดีไหม?” เชียรถามความเห็นจากเพื่อนๆ  และแน่นอนว่าทุกคนจะต้องเห็นด้วย

     

    “ขอแบบแรงๆ เลยก็ดี” ชินะว่า

     

    “ได้...เดี๋ยวท่านเชียร(ผู้ชั่วช้า?)คนนี้จะคิดแผนเอง” เจ้าของเรือนผมสีแดงกล่าวอย่างมั่นใจ  หึ...เรื่องแผนชั่วๆ น่ะไว้ใจเขาได้เลย  ทำคนหวาดกลัวและร้องไห้มานักต่อนักแล้ว  ขนาดลัลทริมาเองก็ยังเคยโดนเลย

     

    เหล่าคุณชายยิ้มชั่ว...พาให้ลัลทริมาที่นั่งอยู่ตรงนั้นอดที่จะขนลุกไม่ได้  แต่ก่อนที่เรื่องราวจะเลยเถิดไปมากกว่านี้  เรวินก็หันมายิ้มหวานให้กับลัลทริมา “คุณลัลเอง...ช่วงนี้ก็ต้องระวังตัวให้มากๆ นะครับ”

     

    “ถ้าเป็นไปได้...เวลาอยู่ที่โรงเรียนก็พยายามอยู่กับพวกฉันเอาไว้ละกันนะ” ภามว่า

     

    “แต่ถ้าจะให้ดียิ่งกว่านั้น...ก็ขอเชิญคุณลัลย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านจินตเมธรเลยก็ได้นะครับ” แคปเปอร์เอ่ยยิ้มๆ  พาให้ลัลทริมาต้องยิ้มตามไปด้วย  แต่เธอก็ทำเพียงแค่ส่ายหน้าปฏิเสธเท่านั้น  ก่อนที่ทั้งหมดจะสลายกลุ่มกลับที่นั่งของตนเมื่ออาจารย์เข้าสอน

     

     

     

    พักเที่ยง

    ก็ไม่รู้ว่าลัลทริมาฟังภาษาคนรู้เรื่องหรือเปล่า  เพราะก็เพิ่งบอกไปเมื่อตอนเช้านี่เองว่า เวลาอยู่ที่โรงเรียนให้พยายามอยู่กับพวกเขาเอาไว้ แต่นี่พอออดพักเที่ยงดังปุ๊บ  คุณเธอก็เล่นหายไปจากห้องเรียนอย่างรวดเร็ว  ลำบากให้พวกคุณชายสุดหล่อชาติตระกูลดีอย่างพวกเขาต้องออกตามหากันแบบนี้

     

    “ยัยนั่นหายไปไหนวะ” การินว่าอย่างเริ่มจะอารมณ์เสีย  หลังจากที่เดินตามหาลัลทริมาเสียจนแทบจะทั่วตึกเรียนอยู่แล้ว  

     

    “ไม่ใช่โดนหมอนั่นลากเข้าป่าหลังโรงเรียนไปแล้วเหรอครับ..?” เรวินว่ายิ้มๆ

     

    ทุกสายตาตวัดมาจ้องเรวินอย่างไม่ชอบใจกับคำพูดของเขา  ทำให้คุณชายเจ้าของเรือนผมสีดำพ่วงผิวสีเข้มได้แต่หัวเราะเจื่อน “ผมก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง  พวกคุณไม่เห็นจะต้องจริงจังเลยนี่ครับ”

     

    “ไม่จริงจังได้รึไงกันเล่า” อคินบ่นพึมพำ 

     

    “ฮะๆๆ ถ้าหาไม่เจอแบบนี้...ผมว่าเราไปทานอาหารที่โรงอาหารกันเถอะครับ  ชักจะหิวขึ้นมาซะแล้วสิ  ไม่แน่ว่าบางทีคุณลัลอาจจะอยู่โรงอาหารก็ได้นะครับ” เรวินเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง  พาให้พวกคุณชายคนอื่นๆ ได้พ้องต้องกัน  เพราะลองเดินหาตามตึกเรียนแล้วไม่เจอขนาดนี้  ก็ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะอยู่โรงอาหารอย่างที่เรวินว่าก็เป็นได้ 

     

     

