คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter >> 6 A :: จูบ
CHAPTER 6
“โฮ่~ ฉันกำลังคิดเธออยู่พอดีเลย...เล่นโผล่หน้ามาให้เจอเองแบบนี้เลยเหรอ ไม่เรียกพรหมลิขิตแล้วจะให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ??”
.
.
จบประโยคของลัคซัส รอบข้างก็เงียบสนิท ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่น้อย โดยเฉพาะตัวลูซี่...ที่ยืนนิ่งราวกับกำลังทบทวนประโยคคำพูดของลัคซัส และมันก็ทำให้เธอขนลุกขึ้นอย่างที่ไม่รู้ตัวเลย “ละ...ลัคซัส ?” อุทานชื่ออีกฝ่ายออกมาด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งประหลาดใจ กังวล และอีกมากมาย แต่ที่แน่ๆ คือไม่มีความดีใจอยู่ในนั้นด้วยแน่นอน
ร่างสูงไม่เอ่ยตอบอะไร เขาเพียงแค่สาวเท้าเข้ามาใกล้ร่างบาง ส่วนคนที่เป็นเป้าหมายก็ค่อยๆ ร่นถอยหลังหนีจนแผ่นหลังบางชนเข้ากับประตูเบาๆ แต่ก็พอดีว่าจูเบียเข้ามาขัดขวางเอาไว้ซะก่อน
“คิดจะทำอะไรคะ?” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีฟ้าที่ยืนกั้นกลางระหว่างลูซี่และลัคซัสเอ่ยถามชายหนุ่มที่ยืนจ้องหน้าเธอนิ่ง
“หลบ” เขาเอ่ยอย่างเชื่องช้าทว่าจงใจเน้นน้ำเสียงให้หนักแน่น ทำเอาร่างบางที่ยืนขวางอยู่ถึงกับเผลอตัวสั่นไปเล็กน้อย แต่ทว่าจูเบียก็ไม่คิดจะหลบให้ง่ายๆ เธอเป็นคนรักเพื่อนจะตายไป ใช่...แต่เธอรักท่านเกรย์มากกว่า และตอนนี้เธอจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อพาลูซี่ไปหาสมุนไพรสารพัดประโยชน์มาแก้ยาเสน่ห์ที่ท่านเกรย์โดนเข้าไป ฉะนั้นแล้วไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตามที่กล้าเข้ามาขวาง เธอจะไม่มีทางปล่อยให้...
“ฉันบอกให้หลบไป” ลัคซัสกล่าวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น นัยน์ตาคมที่จ้องเขม็งมาทางจูเบียฉายแววโกรธเกรี้ยวออกมา และคาดว่าหากจูเบียไม่ยอมหลบจริงๆ ล่ะก็...งานนี้ตาย!
“ขะ...เข้าใจแล้วค่ะ” แล้วแม่สาวแห่งสายฝนก็ยอมหลบทางให้ในที่สุด
ไหนบอกว่าจะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางได้เล่า ?
เมื่อตัวขัดขวางยอมหลบทางให้ ลัคซัสก้าวรวดเดียวก็เข้ามายืนประชิดอยู่ตรงหน้าลูซี่แล้ว เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ตัวสั่นน้อยๆ ในใจนึกภาวนาให้ใครก็ตามช่วยเข้ามาขัดขวางที แต่ก็คงจะหวังได้ยาก...เพราะต่อให้มีใครเห็นเหตุการณ์นี้เข้าจริงๆ ก็คงจะไม่กล้าเข้ามายุ่งย่ามอยู่ดี เพราะลัคซัสในเวลานี้ช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน
“กะ...”
“ไปทำภารกิจกับฉันซะ” เขากล่าวขึ้นมา
“ห๊ะ?” คนที่กำลังจะกรีดร้องถึงกับต้องหุบปากลง ก่อนจะส่งเสียงร้องในเชิงไม่เข้าใจแทน จะให้ไปทำภารกิจกับเขาเนี่ยนะ? บ้ารึเปล่า ถึงเธอจะซื่อขนาดไหน แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่าหากไปทำภารกิจกับลัคซัสเพียงสองต่อสองแล้วล่ะก็...เธอก็คงจะ... “ไม่ล่ะ ฉันคิดว่า....”
