ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; สาวใช้หน้าใส กับ คุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #55 : >>:: Chapter 47

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 727
      9
      1 ธ.ค. 56



    CHAPTER 47

     

     

     

     

    หลังจากที่ภามเดินจากไป  อคินก็หันมาต่อว่าลัลทริมาทันที “ทำอะไรไม่รู้จักระวังตัวเอาซะเลยนะ”

     

    “ก็ใครเค้าจะไปคิดละคะ  ว่าคุณชายภามจะทำแบบนั้น” ลัลทริมาตอบกลับนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่แล้วก็ยังอดใจเต้นแรงไม่ได้  ดีนะที่คุณชายอคินมาช่วยไว้ก่อน..ไม่งั้นได้เสียจูบแรกไปแล้ว

     

    “ไอ้พวกหน้าตาใสซื่อน่ะ  อย่าไปเชื่อถือมันมากเลย” หนุ่มเลือดร้อนว่า  ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างลัลทริมา

     

    “จะบอกว่าหน้าตาอย่างคุณสินะ  ที่น่าเชื่อถือ” เธอว่า

     

    “ไม่ได้บอกแบบนั้น”

     

    “แสดงว่าแบบไหนก็เชื่อถือไม่ได้งั้นสินะ” เด็กสาวพึมพำเบาๆ  เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายได้ยินมัน  แต่ก็นะ..อคินซะอย่าง  หูดียิ่งกว่าหมาอยู่แล้ว

     

     

    “อย่าพูดมากเลยน่ายัยบ้า” เขาว่า

     

    ลัลทริมาถอนหายใจเล็กน้อย  ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาตรงๆ “แล้ว...มุขจีบสาวของคุณล่ะ?”

     

    “หา..?” อคินขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้น  เขาหันมาถามเธอด้วยความไม่เข้าใจ “มุขจีบสาวอะไร?”

     

    “ก็พวกคุณเล่นเกมจีบฉันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ?” เธอถามออกมาตรงๆ  ทำเอาอคินถึงกับอ้าปากค้าง

     

    “เธอรู้..?”

     

    “ใช่  ฉันรู้” เด็กสาวตอบรับ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาถามอคินใกล้ๆ “แล้วคุณจะจีบฉันยังไงล่ะ?”

     

    เด็กหนุ่มรีบยกมือขึ้นมาดันหน้าลัลทริมาออกทันที “อย่าเอาหน้ามาใกล้ฉันเซ่!!  แล้วใครบอกว่าฉันอยากจะจีบเธอไม่ทราบ”

     

    “ถ้าไม่อยากจีบก็กลับเข้าบ้านกันเถอะค่ะ” ลัลทริมาว่าพร้อมทำท่าจะลุกขึ้น  ทำให้อคินต้องรีบฉุดมือเธอแล้วดึงให้เธอนั่งลงเสียก่อน “ไหนบอกว่าไม่อยากจีบไม่ใช่เหรอคะ?” เด็กสาวเลิกคิ้วถาม

     

    “ก็ไม่ได้อยากจีบ  แต่อย่าเพิ่งเข้าบ้านสิ...นั่งเป็นเพื่อนฉันก่อน” อคินว่าพร้อมสะบัดหน้าหนี  เรียกเสียงหัวเราะจากลัลทริมาได้เป็นอย่างดี  เด็กหนุ่มจึงหันมาจ้องเธอด้วยสายตาไม่ชอบใจ “หัวเราะทำไม!?

     

    “เปล่าค่ะ” เด็กสาวรับคำแล้วนั่งเงียบ พาให้อีกคนต้องเงียบไปด้วย  เพราะไม่รู้จะชวนคุยอะไร

     

    ..หรือพูดให้ถูกก็คือ  เนื่องจากโดนดักทางได้แบบนี้  อคินเลยไม่รู้จะทำอะไรต่อดี  จึงได้แต่นั่งเงียบไปกับเธอ

     

    เวลาผ่านเท่าไรอคินไม่รู้  เขารู้แต่ว่าถ้าปล่อยให้เงียบแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ  ไม่เขาก็เธอ..ใครสักคนคงได้หลับเป็นแน่

     