    ขณะเดียวกันนั้น  ทางลัลทริมาที่ตอนนี้กำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนสาวอยู่ก็อดที่จะถอนหายใจทิ้งอย่างเสียไม่ได้  เธอนึกไปถึงพวกคุณชาย...และคาดเดาว่าป่านนี้พวกเขาคงจะกำลังตามหาตัวเธอเสียจนวุ่นวายกันไปหมดแน่ๆ  ดีไม่ดีจะพาลโกรธเธออีกด้วย  และถ้าเจอกันก็คงจะต่อว่าเธอว่า ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง  ก็บอกแล้วว่าให้พยายามอยู่ใกล้ๆ พวกเขาเอาไว้อะไรทำนองนั้น  แต่มันเลือกได้เสียที่ไหนกันเล่า  เพราะตอนที่ออดพักเที่ยงดัง  เอมิกาก็รีบลากเธอออกมาจากห้องเรียนทันที  ไม่รอให้เธอได้บอกกล่าวอะไรเลยแม้แต่น้อย  สุดท้ายก็ต้องปล่อยเลยตามเลยด้วยการยอมมานั่งกินข้าวกับเพื่อนแบบนี้...

     

    “เป็นอะไรลัล  สีหน้าไม่ดีเลย” เอมิกาที่เห็นท่าทางของลัลทริมาก็เอ่ยถามขึ้นมา “กับข้าวไม่อร่อยเหรอ?”

     

    “ไม่ได้เป็นอะไรหรอก” คนถูกถามสะดุ้งน้อยๆ  ก่อนจะตอบคำถามของเพื่อน “ส่วนกับข้าวก็อร่อยดีแหละ  แต่พอดีมีเรื่องอะไรให้คิดนิดหน่อยน่ะ”

     

    “ใช่เรื่องของผู้ชายคนเมื่อเช้ารึเปล่า?” มัณฑินีเอ่ยถามบ้าง  ซึ่งเมื่อลัลทริมาพยักหน้ารับ  สาวแว่นก็ยิงคำถามต่อทันที “แล้วตกลงว่าเขาเป็นใครเหรอ?  ทำไมถึงเรียกเธอว่า ที่รักล่ะ?”

     

    ลัลทริมามีสีหน้าลังเลเล็กน้อยว่าควรจะกล่าวอธิบายเรื่องของอัลเวนให้เพื่อนฟังอย่างไรดี  เพราะกลัวว่าถ้าพูดความจริงออกไป  เพื่อนสาวทั้งสองจะพาลเกลียดอัลเวนจนเป็นเรื่องใหญ่โตไปซะเปล่าๆ ไม่แน่ว่าทั้งสองสาวอาจจะพาลไปโทษพวกคุณชายเอาได้เหมือนกัน  แต่ถ้าให้โกหกออกไป...เธอก็ไม่อยากจะทำแบบนั้น  อย่างไรเสียทั้งเอมิกาและมัณฑินีก็เป็นเพื่อนผู้หญิงที่เธอสนิทด้วย  เธอไม่อยากจะทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจและความห่วงใยของเพื่อน  แต่ตามสไตล์นางเอกผู้แสนดีแล้ว  เธอจำต้องเลือกโกหก  เพราะไม่อยากดึงเพื่อนเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย (ดูเป็นเรื่องราวใหญ่โตมาก?)  “เอ่อ...อันที่จริงแล้วเราเคยเจอกันก่อนหน้านี้มาสองครั้งน่ะ  เป็นการพบกันโดยบังเอิญ  แต่ว่าครั้งที่สองนั้น...มันมีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย  แล้วฉันก็ได้รู้ในตอนนั้นว่า...เขาชื่ออัลเวน  และเขาเป็นผู้ชายที่มีสติไม่สมประกอบ”

     

    สองสาวตาโตกับคำพูดของลัลทริมา  แน่ล่ะ...เป็นใครก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกว่าผู้ชายรูปร่างสมส่วน  หน้าตาดี  แถมยังมีเสน่ห์ดึงดูดแบบนั้นจะเป็นคนสติไม่สมประกอบ  และอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สองสาวต้องเบิกตากว้างมากขึ้น  ก็คงจะเป็นเพราะหนุ่มหล่อผู้ถูกนินทาคนนั้นกำลังยืนยิ้มเย็นอยู่เบื้องหลังของลัลทริมา

