ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; สาวใช้หน้าใส กับ คุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #34 : >>:: Chapter 30

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 781
      5
      22 ต.ค. 56



    CHAPTER 30

     

     

     

     

    หญิงสาวเบิกตาขึ้นน้อยๆ  มองเด็กสาวตรงหน้าด้วยความตกตะลึง “ลัล”

     

    .

    .

    .

     

    ลัลทริมาหน้าเอ๋อชั่วครู่  เธอกำลังงง  งงหนักเสียด้วยสิ  ที่จู่ๆ สาวสวยหน้าตาอ่อนกว่าวัยวิ่งมายืนหอบอยู่ต่อหน้า  แล้วเอ่ยเรียกชื่อของเธออย่างอ่อนโยน

     

    “เอ่อ  คุณรู้จักชื่อหนูได้ยังไงคะ?” เธอเอ่ยถาม  โดยไม่ลืมที่จะเรียกแทนตนเองว่า หนูเพราะผู้หญิงตรงหน้าอายุมากกว่าเธอแน่นอน ดังนั้นการเรียกแทนตัวว่าฉัน มันก็ออกจะเสียมารยาทไปเสียหน่อย

     

    “หา!? อะ..เอ่อ  พอดีลัทธเคยเล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟังน่ะจ่ะ  ฉันก็เลยรู้จักชื่อของเธอ” ฝ่ายหญิงสาวตอบกลับมา  ก่อนจะยิ้มอบอุ่น

     

    “เหรอคะ” เธอยิ้มบางๆ ให้เขา

     

    “จริงสิลัล  พี่จะแนะนำให้รู้จักนะ  นี่คุณแม่ของพี่..” ลัทธพลว่าพร้อมกับโอบกอดแม่ของตัวเองเอาไว้แล้วยิ้ม “ชื่อรัศมีน่ะ”

     

    “แม่พี่ลัทธ?” เธอยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะรีบยกมือไหว้ทำความเคารพอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะคุณแม่ของพี่ลัทธ  หนูชื่อลัลทริมาค่ะ  เป็นรุ่นน้องของพี่ลัทธ”

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ ลัล..เอ่อ  ถ้าฉันเรียกเธอแบบนั้น  เธอจะโกรธฉันมั้ย?” หญิงสาวเอ่ยถาม  พลางสืบเท้าเข้ามาใกล้ๆ กับลัลทริมา

     

    “ไม่โกรธหรอกค่ะ คุณน้า” เธอยิ้มรับ

     

    “เรียกฉันว่าแม่เถอะจ้ะ”

     

    สีหน้าของเด็กสาวออกแนวแตกตื่นเล็กน้อย  ก่อนจะยิ้มแหยให้กับรัศมี

     

    ..แม่ลูกคู่นี้เหมือนกันเลยแฮะ  เรื่องให้คนอื่นเรียกตัวเองอย่างสนิทสนมเนี่ย..

     

    “แต่ว่า....มันจะดีเหรอคะ?”

     

    “จ้ะ  เรียกฉันว่าแม่เถอะนะ” รัศมีกล่าว  ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะใบหน้าของลัลทริมาอย่างอ่อนโยน  ขนาดที่ว่าเด็กสาวเองก็ยังรับรู้ได้ว่ามือนุ่มนั้นช่างสัมผัสเธอได้อ่อนโยน..และมันยังให้ความอบอุ่นอีกด้วย  ทำเอาเธอหน้าแดงขึ้นมาน้อยๆ ด้วยความขัดเขิน

     

    “อุ๊ย  ขอโทษทีนะจ๊ะ  ลืมไปว่าต้มน้ำซุปทิ้งไว้  เดี๋ยวฉันขอตัวก่อนนะจ๊ะ” หญิงสาวสะดุ้งขึ้นมาเอง  ก่อนจะรีบออกปากขอตัวผละออกไปทำธุระในครัวที่เธอยังคงทำทิ้งไว้

     

    ลัลทริมามองตามหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม  ก่อนจะเห็นว่าลัทธพลเองก็จ้องหน้าเธอด้วยรอยยิ้ม...หากแต่มันเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยเลศนัย

     

    “อะ  อะไรคะ?  พี่ลัทธ”

     

    “เปล่าซะหน่อย” ร่างสูงยักไหล่  แต่ยังคงยิ้มให้กับเธอ “ชอบมั้ยล่ะ?  แม่ของพี่น่ะ”

