ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; สาวใช้หน้าใส กับ คุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #60 : >>:: Chapter 49 : Part C

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 694
      8
      14 ธ.ค. 56





    CHAPTER 49

     

     

     

    วันที่ลัลทริมาจะต้องออกเดินทาง....วันสิ้นสุดสายสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพวกคุณชายมาถึงแล้ว...

     

    ณ ท่าอากาศยาน

     

    ตอนนี้รสวดีขอตัวไปจัดการเรื่องของลัทธพลอยู่  จึงปล่อยให้ลัลทริมายืนร่ำลากับเพื่อนๆ และพวกคุณชาย

     

    “ฮือๆ  ไม่อยากให้เธอไปเลยอ่ะลัล” มัณฑินียืนกอดลัลทริมาแน่น  ปากก็พูดเรื่องที่ไม่อยากให้ลัลทริมาไปอเมริกาซ้ำไปซ้ำมาจนเอมิกาที่ยืนลูบหัวปลอบมัณฑินีเริ่มที่จะรำคาญขึ้นมาเรื่อยๆ

     

    “พอได้แล้วยัยนี  ลัลเค้ามีเหตุผลจำเป็นที่ต้องไป  เดี๋ยวพอพี่ลัทธพลรักษาหาย  ลัลก็จะกลับมาแล้วล่ะ” เอมิกาว่า  ก่อนจะหันหน้าไปมองลัลทริมา “ใช่ไหมลัล?”

               

    คนถูกถามพยักหน้ารับพร้อมยิ้มบาง “นี  เอม  ขอบใจมากนะที่อุตส่าห์มาส่งฉัน  แล้วก็ขอบใจนะ...ที่คอยดูแลเวลาฉันอยู่ที่โรงเรียนน่ะ  ฉันดีใจมากเลยนะที่ได้เป็นเพื่อนกับพวกเธอ”

               

    คราวนี้กลับเป็นเอมิกาเสียเองที่น้ำตาซึมออกมา “บ้าน่า  ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา  แล้วก็จะเป็นตลอดไปด้วย” แล้วทั้งสามสาวก็กอดกันกลมเกลียว 

     

    “ลัล  ไปอยู่ที่โน่นก็ดูแลตัวเองดีๆ  นะฮะ  อย่าลืมคิดถึงพวกผมนะ” โชติกาลกล่าวพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่นสดใส  ทำให้สามสาวต้องผละออกจากกัน  แล้วหันมามองโชติกาล 

     

    “อื้ม  โชเองก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ” ลัลทริมากล่าว “แล้วก็ขอบคุณมากนะโชที่มาส่งฉัน  ขอบคุณ...ที่คอยช่วยเหลือฉันในเรื่องต่างๆ นะ  ฉันดีใจมากเลยล่ะที่ได้รู้จักกับโช”

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับลัล” เด็กหนุ่มผู้สวมแว่นว่า “ผมเองก็ดีใจนะครับที่ได้รู้จักลัล”

     

    “อื้ม” ลัลทริมายิ้มรับ

     

    “อ้อ ลัล  ผมว่า...ลัลไปลาพวกนั้นเถอะนะ  เพราะดูท่าทางจะเริ่มอารมณ์บูดที่ลัลไม่ยอมสนใจแล้วล่ะ” โชติกาลว่า  พลางชี้มือชี้ไม้ไปยังพวกคุณชายที่ยืนกอดอกหน้าบึ้งอยู่อีกทาง

     

    ลัลทริมาพยักหน้ารับ  ก่อนจะผละจากเพื่อนของตน...ไปหาพวกคุณชาย

     

    “คุณชาย...” เธอเอ่ยเรียกพวกเขา  และพวกนั้นก็มองตอบกลับมา “ฉัน...จะต้องไปแล้วนะคะ  ถ้ายังไงก็ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”

     

    “ปัญญาอ่อน   นี่คือคำพูดลารึไง?” การินว่า

     

    เด็กสาวถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันที “แล้วจะให้พูดอะไรล่ะคะ?”

