คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter >> 6 b :: จูบ
Chapter 6 B
ริมฝีปากของร่างสูงประทับอยู่กับริมฝีปากบางของร่างเบื้องใต้เข้าเสียแล้ว
ลูซี่เบิกตาค้างด้วยความตกใจ จากที่เคยได้อ้าปากโวยวายเมื่อครู่ ก็เป็นอันต้องเงียบเสียงเมื่อริมฝีปากของเธอถูกริมฝีปากอีกคู่ประทับปิดเอาไว้
ทุกอย่างนิ่งสงบไปราวกับว่าเวลาถูกหยุดไว้ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาหรือแม้แต่จะขยับเขยื้อนเลยสักนิด นิ่งสงบเสียจนหากทำเข็มหล่นก็คงได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน
.
.
ตึก...ตัก
.
ตึก...ตัก
.
.
จังหวะหัวใจที่เต้นผิดจังหวะของลัคซัสเมื่อก่อนหน้า...เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่างจากร่างบางแล่นผ่านเข้าสู่หัวใจของเขา อาจเปรียบได้กับยารักษาโรคที่เมื่อได้รับมาแล้วก็ช่วยให้ความเจ็บปวดทุเลาลง
ลัคซัสผละออกอย่างเชื่องช้า สีหน้ามึนงง และสังเกตเห็นว่าตอนนี้ตนเองกำลังทาบทับร่างบางของลูซี่เอาไว้ แถมเธอยังมองเขาตาค้างเสียด้วย
“เกิดอะไรขึ้น?” เอ่ยถามออกมาอย่างงุนงง พร้อมผละหนีจากลูซี่ ทำทีราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นไม่ใช่ฝีมือของเขา ดวงตาเรียวคมเหลือบมองไปทางฟรีดเพื่อขอคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มผมสีมรกตจะตัวแข็งเป็นหิวราวกับโดนคำสาปจากเอเวอร์กรีนไปเสียแล้ว ทว่ามันไม่ใช่ เขาแข็งเป็นหินเพราะสิ่งที่ได้เห็นก่อนหน้านั้นต่างหาก
บิ๊กสโลว์ที่ดูจะสติดีที่สุดในตอนนี้จึงเอ่ยกลับด้วยรอยยิ้มกว้างของเขา แม้ครั้งนี้มันออกจะขำไม่ออกสักหน่อยก็เถอะ “นาย...จูบกับลูซี่”
นัยน์ตาคมเบิกกว้างเลิกน้อย ก่อนจะหรี่ลงด้วยท่าทีพิจารณา เขาเนี่ยนะจะจูบกับลูซี่...? ลัคซัสกำลังพิจารณาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเขา แต่ว่าเขากลับจำไม่ได้เลยว่าอะไรที่มันแปลกไป ทุกครั้งที่อยู่กับหน่วยเทพอัสนีบาต ทุกครั้งที่อยู่กับคนอื่นๆ ในกิลด์ ทุกอย่างมันก็ปกติดีอย่างที่เคยเป็น แต่เมื่อสบตากับเธอ ก็ราวกับถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดด้วยพลังอะไรบางอย่าง ทุกสิ่งอย่างรอบกายเบลอไปหมด สิ่งที่เห็นมีเพียงแค่เธอเท่านั้น หัวใจเขาเต้นแรง และสมองก็สั่งให้ร่างกายของเขาขยับเข้าไปใกล้เธอ สัมผัสเธอ ทำอะไรมากมายที่เกี่ยวข้องกับเธอ และต้องเป็นเธอเท่านั้น ซึ่งเขายอมรับว่าแปลกมาก...แปลกอย่างที่เขาเองก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และความรู้สึกแบบนั้นมันก็เริ่มขึ้นในวันนั้น...วันที่เธอทำขวดยาตกแตก
“จริงๆ แล้วมันเป็นเพราะยาเสน่ห์น่ะ” เอเวอร์กรีนกล่าวออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของลัคซัส
ชายหนุ่มผมสีบลอนด์อ่อนทวนคำพูดของหล่อน แล้วหันกลับไปจ้องลูซี่เขม็ง “เธอทำยาเสน่ห์ใส่ฉันทำไม?”