“ไปนะ...”
นั่นคือคำขอร้องไม่ผิดแน่นอน ทว่าน้ำเสียงที่เข้มขึ้นของเขากลับทำให้ลูซี่รู้สึกราวกับว่า...มันคือคำขู่บังคับ และเป็นคำขู่ที่ปฏิเสธไม่ลงเสียด้วย..
..บางทีคงต้องบอกว่าไม่กล้าเอ่ยคำปฏิเสธกลับไปต่างหาก เพราะสายตาที่จ้องมองมานั้น...มันกดดันเธอเหลือเกิน ราวกับว่าหากเธอปฏิเสธออกไป สายฟ้าอันทรงพลังที่กำลังกราดเกรี้ยวอยู่บนฟ้าตอนนี้จะฟาดผ่าลงมายังตัวเธอ และเธอก็คงจบชีวิตอย่างไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก คงจะน่าอนาถใจเป็นบ้า
นัยน์ตาสีเปลือกไม้หันไปสบกับจูเบียและเวนดี้เพื่อขอร้องให้ทั้งสองช่วยทำอะไรสักอย่าง แต่ดูเหมือนจะสิ้นหวัง เพราะสายตาของทั้งสองแสดงท่าทีหวาดกลัวลัคซัสออกมาอย่างไม่ปิดบังเลยสักนิด ก็แน่ล่ะ...ใครจะไม่กลัวกัน
...ไม่ไป!!!!... เธอได้แต่ตะโกนก้องอยู่ในใจ เพราะกลัวเหลือเกินที่จะเอ่ยมันออกมา...และกลัวผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นด้วย “เอ่อ...”
นัยน์ตาคู่คมยังคงจดจ้องมองมาอย่างกดดัน ...นี่ถ้าเป็นปลาทองก็คงท้องลูกได้เป็นโหล
“อะ...อืม” ในเมื่อไม่มีทางเลือกใดๆ เหลือให้อีกแล้ว ก็ได้แต่จำใจพยักหน้ารับอย่างจำยอม แม้ในใจจะยังคงตะโกนร่ำร้องว่าไม่อยากไปก็ตาม
“ถ้าอย่างนั้นจูเบียเองก็จะ...”
“อย่ามายุ่ง!”
เพียงแค่สามพยางค์ของลัคซัสที่โต้กลับมาอย่างทันควัน ก็ทำเอาจูเบียไม่สามารถพูดอะไรต่ออีกได้เลย ความพยายามที่จะช่วยเพื่อนก็เป็นอันมลายหายไปพร้อมกับคำพูดของอีกฝ่าย จูเบียจำได้ว่าตั้งแต่เกิดมา เธอพบคนท่าทางน่าหวาดกลัวมามากมาย แต่ทว่าบุคคลเบื้องหน้า...อาจเรียกได้ว่าน่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยพบเจอ
...ลาก่อนค่ะลูซี่ จูเบีย...พยายามเต็มที่แล้วค่ะ... เจ้าของเรือนผมสีน้ำทะเลส่งยิ้มอ่อนให้ลูซี่อย่างพยายามให้กำลังใจ และหวังว่าอย่างน้อยๆ เพื่อนสาวเจ้าของเวทอัญเชิญจะปลอดภัยกลับมา
เมื่อหมดตัวขัดขวางแล้ว ลัคซัสหันกลับมาจ้องร่างบางตรงหน้า มือหนาคว้าเข้าที่ข้อมือบางของอีกฝ่าย แล้วมืออีกข้างที่ว่างก็ผลักประตูเบื้องหลังร่างบางให้เปิดออก ส่งผลให้ลูซี่ที่ยืนพิงประตูอยู่เมื่อครู่ทำท่าจะหงายหลังล้มลงไป ทว่ามือหนาที่ยึดข้อมือเธออยู่ก็รั้งตัวเธอให้เข้ามาแนบชิดกับอ้อมอกของเขา “ระวังหน่อยสิ” พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย
..กรี๊ดดดดดดดดด ขนลุกค่ะ!! แต่กล้ามอกแน่นมาก..
เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์พยายามดันร่างของตัวเองออกจากอีกฝ่าย เพราะหากยังอยู่แบบนี้ต่อไป...เธออาจจะเผลอไผลให้กับกล้ามหน้าอกนั่นเป็นได้ เดี๋ยวสิ...เธอไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย -*-
ลัคซัสมองเธอด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินจูงแขนหญิงสาวที่กำลังหน้าแดงน้อยๆ ให้เดินตามตนเองไปยังบอร์ดภารกิจ ในเมื่อพรหมลิขิตเลือกให้เขาและเธอได้ไปทำภารกิจร่วมกันแล้ว...ก็คงต้องหาภารกิจที่มันตื่นเต้น ระทึกใจ และจะช่วยสานความสัมพันธ์ให้มันดีกว่านี้เสียหน่อย
ร่างสูงไล่สายตามองภารกิจบนบอร์ดอยู่เล็กน้อยก็ยื่นมือไปดึงเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมา โดยที่ลูซี่ยังไม่ทันจะเห็นด้วยซ้ำไปว่าเป็นภารกิจอะไร และไม่ทันที่จะเอ่ยถาม เธอก็ถูกกึ่งลากกึ่งจูงไปทางเคาท์เตอร์บาร์ที่ซึ่งมีสาวสวยอย่างมิร่าเจนกำลังยืนเช็ดแก้วอยู่
ใบภารกิจถูกวางลงบนเคาท์เตอร์ เรียกให้ใบหน้าหวานที่กำลังก้มหน้าทำงานของตนอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะส่งสายตาประหลาดใจมาให้เมื่อเห็นว่าคนที่จะทำภารกิจนี้เป็นลัคซัส...กับลูซี่ ?
“จะไปทำภารกิจกับลูซี่เหรอจ๊ะ?” เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“อือ”
“ไปกันแค่สองคนเหรอ?”
“อือ”
“ได้จ้ะ แล้วจะลงให้นะว่า ‘ภารกิจปราบสัตว์ประหลาดยักษ์’ มีคนเลือกไปทำแล้ว” มิร่าเจนยิ้มพร้อมเอ่ยชื่อภารกิจที่อยู่บนกระดาษแผ่นนั้นให้ได้ยิน ซึ่งก็ทำเอาคนฟังอย่างลูซี่ถึงกับเบิกตากว้างทันที
..ภารกิจปราบสัตว์ประหลาดยักษ์เนี่ยนะ? ตายล่ะ ไปทำภารกิจแบบนี้กับลัคซัส มีหวังกลายเป็นตัวถ่วงแน่ๆ ดีไม่ดีเธอจะกลายเป็นอาหารให้กับเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์เอาได้สิ...ถ้ามันกินคนเป็นอาหารน่ะนะ..
“เอาล่ะไปกันเถอะ” ลัคซัสหันมาบอกกับลูซี่ พร้อมออกแรงดึงข้อมือของเธอน้อยๆ เพื่อให้เธอเดินตามเขาไปอีกครั้ง
แหม...อะไรกันเนี่ย? เดินตามผู้ชายต้อยๆ เลยฉัน -*-
“โชคดีนะจ๊ะลูซี่”
ลูซี่หันกลับไปมองก็พบรอยยิ้มหวานที่ส่งมาให้ ทว่าเธอกลับรู้สึกกดดันแปลกๆ ราวกับว่ารอยยิ้มนั้น...เป็นเสมือนใบมีดที่พร้อมจะกรีดแทงเธอได้
...คงไม่ใช่ว่าคุณมิร่ากำลังหึงเราหรอกนะ..?