     

    “พูดของอะไรก็เรื่องของเธอสิ” การินตอบกลับ  ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง

     

    ..ก็ยังคงเป็นคนที่เข้าใจยากจริงๆ.. ลัลทริมาคิด  ก่อนจะยิ้มบางให้กับพวกคุณชายคนอื่นๆ

     

    “ก็อย่างที่ว่าล่ะค่ะ  ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”

     

    “ไม่มีคำพูดที่มันดูซึ้งกว่านี้หน่อยเหรอครับ?” เรวินถามขึ้นมา  เด็กสาวมองตอบเขา  ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ

     

    “ก็ฉันไม่รู้นี่นาว่าจะต้องพูดยังไง...ให้มันซึ้งน่ะ” เธอว่า

     

    “แล้วทีตอนขอลาออก...เธอยังพูดซะซึ้งได้เลยนะ” อคินสวนขึ้นมา

     

    ..เอ๊ะ พวกนี้  คนจะร่ำลากันเขาก็พูดกันด้วยประโยคธรรมดาๆ นี่  ทำไมจะต้องพูดอะไรให้ซึ้งด้วย  ไม่ได้ลาไปตายไปซะหน่อย..

     

    ลัลทริมาขมวดคิ้วมุ่น  ก่อนจะแกล้งแย้มยิ้มกว้าง “ก็แล้วพวกคุณจะอยากได้คำพูดซึ้งๆ ไปทำไมคะ?”

     

    ...และไม่มีใครตอบคำถามของเธอกลับมาสักคน

     

    เด็กสาวจึงพูดต่อ “เฮ้อ  ก็นั่นแหละค่ะ  ดูแลตัวเองดีๆ  อย่าทำตัวเอาแต่ใจให้พวกแม่บ้านและคนรับใช้คนอื่นๆ ต้องเดือดร้อน  ...ฉันเชื่อว่าพวกคุณทำได้อยู่แล้ว”

     

    หนุ่มๆ ทั้งเจ็ดไม่มีใครตอบรับเธอเลย  ...แสดงว่าพวกนั้นคงไม่คิดจะทำตัวดีๆ กับคนรับใช้เป็นแน่  คิดไปก็น่าสงสารพวกคนรับใช้ที่บ้านจริงๆ   

     

    “เรื่องที่เธอจะพูดมีแค่นี้ใช่ไหม?” ภามเอ่ยถาม  ลัลทริมาสบตาเขาก่อนจะพยักหน้ารับเป็นเชิงว่าใช่  เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อดี  แล้วเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลจึงพูดต่อ “งั้นให้พวกฉันเป็นฝ่ายลาเธอบ้างก็แล้วกัน”

     

    “ค..ค่ะ” 

     

    สิ้นคำตอบของเธอ  เด็กสาวก็มีอันต้องตกใจ...เมื่อแขนเรียวของภามโอบเอาตัวเธอเข้าไปหาอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา  โอบกอดเธอเอาไว้แน่นหนา...ราวกับว่าไม่อยากที่จะปล่อยให้เธอที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาต้องหลุดรอดออกไป “ฉัน...ไม่มีคำบอกลาหรอกนะ  เพราะฉันเชื่อว่าเราต้องได้พบกันอีก  เพราะฉะนั้น...ฉันจะไม่พูดบอกลาเธอเป็นอันขาด”

     

    บางทีแล้ว...ที่เธอบอกว่าไม่รู้จะพูดอะไรกับพวกเขาอีกแล้วนั้น  อาจจะไม่จริงก็ได้...  ในเมื่อการกระทำของภามในตอนนี้  ทำให้เธอตระหนักได้แล้วว่า  เรื่องที่เธอจะพูดกับพวกเขา..มันมีมากเสียจนไม่รู้ว่าจะหยิบยกเอาคำพูดไหนมาพูดกับพวกเขาดีต่างหาก  แต่ถ้าไม่พูด...ก็คงจะเป็นเธอนั่นแหละ ที่ต้องอึดอัดใจตาย

     

    “คุณชายภาม...” เธอเอ่ยเรียกชื่อของเขาเสียงเบา  ก่อนที่แขนบางจะโอบกอดเขาตอบ ใบหน้าหวานซบลงกับอกของอีกคน “ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานะคะ  ขอบคุณสำหรับความใจดี  ความอ่อนโยน  และความช่วยเหลือต่างๆ นานาจากคุณ  ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ”

     

    ยิ่งได้ฟังแบบนั้น..  ภามก็ยิ่งกอดเธอแน่นขึ้น “ฉันจะรอเธอนะ  รีบกลับมาล่ะ”  เอ่ยออกไป....ก่อนจะค่อยๆ คลายอ้อมกอดออก  เพื่อให้เธอได้ไปบอกกล่าวความในใจกับคนอื่นบ้าง

     