     

    “เห...ไม่ยักกะรู้เลยนะว่าฉันจะเป็นคนสติไม่สมประกอบในสายตาของเธอน่ะ”

     

    เสียงของอัลเวนดังขึ้น  ทำให้ลัลทริมาสะดุ้งตกใจหันขวับไปมองเขา  ก่อนร่างบางจะขมวดคิ้วมุ่นถามออกไปอย่างไม่พอใจทันที “มายืนทำอะไรตรงนี้ไม่ทราบ”

     

    “ถ้าไม่มายืนอยู่ตรงนี้...ฉันก็คงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเธอกำลังนินทาฉันอยู่น่ะ...ที่รัก” อัลเวนว่าพร้อมยิ้มหวาน  พาให้สาวๆ ที่นั่งอยู่บริเวณนี้ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันเป็นแถว  ทว่ารอยยิ้มนั้นในสายตาของลัลทริมาแล้ว...มันกลับเป็นรอยยิ้มที่กวนเบื้องบาทาเสียเหลือเกิน

     

    “ฉันไม่ใช่ที่รักของคุณ  เลิกเรียกฉันแบบนั้นได้แล้ว” ลัลทริมาโต้กลับ

     

    “ไม่ใช่...?” อัลเวนทวนคำพูดของร่างบางพร้อมเลิกคิ้วสูงแสร้งทำเป็นสงสัย  ก่อนจะยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์ “แล้วเรื่องจูบเมื่อวันนั้นมันหมายความว่าไงกันล่ะที่รัก ?”

     

    เป็นอีกครั้งที่คำพูดของอัลเวนสามารถเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ได้  และดูท่าว่ามันจะทำให้เพื่อนสาวทั้งสองของลัลทริมาตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกไปเสียแล้ว

     

    “นี่!!!  เลิกพูดเรื่องนั้นไปเลยนะ” เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลแหว  ก่อนจะผ่อนลมหายใจที่กำลังเดือดของตนเองออกมา  แล้วเอ่ยกับอัลเวนเสียงเบา “ ฉันขอพูดกับคุณไว้ตรงนี้เลยนะว่าระหว่างฉันกับคุณ  เราไม่เคยรู้จักมาก่อน  เรื่องจูบอะไรนั่นฉันจะยอมให้อภัยคุณก็ได้ (จะถือซะว่าโดนหมามันเลียปากละกัน) เพราะฉะนั้นคุณเลิกมายุ่งกับฉันได้แล้ว”

     

    “โฮ่...แต่ฉันคงให้อภัยเรื่องที่เธอตบหน้าฉันไม่ได้หรอกนะ” อัลเวนเองก็ตอบกลับเสียงเบา  เพราะเขาไม่อยากจะให้ผู้คนที่รายล้อมอยู่บริเวณนี้ได้ยินว่าผู้ชายที่เสน่ห์ล้นแถมมาดเท่แบบเขาโดนเด็กสาวหน้าตาบ้านๆ ธรรมดาๆ แบบนี้ตบหน้าให้  แบบนั้นมันเสียมาดครับ   

     

    “แล้วจะเอาไงล่ะ?  ทำยังไงคุณถึงจะเลิกยุ่งกับฉันสักที  รู้ไหมว่าฉันชักจะรำคาญเต็มทีแล้วนะ  ยิ่งคุณมายุ่งกับฉัน  มันก็ยิ่งทำให้ฉันกับพวกคุณชายทะเลาะกันน่ะ” เด็กสาวเอ่ยอย่างพยายามสะกดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้  แม้เธอจะเป็นคนที่มีความอดทนมากเนื่องจากผ่านมือผ่านเท้า(?)พวกคุณชายทั้งเจ็ดมามากแล้วก็ตามที  แต่ก็ใช่ว่าจะอดทนได้เสมอไป  อย่างว่า...ความอดทนของคนเรามันมีขีดจำกัด  และมันก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วย  เพราะอันนั้นเป็นพวกคุณชายหรอกเธอถึงยอมอดทน  แต่นี่เป็นใครก็ไม่รู้  แถมยังทำตัวลามปามกับเธออีก  เรื่องอะไรจะยอมทนเขากันล่ะ ?

