ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; สาวใช้หน้าใส กับ คุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #57 : >>:: Chapter 48 ; Part B

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 682
      8
      9 ธ.ค. 56




    CHAPTER 48

     

     

     

    “อ้าว  ทำอะไรกันอยู่น่ะ?” เชียรเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าทั้งภามและลัลทริมากำลังนั่งมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มบางแบบแปลกๆ

     

    “ไม่มีอะไรนี่” ภามว่า “แล้วไหนอ่ะของกิน  หายไปนาน...อย่าบอกนะว่าไม่ได้อะไรติดมือกลับมาให้ฉันด้วย”

     

    “ไม่ได้ซะที่ไหนล่ะไอ้บ้า” เชียรเดินเข้ามาหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเตียง  ก่อนจะหยิบเอาขนมปังที่เขาซื้อติดมือมากระแทกใส่หน้าภามเบาๆ “เอาไป”

     

    “ให้ดีๆ ก็ได้” ภามว่าก่อนจะรับห่อขนมปังแล้วลุกเดินไปทางตู้เย็น  หยิบเอากล่องนมซึ่งเขาจำได้ว่าแคปเปอร์แช่มันไว้ก่อนที่หมอนั่นจะกลับไปเพื่อเอาไว้ให้ลัลทริมาดื่มออกมาเพื่อจะดื่มเอง..

     

    เชียรมองแล้วส่ายหน้าอย่างระอา  รู้งี้ซื้อนมขึ้นมาให้ด้วยซะก็ดี  จะได้ไม่ต้องไปเอาของคนป่วยมากิน  แล้วเขาก็หันมาหาลัลทริมาแล้วเอ่ยถามเธอ...ด้วยคำถามที่เธอไม่ค่อยอยากจะเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่

     

    “อาการเป็นไงบ้าง  ยังเจ็บอยู่รึเปล่า?” เอ่ยถามพลางมองไปยังข้อมือของลัลทริมาที่มีรอยแดงช้ำเล็กน้อยเนื่องจากได้ยินข่าวมาจากแคปเปอร์เมื่อบ่ายว่าลัลทริมากระชากสายน้ำเกลือออกจากมือของตนเอง

     

    ..ทำอะไรบ้าบิ่นจริงๆ เลยยัยบ้านี่..

     

    “เอ่อ  ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ” เธอตอบกลับพร้อมยิ้มแหยให้เขาเล็กน้อย

     

    เชียรนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง  ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง “มีแอปเปิ้ลกับส้ม  อยากกินอะไรล่ะ?”

     

    “คะ?”

     

    “ฉันบอกว่ามีแอปเปิลกับส้ม  อยากจะกินอะไร  เดี๋ยวจะปอกให้กิน !!” จากน้ำเสียงที่ถามเรียบๆ ในตอนแรก ตอนนี้มันกลับแฝงความไม่พอใจเอาไว้ซะงั้น เล่นเอาลัลทริมาปรับตัวตามไม่ทันจริงๆ

     

    “แอปเปิลก็ได้ค่ะ” เธอว่า

     

    “งั้นรอแปป  ขอเอาไปล้างกับปอกก่อน” ว่าแล้วเชียรก็ลุกเดินออกไป..

     

    แล้วเขาก็กลับมาพร้อมกับแอปเปิลที่ถูกปอกเปลือกไว้อย่างเสร็จสรรพ  ก่อนจะมานั่งลงที่ข้างเตียงอีกครั้ง  พร้อมกับหยิบเอาแอปเปิลชิ้นหนึ่งขึ้นมาไว้ในระดับเดียวกับริมฝีปากของลัลทริมา  “เอานี่  ยื่นหน้ามา  เดี๋ยวจะป้อนให้”

     

    คำพูดที่พาให้ลัลทริมาเหวอไปเล็กน้อย ..เอาจริงเหรอ..?

     

    “เร็วสิ!