    เด็กสาวเดินไปตรงหน้าการิน  ก่อนจะยิ้มบางให้กับคุณชายเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทนั้น  นัยน์ตาสีดำขลับเฉกเดียวกับเรือนผมจ้องสบกับนัยน์ตาของเธอ “คุณน่ะ...อายุน้อยกว่าฉัน  แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณกลับไม่เคยทำอะไรที่มันเป็นการเคารพหรือเกรงใจฉันเลย  เพราะฉะนั้นฉันเลยอยากบอกกับคุณว่า  อย่าไปทำตัวแบบนี้กับคนอื่นเขาล่ะ  เพราะคงไม่มีใครเขาทนคุณได้หรอกนะ”

     

    “เธอเป็นแม่ฉันรึไง  สอนซะยาวยืดเลยนะ” แม้คำตอบจะดูเหมือนไม่พอใจ  แต่น้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้น..กลับแผ่วแว่ว  และใบหน้าคมนั้น...แม้จะเพียงเล็กน้อย  แต่ลัลทริมาก็รู้สึกได้ว่ามันแฝงไว้ด้วยความเศร้า

     

    เด็กสาวหัวเราะเสียงเบา “แล้วก็...ขอบคุณสำหรับดอกซ่อนกลิ่นช่อนั้นนะคะ  มันสวยมากเลยล่ะค่ะ”

     

    การินหลุบตาลงต่ำราวกับไม่อยากที่จะสบตาของเธอต่อ...ก่อนที่มือเรียวจะยกขึ้นมาขยี้หัวเธอเบาๆ “ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ” พร้อมเอ่ยคำพูด...ที่ตนเพิ่งจะต่อว่าเธอไปก่อนหน้านั้นว่า ปัญญาอ่อนออกมาเสียเอง

     

    “ไม่ว่ายังไงก็ไม่เคารพฉันจริงๆ สินะคะ” เด็กสาวกล่าว  ดวงตากลมโตมองใบหน้าคมที่พยักเพยิดให้เธอราวกับจะบอกให้ไปหาคนอื่นได้แล้ว  หากแต่... “จะไม่กอดลาหน่อยเหรอคะ?”

     

    การินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับไป “ทำไมถึงอยากให้กอดล่ะ?”

     

    “ก็...ฉันมีเหตุผลของฉันก็แล้วกัน” ลัลทริมาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มจางๆ

     

    “ปัญญาอ่อน” ถึงริมฝีปากจะต่อว่ากลับไป หากแต่การินก็ขยับเข้าไปโอบกอดร่างบางเอาไว้

     

    เด็กสาวยิ้ม “ขอบคุณค่ะ” ก่อนทั้งสองจะผละออกจากกัน  แล้วลัลทริมาก็เดินมาหาอคินที่อยู่ข้างๆ กัน

     

    “นี่ฉันต้องกอดด้วยไหม?” เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำแซมด้วยสีเงินเอ่ยปากขึ้นมา  พาให้ลัลทริมาต้องหัวเราะออกมาน้อยๆ

     

    “กอดสิคะ”

     

    แล้วอคินก็โอบเอาร่างของเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของเขา “กอดแล้วนะ” 

     

    “ค่ะ  คุณชายอคิน...อย่านอนตื่นสายให้มันมากนะ แล้วก็ถ้าจะให้ดี...ช่วยอย่าใจร้อนให้มากนะคะ  เดี๋ยวคนอื่นเขาจะพากันหวาดกลัวคุณหมด”

     

    “ยัยบ้า” อคินอดที่จะต่อว่าไม่ได้ “ใครจะมองยังไงก็ช่างมันสิ”

     

    ทั้งคู่ผละออกจากกันช้าๆ “ไม่ได้หรอกค่ะ  ฉันน่ะรู้ดีว่าความจริงแล้วคุณเป็นคนมีน้ำใจแค่ไหน  เพราะฉะนั้นฉันถึงไม่อยากให้ใครเขามองว่าคุณไม่ดีนะ”

     

    “รู้แล้ว  จะพยายามก็แล้วกัน” ว่าพร้อมๆ กับที่นัยน์ตาต่างสีคู่นั้นสบมองกับนัยน์ตาสีน้ำตาลของลัลทริมา “ไปอยู่ที่โน่นก็ระวังตัวด้วยล่ะ  ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ด้วย”

     

    “ค่ะ คุณเองก็อย่าไปแกล้งอะไรใครเขาให้มากด้วยนะคะคุณชาย”

     

    “ก็บอกว่าจะพยายามไง” อคินตอบกลับมาพร้อม

     

    “ค่า ค่า” เด็กสาวรับคำ  ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาคุณชายผู้มีเรือนผมสีขาวสะอาด