     

    คำพูดของลัลทริมายิ่งทำให้อัลเวนเห็นว่าเธอค่อนข้างจะแคร์ไอ้พวกหมาหมู่นั้นมากขนาดไหน  และขณะเดียวกัน...ยิ่งเขายุ่งกับเธอ  ก็ยิ่งแปลว่ามันจะทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพวกนั้นยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นไม่ใช่เหรอ..?  ยิ่งรู้แบบนี้แล้ว...เขาก็ยิ่งไม่คิดจะเลิกยุ่งกับเธอเลยแม้แต่น้อย

     

    “ถ้างั้น...” อัลเวนว่ายิ้มๆ  ก่อนจะทำในสิ่งที่ทุกคนหรือแม้กระทั่งลัลทริมาไม่คาดคิดมาก่อน...ด้วยการคุกเข่าลงไปต่อหน้าลัลทริมา  มือหนาฉวยคว้ามือบางไปกอบกุมไว้  “เราหมั้นกันเถอะนะ”

     

    “........”

    ร่างบางที่ถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวนิ่งค้างด้วยความตะลึงงัน  เกิดมายังไม่เคยมีใครจะขอหมั้นเธอแบบนี้เลยด้วยซ้ำไป  แต่แปลกที่ไม่ยักรู้สึกเขินเลยสักนิด  และเดาได้ไม่ยากว่าที่ไม่เขินก็คงจะเป็นเพราะคนตรงหน้านั้นคืออัลเวนเป็นแน่  แต่ไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องตะลึงอยู่นาน  ลัลทริมาก็รีบสะบัดมืออัลเวนออกทันที “นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!!!

     

    “เกินไปอะไรกันครับที่รัก..?  ที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะว่าผมรักคุณนะ  ผมอยากจะผูกมักคุณเอาไว้  เพราะผมทนไม่ได้หรอกที่จะให้คุณไปยุ่มย่ามกับผู้ชายอื่น...โดยเฉพาะ 7 คนนั่น” น้ำเสียงเข้มที่เอ่ยกล่าวแผ่วไปในตอนท้าย...พร้อมๆ กับที่นัยน์ตาสีทองเป็นประกายนั้นเหลือบไปยังร่างสูงทั้งเจ็ดที่ยืนนิ่วหน้าไม่พอใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้  “ว่าไง...ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะ” เจ้าของเรือนผมสีเงินยืนขึ้นเต็มความสูง  ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับพวกคุณชาย “มาได้จังหวะพอดีเลย...ฉันกำลังขอเธอหมั้นอยู่เลยนะ”

     

    นอกจากคำพูดที่จงใจจะยั่วยุอารมณ์พวกคุณชายแล้ว  สีหน้าและท่าทางราวกับเป็นผู้เหนือกว่าของอัลเวนก็รบกวนอารมณ์พวกคุณชายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว  ขนาดว่าคนที่ใจเย็นอย่างเรวินยังถึงกับยิ้มไม่ออก  แล้วพวกที่เหลือมีหรือ...ที่จะทนได้

     

    อคินเป็นคนแรกที่เดินพุ่งเข้าไปหาอัลเวน  ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากัน  นัยน์ตาทั้งสองคู่ต่างจ้องสบกันอย่างไร้ซึ่งความหวั่นเกรง  “แกควรจะเลิกยุ่งกับเธอได้แล้ว”

     

    “แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉันอย่างนั้นเหรอ?” อัลเวนตอกกลับพร้อมยกยิ้มขึ้นที่ริมฝีปาก  ก่อนจะกวาดสายตามองไปยังพวกคุณชายคนอื่นๆ ที่ต่างก็เดินเข้ามาดึงลัลทริมาและเพื่อนๆ ให้ออกห่างจากอัลเวนและอคิน  “หึ...พาเธอออกห่างจากฉันแล้วจะได้อะไร?  ยังไงซะพวกแกก็ไม่มีทางปกป้องเธอจากฉันได้หรอก”

     

    “หุบปากของนายไปซะเถอะอัลเวน” ชินะกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ...ทว่านัยน์ตาสีอเมทิสต์คู่นั้นกลับดูรุ่มร้อนราวกับมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่