     

    “น่ารักดีนะคะ  ดูอบอุ่นอ่อนโยนดีจัง”

     

    “ลัลตอบไม่ตรงคำถามนี่นา” ลัทธพลว่าแหย่เธอ

     

    “ก็...ชอบค่ะ”

     

    คำตอบของเธอ  ทำให้รอยยิ้มของเด็กหนุ่มร่างสูงแย้มกว้างขึ้น  เขาเดินเข้ามาก่อนจะจับมือเธอเอาไว้ “ดีมาก  งั้นเราไปจัดโต๊ะอาหารรอเลยก็แล้วกันนะ”

     

    ++++++++++++++++++++

     

    รถคันหรูที่มารับลัลทริมาที่บ้านจินตเมธรเมื่อราวสามชั่วโมงก่อน  ตอนนี้ได้แล่นกลับมาส่งเธอ ณ บ้านหลังเดิม  ลัลทริมายกมือไหว้ขอบคุณ  ก่อนจะบอกฝันดีกับลัทธพลและเดินลงจากรถมา  พร้อมกับยืนโบกมือส่งเขา  จนกระทั่งรถของเขาแล่นลับหายไปจากสายตา  เด็กสาวจึงเดินกลับเข้ามาในบ้าน และ...

     

    “กว่าจะกลับ  ทำไมไม่นอนมันซะที่นั่นเลยละห๊ะ?” เสียงหนึ่งที่เอ่ยออกแนวประชดประชันดังมาจากริมฝีปากของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีแสบตาที่ยืนจ้องหน้าเธอเขม็งอยู่เบื้องหน้า

     

    ลัลทริมาเหลือบตามองนาฬิกาแขวนที่อยู่ใกล้ๆ  ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามด้วยความใสซื่อ(?) “พูดอะไรกันคะ  นี่มันเพิ่งสองทุ่มกว่าเองนะ  อีกอย่าง..จะให้ค้างที่บ้านพี่ลัทธได้ยังไงกัน  เกรงใจพี่เขาออก”

     

    “หา?  พูดงั้นหมายความว่าไง  ถ้าไม่เกรงใจก็คงอยากค้างสินะ??” เชียรสวนขึ้นมาอีกครั้ง

     

    “ก็แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณชายด้วยล่ะคะ?” เธอเลิกคิ้วถามอย่างงงๆ

     

    “ไม่เกี่ยว~” เชียรว่าพลางยักไหล่ชิลๆ

     

    “ไม่เกี่ยวแล้วจะมา...(เติมเอาตามใจชอบ)...ทำไม?” เธอว่า  ก่อนจะรีบก้มหน้าเดินหนี  ไม่อยากจะปะทะคารมกับเชียร 

     

    ...แต่ว่าลัลทริมาลืมไปแล้วหรือไงกันนะ?  ว่าบ้านหลังนี้มันมีคนเอาแต่ใจตัวเองอย่างเชียรคนเดียวซะที่ไหนกัน  มันยังมีอีกตั้งหกคนที่รอเธออยู่......

     

    “อะไรกันอีกคะ” เธอมองหน้าอีกหกคนที่ยืนเรียงความหล่อราวกับจะเตรียมตัวไปเดินแบบหรือขึ้นเวทีคอนเสิร์ตอย่างไรอย่างนั้น

     

    “ทำไมกลับมาช้าจังครับ” เรวินเอ่ยถามขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม  ก่อนจะเดินแตกออกมาจากแถวหน้ากระดานเรียงหล่อนั่น

     

    เมื่อเห็นท่าทางเป็นมิตรมา  เธอก็ตอบอย่างเป็นมิตรกลับ “ก็ตอนกำลังทานข้าวกัน  จู่ๆ คุณแม่..ของพี่ลัทธเธอก็จ้องหน้าฉัน  แล้วก็ร้องไห้ออกมาน่ะค่ะ  กว่าเธอจะหยุดร้องได้ก็นานพอควร  กับข้าวก็เลยเย็นชืดจนต้องลงมืออุ่นกันใหม่อีกครั้ง  แล้วก็ลงมือทานอีกครั้ง..น่ะค่ะ”

     

    เชียรตวัดสายตาหันมามองเธออย่างโกรธขึ้ง  ราวกับจะสื่อว่า..ทีเขา  ทำไมไม่เห็นตอบดีๆ แบบนี้ ?