     

    “คุณชายชินะ  คุณน่ะเป็นคนใจดีมากเลยนะคะคุณชาย  ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา  ขอบคุณสำหรับน้ำใจและความช่วยเหลือต่างๆ ขอบคุณที่คอยเข้าข้างฉันเสมอนะคะ”

     

    ได้ยินคำพูดของลัลทริมา...ชินะก็ไม่รอช้าที่จะโผเข้าไปกอดเธอไว้ “ฉันคงจะไม่ทำแบบนั้นหรอก ถ้านั่นไม่ใช่เธอ”

     

    “คุณชาย...” เอ่ยเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว

     

    นัยน์ตาสีอเมทิสต์คมจ้องมองร่างบาง พร้อมกับยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “รีบกลับมานะ”

     

    “ค่ะ” ลัลทริมาพยักหน้าให้น้อยๆ  ก่อนจะเดินไปหาเชียร

     

    “ไม่กอดหรอกนะ” เชียรเอ่ยออกมาทันทีที่ลัลทริมาเดินเข้าไปหาเขา

     

    “จริงเหรอคะ?”

     

    “ไม่จริงหรอก” คุณชายเจ้าของเรือนผมสีแดงว่า  ก่อนจะโอบกอดเด็กสาวเอาไว้

     

    ลัลทริมาหัวเราะน้อยๆ “นี่คุณชายเชียร  ถ้าคุณลดนิสัยแบบนี้ลงได้  คุณจะน่ารักมากเลยล่ะค่ะคุณชาย  เพราะฉะนั้นแล้ว  ลองปรับเปลี่ยนนิสัยดูบ้างนะคะ”

     

    อ้อมกอดนั้นโอบเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย “ถ้านิสัยแบบนี้มันคือสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเธอ  ฉันก็จะไม่เปลี่ยนมันหรอกนะ เพราะฉันจะรอ...รอให้เธอกลับมาเปลี่ยนมัน”

     

    “อย่าพูดเป็นเล่นไปสิคะ  ฉันเปลี่ยนคุณไม่ไห้หรอกนะ” เธอว่า  ก่อนจะผละออกมาจ้องหน้ากับเขา

     

    “เปลี่ยนได้สิ  ที่พวกฉันเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้  เธอก็เป็นคนเปลี่ยนมันทั้งนั้นเลยนะ” เขาว่า

     

    “ค่ะๆ ฉันไม่เถียงคุณแล้วค่ะ”

     

    “ดีมาก  งั้นก็ไปหาไอ้แคปเปอร์เถอะ” ลาเสร็จก็เอ่ยปากไล่ทันที  ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ...ทั้งๆ ที่กับคุณชายคนอื่นๆ เธอเป็นคนเดินหนีแท้ๆ นี่ไล่กันเลยเหรอ?  คิดพลางเดินเข้าหาแคปเปอร์

     

    โดยที่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไร  แคปเปอร์ก็โผเข้ามาโอบกอดลัลทริมาเอาไว้ทันที

     

    “แปลกนะครับที่คุณเรียกร้องอ้อมกอดจากพวกผมแบบนี้”

     

    เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง “แต่ฉันยังไม่ได้บอกให้คุณกอดฉันเลยนะคะ?”

     

    “ถึงคุณไม่อนุญาต  ผมก็จะกอดคุณอยู่ดี” ไม่ว่าเปล่า  อ้อมแขนคู่นั้นก็โอบกระชับเธอมากยิ่งขึ้น “ทำไมถึงต้องบอกให้พวกผมกอดลาคุณด้วยล่ะครับ?”

     

    “มันดูไม่ดีใช่ไหมคะ  ที่ขอให้ผู้ชายตั้งหลายคนกอดตัวเองแบบนี้??”

     

    “ไม่ใช่ครับคุณลัล” แคปเปอร์ว่า “พวกผมไม่มีทางคิดแบบนั้นแน่นอน  แต่ทำไมคุณถึงอยากให้กอดล่ะครับ?”