    ..เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด  เมื่ออคินหันไปหาคนข้างๆ ปรากฏว่าเด็กสาวนั่งหลับกลางอากาศไปเสียแล้ว  หนุ่มนัยน์ตาต่างสีจึงอดที่จะมีน้ำโหไม่ได้  เล่นหลับต่อหน้ากันอย่างนี้ เสียมารยาทชะมัด  แต่ก็เข้าใจดีว่าโมโหไปก็รังแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ล่มจมซะเปล่าๆ  เขาจึงเลือกที่จะดึงตัวเธอให้นอนลงหนุนตักเขา 

     

    แล้วก็เป็นตัวเขาเองเสียด้วยที่เกิดรู้สึกเขินขึ้นมา  ก็อย่างว่านะ...ไม่เคยทำอะไรอ่อนโยนแบบนี้มาก่อน  จู่ๆ มาทำแบบนี้  มันก็ต้องเขินเป็นธรรมดา “ยัยประสาท” ด้วยความที่ตัวเองกำลังเขินเอง  อคินจึงไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรออกมาพูดดี  เขาจึงเอ่ยคำพูดออกแนวต่อว่าไปแทน

     

    แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากอีกคน..ก็ถ้าตอบก็แปลกละ

     

    “เฮ้ย.....ลัลทริมา” เอ่ยเรียกอีกคนเสียงเบา “ฉันมีอะไรจะบอกแหละ...”  แล้วก็ใช้เวลาอ้ำอึ้งอยู่นานทีเดียวกว่าที่อคินจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง “ฉันไม่รู้นะว่าไอ้เรวินคิดอะไรอยู่ถึงได้เสนอเกมนี้ขึ้นมา  ถึงจะแอบเห็นใจเธออยู่บ้างนิดหน่อยว่าเกมนี้มันควรจะได้รับการยินยอมจากเธอ  แต่ฉันไม่เล่นไม่ได้....นั่นก็เพราะว่า......ฉัน...ยอมแพ้พวกนั้นไมได้”

     

    เขาเลื่อนสายตามองใบหน้าอ่อนหวานที่หลับตาพริ้มนั่น “..จะยอมให้เธอรักพวกนั้นไม่ได้  เพราะฉัน..รัก..เธอ”ก่อนมือเรียวจะยกขึ้นมาลูบเรือนผมของร่างบางอย่างแผ่วเบา..เสียจนตัวเองยังต้องสะดุ้ง

     

    ความเงียบโรยตัวอีกครา...  พัดพาเอาความเขินของเด็กหนุ่มหายไป...แทนที่ด้วยความรู้สึกอื่นแทน

     

    อคินเริ่มรู้สึกว่าขาของเขากำลังเป็นเหน็บ จึงอดที่จะบ่นเบาๆ ไม่ได้ “เฮ้ย! เมื่อไหร่จะตื่นวะ เหน็บกินแล้วนะ”

     

    “ตื่นตั้งนานแล้วล่ะค่ะ”

     

    อีกเสียงตอบกลับมา  และเป็นเสียงที่พาให้ใจของอคินกระตุกวูบ “อ้ะ!” เขารีบดันตัวของลัลทริมาออกห่างจากตัวเองทันที ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นๆ “ตะ ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”

     

    “ก็นานพอที่จะได้ยินคำสารภาพของคุณนั่นแหละค่ะ” ลัลทริมาตอบกลับมาเสียงเบา..ด้วยความเขินอาย

     

    “ไม่มี๊~ ไม่มีอะไรทั้งนั้น” สกินแถของคนซึนเริ่มทำงานทันที แต่ปฏิเสธไปก็เท่านั้นแหละ เพราะความจริงแล้วลัลทริมาตื่นตั้งแต่ตอนที่เขาจับให้เธอนอนหนุนตักแล้วล่ะ 

               