     

    “โฮ่...อย่าบอกนะว่าพวกนายกำลังกลัวว่าฉันจะพรากเธอไปจากพวกนาย...” อัลเวนเว้นจังหวะพูดเล็กน้อย  ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันของผู้ชนะ “เหมือนกับที่ฉันเคยพรากแม่พวกนั้นมาจากพวกนายน่ะ”

     

    จบคำพูดของอัลเวน...อคินก็ไม่รอช้าที่จะส่งหมัดเข้าที่มุมปากของ พี่ชายต่างมารดาของตนเอง  ฝ่ายอัลเวนเองก็ใช่ว่าจะยอมโดนทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียวเสียเมื่อไหร่กัน  ทันทีที่ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีเงินตั้งหลักได้  เขาก็โต้ตอบอคินกลับด้วยหมัดเช่นกัน  จนเป็นเหตุให้ความชลมุนวุ่นวายเกิดขึ้น  ทั้งที่โดยปกติแล้วจะมีแคปเปอร์คอยห้ามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น  แต่คราวนี้คุณชายเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลกลับนิ่งเฉย  ปล่อยให้อคินทำตามใจชอบ  และถ้าการินกับเชียร  หรือแม้แต่ชินะกับภามอยากจะเข้าไปร่วมวงด้วย  เขาเองก็คงจะไม่ห้ามเพื่อนเอาไว้เป็นแน่แท้ 

     

    ท่ามกลางความโกลาหลที่เกิดขึ้น  ลัลทริมากลับทำเพียงยืนมองเหตุการณ์นิ่งๆ  ราวกับว่าภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าไม่ได้อยู่ในความสนใจของเธอเลย  แต่สิ่งที่เธอกำลังให้ความสนใจนั้น...คงจะเป็นคำพูดของอัลเวนเสียมากกว่า

     

    “เหมือนกับที่ฉันเคยพรากแม่พวกนั้นมาจากพวกนายน่ะ”

     

    ...คำพูดนั้นมันหมายความว่าไงกันแน่นะ..?

     

    ก่อนที่จะเกิดเหตุวุ่นวายมากไปกว่านี้  เหล่าคณะกรรมการนักเรียนก็รีบเข้ามายุติสถานการณ์  พร้อมสั่งให้เหล่าผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไปยังห้องปกครองเพื่อที่จะสอบสวนหาสาเหตุที่ก่อให้เกิดเรื่องราวการทะเลาะวิวาทนี้ขึ้นมา

     

     

     

    ภายในห้องปกครองที่เปิดเครื่องปรับอากาศเสียเย็นฉ่ำราวกับว่าจะช่วยให้ความเย็นเหล่านั้นทำให้ผู้คนที่กำลังใจร้อนทั้งหลายได้ใจเย็นขึ้นบ้าง  แต่ดูท่าทางเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด  เมื่อพวกคุณชายกับอัลเวนกลับนั่งเขม่นมองหน้ากันอย่างไม่ยอมลดราวาศอก  ส่วนลัลทริมาที่นั่งอยู่ระหว่างกลางทั้งสองฝ่ายก็ทำเพียงก้มหน้าขบคิดอะไรบางอย่างอยู่  ไม่มีใครให้ความสนใจกับคณะกรรมการนักเรียนทั้งสิ้น  นั่นทำให้เหล่าคณะกรรมการนักเรียนต้องเชิญอาจารย์มาช่วยสอบสวนเรื่องราว  และก็ยิ่งดูเหมือนว่าการสบตาของพวกคุณชายกับอัลเวนจะกลายเป็นการทะเลาะวิวาทขึ้นมาอีกหนเพราะต่างฝ่ายต่างก็โทษกันไปมา  ลำบากอาจารย์ต้องช่วยห้ามและไกล่เกลี่ยให้  แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครยอมรับผิดเลยสักคนเดียว  เลยกลายเป็นว่าทุกคนจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ร่วมกัน  เพราะปัญหาการทะเลาะวิวาทถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำในสถานศึกษาหรือสถานที่ใดๆ ก็ตาม...และนั่นมันทำให้ทั้งพวกคุณชาย  ลัลทริมา  และอัลเวนโดนลงทัณฑ์บนและพักการเรียนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์...