     

    แววตาของเด็กสาวหม่นลงเล็กน้อย “ก็แค่...อยากจะจดจำความรู้สึกอบอุ่นนี้ไว้ตลอดไปก็เท่านั้นเองค่ะ”

     

    แคปเปอร์ผละออกมาจ้องหน้าเด็กสาว “ยิ่งคุณพูดแบบนี้  ผมยิ่งไม่อยากปล่อยคุณไปเลย”

     

    “ยังไงก็ห้ามไม่ให้ฉันไปไม่ได้หรอกค่ะ” เธอว่า

     

    “แย่จังเลยนะครับ  ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ  คุณลัลเพิ่งจะเคยไปต่างประเทศครั้งแรก  ที่โน่นอากาศเย็นมาก  คุณควรจะใส่เสื้อผ้าหนาๆ  ตอนนอนก็ห่มผ้าดีๆ  แล้วก็ห้ามแต่งตัวล่อแหลมนะครับ  อยู่ต่างถิ่นน่ะมันอันตราย  เวลาไม่สบายก็ควรทานยาหรือไม่ก็ไปหาหมอ  แล้วก็ต้องรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อนะครับ  ถ้ายังไงก็...ติดต่อกลับมาบ้างก็ดีนะครับ”

     

    “พูดเหมือนเป็นคุณพ่อเลยนะคะ” คำพูดของเด็กหนุ่มนั้น  ทำให้เธออดที่จะแซวเขากลับไปไม่ได้

     

    “ก็ผมเป็นห่วงนี่ครับ” แคปเปอร์ว่า

     

    “ค่ะ  รับปากว่าจะทำตามที่คุณบอกเลยค่ะ” เด็กสาวว่ายิ้มๆ

     

    “ครับ” แคปเปอร์เองก็ยิ้มรับเช่นกัน

     

    แล้วลัลทริมาก็เดินมาหาคุณชายคนสุดท้ายที่เหลืออยู่...คุณชายเรวิน    

     

    “คุณลัล  พวกผมขอพูดความจริงจากใจของพวกผมเลยนะครับ” โดยที่ไม่รอให้เด็กสาวตอบอะไร  เรวินก็พูดต่อทันที “คุณอาจไม่ใช่คนใช้ที่ดีที่สุด  แต่คุณคือคนที่พวกผมให้ใจมากที่สุดนะครับ  เพราะฉะนั้น...คุณห้ามลืมพวกผมเด็ดขาดนะครับ  เพราะพวกผมเองก็จะไม่มีวันลืมคุณเลย.....พวกผมทุกคนรักคุณนะครับ”

     

    เด็กสาวฟังคำพูดของเรวิน  พลางภาพแห่งความทรงจำในตอนที่ไปเที่ยวเกาะกับพวกคุณชายก็หวนกลับมาในความคิด  ในตอนที่พวกคุณชายบอกรักเธอ  แม้จะไม่ใช่ทุกคน  และแม้มันจะเป็นแค่เกมส์  แต่เธอก็รู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย  ที่พวกเขาให้ความดูแลเอาใจใส่เธอแบบนั้น

     

    โดยช้าๆ  เด็กสาวก็เดินเข้าไปโอบกอดเรวินเอาไว้...เช่นเดียวกันกับที่เขาโอบกอดเธอตอบ

     

    ใบหน้าหวานเกยอยู่ที่ไหล่ของอีกฝ่าย  ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นด้านบนเล็กน้อยเพื่อหยุดไม่ให้หยาดน้ำเหล่านั้นต้องรินไหลลงมา  ก่อนจะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามกลั้นไว้ไม่ให้สะอื้น  “ฉันจะไม่ลืมพวกคุณเลยค่ะ  ขอบคุณสำหรับทุกๆ เรื่องราวที่ผ่านมานะคะ  ไม่ว่าจะความทุกข์  ความสุข  ความสนุก  น้ำตา  เสียงหัวเราะ และความรู้สึกดีๆ  ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้นมันทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งรู้สึกว่า...ช่างโชคดีมากมายเหลือเกินที่ได้พบกับพวกคุณ  สิ่งที่ฉันจะตอบแทนให้พวกคุณได้อาจมีแค่คำขอบคุณ  แต่ว่าเป็นคำขอบคุณที่จริงใจที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้เอ่ยมา  และสุดท้ายนี้  ฉันเองก็อยากจะบอกว่า....พวกคุณคือคนที่ฉันให้ใจที่สุดเหมือนกัน”

     

    พอดีกับที่รสวดีซึ่งทำธุระเสร็จแล้วตะโกนเอ่ยเรียกเธอ “ลัล  ใกล้ได้เวลาแล้วนะจ๊ะ”

     

    “ค่ะ น้าโรส” ลัลทริมาผละจากเรวินแล้วหันไปตอบน้าสาวของตน  ก่อนจะหันมามองหน้าพวกคุณชาย เพื่อกล่าวคำร่ำลาสุดท้าย

     