    “จะให้ก็อปปี้ประโยคของคุณมาพูดใหม่มั้ยล่ะคะ?” โดยไม่รอฟังคำตอบจากคนตรงหน้า  ลัลทริมาก็เริ่มร่ายยาว “ฉันไม่รู้นะว่าไอ้เรวินคิดอะไรอยู่ถึงได้เสนอเกมนี้ขึ้นมา  ถึงจะแอบเห็นใจเธออยู่บ้างนิดหน่อยว่าเกมนี้มันควรจะได้รับการยินยอมจากเธอ  แต่ฉันไม่เล่นไม่ได้....นั่นก็เพราะว่า......ฉัน...ยอมแพ้พวกนั้นไมได้  ..จะยอมให้เธอรักพวกนั้นไม่ได้  เพราะฉัน..รัก..เธอ”

     

    เจอดักทางแบบนี้  อคินก็หาที่ไปไม่เป็นล่ะนะ  เจ้าตัวจึงได้แต่สบถเบาๆ  ก่อนจะจ้องหน้าลัลทริมาเขม็ง  และ..ดึงตัวเธอเข้ามา..

     

    ..จมูกโด่งเป็นสันสวยชนเข้ากับแก้มเนียนของเด็กสาวอย่างจัง  ก่อนที่ทั้งคู่จะผละออกจากกันด้วยใบหน้าขึ้นสี  และเป็นอคินที่เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา “ถือว่าเป็นการลงโทษละกัน” ว่าพร้อมกับหันหน้าหนี  ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกา  พอเห็นว่าใกล้หมดเลาแล้ว  เขาจึงหันไปบอกคนข้างๆ “เออ หมดเวลาละ  ฉันเข้าบ้านล่ะ”

     

    “เดี๋ยว  ฉันไปด้วยค่ะ” เธอว่าพร้อมกับลุกตามคนตรงหน้า

     

    “เฮ้ย! เธอรอไอ้การินอยู่ที่นี่แหละ”

     

    “ยังเหลือคุณชายการินอีกเหรอคะ?  นี่ฉันง่วงแล้วนะ” ลัลทริมาว่าพร้อมทำหน้าเซ็งๆ

     

    “เออน่ะ  ถ้าง่วงก็หลับไปเลย  ไม่ต้องไปเกรงใจไอ้การินมันหรอก ที่สำคัญ...อย่าให้มันทำอะไรได้ล่ะ” อคินว่า  ก่อนจะโบกมือให้และเดินจากไป

     

    ..ถึงจะบอกว่าไม่ต้องเกรงใจคุณชายการินก็เถอะ  แต่ใครมันจะกล้าหลับต่อหน้าเขาล่ะ..? แล้วอย่างการินน่ะนะจะทำอะไรเธอ..?

     

    รอได้พักเดียว  การินก็เดินมาหาลัลทริมา  เด็กสาวจึงยิ้มรับ

     

    “มานั่งยิ้มอะไรตรงนี้ยัยบ้า  ลุกไปนั่งที่ศาลาใกล้ๆ บ้านพักโน่น” ต่อว่าเล็กน้อยและออกคำสั่งนิดหน่อย แล้วก็สะบัดหน้าเดินนำลัลทริมาไปทันที  ปล่อยให้คนถูกสั่งหุบยิ้มแล้วรีบลุกเดินตามการินไป

     

    ..อะไรวะคะ  จะมาจีบกัน  แต่พูดจาแบบนี้ให้กันงั้นเหรอ..?

     

    เมื่อมาถึงศาลาใกล้บ้านพัก..ต่างฝ่ายต่างเงียบไม่ยอมพูดจาอะไรใดๆ ทั้งสิ้น  ชวนให้บรรยากาศยามค่ำคืนที่วังเวงอยู่แล้วดูวังเวงเข้าไปใหญ่...ยิ่งนั่งอยู่กับการินด้วยแล้วอ่ะนะ

     

    “เอ่อ..” สุดท้ายแล้วลัลทริมาก็ไม่อาจทนความอึดอัดไหว  ยอมเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเสียเอง “มีอะไรคะ”

     

    “ไม่มี” การินเองก็ตอบกลับมาทันที  ทำเอาลัลทริมาไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว

     