@@@@@@@@@@@@
ดูเหมือนในความโชคร้ายจะมีความโชคดีปนอยู่ด้วย หลังจากที่ออกมาจากกิลด์ ลูซี่ก็พบว่าทั้งจูเบีย เวนดี้ และชาร์ลหายไปแล้ว ซึ่งก็เดาว่าทั้งสองสาวหนึ่งแมวจะต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแน่ๆ เธอจึงพยายามถ่วงเวลาด้วยการขอร้อง(จนแทบจะก้มกราบ)ว่าขอเวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องก่อน เพราะเธอสวมชุดของจูเบียอยู่ และมันค่อนข้างอึดอัด ลัคซัสจึงมาที่บ้านของเธอด้วย แต่ก็ต้องยืนรออยู่หน้าบ้านแทน เพราะลูซี่ยืนกรานอย่างเด็ดขาดว่าไม่ให้เข้า เธอออกจะโล่งใจนิดๆ ที่อย่างน้อยๆ ลัคซัสก็ยังดูมีสติฟังคำพูดของเธออยู่บ้าง ไม่เหมือนอย่างเอลซ่าที่อยู่ๆ ก็พุ่งเข้าใส่กัน(และหอมแก้มเธอเข้าจนได้) บางทีระดับของสติอาจขึ้นอยู่กับระดับความบ้าด้วยก็เป็นได้
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมของเสร็จเรียบร้อย เธอก็ออกมาจากบ้าน และพบว่า...ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ลัคซัสเท่านั้นที่ยืนรออยู่ แต่มีพวกหน่วยเทพอัสนีบาตยืนอยู่ครบถ้วนทุกคนด้วย ร่างบางลอบยิ้มในใจ บางทีนี่คงจะเป็นฝีมือของจูเบียและเวนดี้ที่ไปแจ้งข่าวของลัคซัสให้พวกนั้นได้รับรู้ ทำให้พวกสมาชิกแก๊งเทพอัสนีบาตตามมา เพราะแน่นอนว่าพวกนั้นไม่มีทางปล่อยให้ลัคซัสซึ่งกำลังถูกฤทธิ์ของยาเสน่ห์ไปทำภารกิจกับเธอเพียงสองคนแน่ๆ โดยเฉพาะฟรีด...รายนั้นไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน
...และมันค่อนข้างจะเป็นผลดีกับตัวเธอ
ไม่ต้องอยู่กันสองต่อสองก็ปลอดภัยกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
ทีมทำภารกิจปราบสัตว์ประหลาดยักษ์ใช้เวลาเดินทางเพียงอยู่ครึ่งค่อนวันก็มาถึงยังสถานที่เป้าหมาย ซึ่งก็เป็นเวลาเกือบเย็นพอสมควร อันที่จริงลูซี่อยากจะพักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าควรจะรีบทำภารกิจให้จบและรีบเดินทางกลับกิลด์ น่าจะเป็นทางที่ปลอดภัยและดีที่สุดสำหรับเธอ
ทุกคนเดินทางมายังจุดที่ได้รับแจ้งว่ามีสัตว์ประหลาดยักษ์ออกอาละวาด ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยก็สามารถหลอกล่อให้เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นออกมาได้ และเมื่อเวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว ‘ภารกิจปราบสัตว์ประหลาดยักษ์’ ก็เป็นอันจบสิ้นลงอย่างดาย
ลูซี่แทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอรู้เพียงแค่ว่าทันทีที่ไปถึงสถานที่แห่งนั้น ทุกคนก็เริ่มลงมือค้นหาเจ้าสัตว์ประหลาด ส่วนเธอก็พยายามตามหาเช่นกัน แต่เพราะโดยปกติแล้วเธอเป็นคนที่โชคดีสุดๆ (?) ทำให้เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นโผล่ออกมาใกล้กับจุดที่ลูซี่ยืนอยู่ ยังไม่ทันกระพริบตา เจ้าสัตว์ประหลาดบ้านั่นก็ไหม้เกรียมด้วยฝีมือของชายผู้ใช้เวทสายฟ้า เมื่อมันล้มลง สัตว์ประหลาดอีกสิบกว่าตัวก็โผล่ออกมา แล้วพวกมันก็ถูกจัดการโดยลัคซัสและแก๊งเทพอัสนีบาต เรียกได้ว่าพวกนี้ฝีมือแข็งแกร่งจริงๆ เอาจริงๆ ก็คงแข็งแกร่งเทียบเท่ากับพวกเธอที่ได้สมญานามว่าทีมที่เก่งที่สุดแห่งแฟรี่เทลเลยก็ว่าได้
หลังภารกิจเสร็จสิ้นลงแล้ว พวกเธอทั้งห้าคนก็เดินทางมารับเงินค่าตอบแทนจากผู้ว่าจ้างซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งก็ได้รับเงินค่าจ้างมาจำนวนไม่น้อย แต่นั่นไม่ได้ทำให้ลูซี่รู้สึกดีใจสักนิด เพราะฟรีดและเอเวอร์กรีนตัวแสบไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้เธอ ก็สมควรแล้วล่ะ...ในเมื่อเธอไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยแม้แต่น้อย..