     

    ...ทั้งๆ ที่ลัลทริมาเพิ่งจะเปิดเทอมได้แค่วันเดียวแท้ๆ

     

    จะว่าแย่ก็แย่  มีเรื่องให้ต้องคิดไม่พอ...ยังต้องมาโดนพักการเรียนทั้งๆ ที่ตัวเองก็แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการทะเลาะวิวาทของพวกคุณชายและอัลเวนเลยแม้แต่น้อย  ไม่รู้ทางโรงเรียนทำงานกันยังไงถึงได้ทำโทษกันอย่างถ้วนทั่วแบบนี้  พวกไม่เห็นจะรับฟังความเห็นจากเธอเลยสักนิด  แต่อันที่จริงคงเป็นเพราะเธอเองที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป  ก็เลยโดนเข้าใจผิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องไปด้วย อันที่จริงน่าจะเรียกพบผู้ปกครองเพื่อมาพูดคุยกัน  แต่นี่ไม่เห็นจะเรียกเลย...หรือเพราะเห็นว่าฝ่ายหนึ่งมีผู้ปกครองเป็น ผอ. ของโรงเรียนนี้  ก็เลยทำเพียงไกล่เกลี่ยกันแค่เด็กๆ แล้วก็ทำทัณฑ์บนไว้พร้อมสั่งพักการเรียน  แล้วที่สำคัญคือเธอจะเพิ่งเปิดเทอมได้แค่วันเดียว  ยังไม่ทันได้สนุกกับเพื่อนอย่างเต็มที่ก็มีอันต้องโดนพักการเรียนไปตั้งหนึ่งสัปดาห์  แบบนี้จะอธิบายกับที่บ้านยังไงดี ?

     

    “กลับบ้านเลยละกัน”

     

    หลังจากที่เดินออกมาจากห้องของฝ่ายปกครอง  การินก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเซ็งสุดขีด “ไปหาอะไรน่าสนุกๆ ที่บ้านทำกันดีกว่า  อยู่นี่ต่อก็เบื่อขี้หน้าไอ้เจ้านั่น”

     

    ลัลทริมาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมมองตามสายตาของพวกคุณชายที่ส่งไปให้กับอัลเวนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องปกครอง

     

    “เอาไว้เจอกันคราวหน้าก็แล้วกันนะ” อัลเวนว่าพร้อมยกยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้ให้กับพวกคุณชาย  ก่อนจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับลัลทริมา “ไปล่ะ”

     

    “เหอะ  ทำหน้าตาน่าหมั่นไส้จริงๆ” เชียรว่าอย่างไม่พอใจ

     

    “สงสัยที่โดนไปจะยังไม่เข็ดล่ะมั้ง” ภามยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ 

     

    “ปล่อยๆ เขาไปเถอะครับ  ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก” เรวินเอ่ยขึ้นดึงความสนใจของทุกคน “ผมว่าตอนนี้เรากลับบ้านกันเลยดีกว่านะครับ”

     

    “นั่นสิ” แคปเปอร์ว่า  ก่อนจะหันมาทางลัลทริมา “คุณลัล...เดี๋ยวให้พวกผมไปส่งนะครับ”  

     

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  พอดีว่าวันนี้ฉันให้พี่ลัทธมารับน่ะค่ะ”

     

    “กว่าหมอนั่นจะมาก็คงจะตอนเย็นโน่นแหละ  ถ้ายังไงให้พวกฉันไปส่งดีกว่านะ” ชินะว่า

     

    “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ” ลัลทริมายิ้มให้พวกคุณชาย  “ตอนที่นั่งอยู่ในห้องปกครองฉันไลน์ไปบอกพี่ลัทธแล้วว่าช่วยมารับตอนนี้ที  เพราะเกิดเรื่องขึ้นที่โรงเรียนนิดหน่อย  แล้วป่านนี้พี่ลัทธก็คงจะมาแล้วด้วย”  

     

    “ไลน์...?” เจ้าของเรือนผมสีเพลิงทวนคำของลัลทริมาอย่างสงสัย  ก่อนจะเอ่ยถามเธอ “เธอมีโทรศัพท์ใช้แล้วอย่างนั้นเหรอ?”