    แล้วก็นั่งเงียบกันอีกครั้ง  ก่อนเด็กสาวจะชวนเขาคุยเรื่องแม่ของเขา  และคำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือว่า เธอคิดว่าตัวเองสำคัญมากพอที่จะมารับรู้เรื่องครอบครัวของฉันแล้วรึไง?และนั่นมันก็ทำให้เธอไม่อยากจะพูดอะไรกับเขาอีก...ไม่ใช่เพราะไม่ชอบใจในคำพูดนั้น แต่เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากพูด ถึงเธออยากรู้..แต่ถามไปแล้วเขาไม่ตอบ มันก็เท่านั้นแหละ

     

    สุดท้ายลัลทริมาจึงชวนคุยเรื่องอื่น  ซึ่งก็ได้รับคำตอบนิดๆ หน่อยๆ พร้อมคำด่าเล็กๆ น้อยๆ จากการิน  ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะถามให้ตัวเองโดนด่าทำไม  แต่ถ้าไม่ชวนการินคุยมีหวังเธอหลับแหงๆ  และถ้าเธอหลับเธอก็คงโดนด่าอีกนั่นแหละ..  จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานพอสมควร

     

    ด้วยเวลาดึกดื่นป่านนี้  มันก็ต้องง่วงล่ะนะ..

     

    ลัลทริมานั่งสัปหงกจะหลับแหล่มิหลับแหล่  ทำให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอเริ่มไม่พอใจขึ้นมานิดๆ ด้วยความคิดที่ว่า อุตส่าห์จะมาจีบ จะมานั่งหลับแบบนี้ได้ไง! ..แต่ถึงจะพูดว่าจีบก็เถอะ  การินก็ไม่เห็นทำอะไรสักอย่างนอกจากนั่งเงียบเป็นเป่าสากเท่านั้น  แต่ด้วยความเป็นคนหัวรั้นไม่ชอบยอมแพ้..

     

    “นี่!” เขาเอ่ยเสียงดังให้ลัลทริมาต้องสะดุ้งลืมตาขึ้นมา “ถ้าหลับฉันปล้ำเธอแน่!

     

    ถ้าเป็นคนอื่นพูด...เธอคงจะไม่กลัวเท่าไหร่  แต่ขอโทษ..นี่คือการินค่ะ พูดจริงทำจริงชัวร์!จากที่สัปหงกเมื่อครู่...คราวนี้ลัลทริมาถึงกับตาสว่าง ความง่วงที่มี่หายไปหมดทันที

     

    แต่แน่นอนว่าไม่มีคำพูดอะไรต่อจากนั้นอีกเลยนอกจากความเงียบ..ราวกับว่าการินไม่ได้อยากจะหาเรื่องจีบเธอ แต่เหมือนเขาพาเธอมานั่งฆ่าเวลาให้สองชั่วโมงที่ว่าหมดๆ ไป

     

    เพื่ออะไร...?

     

    เด็กหนุ่มก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตนเอง  ..เหลืออีก 5 นาที

     

    “นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันว่าเรากลับเข้าบ้านพักกันเถอะ” เด็กหนุ่มเอ่ยบอก  ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับแต่โดยดีเพราะเธอชักจะง่วงเต็มทีแล้วจริงๆ แต่การินน่าจะชวนกลับเข้าบ้านได้ตั้งนานแล้วนะ ไม่น่าพามานั่งให้เปลืองเวลาหลับเวลานอนแบบนี้เลย

     

    แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะลุกจากเก้าอี้  การินก็ยื่นบางสิ่งบางอย่างมาให้...ดวงตากลมโตเบิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความตะลึงกับความงดงามและกลิ่นอันแสนหอมหวานของดอกไม้ช่อใหญ่ในมือของการิน

     

    “ให้” เขาว่าพร้อมกับยัดเยียดมันใส่มือของเธอ

     

    “ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวรับมันไว้พร้อมรอยยิ้ม  สายตาจ้องมองคนตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี ..คุณชายการินเนี่ยโรแมนติกกว่าที่คิดนะ..คงจะเขินไม่กล้าให้แต่แรก..ถึงได้รอให้ใกล้หมดเวลาสินะ

     

    แล้วการินก็ชิ่งหนีไปทันที  ปล่อยให้ลัลทริมายืนหัวเราะคิกคักเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะเขินถึงได้รีบหนีไปอย่างนั้น  ก่อนจะหันมาสนใจกับช่อดอกไม้ในมือ  กลีบสีขาวเด่นสะดุดตาชวนให้น่ามอง  แล้วยังกลิ่นหอมหวนชวนดมนี่อีก “หอมแฮะ” ว่า...ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นทันที “นี่มันดอกซ่อนกลิ่นนี่!