กรี๊ดดดดดดด ลูซี่ได้แต่กรีดร้องในใจ คำขอโทษก็ไม่มี แถมยังโยนความผิดมาให้เธอเฉยเลย
“เพราะฉันไม่รู้ว่ายาขวดนั้นมันเป็นยาเสน่ห์น่ะสิ” เธอรีบอธิบายก่อนที่จะโดนกล่าวโทษอะไรไปมากกว่านี้ “แล้วก็นะ ไม่ใช่นายคนเดียวซะหน่อยที่โดนมันเข้า คนอื่นๆ ก็โดนเหมือนกัน”
ลัคซัสเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทีสงสัย “คนที่ยืนล้อมวงวันนั้น...โดนเหมือนกันหมดเลยสินะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ” ลูซี่ว่าพลางทำท่าจะร้องไห้ “รู้ไหมว่าฉันลำบากขนาดไหนน่ะ”
ชายหนุ่มมองสบตาเธอ ความรู้สึกผิดเริ่มเข้ามาจู่โจม เพราะเมื่อกี้เขาดันไปกล่าวหาว่าเธอทำยาเสน่ห์ใส่เขาน่ะสิ ทั้งที่ตามความเป็นจริงแล้วเธอก็คงไม่ได้ตั้งใจ เพราะดูจากพวกที่โดนยาเสน่ห์เข้าไป...มันก็ไม่เห็นมีใครน่าทำเสน่ห์ใส่เลยสักนิด “โอเค ฉันขอโทษก็แล้วกันที่เข้าใจผิดคิดว่าเธอทำยาเสน่ห์ใส่ฉันน่ะ เพราะฉะนั้น...เลิกทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้ได้แล้ว”
“อือ” ลูซี่ก้มหน้าก้มตาเช็ดหยาดน้ำตาออก
“แล้ว...ตกลงเรื่องมันเป็นไงมาไง พอจะอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม?” ลัคซัสถาม ซึ่งทั้งเอเวอร์กรีนและบิ๊กสโลว์ต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำถามนี้ เพราะดูท่าพวกเขาเองก็อยากจะรู้เรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดเหมือนกัน (ส่วนฟรีดนั้น...กำลังนั่งน้ำตาตกในหลังจากหายช็อกอยู่)
ลูซี่เริ่มเล่าเรื่องจากตอนที่เธอเดินทางกลับจากร้านหนังสือแล้วเจอชายคนหนึ่งโดนรุมทำร้าย เธอจึงเข้าไปช่วยเหลือคุณลุงท่านนั้นเอาไว้ แล้วได้รับน้ำยาขวดนั้นเป็นสิ่งตอบแทนโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่านั่นคือยาเสน่ห์ จนกระทั่งเดินทางกลับมาถึงกิลด์ เธอจึงคิดจะนำเอาเจ้าขวดยานั้นไปสอบถามกับมาสเตอร์ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่อยู่ เธอจึงได้สอบถามกับมิร่าเจนแทน และเรื่องทุกอย่างก็เป็นไปตามเหตุการณ์ที่ทุกคนรับรู้ในวันนั้นนั่นเอง แต่ดูเหมือนว่ากว่าจะรู้ว่ามันคือยาเสน่ห์ก็สายไปเสียแล้ว เพราะกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น...ต่างก็โดนยาเสน่ห์กันเข้าไปโดยถ้วนหน้า
“อืม ฉันพอจะเข้าใจเรื่องราวแล้วล่ะ ว่าแต่เธอพอจะรู้ไหมว่าตาลุงคนนั้นเป็นใคร? ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้มอบยาเสน่ห์ให้เธอ” ลัคซัสเอ่ยถามพลางมองหน้าร่างบางที่กำลังทำท่านึกคิด
“ฉันไม่รู้จักคุณลุงคนนั้นหรอกนะ แต่เหมือนเขารู้จักฉันเลย เพราะตอนที่เขามอบยาเสน่ห์ให้ฉัน เขาบอกว่ามันน่าจะเหมาะสมกับฉันน่ะ” ลูซี่เงยหน้าขึ้นมาตอบ ทำให้เธอเผลอสบตากับลัคซัสเข้า..