     

    “คะ..ค่ะ” ลัลทริมายื่นหน้าไป        ใกล้มือที่ถือผลไม้ชิ้นน้อยเอาไว้  ก่อนจะอ้าปากกัดแอปเปิลชิ้นนั้นด้วยท่าทีอึกอักเพราะทำตัวไม่ถูก

     

    แล้วเชียรก็อาสาป้อนแอปเปิลให้กับลัลทริมาอีกหลายชิ้น.....ท่ามกลางสายตาหงุดหงิดของคุณชายอีกคนหนึ่งที่เชียรและลัลทริมาคงจะลืมไปแล้วว่าเขาก็นั่งอยู่ในห้องเช่นเดียวกัน = =

     

    และก่อนที่จะปล่อยให้อารมณ์ของตนหงุดหงิดไปมากกว่านี้  ภามจึงตัดสินใจ...เดินเข้าไปใกล้และดึงข้อมือของเชียรที่ถือแอปเปิลเอาไว้ให้หันมาทางตนแทน...และงับเอาแอปเปิลชิ้นนั้นไป...ท่ามกลางของตกใจของเชียรและความไม่เข้าใจของลัลทริมา

     

    “เห้ย!! ทำบ้าอะไรของแกวะ?” เชียรเอ่ยถาม

     

    “อยากกินแอปเปิล” ภามตอบกลับมาด้วยสีหน้าราบเรียบ

     

    “ถ้าแกอยากกินก็หยิบกินเองสิ” เชียรว่า

     

    “งั้นเอามา” ว่าแล้วภามก็แย่งเอาจานที่ใส่แอปเปิลมาไว้ในมือของตนแทน  แล้วหันไปหาลัลทริมา “กินอีกมั้ย?”

     

    “เอ่อ...เชิญคุณชายภามเลยค่ะ  ฉันอิ่มแล้วล่ะ” ลัลทริมายิ้มบางๆ ให้พร้อมโบกมือไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ

     

    “อืม” แล้วภามก็เดินเอาจานแอปเปิลนั้นไปใส่ไว้ในตู้เย็นแทน...ทำให้เชียรที่มองอยู่รีบลุกเดินตามเขามา  ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น

     

    “นี่แกจงใจขัดขวางฉันกับยัยนั่นใช่มั้ย?”

     

    ภามไม่ตอบ เขาทำเพียงเดินหนีจากเชียรแล้วกลับไปนั่งลงยังเก้าอี้ข้างเตียงแทน  พาให้เชียรยิ่งมีน้ำโหขึ้นมากกว่าเดิม  แต่พอจะโวยวาย  ก็ดันเห็นลัลทริมาอ้าปากหาวเสียก่อน “ง่วงแล้วเหรอ??”

     

    “พอดีปวดหัวนิดหน่อยค่ะ” เธอว่า “ก็เลยกะว่า...จะนอนพักต่อซะหน่อย”

     

    “อืม  งั้นก็พักเถอะนะ” สองหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกัน  และทั้งคู่ก็ได้รับรอยยิ้มบางเบาจากเด็กสาวตอบกลับมา

     

    “ขอบคุณนะคะคุณชาย..”

     

    เมื่อทิ้งตัวลงนอนบนเตียงได้เพียงไม่นาน  เด็กสาวก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปแทบจะทันที 

               

    +++++++++++++++

               

    อาจเพราะเมื่อวานเจอเรื่องที่มันหนักหน่วงมามากพอสมควร  ทำให้ลัลทริมาหลับไปเสียนาน  จนกระทั่งตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เช้าของวันรุ่งขึ้นเสียแล้ว

     

    เธอตื่นตั้งแต่เช้า ก่อนจะต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงของเธอในตอนนี้ไม่ใช่เหล่าคุณชายที่คุ้นหน้า...ไม่ใช่พยาบาลสาวที่จะเข้ามาดูแลและให้ยาเธอ..แต่กลับเป็นหญิงสาวที่เธอไม่เคยรู้จักและพบหน้ามาก่อน 

     

    “เอ่อ  คุณเป็นใครคะ?” เอ่ยถามออกไปอย่างตื่นตระหนก  พร้อมทั้งจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าที่แต่งกายด้วยชุดสุภาพ  เรือนผมสั้นสีดำขับให้ใบหน้าขาวนั้นสวยขึ้นมาก  อีกทั้งยังทำให้เธอดูเด็กกว่าที่คาดไว้

     

    ฝ่ายหญิงสาวเมื่อเห็นท่าทีตระหนกตกใจของลัลทริมา  เธอจึงได้แย้มยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับเด็กสาว “อะไรกัน?  นี่หนูลัลจำน้าไม่ได้เหรอจ้ะ?”