     

    เรวินซึ่งออกมาเดินเล่นในยามค่ำคืนเดินผ่านมาเห็นลัลทริมาซึ่งในมือกำช่อดอกไม้ไว้เสียแน่นหนา  ปากก็บ่นขมุบขมิบด้วยสีหน้าไม่พอใจ  ท่าทางจะไม่ทันสังเกตเห็นเขาเข้าก็เอ่ยทักเธอทันที “คุณลัล”

     

    คนถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อย  ก่อนจะหันมามองเขา “คุณชายเรวิน..”

     

    เรวินยิ้มรับ  ก่อนจะเอ่ยถาม “ดอกซ่อนกลิ่นไม่ใช่เหรอครับนั่น?” พร้อมชี้มือไปยังเจ้าช่อดอกไม้ในมือของเด็กสาว  พาให้เธอต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง

     

    “ก็ใช่น่ะสิคะ” ลัลทริมาตอบรับอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่รู้ให้มาได้ยังไงกัน  นี่มันดอกไม้ที่คนเค้านิยมใช้ในงานศพนะ  อยู่ๆ ให้มาแบบนี้มันแช่งกันชัดๆ เลย”

     

    เมื่อเห็นเด็กสาวบ่นแสดงความไม่พอใจ  ซึ่งน้อยครั้งนักที่จะได้เห็นเธอเป็นแบบนี้  เรวินจึงหัวเราะออกมา  ก่อนจะต้องปิดปากเงียบเมื่อเจอกับสายตาไม่พอใจของเด็กสาว “หัวเราะอะไรคะ?”

     

    “อย่าอารมณ์เสียไปเลยครับคุณลัล” เด็กหนุ่มว่า “คนที่เค้าให้มาน่ะ  เค้าไม่ได้มีเจตนาจะแช่งคุณหรอกครับ”

     

    “เหรอคะ~~~~” ลัลทริมาตอบรับเสียงยานคางแบบไม่อยากเชื่อ

     

    “คุณลัลคงไม่รู้ความหมายของดอกซ่อนกลิ่นสินะครับ?”

     

    “ความหมาย..?”

     

    เรวินเผยยิ้ม  ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้เด็กสาวแล้วก้มลงกระซิบเสียงเบา “ฉันหยิ่ง...เกินกว่าที่จะบอกรักเธอ”

     

    เท่านั้นแหละ  คนที่กำลังอารมณ์เดือดเมื่อครู่หน้าขึ้นสีทันที  ก่อนจะหันมองเรวิน “จริงเหรอคะ?”

     

    “ก็ใช่น่ะสิครับ ^^” เรวินตอบรับพร้อมรอยยิ้ม “คนให้นี่...ปากแข็งน่าดูเลยนะ”

     

    ลัลทริมาจ้องมองเจ้าช่อดอกไม้ในมือ..

     

    ..ฉันหยิ่งเกินกว่าที่จะบอกรักเธอ..

     

    พร้อมกับนึกถึงใบหน้าของเจ้าของช่อดอกไม้นี้แล้ว  เด็กสาวก็ต้องหน้าแดงอีกรอบ  ..นี่แม้แต่คุณชายการินก็เอากับเขาด้วยเหรอเนี่ย..?