เป็นการสบสายตาที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ทำให้ต่างฝ่ายต่างชะงักไปทันที ทั้งคู่รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่ต่างฝ่ายจะเบนสายตาไปมองทิศทางอื่นแทน ซึ่งสาเหตุก็คงจะมาจาก...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้
“เอ่อ...ขอโทษกับเรื่องเมื่อกี้ด้วยนะ” ลัคซัสเอ่ยคำขอโทษเสียงเบา ทว่ามันก็ยังคงได้ยินชัดเจน
“อะ...อือ” ฝ่ายลูซี่เองก็ตอบรับเสียงเบา เสตามองไปทางอื่นเพราะไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย พลางนึกถึงเรื่องที่ทำให้เขาและเธอต้องมารู้สึกเช่นนี้...
..ที่ทั้งคู่จูบกัน..
อันที่จริงตอนจูบก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่เพราะกำลังอยู่ในอาการช็อก แต่ตอนนี้นี่สิที่เป็นปัญหา เพราะมันทำเอาเธอไม่กล้าสบตาและมองหน้าเขาตรงๆ เลย ...ทำไงได้ล่ะ นั่นมันจูบแรกของเธอซะด้วย... T^T
“ถ้ายังไงพวกเราเข้านอนกันดีกว่านะ พรุ่งนี้เช้าจะได้เดินทางกลับหมู่บ้านกันแต่เช้า” บิ๊กสโลว์ตัดสินใจแก้สถานการณ์กระอักกระอ่วนนั้นด้วยการตัดบทบอกให้ทุกคนเข้านอน ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยแต่โดยดี และแยกย้ายกันไปนอนตามฝั่งที่ได้แบ่งแยกระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง
@@@@@@@@@@@@@
วันรุ่งขึ้น
ทั้งห้าคนออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อที่จะรีบกลับกิลด์ไปพักผ่อนที่นั่นแทน ซึ่งลัคซัสเดินนำหน้ากลุ่ม ตามด้วยสามสหายแห่งหน่วยเทพอัสนีบาต และปิดท้ายด้วยลูซี่ที่กำลังเดินคิดเรื่องบางสิ่งบางอย่างอยู่ ซึ่งก็หนีไม่พ้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ถึงจะไม่อยากนึกถึงเรื่องจูบมากนัก แต่เธอรู้สึกว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไป
..อาการของลัคซัสยังไงล่ะ..
เพราะเมื่อคืนมัวตกใจและช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเกินไป อีกทั้งยังต้องมานั่งตอบคำถามและอธิบายเรื่องราวให้พวกนั้นฟัง ทำให้เธอลืมคิดถึงสาเหตุที่ทำให้อาการของลัคซัสกลับมาเป็นปกติเช่นเดิมไปเสียสนิท ซึ่งเธอก็กำลังครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด และไม่ว่าจะคิดอย่างไร คำตอบมันก็ชี้ไปที่เหตุการณ์ ‘การจูบ’ นั่นอยู่ดี เพราะในตอนที่ริมฝีปากประทับกันอยู่ ลัคซัสก็มีท่าทีนิ่งค้างไปเหมือนกับตอนที่เขาโดนยาเสน่ห์เข้าไปไม่มีผิด และหลังจากที่ผละออกไป เขาก็กลับเป็นลัคซัสคนเดิม ดังนั้น...ก็หมายความได้อย่างเดียวเท่านั้นว่าอาการแปลกๆ ของลัคซัสหายไปหลังจากจูบกับเธอ
แต่ถึงอย่างนั้นลูซี่ก็ยังไม่กล้ายืนยันเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว การที่เราจะหาคำตอบที่แน่ชัดจากอะไรก็ตามได้ จะต้องเกิดจากการทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนได้ผลที่ถูกต้องชัดเจน แต่การที่จะให้เธอไปจูบกับลัคซัสซ้ำอีกก็คงจะไม่ได้ เพราะแค่นี้ก็เข้าหน้ากันไม่ติดแล้ว แน่นอนว่าการไปจูบกับคนอื่นก็เช่นกัน เกิดว่าเป็นเรื่องที่เธอคิดผิดขึ้นมาคงจะหน้าแตกน่าดู และคงต้องหาเหตุผลมาอธิบายยืดยาว...ดีไม่ดีจะโดนปล้ำเอาได้ด้วยซ้ำไป .//.