     

    “น้า...?”  คนถูกถามขมวดคิ้วหนัก  ไม่เข้าใจถึงสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าพูด

     

    “น้าโรสไงล่ะ  รสวดี  น้องสาวของพี่รัศมีน่ะ” หญิงสาวกล่าว  ก่อนจะโผเข้ามากอดลัลทริมาเอาไว้  ส่วนคนถูกกอดก็ได้แต่ตกใจทำอะไรไม่ถูก “ลัลคงจะจำน้าไม่ได้สินะ  แต่รู้มั้ยว่าน้าดีใจมากแค่ไหนตอนที่พี่รัศมีโทรมาบอกว่าลัลยังมีชีวิตอยู่  น้าดีใจแทบตายเลยนะ  อยากจะบินกลับมาพบหน้าหลานสาวของตัวเองจะแย่  แต่เพราะน้าติดงานที่ต่างประเทศ  ทำให้กลับมาหาลัลไม่ได้  เลยกะว่าจะรอวันหยุดช่วงเทศกาล.....แต่แล้วก็กลับเกิดเรื่องขึ้นมาก่อน”

     

    รสวดีผละออกจากลัลทริมา  ก่อนมือบางจะยกขึ้นมาลูบใบหน้าของลัลทริมาอย่างอ่อนโยน “แม่บ้านเค้าติดต่อไปหาน้า...บอกว่าพี่รัศมีประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตแล้ว  น้าจึงรีบยกเลิกงานและบินกลับมาทันที”

     

    ลัลทริมาจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ดวงตากลมโตคู่นั้นปริ่มไปด้วยน้ำตา  เมื่อลองมองดีๆ  ลัลทริมาถึงเห็นว่าดวงตาและใบหน้านั้นคล้ายกับแม่ของเธอมาก  แสดงว่าสิ่งที่หญิงสาวคนนี้พูดมาคงจะเป็นความจริง

     

    “...น้าเสียใจจริงๆ ที่กลับมาตอนนี้  กลับมาในตอนที่พี่รัศมีเสีย  แล้วไหนจะลัทธที่กลายเป็นแบบนั้นไปอีก  น้านี่มันแย่จริงๆ เลยเนอะลัล  พอสูญเสียสิ่งสำคัญไป..น้าถึงเพิ่งจะได้กลับมาหามัน  ทั้งๆ ที่ควรจะลางานแล้วกลับมาตั้งแต่ตอนนั้น...” แล้วรสวดีก็ร้องไห้ออกมา

     

    ลัลทริมามองเธอด้วยแววตาสร้อยเศร้า “น้า...ไม่ผิดหรอกค่ะ” เธอเอ่ยก่อนจะเอื้อมมือไปเกลี่ยน้ำตาให้กับคนตรงหน้า

     

    “ลัล.. ฮึก ฮือๆ” รสวดีร้องไห้หนักกว่าเดิมและโผเข้ากอดลัลทริมาอีกครั้ง  ก่อนจะยอมผละจากเด็กสาวช้าๆ  พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อย “น้านี่มันแย่จริงๆ เลยนะ  อายุขนาดนี้แล้วแท้ๆ ยังร้องไห้เป็นเด็กๆ ไปได้  สู้ลัลไม่ได้เลย”

     

    “ไม่หรอกค่ะ  หนู...ไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นหรอก” เด็กสาวว่า “เอ่อ  น้ารู้แล้วใช่มั้ยคะ  ว่างานศพของแม่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้”

     