     

    “เอ่อ  ขอตัวเข้าบ้านนะคะ” เธอหันมาบอกกับเรวิน  ก่อนจะรีบหันหลังวิ่งหนีเข้าบ้านพักไปทันที  ปล่อยให้คุณชายผิวเข้มยืนหัวเราะเพียงลำพัง

     

    “น่าเสียดายจัง  พวกนั้นคงจะบอกรักคุณลัลกันหมดละสิท่า  รู้งี้บอกไปด้วยซะก็คงจะดี~

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น

     

    เหล่าคุณชายตื่นมานั่งรับประทานอาหารกันแต่เช้าโดยมีลัลทริมานั่งร่วมโต๊ะด้วยอีกคน  ซึ่งในทีแรกนั้นลัลทริมาก็ไม่อยากจะนั่งร่วมโต๊ะด้วยสักเท่าไหร่ เพราะแอบจะเขินอายกับเรื่องเมื่อคืนอยู่บ้าง  ที่ใครๆ ต่างก็มารุมบอกรักเธอ  แต่พอเห็นสีหน้าสงบของแต่ละคนที่ทำราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น  มันก็พาให้ความเขินอายของเธอหายไปเสียเฉยๆ

     

    ..ขี้เก๊กกันดีจังนะ  ทีเมื่อคืนละคนละเรื่องกับวันนี้เลย  เอ๊ะ! หรือว่าเรื่องเมื่อคืนมันก็แค่เรื่องล้อเล่นกันน่ะ..  เด็กสาวแอบคิดในใจ  ก่อนจะนั่งก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารไปเงียบๆ

     

    “วันนี้เราจะทำกิจกรรมอะไรกันดี?” แคปเปอร์เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถามเพื่อนๆ อย่างอารมณ์ดี  ก่อนที่นัยน์ตาคมคู่นั้นจะจ้องตรงมายังลัลทริมา “คุณลัลอยากทำอะไรครับ?”

     

    “อะไรก็ได้ค่ะ” ลัลทริมาตอบ  ก่อนจะเอ่ยถามคำถามกลับ “วันนี้คุณชายแคปเปอร์ดูอารมณ์ดีจังเลยนะคะ”

     

    “ครับ” แคปเปอร์ตอบรับพร้อมรอยยิ้ม  ก่อนจะคิดในใจ ..นั่นก็เพราะวันนี้ถึงคิวของผมแล้วน่ะสิ  ฮ่าๆๆ ..

     

     

    หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย  พวกคุณชายและลัลทริมาก็มานั่งวางแผนกิจกรรมที่จะทำกันในวันนี้อยู่ที่ห้องนั่งเล่น  ต่างคนต่างก็เสนออะไรไปเรื่อย  จนกระทั่งถูกขัดจังหวะโดยสาวใช้คนหนึ่ง

     

    “ขอประทานโทษนะคะ  มีโทรศัพท์จากคุณลัทธพลนะค่ะ” เธอว่า “ท่านขอเรียนสายคุณลัลทริมาค่ะ”

     

    คุณชายทั้งเจ็ดหันมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจว่าไอ้รุ่นพี่ลัทธพลไปเอาเบอร์มาจากไหน  เช่นเดียวกับลัลทริมาที่ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงุนงง   ด้วยไม่เข้าใจว่าลัทธพลโทรมาหาเธอทำไม  เด็กสาวจึงรีบลุกเดินตามสาวใช้ออกไปรับโทรศัพท์ “ค่ะ  นี่ลัลพูดค่ะ  เอ้อ พี่ลัทธไปเอาเบอร์มาจากไหนเหรอคะ?”

     

    โทรไปถามคุณอธิศมาลัทธพลเอ่ยกลับมา

     

    “อ้อค่ะ  แล้วพี่ลัทธมีธุระอะไรรึเปล่าคะ?”

     

    ก็เมื่อกี้น่ะ อยู่ๆ แม่ก็เป็นลมล้มพับไป พี่เลยอยากให้ลัลกลับมาดูแลแม่หน่อย เพราะวันนี้พี่ต้องไปดูงานที่โรงเรียนอื่นน่ะ จะหยุดก็ไม่ได้ อีกอย่างลัลก็ลาหยุดไว้หลายวันแล้ว...ช่วยกลับมาดูแลแม่ทีนะ

     

    “แต่ลัลอยู่ที่เกาะส่วนตัวของคุณชายชินะนะคะ” เธอว่า

     

    รีบกลับมาเถอะนะ เดินทางแค่สองสามชั่วโมงเอง ช่วยมาดูแลแม่หน่อยนะ นี่เดี๋ยวพี่ก็ต้องไปโรงเรียนแล้วด้วย