“ว้ายยย” ร่างบางร้องอุทานออกมาเสียงด้วยความรู้สึกตกใจ แล้วรีบใช้มือปิดกระโปรงสีน้ำเงินตัวโปรดของเธอที่สะบัดพลิ้วตามแรงลมจนแทบจะเห็นกางเกงชั้นในอยู่รอมร่อ ..โอ๊ย จะบ้าตาย รู้อย่างนี้เอากางเกงขาสั้นมาซะก็ดีหรอก คิดพลางใช้มือจับกระโปรงไปตลอดทางเพื่อไม่ให้มันถูกลมพัดเปิดขึ้นอีก
ท่าทางของเธอทำให้ชายหนุ่มผู้เดินนำหน้ากลุ่มอดที่จะรู้สึกสงสารปนอนาถใจนิดๆ ไม่ได้ ลัคซัสเดินย้อนกลับมาหาลูซี่ เรียกให้อีกสามคนที่เหลือต้องหันมามองตามอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะร้องแซวออกมาเมื่อเห็นหัวหน้าของพวกตนถอดเสื้อคลุมตัวยาวของเขาไปคลุมไหล่ให้ร่างบาง
“ใส่ไว้สิ จะได้ช่วยกันไม่ให้ลมพัดกระโปรงเธอเปิดอีกได้” เขาว่า แต่กลับไม่ได้สบตากับเธอ เช่นเดียวกับลูซี่ที่ก้มหน้างุดอย่างไม่กล้าสบตาเขา
“เอ่อ...ขอบคุณนะ”
“แหมๆ รู้สึกตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืนขึ้น จะดูเป็นห่วงเป็นใยกันดีจังเลยนะ” เอเวอร์กรีนพูดขึ้นลอยๆ ด้วยท่าทีล้อเลียน
“อะไรกันเนี่ย วิ้ว” บิ๊กสโลว์ช่วยผสมโรงอีกคน
แล้วมีหรือที่คนอย่างฟรีดผู้รักและเทิดทูนลัคซัสยิ่งจะยอม... “พอเลยพวกนาย ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น!!”
แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถห้ามปากของเอเวอร์กรีนและบิ๊กสโลว์ได้ ลัคซัสจึงผละไปเดินนำหน้าอีกครั้ง ปล่อยให้ลูซี่เดินรั้งท้ายกลุ่ม...โดยที่เธอสวมใส่เสื้อคลุมตัวโปรดของเขาเอาไว้
@@@@@@@@@@@
ทั้งหมดใช้เวลาเดินทางไปครึ่งค่อนวันก็กลับมาถึงเมืองแมกโนเลีย กลุ่มหน่วยเทพอัสนีบาตจะเดินทางไปที่กิลด์แฟรี่เทลกันก่อน แต่ลูซี่กลับขอตัวกลับบ้านของตนเอง เธอมีเรื่องให้ต้องคิดอีกมากมาย การกลับไปคิดที่บ้านคงจะช่วยให้มีสมาธิมากกว่า รวมทั้งเวลาอย่างนี้...การไปที่กิลด์คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะลูซี่ไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีอะไรรอเธออยู่หรือเปล่า
ร่างบางโบกมือลาพวกหน่วยเทพอัสนีบาตแล้วหันหลังเตรียมเดินไปยังทิศทางที่บ้านเช่าของเธอตั้งอยู่ แต่ก้าวเท้าได้เพียงสองสามก้าว เสียงเข้มก็เอ่ยเรียกเธอไว้เสียก่อน ลูซี่ใจเต้นนิดหน่อยตอนที่เธอหันมาสบตากับลัคซัส ก่อนจะรีบเบนสายตาหนีจากเขา “อะไรเหรอ?”
“เสื้อฉัน...”