    รสวดียิ้มบาง “เรียกน้าโรสก็ได้จ้ะ” ก่อนจะตอบคำถามของเด็กสาว “น้ารู้เรื่องแล้วล่ะ  พอดีก่อนที่จะกลับมา  น้าได้รับการติดต่อจากผู้อำนวยการนรินทร์มาน่ะ  ว่าเขาจะจัดการเรื่องงานศพให้เอง  น้าก็รู้สึกเกรงใจ..แต่น้าก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”

     

    แล้วน้าสาวก็พูดคุยกันอีกหลายเรื่องๆ  ก่อนที่รสวดีจะบอกให้ลัลทริมาพักผ่อนให้มากๆ  เพราะพรุ่งนี้เด็กสาวจะต้องออกจากโรงพยาบาลไปร่วมงานศพของรัศมี  ส่วนตัวของรสวดีเองก็ได้ขอตัวกลับไปพักผ่อนเนื่องจากเดินทางมาไกล  และตอนเย็นเธอจะได้ไปงานสวดอภิธรรมศพในคืนสุดท้ายของพี่สาวตนเองด้วย

     

     

    วันรุ่งขึ้น

     

    พิธีศพจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย  ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้ที่มาร่วมงาม  ลัลทริมาที่ไม่ได้มาร่วมสวดศพของแม่เลยสักครั้งนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ รสวดีที่มีอาการไม่ต่างจากเธอเลยเช่นกัน

     

    “ขอบคุณนะคะแม่” นั่นคือสิ่งที่เธอกล่าวออกมาเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่วางดอกไม้จันทน์ไว้ที่ข้างโลงศพ 

     

    เด็กสาวเดินลงมามองดูโลงศพที่ถูกเข็นเข้าเมรุ  ก่อนที่สักพักจะมีควันลอยออกมาจากปล่องไฟ  พร้อมๆ กับที่น้ำตาของเธอได้รินไหลลงมาไม่หยุด

     

    ทั้งลัลทริมาและรสวดีต่างก็กอดกันร้องไห้ด้วยความเศร้าเสียใจ..

     

    ..ทั้งเรื่องของการเสียคนสำคัญอย่างรัศมี  และเรื่องที่ลัทธพลไม่สามารถไม่สามารถมาร่วมงานศพของบุพการีของตนได้

     

     

    หลังจากวันที่งานศพถูกจัดขึ้น  ลัลทริมาไม่ได้กลับมาที่บ้านจินตเมธรเลย  เพราะรสวดีขอให้เธอไปอยู่ที่บ้านวิกรานต์วรสริตด้วยกัน  และเด็กสาวเองก็ไม่ได้ปฏิเสธคำขอร้องของน้า

     

    “นี่ลัล...อีกสามวันน้าจะต้องกลับอเมริกาแล้วนะ” รวสดีเปิดบทสนทนาขึ้นมาขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งรับประทานอาหารกันอยู่

    “แล้วเรื่องของพี่ลัทธล่ะคะ?” เด็กสาวว่า

     

    “น้าว่า...น้าจะพาลัทธพลไปด้วย” คำพูดที่ชวนให้ลัลทริมาต้องเบิกตากว้างมองน้าสาวของเธอด้วยความตื่นตกใจ  ก่อนจะพบรอยยิ้มเศร้าๆ ของรสวดี “น้าไม่ยอมปล่อยให้ลัทธเป็นแบบนี้ตลอดไปหรอกนะ  อีกอย่าง...น้ารู้จักหมอเก่งๆ ที่อเมริกา  น้าเลยคิดว่าจะพาลัทธไปรักษาตัวอยู่ที่นั่นสักปีสองปี  ลัลคิดว่าไง?”

     

    “ลัลเห็นด้วยกับน้าโรสค่ะ  เพราะลัลเองก็คงจะทนไม่ได้...ที่จะปล่อยให้พี่ลัทธต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทราแบบนั้น”

     

    รสวดียิ้มรับกับคำตอบของลัลทริมา “แล้วลัลล่ะ  จะว่ายังไง?”