     

    “ทราบแล้วค่ะ” ลัลทริมาตอบรับ “ลัลจะรีบกลับเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”  ก่อนจะวางสาย แล้วรีบวิ่งกลับมาหาพวกคุณชายด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

     

    “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” ชินะเอ่ยปากถามทันทีเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจของเด็กสาว

     

    “พาฉันกลับได้มั้ยคะ?” ลัลทริมาไม่ตอบ  แต่เอ่ยคำถามกลับมา

     

    คุณชายทั้งเจ็ดคนมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย  ก่อนอคินจะเอ่ยถามกลับ “มีอะไรน่ะ?”

     

    “พี่ลัทธโทรมาบอกว่าแม่ของฉันไม่สบายค่ะ” เธอตอบด้วยสีหน้าร้อนรน “พาฉันกลับเถอะนะคะคุณชาย  ฉันเป็นห่วงแม่”

     

    “ก็ได้ครับ” เรวินตอบรับขึ้นมาคนแรกทันที  ทำให้แคปเปอร์ที่อยู่ข้างๆ อยากจะเอ่ยปากเถียงแทบขาดใจเหลือเกิน  ก็ถ้าพาลัลทริมากลับ  แล้วเขาล่ะ...?  เขายังไม่ได้เล่นเกมจีบเธอเลยนะ..

     

    “เฮ้ยเดี๋ยว!” เชียรเอ่ยขัดขึ้นมา พาให้ทุกคนหันไปมองหน้าเขา “จะกลับตอนนี้เลยเหรอ?”

     

    “ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น” ภามว่า

     

    “แต่ฉันกับไอ้แคปเปอร์ยังไม่ได้...” เชียรจะพูดต่อ  แต่ก็ต้องเงียบเสียงไปเมื่อหันไปสบตากับเด็กสาวเข้าให้  นัยน์ตากลมโตของเธอมองพวกเขาอย่างขอร้อง.. “เออ  กลับก็กลับ!

     

    “เฮ้ยไอ้เชียร” แคปเปอร์หันขวับไปมองเชียร 

     

    “นี่มันใช่เวลามาห่วงเรื่องนั้นเหรอไอ้แคปเปอร์” เชียรตอบกลับมา  และมันก็ทำให้แคปเปอร์คิดได้ว่า...นั่นสินะ  เรื่องแม่คุณลัลต้องมาก่อน  “ครับ  งั้นเราไปเก็บเสื้อผ้ากันเถอะครับ  จะได้รีบออกเดินทาง”

     

    เมื่อทุกคนตกลงตามกันแล้ว  จึงแยกย้ายกันไปเก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพกัน

     

    ++++++++++++++++++++++

     

    หลังจากใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมงกว่าๆ ก็กลับมาถึงบ้านจินตเมธรกัน  แล้วแคปเปอร์ก็รีบขับรถมาส่งลัลทริมาที่บ้านวิกรานต์วรสริตทันที  โดยบอกกับเธอว่าถ้ามีธุระอะไรก็โทรหาเขาได้เสมอ..โดยลืมไปว่าเด็กสาวไม่มีโทรศัพท์ = =

     

    ลัลทริมารีบวิ่งเข้าบ้านไปหารัศมี  พวกคนรับใช้ที่รออยู่จึงพาเด็กสาวไปยังห้องของรัศมี  เพื่อให้คุณหนูเป็นคนดูแลคุณผู้หญิงของบ้านนี้เอง  และลัลทริมาก็ช่วยดูแลแม่เป็นอย่างดี  โดยไม่ลืมที่จะถามว่าแม่เป็นอะไรไป จู่ๆ ถึงได้เป็นลมล้มพับแบบนั้น  รัศมีก็เพียงยิ้มตอบน้อยๆ และบอกว่าตนเองพักผ่อนไม่เพียงพอ  ทำให้ลัลทริมาบังคับให้แม่ทานยาและนอนพักผ่อน  ส่วนตนเองก็นั่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆ

     