    “ถ้าฉันไปแล้วก็ช่วยทำตัวให้มันดีๆ นะคะ  อย่าทำตัวให้ต้องเดือดร้อนคุณอธิศเขา  แล้วก็...อย่าแกล้งคนรับใช้ที่จะมาทำงานแทนฉันด้วยนะคะ”

     

    ว่าแล้วเด็กสาวก็ยิ้มกว้าง...แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนใจตัวเองก็ตามที  เธอโบกมือลาพวกคุณชาย  ก่อนจะเดินหันหลังจากไป

     

    ไม่มีคำพูดใดๆ ถูกเอื้อนเอ่ยออกมา  จะยกเว้นก็เพียงความคิดในใจที่พวกเขาคงจะคิดได้เหมือนกันว่า ..คนรับใช้ที่จะมาทำหน้าที่แทนเธองั้นเหรอ?  คนแบบนั้นมันไม่มีอยู่ในโลกใบนี้หรอกนะ..

     

    ก่อนที่ชินะจะเป็นคนกล่าวขึ้นมา “ทำไม...ถึงได้ฝืนยิ้มแบบนั้นล่ะ”

     

    “นั่นสิครับ  ทั้งๆ ที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แท้ๆ  แต่กลับฝืนยิ้มออกมาเสียได้” เรวินว่าตามอย่างเห็นด้วย

     

    “ไม่ว่ายังไง...ก็จะไม่ยอมร้องไห้เหมือนอย่างที่บอกไว้เลยสินะ” การินว่า

     

    “การจากลากับพวกเรามันไม่สำคัญมากพอที่จะทำให้เธอเสียน้ำตาได้เลยสินะ” ภามเอ่ยด้วยสีหน้าที่ดูจะเจ็บปวดใจไม่น้อย

     

    “ก็ไม่ดีเหรอที่ยัยนั่นทำตามคำสัญญาตัวเองที่ว่าจะไม่ร้องไห้น่ะ?” อคินหันมาถามเพื่อนๆ ของเขาด้วยความไม่เข้าใจจริงๆ

     

    “แต่ถ้าจะฝืนยิ้มให้แบบนั้น  ก็ร้องไห้ออกมาเสียเถอะ” เป็นเรวินที่เอ่ยตอบให้ “เพราะการยิ้มทั้งๆ ที่อยากจะร้องไห้  ต่างก็ทำให้ทั้งคนที่ฝืนยิ้มและคนที่ยืนมองเจ็บไม่แพ้กันนะครับ”

     

    เชียรที่ยืนฟังอยู่นานจึงเอ่ยตัดขึ้นมา “แล้วพวกแกคิดว่าการร้องไห้  มันจะไม่ทำให้เจ็บงั้นเหรอ?”

     

    “อย่างน้อยก็เป็นการแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมานะ” ภามว่า “เพราะเมื่อยัยนั่นร้องไห้  พวกเราที่อยู่ที่นี่...ก็ยังช่วยซับน้ำตาให้ได้”

     

    “แต่บางทียัยนั่นอาจกลัวว่าจะทำให้พวกเราเป็นห่วง...ถึงได้เลือกที่จะไม่ร้องไห้ก็ได้นะ” เชียรยังคงแย้งต่อ

     

    “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง  ผมจะขอด่าคุณลัลเองแล้วกันว่าโง่มาก  เพราะถึงเธอจะไม่ร้องไห้  ยังไงพวกเราก็ยังคงเป็นห่วงเธออยู่ดี” แคปเปอร์เอ่ยออกมา

     

    แล้วทุกสายก็มองตรงไปยังร่างบางที่เดินห่างออกไปทุกขณะ

     

     

    ทั้งๆ ที่อุณหภูมิของท่าอากาศยานก็ดูจะปกติดี  แต่ทำไมเมื่อเดินหนีออกมาจากพวกคุณชายแล้ว  ลัลทริมาถึงได้รู้สึกว่าอากาศมันเย็นเกินไป

     

    ...หรือเพราะบางทีแล้ว  อ้อมกอดของพวกคุณชายมันอบอุ่นมากเกินไป  เมื่อเดินห่างออกมาเธอถึงได้รู้สึกว่าทุกอย่างมันเริ่มเย็นเยียบ

     

    โดยไม่รู้ตัว...หยาดน้ำตาที่เธอพยายามฝืนนักฝืนหนาไม่ให้มันไหลออกมา...ก็รินหลั่งลงมาจนได้  ทำให้รสวดีที่ยืนอยู่เบื้องหน้าต้องเอ่ยถามเธอเสียงเบา “การร้องไห้ต่อหน้าพวกเขา  มันเป็นเรื่องที่ทำให้หนูลำบากใจขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ?”