ใบหน้าหวานเงยขึ้นมามองหน้าเขา คราวนี้ไม่มีอาการใจเต้นอะไรทั้งนั้น แน่ล่ะ...ใครจะใจเต้นในบทสนทนาแบบนี้ลง “เอ่อ...ใช่ โทษที ลืมไปเลยน่ะ” ว่าพลางถอดเสื้อคืนให้เขา แล้วหันหลังวิ่งออกมาอย่างเร็วไว ริมฝีปากบางเม้มแน่น ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ ...โอ๊ย อุตส่าห์ใจเต้น ที่แท้ก็ทวงเสื้อ...
...
ลูซี่กลับมาถึงบ้านของตัวเอง เธอใช้กุญแจไขประตูห้องเข้ามา สายตามองสำรวจห้องของตัวเองตามความเคยชิน เพราะปกติแล้วมักจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาอยู่ในห้องของเธออยู่เรื่อย และดูเหมือนวันนี้...ก็เป็นเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ
เมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตมองเห็นร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีชมพูนอนหลับอุตุอยู่บนโซฟาตัวยาวของเธอ
..ให้ตายสินัตสึ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง.. เธอคิด แต่ไม่ต้องใช้เวลาให้มากลูซี่ก็รู้ตัวดีว่าควรจะต้องทำสิ่งใด เธอหันไปทางประตูอีกครั้ง คิดจะย่องหนีออกจากห้องของตัวเองไปเงียบๆ ไม่ให้คนกำลังหลับอยู่รู้สึกตัว
“ลูซี่...”
เสียงเรียกดังขึ้น เรียกให้เจ้าของชื่อหันกลับไปมองด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อบางสิ่งที่มองเห็นเป็นสีฟ้าพุ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็วสูง
พลั่ก
ลูซี่รู้สึกจุกที่อกเล็กน้อย เมื่อก้มลงมองก็เห็นเจ้าแมวสีฟ้าตัวน้อยกอดเธอเอาไว้อย่างแนบแน่น “ฮะ แฮปปี้”
“ลูซี่ใจร้ายที่สุดเลย”
“หา ใจร้าย...?” เธอเลิกคิ้วมองเจ้าแมวสีฟ้าด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็เมื่อวันก่อนที่ลูซี่ถีบเราที่ตลาดนั่นไง เราเจ็บมากเลยนะ แต่เจ็บที่กายยังไม่เท่าไหร่ เจ็บที่ใจนี่สิ...ทำไมถึงทำร้ายเราได้ลงคอ ?” เจ้าเหมียวว่าอย่างงอแง “เพราะฉะนั้นลูซี่ต้องง้อเรานะ”
“เอ่อ..” ลูซี่อึกอัก ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เพราะตอนนี้เสียงร้องของแฮปปี้ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลัวว่าจะไปปลุกเจ้าตัวปัญหาที่กำลังหลับอุตุอยู่บนโซฟาคนนั้นให้ตื่นขึ้นมา “แฮปปี้ ฉันว่านายเงียบเสียงลงหน่อยดีกว่านะ”
“แง้งงง” ไม่ได้ผล เพราะแฮปปี้ยิ่งร้องดังกว่าเดิมด้วยความน้อยใจที่หญิงสาวไม่ง้อตัวเอง “ลูซี่ใจร้าย ถ้าไม่ยอมให้เรากอดแน่นๆ เราไม่หายงอนจริงๆ ด้วยนะไอล์”
...นี่ยังไม่แน่นพออีกเหรอ..? ลูซี่ได้แต่คิดในใจ “เอาเป็นว่าฉันขอโทษก็แล้วกันนะ ถ้ายังไงจะเลี้ยงปลาสัก 5 ตัวเป็นการตอบแทนนะ”
“จริงเหรอไอล์ ?” แฮปปี้ตาวาวทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น
...ไม่ค่อยจะเห็นแก่กินเลยนะเจ้าแมวต๊อง... “จริงสิ” เธอรับและลูบหัวแฮปปี้เบาๆ “ถ้าอย่างนั้นเราออกไปกินตอนนี้เลยไหมล่ะ?”