     

    “อ้อครับ” เรวินยิ้มหวาน  แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ  เขาก็โดนเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวบริสุทธิ์เดินเข้ามาบังหน้าเอาไว้เสียก่อน

     

    “แล้วเธอโดนเจ้านั่นแกล้งอะไรหรือเปล่า?”

     

    “ใครคะ?”เธอทำหน้างงๆ ถามกลับ “พี่ลัทธน่ะเหรอคะ?”

     

    “ก็ประมาณนั้น” ชินะว่าพลางส่งสายตาเค้นเอาคำตอบมาให้เธอ  ทำเอาเด็กสาวแอบผงะเล็กน้อย  ก่อนจะตอบออกไป

     

    “ไม่นี่คะ  ทุกคนก็ใจดี (กว่าพวกคุณชาย) มาก  โดยเฉพาะคุณแม่” และสิ่งที่เธอตอบออกมานั่นแหละ  มันเหมือนกับเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง  เพราะเธอดันลืมคำว่า ของพี่ลัทธตามหลังเหมือนที่ตอบไปคราแรก

     

    “นี่เรียกแม่มันว่า คุณแม่เลยอย่างนั้นเหรอ?” การิน เด็กหนุ่มคนที่สามที่แตกแถวออกมาเอ่ยถาม

     

    “เอ้อ..ก็คือว่า” ยังไม่ทันได้แก้ตัว  คนที่สี่ก็แตกแถวออกมา

     

    “นี่มันพาเธอไปแนะนำตัวกับแม่เลยอย่างนั้นเหรอ?”

     

    “ค่ะ” เด็กสาวพยักหน้ารับซื่อๆ

     

    “นี่ขนาดพาไปแนะนำตัวกับแม่เลยอย่างนั้นเหรอครับ?” แคปเปอร์ตามออกมาอีกคน  แถมยังไม่ยอมน้อยหน้าเพื่อนด้วยการแทรกทั้งหมดออกมายืนประชิดหน้าลัลทริมา

     

    “ก็...ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ?”

     

    “ไม่เป็นไม่ได้  ถ้าเป็นแม่คนอื่นน่ะ  พวกฉันไม่ห้าม  แต่ต้องไม่ใช่แม่ของไอ้รุ่นพี่นั่น!” อคินขึ้นเสียงขึ้นมา พาให้ทุกสายตาหันไปมองเขากับภามที่ยังยืนอยู่ข้างๆ กัน ก่อนเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเอาใจสาวทั้งหลายจะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอคิน

     

    “ทำไมไม่ชอบพี่ลัทธขนาดนั้นล่ะ?  หรือเพราะเขาเคยทำให้พวกคุณเสียหน้า” เธอเอ่ยถามออกไป

     

    คำถามที่ทำเอาพวกหน้าหล่อหันขวับกลับมามองเธอเป็นตาเดียว  ทำเอาคนถามอดที่จะเสียวสันหลังขึ้นมาเสียมิได้ ยิ่งสายตาที่จ้องมองมามันเต็มไปด้วยคำถาม  ความสงสัย  และเหมือนความขุ่นข้องใจ  ก็ยิ่งพาให้เธอขนลุกขึ้นมาเสียเฉยๆ  ก่อนคำถามแรกจะเอ่ยกลับมายังเธอ

     

    “มันเล่าเรื่องอะไรให้เธอฟัง?” การินถามเสียงดุ

     

    “ไอ้เจ้านั่นพูดอะไร?” เชียรถาม  ดวงตามองเธออย่างดุดัน

     

    “มันบอกอะไร?” อคินเอ่ย

     

    “เจ้านั่นพูดอะไรให้เธอฟัง?” ชินะเอ่ยขึ้นบ้าง  ท่าทางต่างไปจากทุกที

     

    “เค้าบอกอะไรเธอ?” ภามถามเสียงเขียว ดูไม่พอใจ

     

    “คุณประธานบอกอะไรคุณลัลเหรอครับ” เรวินยิ้มถาม  แต่เป็นรอยยิ้มน่าหวาดหวั่น

     

    “คุณลัลครับ....” และแคปเปอร์ที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  แต่ดวงตาเชือดเฉือน  ดูต่างจากแคปเปอร์ที่เธอรู้จักไปมาก

     

    ลัลทริมามองหน้าคุณชายทั้งเจ็ดท่าน  พลางรู้สึกคอแห้งผากขึ้นมาทันที  คำที่คิดว่าจะเอ่ยตอบต้องกลืนกลับลงคอไป  ด้วยไม่อาจทานทนสายตาดุดันของพวกนี้ได้

     

    ..ทำไมต้องจ้องกันอย่างนั้นด้วย ?  น่ากลัว..