     

    “ก็หนูไม่อยากจากกับพวกคุณชายด้วยน้ำตานี่คะ  เพราะการจากกันด้วยรอยยิ้ม  มันคงจะน่าประทับใจกว่า  อีกอย่าง  พวกเขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงหนูด้วย” เอ่ยตอบเสียงเบาพลางก้มหน้าหลบรอยยิ้มอ่อนโยนของผู้เป็นน้า

     

    “ฟังนะลัล  การฝืนยิ้มทั้งๆ ที่อยากจะร้องไห้น่ะ  มันทำให้คนมองรอยยิ้มนั้นเขาเจ็บปวด...มากกว่าที่จะรู้สึกดีที่ต้องเห็นรอยยิ้มจอมปลอมนะ  หรือถ้าหนูอยากจะยิ้ม  ก็ยิ้มทั้งน้ำตาออกไปเลยก็ได้” น้าสาวกล่าว

               

    “แต่ว่าน้าโรสคะ  หนู...ไม่กล้าหันหน้าไปสบตากับพวกเขาอีกแล้ว” เธอกล่าว น้ำตายังคงหลั่งรินลงมา

     

    “แต่ว่านะลัล  พวกนั้นเขาทำหน้าเป็นห่วงหนูมากเลยนะ”

     

    เพียงได้ยินว่าพวกนั้นทำหน้าเป็นห่วง  ลัลทริมาก็แทบจะไม่ได้ใช้เวลาในการตัดสินใจด้วยซ้ำว่าควรจะหันไปหาพวกคุณชายดีหรือไม่...เพราะตอนนี้ใบหน้างามหันไปหาพวกเขาแล้วเป็นที่เรียบร้อย

     

    เช่นกันกับคนที่มองตามหลังเธออยู่  เมื่อเห็นเธอหันมาพร้อมใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา  พวกเขาก็เบิกตากันด้วยความตกใจ

     

    ...รู้อยู่แล้วว่าไม่ว่าอย่างไรเสียเธอก็ต้องร้องไห้  เพียงแต่ไม่คิดว่าจะร้องไห้ให้พวกเขาเห็น  เหมือนอย่างที่เธอได้พูดเอาไว้ว่า

     

    “ยังไงซะพรุ่งนี้ ฉันจะไม่ร้องไห้ให้พวกคุณเห็นเด็ดขาดเลยค่ะ”

     

    แต่ใช้เวลาตกตะลึงได้ไม่นาน  ก็มีอันให้ต้องตะลึงขึ้นอีก  เมื่อคนรับใช้ส่วนตัวของพวกเขาหันหน้าแล้ววิ่งกลับมาหาพวกเขา...อีกครั้ง

     

    “คุณชายยยยยยยยยยย” วิ่งพลางเอ่ยเรียกเสียงดัง  ก่อนจะมาหยุดหอบอยู่ตรงหน้าพวกคุณชาย

     

    “ไหนบอกจะไม่ร้องไห้ไงยัยบ้า?” การินเอ่ยถามกลับไป

     

    “ก็  ก็มัน...” คนถูกถามอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบออกไปเช่นไร “ก็...ช่วยไม่ได้นี่คะ  พวกคุณสำคัญเกินกว่าที่ฉันจะมอบรอยยิ้มแบบฝืนใจให้ได้”

     

    พูดเองก็เขินเอง  และคนฟังเองก็ดูท่าจะเขินกับคำพูดของเธอไม่แพ้กัน

     

    “แล้ววิ่งกลับมาทำไมล่ะ?” ภามถาม

     

    “กลับมายิ้มให้พวกคุณอย่างจริงใจไงคะ” เธอตอบกลับไป ก่อนจะกล่าวต่อ “แต่พวกคุณขี้โกงอ่ะ  ทำไมปล่อยให้ฉันร้องไห้คนเดียวล่ะ” ตัดพ้อต่อว่าพวกคุณชายออกไปด้วยน้ำเสียงขบขัน

     

    เพื่อไม่ให้เป็นการดูขี้โกงอย่างที่เธอบอกมากเกินไป  แคปเปอร์ที่กลั้นน้ำตาเอาไว้ก็ปล่อยมันออกมาเป็นเพื่อนเธอ สร้างความประหลาดใจให้ลัลทริมาไม่น้อย  ก็ไม่คิดว่าจะมีใครร้องไห้จริงๆ นี่นา 