    จนกระทั่งถึงตอนเย็นที่ลัทธพลกลับมา  เขารีบวิ่งขึ้นมาหารัศมีกับลัลทริมา  ก็พบว่าแม่ของตนเองอาการดีขึ้นมากแล้ว  จึงได้ชวนทั้งแม่และน้องออกไปดินเนอร์

     

    เรียกได้ว่าเป็นดินเนอร์แสนสุขสำหรับลัลทริมาเลยก็ว่าได้  เพราะการที่เธอได้มานั่งทานอาหารกับแม่และพี่ชายแบบนี้  มันทำให้เธอมีความสุขมากเสียเหลือเกิน  ทั้งได้เห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงหัวเราะของคนในครอบครัวเดียวกันแบบนี้  ลัลทริมาก็ยิ่งมีความสุข  จนคิดว่าอยากจะมาดินเนอร์กับแม่และพี่ชายทุกวันๆ แบบวันนี้

     

    หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยก็เป็นเวลาค่ำพอสมควร  ทั้งสามจึงเดินทางกลับบ้าน  โดยรัศมีและลัลทริมาเลือกนั่งเบาะหลังด้วยกัน  ปล่อยให้ลัทธพลนั่งคนเดียว  และตลอดระยะทางกลับบ้าน  สองพี่น้องก็แซวกันไปมาอย่างสนุกสนาน  พี่เอ่ยปากแซวน้องเรื่องไปเที่ยวกับหนุ่มๆ น้องเลยเอ่ยกลับแบบกวนๆ สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้เป็นแม่ได้เป็นอย่างดี

     

    เมื่อเห็นว่าน้องสาวพูดมากเกินควร  ลัทธพลจึงแกล้งเหยียบเบรกแรงๆ ให้ลัลทริมาหน้าโขกกับเบาะของเขา “โอ๊ยพี่ลัทธ  เบรกทำไมอ่ะ?”

     

    “ไฟแดง..” ลัทธพลว่าพร้อมหันมายิ้มให้น้องสาว

     

    ลัลทริมาแอบมันเขี้ยวพี่ชายตนเองไม่ได้  จึงยื่นมือไปจี้เอวลัทธพลที่นั่งเบาะคนขับข้างหน้าตนเล่น  ทำเอาพี่ชายหลุดหัวเราะออกมา

     

    “อย่าเล่นสิลัล  พี่ขับรถอยู่นะ” ผู้เป็นพี่ว่าออกมา

     

    “ไม่เล่นก็ได้” ลัลทริมาแลบลิ้นใส่กระจกมองหลังให้ลัทธพลเห็น  ก่อนจะหันไปคุยกับแม่ต่อ  ปล่อยให้ลัทธพลเบ้หน้าไม่พอใจน้องสาว  ก่อนที่จะเหยียบคันเร่งรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรสีเขียววาบขึ้นมา 

     

    แล้วเรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นจนได้...

     

    เมื่อรถบรรทุกคันหนึ่งแล่นสวนออกมาจากซอยด้วยความเร็วโดยไม่สนใจสัญญาณไฟจราจรสีแดงเบื้องหน้าแม้แต่น้อย  ส่งผลให้มันชนเข้ากับรถของพวกลัลทริมาอย่างจัง..  พาให้รถคันเล็กกว่าเสียหลักพลิกคว่ำก่อนจะหมุนคว้างตามแรงชนตกลงไปข้างถนน

     

    ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วเสียจนลัลทริมาไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง..  สิ่งที่เธอรับรู้ได้ในตอนนี้คือทุกอย่างรอบกายกำลังหมุนคว้างไปมาไม่เว้นแม้แต่ตัวของเธอเอง  ราวกับโลกกำลังเหวี่ยงตัวเธอไปมาอย่างแรง  ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง...และเหลือทิ้งไว้แต่เพียงความเจ็บปวดตามร่างกาย  เด็กสาวพยายามเอ่ยปากเรียกแม่และพี่ชาย  แต่กลับไม่มีเสียงเล็ดรอดออกจากริมฝีปากเธอแม้แต่น้อย  ดวงตากลมโตหรี่ลงเพื่อจะมองภาพเบื้องหน้าให้ชัดเจน  แต่มันกลับยิ่งพร่าเลือน  ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง





     

    -TBC-






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×