     

    เด็กสาวพยักหน้ารับน้อยๆ นั่นทำให้พวกคุณชายถึงกับมีสีหน้าฉงนไปตามๆ กัน 

     

    “ปกติใช้โทรศัพท์ไม่เป็นไม่ใช่รึไง?” ภามถาม

     

    “นั่นสิ  โลว์เทคฯ แบบเธอ...ใช้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” เชียรเองก็กล่าวอย่างเห็นด้วยกับเรื่องที่ภามว่า  เพราะตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับลัลทริมามา  เขาก็รู้ดีว่าเธอค่อนข้างจะไม่ถูกโรคกับพวกเทคโนโลยีนัก  โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือเนี่ย  เคยบอกว่าจะซื้อให้เด็กสาวก็ไม่เอา  เพราะตอนนั้นเธอบอกว่ามันไม่จำเป็น

     

    ลัลทริมายิ้มแหย  ก่อนจะเอ่ยตอบ  “ก็ใช้เป็นตอนที่ไปอยู่อเมริกาน่ะค่ะ  พอดีว่ามันค่อนข้างจะลำบากในการใช้ชีวิตเสียหน่อย  น้าโรสก็เลยซื้อและสอนวิธีการใช้ให้  จะได้ใช้ติดต่อกันได้สะดวกสบาย  เพราะแบบนั้น...ฉันก็เลยเล่นเป็นไงคะ”

     

    “หืม...มีโทรศัพท์ใช้ตั้งแต่ตอนอยู่อเมริกา” พวกคุณชายว่าพร้อมยิ้มน้อยๆ ให้ลัลทริมา  ก่อนที่ทุกคนๆ จะพูดเป็นเสียงเดียวกันใส่หน้าเธอ “แล้วทำไมถึงไม่เคยติดต่อกลับมาเลย!!

     

    “ไม่เอาน่า...อย่าโกรธกันเลยนะคะ” เด็กสาวยิ้มอ่อน “เดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนั้นกันทีหลังก็แล้วกัน  วันนี้ฉันว่าพวกคุณกลับบ้านกันเถอะค่ะ  ฉันเองก็จะกลับแล้วเหมือนกัน  เหนื่อยมากแล้วจริงๆ กับวันนี้”

     

    “ไม่ต้องนอกเรื่องเลย” อคินว่าพร้อมดึงปลายผมของลัลทริมาที่กำลังจะเดินหนีไปให้ต้องหยุดชะงักเอาไว้

     

    แล้วเชียรก็ออกคำสั่งกับเธอทันที  “ใช่! เอาเบอร์โทรฯ ของเธอมาเดี๋ยวนี้!!

     

    ก็นะ...ยังไงก็คงปฏิเสธพวกคุณชายไม่ได้อยู่แล้ว  ลัลทริมาเลยให้เบอร์โทรฯ กับพวกเขาไป  และเมมเบอร์โทรฯ ของพวกเขาทุกคนเก็บเอาไว้เช่นกัน “ถ้ายังไงฉันไปแล้วดีกว่า  พี่ลัทธไลน์มาบอกว่ารออยู่หน้าโรงเรียนแล้ว”

     

    “อือๆ” และพวกคุณชายก็ยอมปล่อยให้ลัลทริมากลับบ้านได้  แต่ก่อนที่จะเดินแยกออกมาจากพวกคุณชาย  แคปเปอร์ก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใย “ให้พวกผมเดินไปส่งที่รถไหมครับ?”

     

    “ไม่เป็นไรค่ะ  เดินไปเองได้” ลัลทริมาว่าพร้อมยักคิ้วให้พวกเขา  และไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณพวกเขาด้วยสำหรับเรื่องวันนี้  ถึงแม้ว่ามันจะวุ่นวายและจบด้วยการถูกหางเลขไปกับพวกเขาด้วย  แต่มันก็ทำให้เห็นถึงความห่วงใยที่พวกเขามีต่อเธอ...ถึงแม้หลายๆ อย่างและหลายๆ คำพูดของพวกเขาจะดูเป็นการออกคำสั่งหรือบังคับกันไปหน่อยก็ตามที  แต่เธอก็เข้าใจถึงเหตุผลของการกระทำเหล่านั้นดี “งั้น...ฉันไปก่อนนะคะ  บาย”