     

    “เอ้อ...คือว่า.............คือ.................................ขอตัวนะคะ”

     

    ไม่รอช้า..หรือรอให้ใครตั้งตัวทัน  ลัลทริมาโกยแน่บกลับไปที่ห้องของตนเองทันที  เธอรีบบิดลูกบิดแล้วพุ่งตัวเข้าไป  ก่อนจะล็อกลูกบิดอย่างรวดเร็วพลัน  พลางหอบหายใจเหนื่อย..

     

    ก่อนจะได้ยินเสียงฝีบาทาวิ่งกรูเข้ามาใกล้ห้องของตน

     

    ปึ้ง ปั้ง ปึ้ง ปั้ง !

     

    เสียงระดมเคาะ(?) ประตูของเธอดังขึ้น  ทำเอาลัลทริมาสะดุ้งโหยงสุดตัว

     

    “เปิดเดี๋ยวนี้นะเฮ้ยยยย” เสียงที่เหมือนจะพร้อมใจกันตะโกนที่แม้จะไม่รู้ว่ามันเป็นของใครบ้างก็ตามดังผ่านเข้าประตูเข้ามา  ทำเอาลัลทริมายิ่งรู้สึกกลัวขึ้นมาก

     

    เด็กสาวตัดสินใจรวบรวมความกล้าตะโกนเสียงสั่นกลับออกไป “โอ๊ย ขอเถอะพวกคุณชาย  ฉันไม่ได้เป็นคนผิดซะหน่อย  ก็แค่ฟังพี่เค้าเล่ามาเท่านั้นเอง”

     

    “ออกมาคุยกันเดี๋ยวนี้นะ  มันบอกอะไรเธอบ้าง” พวกนั้นยังคงส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่ได้เกรงใจคนรับใช้คนอื่นๆ ในบ้านเอาเสียเลย

     

    “ขอล่ะนะ...เอาไว้พรุ่งนี้เถอะ  วันนี้ฉันง่วงแล้วล่ะ  ฮ้าววว” เธอแสร้งทำหาวเสียงดัง  ก่อนจะเงี่ยหูรอฟังคำตอบของพวกนั้น

     

    “ไม่ได้โว้ยยย”

     

    ..ดูท่าทางจะโกรธจริงจัง..

     

    ลัลทริมาคิด  ก่อนจะอธิษฐานต่อพระเจ้า  ขอพระองค์ได้โปรดมาทำลายความอึกทึกครึกโครมนี้เสียทีเถิด  เธอกลัวจะแย่อยู่แล้ว..  และดูเหมือนจะได้ผล  เมื่อลัลทริมาได้ยินเสียงของอธิศดังขึ้นมา

     

    “ทำไมไม่ไปนอนกันเหรอครับคุณชาย”

     

    “พวกผมมีเรื่องต้องคุยกับลัลทริมา”

     

    “วันนี้ให้เธอพักผ่อนเถอะนะครับ  พวกคุณชายเองก็ควรที่จะไปพักผ่อนบ้างเหมือนกัน  มีธุระอะไรไว้ค่อยจัดการต่อพรุ่งนี้ก็ไม่สาย” อธิศกล่าวอย่างพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ  ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าพวกคุณชายกำลังโกรธเด็กสาวเจ้าของห้องเบื้องหน้าแต่การจะปล่อยให้พวกคุณชายโหวกเหวกโวยวายไปมันก็ใช่ที่  ในฐานะพ่อบ้านที่ทำงานมาหลายปี  จงต้องหาทางออกที่ดีให้แก่สองฝ่าย..ใช่  นั่นคือความคิดอธิศ

     

    “ไม่ได้หรอกครับอา  พวกผมมีเรื่องที่ต้องคุยให้ได้อยู่” ชินะตอบอธิศอย่างพยายามใจเย็นบ้าง

     

    “ใช่  ถ้ายัยนั่นไม่ยอมออกมาคุยดีๆ  พวกผมก็จะใช้หัวเจ้าอคินโขกประตูให้มันพังเลยคอยดู” เชียรบอกออกมาอย่างไม่พอใจ  แต่จากคำพูดของเขา  มันกลับทำให้ใครคนหนึ่งคิ้วขมวดขึ้นมาทันที

     

    “พูดงี้หมายความว่าไงวะไอ้เชียร  แน่จริงแกก็เอาหัวแกโขกประตูห้องยัยนี่เองสิ  ไม่ก็โขกกำแพงไปเลย  โขกให้หัวแกมันแตกตายไปเลย!” อคินต่อว่าเชียรกลับมา และแน่นอนว่าคนผมแดงไม่ยอมแพ้แน่..