“ถ้าอย่างนั้น ฉันว่าพวกเรารีบเดินทางกลับแมกโนเลียกันเถอะนะ” เธอกล่าวขึ้นมาขณะที่ทุกคนกำลังเดินออกจากบ้านของผู้ว่าจ้าง
แต่ทว่าแทนที่จะได้รับคำตอบตกลงหรือเห็นด้วยกลับมา...กลับกลายเป็นว่าทุกคนมีปฏิกิริยาประหลาดใจแทน ก่อนที่เอเวอร์กรีนจะกล่าวบอก “ปกติเวลาที่พวกเราทำภารกิจเสร็จ เรามักจะพักผ่อนก่อนกลับกันน่ะ”
“ใช่ๆ เวลาอย่างนี้ก็ต้องไปร้านอาหารเพื่อทานข้าวเย็น จากนั้นก็หาห้องพักแล้วค้างสักคืน” บิ๊กสโลว์เอ่ยสนับสนุน
“เอ๋!?” ลูซี่ตาโต ...ค้างหนึ่งคืนงั้นเหรอ??...
“นี่มันก็ใกล้ค่ำแล้ว อีกอย่างพวกเราทำภารกิจกันมาเหนื่อยๆ ก็ต้องอยากพักผ่อนเป็นธรรมดา” ฟรีดกล่าวเสริมเมื่อเห็นท่าทีของลูซี่
แต่หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ประกายกลับมองสบตากับแก๊งเทพอัสนีบาตทั้งสามคนอย่างมีความหมาย พลางกระซิบกระซาบเสียงเบา
‘พวกนายก็รู้ว่าลัคซัสโดนยาเสน่ห์เข้าไป แล้วยังจะให้พักค้างคืนโดยที่มีฉันอยู่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?’
‘ช่วยไม่ได้’ พวกนั้นบอกกลับมา ใช่...ช่วยไม่ได้จริงๆ ก็ใครมันจะกล้าไปขัดใจลัคซัสกัน
ลูซี่มองหน้าทั้งสามคนเงียบๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อตัดสินใจบางอย่างได้ “ถ้าอย่างนั้น...ฉันขอเดินทางกลับคนเดียวก่อนละกัน เจอกันที่กิลด์พรุ่งนี้นะ” ร่างบางโบกมือให้พวกนั้น พลางหันตัวจะก้าวเดินออกมา...
ทว่าอ้อมแขนแกร่งกลับรวบเอวของเธอเอาไว้แน่น “คิดจะไปไหน?”