     

    “อืมๆ  กลับดีๆ ละกัน”

     

    “ค่า” เด็กสาวตอบรับขณะที่ห่างออกมาจากพวกคุณชาย  แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าหวานก็หายไป...เหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอยของความสงสัยเท่านั้น  สงสัยกับคำพูดในตอนนั้นของอัลเวน...ทว่าเธอกลับไม่กล้าพอที่จะเอ่ยถามมันกับพวกคุณชาย   

     

     

     

    “อ้าวๆ  ไอ้พวกอัศวินไม่ไปส่งเธอที่บ้านงั้นเหรอ?”

    น้ำเสียงแกมประชดประชันเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลัลทริมาเดินพ้นมุมตึกมาแล้ว  เด็กสาวหันหน้ากลับไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่  แล้วใบหน้าหวานก็แสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจทันที  ก่อนจะตอบเขากลับไป

     

    “เลิกมายุ่งกับฉันซะทีเถอะ” เธอว่าด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน

     

    “ทำไม?  กลัวว่าจะทะเลาะกับไอ้พวกนั้นเพราะมีฉันเป็นต้นเหตุงั้นเหรอ?” ถามด้วยน้ำเสียงกวนๆ

     

    “ไม่เกี่ยวกับพวกคุณชายหรอก” ลัลทริมาตอบปัด  เพราะไม่อยากจะให้อัลเวนโยงเรื่องไปถึงพวกคุณชาย  เดี๋ยวจะได้กลายเป็นเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้อีก “ฉันแค่คิดว่าผู้ชายอย่างคุณน่ะ...ไม่น่าจะชอบผู้หญิงไร้เสน่ห์แบบฉัน  เพราะฉะนั้นก็เลิกมายุ่งกับฉันได้แล้ว”

     

    “ก็ไม่ชอบนั่นแหละ” อัลเวนสวนกลับมา “แต่เห็นไอ้พวกนั้นมันชอบเธอ  พูดตรงๆ เลยนะว่าหมั่นไส้ว่ะ  ฉันน่ะ...ต้องการจะเอาชนะพวกมันให้ได้   เพราะงั้นฉันถึงได้มายุ่งกับเธอไง  และฉันจะทำให้พวกมันแพ้...โดยการทำให้เธอหันมาชอบฉัน”

     

    ลัลทริมาอึ้งไปเล็กน้อยกับคำพูดของอัลเวน...ที่บอกว่าเขาเห็นว่าพวกคุณชายชอบเธอ  ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อน้อยๆ  ก่อนที่เธอจะรีบเก็บอาการแล้วพูดตอบโต้เขา “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณแค้นเคืองอะไรพวกคุณชายเขานักหนา  แต่บอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าถ้าคุณคิดจะเอาชนะพวกคุณชายด้วยการทำให้ฉันหันไปชอบคุณล่ะก็...คุณเตรียมตัวแพ้ได้เลย  เพราะฉัน...ชอบพวกคุณชาย”

     

    “เหอะ  เดี๋ยวเธอก็หลงเสน่ห์ฉันเองแหละ” อัลเวนว่าอย่างมั่นใจในตนเอง “ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ถูกฉันหยอดใส่แล้วจะไม่หลงเสน่ห์ฉันหรอก”

     

    “กับผู้ชายหยาบคายแบบคุณน่ะเหรอ  ฝันไปเถอะ” ร่างบางพูดพร้อมแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา  แล้วก็รีบวิ่งหนีจากเขาไปทันที  ปล่อยให้ร่างสูงได้แต่มองตามอย่างนึกขัดใจ  ทว่าเพียงครู่เดียวใบหน้าคมนั้นกลับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว

     

    “หึ  ถ้าเธอจะไม่มีวันหลงเสน่ห์ฉันอย่างที่พูดจริงล่ะก็...งั้นฉันก็คงต้องเลือกใช้วิธีสกปรกที่จะทำให้เธอกับไอ้พวกนั้นแตกหักกันให้ดู”





     

    -TBC-








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×