     

    “คะ..?” เด็กสาวมองหน้าของรสวดีด้วยความไม่เข้าใจกับสิ่งที่น้าสาวเพิ่งถามออกมา

     

    “จะไปกับน้าด้วยมั้ย?”

     

    ช้อนเงินในมือบางร่วงหล่นทันทีราวกับมือนั้นไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะประคองถือมันไว้  ลัลทริมานิ่งอึ้งกับคำถามของรสวดี  คำถามที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบเจอ..

     

    “ว่าไงจ้ะลัล?” รสวดียิ้มน้อยๆ ให้หลานสาว  ไม่ได้เป็นการยิ้มเพื่อกดดัน  แต่แค่ยิ้มตามประสาของคนที่รอฟังในการตัดสินใจของหลานสาวเท่านั้น

     

    “คือ....” ลัลทริมามีท่าทีลังเลเล็กน้อยกับการตอบคำถามนี้  ...เพราะเธอยังตัดสินใจไม่ได้

     

    ..ภาพของพวกคุณชาย  คุณผู้ชาย  และพ่อบ้านอธิศผุดขึ้นมาในสมองของเธอทันที..

     

    “ลัล...?”

     

    “คือหนู....” เด็กสาวมีท่าทีลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

     

    ..ไม่ใช่ว่าเห็นพวกเขาสำคัญกว่าแม่และพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองหรอก  เพียงแต่ในความทรงจำที่ผ่านๆ มาของเธอ เธอต้องขอยอมรับเลยว่าเธอผูกพันและใช้ชีวิตร่วมกับคนในบ้านหลังนั้นมากกว่าครอบครัวของเธอเองเสียอีก จนในบางครั้งเธอเองก็คิดไปว่าเธอคงจะเป็นส่วนหนึ่งในบ้านหลังนั้น  เหมือนดั่งที่คุณผู้ชายชอบพูดบ่อยๆ ว่าเธอก็เหมือนลูกสาวของเขานั่นแหละ  หากแต่...เธอก็ไม่อาจจะละทิ้งครอบครัวแท้ๆ ของเธอได้เช่นกัน  เพราะทั้งรัศมีและลัทธพลเองก็ดูแลเธอเป็นอย่างดีมากตลอดนับตั้งแต่วันที่ได้รู้ความจริงนั้น  แต่...

     

    “ตอนนี้ยังจะมีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องของลัทธอีกเหรอ ?”

     

    ลัลทริมานิ่งอึ้งไปเล็กน้อยราวกับกำลังชั่งใจตนเอง..  แล้วแววตาลังเลเมื่อครู่...ก็แปรเปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวขึ้นมาในทันที  “น้าโรสคะ  หนู......”

     

    +++++++++++++++++

     

    รสวดีขับรถมาส่งลัลทริมากลับมาที่บ้านจินตเมธรในเวลาค่ำพอสมควร  หลังจากที่ได้พูดคุยกันในหลายๆ เรื่อง  และเธอเองก็เคารพในการตัดสินใจของหลานสาวตัวเองมากพอ  จึงได้พาหลานสาวกลับมาส่งที่นี่

     

    “น้าไปนะ  ฝันดีนะจ๊ะลัล” รสวดีกล่าวลา  ก่อนจะขับรถออกไป 

     

    ลัลทริมาถอนหายใจเฮือกใหญ่  ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน  แล้วก็ต้องตกใจทันทีเมื่อพบกับรอยยิ้มสดใสของใครบางคนที่ส่งมาให้เธอ

     

    “อ้าว  นึกว่าจะค้างที่บ้านโน้นซะอีกนะครับ” เรวินที่เดินออกมาเจอเธอพอดีจึงเอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส  เพื่อให้เด็กสาวที่มีใบหน้าหมองหม่นรู้สึกดีขึ้นบ้าง

     

    ลัลทริมายิ้มรับ  ก่อนจะถามถึงคนอื่นๆ

     

    “พวกนั้นก็กำลังนั่งเป็นห่วงคุณลัลอยู่ที่ห้องหนังสือกันน่ะครับ”

     

    “เหรอคะ”

     

    “ไปหาพวกนั้นกันมั้ยล่ะครับ  จะได้เลิกกระวนกระวายเรื่องของคุณกันสักที” เรวินว่าให้ลัลทริมาต้องอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้าตกลง  แล้วเรวินก็เดินนำหน้าลัลทริมาไปยังห้องหนังสือที่มีพวกคุณชายคนอื่นๆ นั่งรอกันอยู่

     

     

    ก๊อกๆๆ

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้น  ก่อนที่จะได้ยินเสียงจากข้างในตะโกนกลับมาออกมา เปิดเข้ามาสิโว้ย!’