เมื่อเห็นเจ้าแมวต๊องพยักหน้ารัวๆ ลูซี่จึงอุ้มแมวเอาไว้ให้มั่น (แม้มันจะกอดเธอแน่นมากอยู่แล้วก็ตามที) มือบางคว้าลูกบิดประตู แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อรับรู้ได้ถึงไอร้อนที่ปะทะอยู่ที่แผ่นหลังของตนเอง
...เป็นความร้อนที่มีรูปแบบเฉพาะตัว...และแสนจะคุ้นเคยเหลือเกิน
“ห้ามออกไปโดยที่ไม่มีฉันนะ”
เสียงเข้มเอ่ยสั่งเรียบๆ แต่ทำให้คนฟังใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ลูซี่ได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่าย จึงกลายเป็นแฮปปี้ที่เป็นฝ่ายออกหน้ารับแทน “อะไรของนายน่ะนัตสึ ลูซี่กับเรากำลังจะออกไปกินปลานะ อย่ามาห้ามดีกว่าไอล์”
“ไม่! ห้ามออกไปไหนโดยไม่มีฉัน” แล้วมือหนาก็คว้าเข้าที่ไหล่บาง พร้อมดึงให้เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับตนเอง “เข้าใจไหมลูซี่ ?”
ดวงตากลมโตหลุบต่ำทันทีเมื่อเผลอสบตากับนัตสึเข้าให้ “ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา
นัตสึละมือออกจากไหล่บางพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอโดยไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของแฮปปี้ที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอแม้แต่น้อย “กลิ่นนี่มัน...?” ว่าพลางดมฟุดฟิดๆ ใกล้ตัวเธอ
ลูซี่ใช้มือดันร่างเขาออกเท่าที่แรงตนจะสู้ได้ พลางเอ่ยตอบ “อะไร...ฉันอาบน้ำมาแล้วนะ”
“ทำไมถึงมีกลิ่นของลัคซัสเต็มไปหมดเลย”
เมื่อรู้สึกเหมือนโดนคาดคั้น หากไม่ตอบก็คงจะไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยอยากบอกเรื่องระหว่างเธอกับลัคซัสเท่าไหร่นักก็ตาม “ไปทำภารกิจด้วยกันมา”
“สองต่อสอง ?”
“เปล่า แก๊งเทพอัสนีบาตก็ไปด้วย” ร่างบางงึมงำตอบ รู้สึกคล้ายกับว่าแอบหนีพ่อไปเที่ยวแล้วโดนจับได้อย่างไรอย่างนั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็โอเค” นัตสึผละออก ยังคงไม่สนใจแฮปปี้ที่ร้องโวยวายอยู่เลยสักนิด “ไปทำภารกิจด้วยกันนะ”
ลูซี่รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับคำชวนของอีกฝ่าย ...ไปทำภารกิจด้วยกัน ? เหอะๆ ฝันไปเถอะว่าฉันจะตอบตกลง แค่เจอเรื่องแบบนั้นกับลัคซัสก็เกินพอแล้ว “แต่ฉันเพิ่งจะกลับมาจากการทำภารกิจเมื่อกี้เองนะ ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่เลย”
“งั้นเดี๋ยวฉันนวดให้” นัตสึตอบกลับมาในทันที
ไม่รู้ว่าที่พูดนั่นจริงจังขนาดไหน แต่ถ้านัตสึนวดให้...มีหวังกระดูกแตกหมดร่างพอดี ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะไม่คุ้มแน่นอน “ขะ เข้าใจแล้ว ไปทำภารกิจก็ได้”
เพียงแค่ตอบรับกลับไป อีกฝ่ายก็ยิ้มกว้างออกมา มืออุ่นคว้ามือข้างที่ว่างของเธอและลากตัวเธอออกจากบ้านไปทันทีโดยที่ไม่รอให้เธอเตรียมพร้อมอะไรแม้แต่น้อย
ลูซี่จ้องมองแผ่นหลังของอีกคน...ที่มักจะยืนอยู่เบื้องหน้าและคอยปกป้องเธอเอาไว้เสมอ เธอยิ้ม รู้สึกว่ามือของเขายังคงอบอุ่นเช่นเคย...