     

    “ไอ้แคปเปอร์  ทำไมแกขี้แยอย่างนี้วะ?” เชียรเอ่ยถามออกมา

     

    และลัลทริมาเองก็เข้าไปขวางหน้าแคปเปอร์ไว้ “หยุดเลยคุณชายเชียร  อย่ามาว่าคุณชายแคปเปอร์ขี้แยนะ  คุณไม่รู้หรอกว่าเมื่อผู้ชายหลั่งน้ำตาน่ะ  น้ำตานั้นมันมีค่าและงดงามมากเลยนะคะ”

     

    “คุณลัล” แคปเปอร์เรียกชื่อเด็กสาว  ก่อนจะทำดี๊ด๊าเข้าไปกอด  แต่ก็โดนคุณชายคนอื่นขวางเอาไว้ก่อน

     

    “ปกป้องกันดีจังเลยนะ” อคินเอ่ยพลางยกมือขึ้นยีผมลัลทริมาเสียจนมันฟูไปหมด

     

    “หยุดนะคุณชาย  ผมยุ่งหมดแล้วเนี่ย” เธอว่า  ก่อนจะหัวเราะออกมา  พาให้คนอื่นๆ ได้หัวเราะตาม

     

    ฝ่ายผู้เป็นน้าสาวของลัลทริมาอย่างรสวดี  เมื่อเห็นว่าหลานสาวของตัวเองหัวเราะออกมาได้แล้ว..แม้ว่าน้ำตานั้นจะยังคงไม่เหือดแห้งไปก็ตาม  แต่เธอก็อมยิ้มอย่างพอใจ  ก่อนจะตะโกนเรียกลัลทริมา

     

    “ลัล  เดี๋ยวตกเครื่องนะจ๊ะ”

     

    “อ๊ะ ค่ะ  เข้าใจแล้วค่ะน้าโรส” ลัลทริมาว่า  ก่อนจะหันมามองหน้าพวกคุณชายอีกครั้ง  “คงต้องขอตัวลาแล้วจริงๆ ล่ะค่ะ”

     

    “เดี๋ยว!” ชินะแทรกขึ้นมา ก่อนจะหันมองสบตากับเพื่อนของตนเองด้วยสายตาที่สื่อถึงความหมายว่า...จะให้ใครเป็นคนเช็ดน้ำตาให้กับเธอ และบทสรุปสุดท้ายที่ได้ก็คือ...เรวิน หนุ่มผู้ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ก็คงเป็นคนที่ไว้ใจได้มากที่สุดแล้วในหมู่เพื่อนๆ

     

    เรวินยิ้มกว้าง  ก่อนจะเอื้อมมือไปเกลี่ยเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของลัลทริมาออกอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณที่ร้องไห้เพื่อพวกผม  ขอบคุณที่เห็นว่าพวกผมเองก็สำคัญกับคุณนะครับ”

     

    “ค่ะ คุณชาย” ลัลทริมายิ้มขอบคุณเรวิน  ก่อนจะหันไปพวกคุณชายคนอื่นๆ ที่ตอนนี้ต่างก็กำลังจ้องมองมาทางเธอด้วยสายตาที่...ถ้าเธออ่านไม่ผิด  มันคงจะแสดงออกว่าพวกเขาเสียใจ  แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยความดีใจเช่นกัน

     

    ถ้าเป็นเมื่อก่อน  ลัลทริมาคงคิดว่าพวกเขาคงจะดีใจที่ในที่สุดเธอก็ไปพ้นๆ จากพวกเขาเสียที  แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า  พวกเขาไม่ได้คิดอย่างนั้นแน่นอน  ต่อให้ร้ายแค่ไหน...แต่พวกเขาก็ยังคงใจดีกับเธออยู่นะ 

     

    “ถ้ายังไงก็ขอลากันแค่นี้นะคะคุณชาย” ลัลทริมาเอ่ยคำลาสุดท้ายกับพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม

     

     

    ...ยิ้มที่ออกมาจากใจ  ไม่ใช่การฝืนเหมือนก่อนหน้านั้น...

     

    ...รอยยิ้มที่พวกคุณชาย...

     

    ...จะไม่มีวันลืมได้เลยตลอดชีวิต...

     

    “ไม่สิ  ฉันไปก่อนนะ  แคปเปอร์  อคิน  การิน  ภาม  ชินะ  เรวิน  เชียร  แล้วพบกันใหม่นะพวกนาย”







    -TBC-





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×