     

    ..ดูก็รู้ว่าคนที่ตะโกนมาเมื่อครู่คงจะเป็นอคินแน่ๆ..

     

    เด็กสาวหัวเราะเล็กน้อย  ก่อนจะถูกเรวินรุนหลังน้อยๆ เป็นเชิงบอกให้เธอเป็นคนเปิดประตูเข้าไปก่อน  และเธอก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย

     

    “สวัสดีค่ะพวกคุณชาย” ลัลทริมาเอ่ยทักทายพร้อมระบายยิ้มให้กับพวกเขา  ก่อนคิ้วเรียวจะเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัยเมื่อคนที่อยู่ในห้องกลับนั่งมองมาที่เธอด้วยแววตาตกตะลึง  ไม่ยอมทักเธอตอบเลยสักนิด “อะไรคะ?  มีอะไรติดหน้าฉันงั้นเหรอ..?”

     

    “เธอ...กลับมาที่นี่งั้นเหรอ!?” อคินเอ่ยถามออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ “นึกว่าจะอยู่บ้านนั้นต่อไปซะอีก”

     

    “ฉันกลับมาไม่ได้เหรอคะ?  ก็ในเมื่อยังไงซะ...ฉันก็ยังเป็นคนรับใช้ของบ้านนี้อยู่นี่นา” เธอว่า

     

    พวกคุณชายมองหน้ากันเล็กน้อย  ก่อนที่ต่างคนต่างก็ยิ้มบางออกมา  ก่อนจะหันมากล่าวคำต้อนรับ(รึเปล่า)  ให้กับลัลทริมา

     

    “กลับมาได้ซะทีนะยัยบ้า” การินว่า

     

    “คิดถึงกันรึไงคะ?” เธอจึงเอ่ยถามกลับไปเล่นๆ

     

    “จะบ้าเหรอ!!!” แล้วก็การินตวาดกลับเสียงดัง

     

    “แต่ผมคิดถึงจริงๆ นะครับ” แคปเปอร์ว่าพร้อมยิ้มกว้างให้เธอ

     

    ลัลทริมายิ้มกับท่าทีของพวกคุณชาย  ก่อนจะเอ่ยถามพวกเขา  “แล้วนี่ทานมื้อเย็นกันรึยังคะ?”

     

    “ถามทำไม  จะทำให้พวกฉันกินงั้นเหรอ..?” ชินะเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

     

    “เปล่าค่ะ  ถามเฉยๆ” เด็กสาวตอบกลับทันควัน  ทำเอารอยยิ้มของชินะจางไปทันที

     

    “อะไรของเธอ  กลับมาถึงก็กวนพวกฉันเลยนะ” คุณชายเรือนผมสีขาวว่า

     

    “ก็ไม่มีอะไรนี่คะ” ลัลทริมายิ้มบาง  ก่อนจะจ้องมองใบหน้าของทุกๆ คนที่นั่งรวมกันอยู่ในห้องหนังสือแห่งนี้ “เอ่อ...คุณชายคะ  คือว่าฉันมีเรื่องจะบอกด้วยแหละ” เธอเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับสิ่งที่จะบอกนั้นเป็นเพียงเรื่องธรรมดา 

     

    “หืมม์??” ทุกสายตาในห้องหันมามองที่ลัลทริมาด้วยความอยากรู้

     

    “ฉัน....จะขออนุญาตลาออกค่ะ”

     

    !!!!!!!!





     

    -TBC-











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×