     

    “แกนั่นแหละ  ไอ้สมองเท่าเม็ดถั่วเขียว”

     

    และแล้วดูเหมือนว่า...เรื่องราวจะเปลี่ยนทิศทางไปทันที  เมื่ออคินกับเชียรดันหันไปกัดกันซะก่อน  เดือดร้อนเพื่อนๆ ต้องช่วยแยกทั้งคู่ออกจากกัน  ก่อนจะช่วยกันหามสองคนกลับขึ้นห้องนอนไป  เสียงที่ดังยิ่งกว่าพายุถล่มเมื่อครู่จึงเงียบหายไปทันที..

     

    ก๊อกๆๆ

     

    เสียงประตูห้องถูกเคาะเบาๆ  ก่อนจะตามมาอด้วยเสียงของแคปเปอร์ “เอาไว้คุยกันต่อพรุ่งนี้นะครับคุณลัล...ว่าคุณประธานเค้าพูดอะไร”

     

    ..จะไปยังมิวายจะทิ้งคำพูดให้เธอประสาทหลอนอีกนะ..

     

    เด็กสาวถอนหายใจโล่งอก  ก่อนจะผละจากประตูตรงไปที่เตียง  แล้วทิ้งตัวลงอย่างเหนื่อยอ่อน “เฮ้อ~”ถอนหายใจพร้อมกับยกแขนเรียวขึ้นมาปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก  พลางคิดย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสองชั่วโมงก่อน

     

    หลังจากที่เริ่มรับประทานอาหารกันมาได้ไม่นาน  ลัลทริมาก็สังเกตเห็นว่ารัศมีเอาแต่จ้องเธอเสียจนตัวหญิงสาวเองไม่ได้ทานอาหารเลย  ลัลทริมาก็เลยร้องถามว่าเธอเป็นอะไรรึเปล่า  แล้วจู่ๆ หญิงสาวก็ปล่อยโฮออกมาทันที  ทำเอาเด็กสาวตื่นตกใจทำอะไรไม่ถูก  เธอกับลัทธพลต้องช่วยกันปลอบใจเสียยกใหญ่จนทุกอย่างเรียบร้อย  แต่อาหารก็เย็นหมดแล้ว  จึงต้องรอพวกแม่บ้านไปอุ่นมาให้ทานใหม่...แม้จะทานได้น้อยกว่าเดิมเพราะหมดอารมณ์ที่จะทานแล้วก็ตาม

     

    เมื่อรับประทานอาหารเสร็จสรรพ  ลัทธพลก็พาลัลทริมาขึ้นไปเดินเล่นที่ระเบียงชั้นสองของบ้าน  ซึ่งเป็นระเบียงกว้างที่มีเก้าอี้ยาวอยู่สองตัว  คงเอาไว้สำหรับมานั่งนอนดูดาวล่ะมั้ง  แต่เธอกับลัทธพลไม่ได้เลือกที่จะนั่ง  กลับกัน  เด็กสาวกลับเดินไปเกาะราวระเบียงอันแข็งแรงนั้นเอาไว้  ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองดวงดาวที่หาดูได้ยากในเมืองกรุงเช่นนี้

     

    “นี่พี่ลัทธ  ลัลถามอะไรอย่างได้มั้ยคะ?”อยู่ๆ ลัลทริมาก็เอ่ยคำถามออกมา

     

    “อะไรเหรอ” ลัทธพลที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักเอ่ยถามเธอกลับ

     

    “ทำไมพวกคุณชายเค้าถึงไม่ชอบพี่ลัทธอ่ะ?” แล้วคำถามที่เธอสงสัยมากๆ ถูกถามออกมา

     

    “คงเพราะพี่ชอบหักหน้าพวกนั้นล่ะมั้ง” เอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี  เธอหันมาจ้องหน้าลัทธพลพลางเลิกคิ้วขึ้น





     

    -TBC-















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×