...มันใช่เวลามาคิดเรื่องอย่างนี้ไหม ?? ลูซี่สะบัดหัวแรงๆ เพื่อไล่ความคิดที่ไม่จำเป็นออกไป ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่าให้ต้องคิด นั่นก็คือ...พฤติกรรมของนัตสึ ตอนนี้อาการของเขาก็ดูปกติทั่วไป ทั้งที่เมื่อวานตอนเช้ายังทำท่าจะจู่โจมเธออยู่เลย เป็นเพราะอะไรกัน ? ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าบางทีแล้วระดับสติอาจจะขึ้นอยู่กับความบ้าของแต่ละคน แต่อย่างนัตสึ...ก็น่าจะเข้าข่ายพวกบ้าจนถึงขั้นไร้สตินะ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...ตอนนี้เขาก็น่าจะพุ่งเข้ามาจู่โจมเธอสิ ไม่ใช่เดินจูงมือกันแบบนี้ หรือเมื่อวานตอนที่เกิดเรื่องขึ้น เป็นเพราะอยู่ด้วยกันสองต่ออย่างนั้นเหรอ? ก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง วันก่อนเอลซ่าก็ไม่ควรจู่โจมเธอที่อยู่กับพวกเวนดี้ อืม...ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน อาการของแต่ละคนต่างก็แตกต่างกันไปจนมองหาจุดร่วมไม่ออก ลูซี่เม้มปากแน่น รู้สึกปวดหัวขึ้นมานิดๆ เมื่อคิดหาความเป็นไปได้เรื่องอาการของแต่ละคนไม่ออก ...หรือเพราะสบตากันนะ..? กับลัคซัสก็อาจจะใช่ เพราะจำได้ว่าตอนเกิดเรื่องขึ้นเมื่อคืน เธอบังเอิญสบตากับเขา และเราก็จ้องตากันสักพักหนึ่งด้วย กับนัตสึเองก็สบตากันนิดหน่อย เลยไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น แต่เอลซ่าก็ไม่ได้สบตากันนี่นาตอนที่โดนกอด แต่ตอนถูกหอมแก้ม...ก็สบตากันชัดๆ นี่หว่า ต้องใช่แน่ๆ ต้องเป็นเพราะการสบตาแน่ๆ !!
เพราะมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อย ทำให้ลูซี่ไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้พวกเธอทั้งสามเดินมาถึงกิลด์แฟรี่เทลกันแล้ว คนข้างหน้าไม่รอช้าผลักประตูเข้าไปสุดแรง เรียกให้คนที่กำลังเหม่อลอยอย่างลูซี่สะดุ้งกับเสียงประตู และมองเข้าไปในกิลด์ด้วยความตกตะลึงเมื่อพบว่า...
การยอมเดินตามนัตสึมาที่กิลด์ตอนนี้เป็นความคิดที่ผิดพลาดที่สุด
...เพราะข้างในเต็มไปด้วยกลุ่มคนผู้น่าหวาดกลัว (สำหรับเธอ)
เอลซ่า เกรย์ จูเบีย เวนดี้ และชาร์ลนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง และที่โต๊ะอีกตัวมีกาซิลกับเลวี่ (ที่น่าจะล้มเหลวจากการลากกาซิลออกไปทำภารกิจ) นั่งอยู่ ที่สำคัญที่สุดคือทุกคนที่กล่าวถึงนั้นกำลังจ้องมองมาทางเธอด้วยสายตาตกตะลึงเช่นกัน
ราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะหนึ่ง...ทุกอย่างดูสงบนิ่งจนน่ากลัว
คล้ายกับว่าเป็นความสงบ......ก่อนที่พายุลูกใหญ่จะก่อตัวขึ้น.
-TBC-
l สวัสดีค่ะทุกท่าน มาต่อตอนนี้ให้ครบตอนแล้วนะคะ
แต่แก้ธีมไม่ได้อ่ะ ภาพบีจีมันไม่ขึ้น สงสัยลิงก์จะเสีย
ถ้ายังไงก็พบกันในตอนต่อไปนะคะ
ความคิดเห็น