ลูซี่หันกลับไปมองหน้าของลัคซัสที่อยู่ใกล้กันเพียงคืบเดียว ดวงตากลมโตฉายแววตระหนกเล็กน้อย เพราะเขาเล่นจู่โจมเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเลย แถมตอนนี้...ร่างของเธอยังเบียดอยู่กับกล้ามเนื้อแน่นๆ นั่นอีก โอย...ยอมแล้วค่ะ
“เปล่าค่ะ” ตอบงึมงำเสียงเบา อันที่จริงก็อยากจะขอตัวกลับไปก่อนนั่นแหละ แต่ตอนที่สบตากันเมื่อกี้มันชวนให้รู้สึกกลัวอย่างไรก็ไม่รู้
“งั้นก็ไปกินข้าวกัน” ลัคซัสปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน แล้วจับข้อมือของเธอแทน และดึงให้ร่างบางเดินไปพร้อมๆ กัน ซึ่งก็ทำให้หน่วยเทพอัสนีบาตที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่มองด้วยความตะลึง ก่อนที่ทั้งหมดจะรีบวิ่งตามไปเดินข้างๆ ลัคซัสและชวนพูดคุย
บรรยากาศในร้านอาหารค่อนข้างดีทีเดียว ทั้งภายนอกและภายในร้านประดับไปด้วยไฟหลากหลายสีสัน อีกทั้งยังมีดอกไม้ประดับไว้อีกหลายพันธุ์ด้วย ลูซี่คงจะนั่งฉีกยิ้มไปกับบรรยากาศดีๆ แบบนี้แล้ว หากไม่ใช่เพราะว่า...เธอถูกลัคซัสดึงให้มานั่งตัวแนบชิดติดกันจนจะกลายเป็นปาท่องโก๋คู่แล้ว ทำให้การรับประทานอาหารมื้อนี้เธอนั่งเกร็งจนตะคริวแทบจะกินไปทั้งร่าง นี่ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวอีกฝ่ายจะอาละวาดด้วยสายฟ้าแล้วล่ะก็...รับรองเลยว่าเธอจะต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแน่ๆ แถมอุตส่าห์ส่งสายตาวิงวอนขอร้องให้พวกหน่วยเทพอัสนีบาตทำอะไรสักอย่างให้ พวกนั้นก็เล่นทานอาหารหน้าตาเฉย คงจะมีแต่ฟรีดเท่านั้นที่ดูจะพึ่งพาได้บ้าง เพราะรายนี้พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของลัคซัสออกจากเธอ แม้จะได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างก็ตาม
หลังจากนั่งอยู่ในร้านอาหารร่วมสองชั่วโมง ทั้งห้าก็เดินหาโรงแรมที่จะใช้พักค้างคืน แต่เพราะหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ใช่หมู่บ้านที่ส่งเสริมเรื่องเศรษฐกิจการท่องเที่ยวสักเท่าไร โรงแรมที่ว่าจึงหายากเอาการเพราะมีเพียงแค่ 2-3 แห่งเท่านั้น และแต่ละแห่งก็มีห้องพักอยู่แค่ไม่กี่ห้อง ทำให้ถูกจับจองเอาไว้จนเต็มหมดแล้ว เหลือก็แค่โรงแรมแห่งหนึ่ง...
ลูซี่ยืนเหงื่อตก วันซวยอะไรของเธอก็ไม่รู้เนี่ย ทั้งที่คิดจะไปทำภารกิจสำคัญอย่างหนึ่ง แต่กลับโดนลากมาทำภารกิจอีกอย่างหนึ่งแทน มิหนำซ้ำเมื่อทำภารกิจเสร็จยังไม่สามารถ(หนี)กลับได้อีกต่างหาก และที่เธอรู้สึกแย่ที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่อง...
“เหลือห้องเดียวเท่านั้นนะคะ แต่เป็นห้องพักสำหรับสี่ท่าน ไม่ทราบลูกค้าจะเข้าพักไหมคะ? ถ้าเข้าพัก ทางเราจะจัดเตียงเสริมให้ และจะไม่คิดค่าบริการเตียงเสริมเพิ่มค่ะ” พนักงานสาวเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มบาง หากแต่แววตาของเจ้าหล่อนมีความขอโทษปะปนมาด้วย
ทุกคนหันมองหน้ากันไปมาว่าควรจะตกลงเช่นไร หากจะเดินกลับไปขอนอนพักค้างคืนที่บ้านของผู้ว่าจ้างก็คงจะไม่เหมาะกระมัง เพราะก่อนหน้าที่พวกเธอไปรับค่าตอบแทน ก็ไม่เห็นว่าเขาจะชักชวนให้ทานอาหารหรือพักผ่อนบ้านเขาเลยสักคำ หากบากหน้าไปตอนนี้ก็คงจะไม่งามหน้านัก แต่หากจะเลือกพักที่นี่ซึ่งเป็นห้องสุดท้ายที่พวกเธอหาได้แล้วล่ะก็...นั่นก็หมายความว่าทุกคนจะต้องนอนรวมในห้องเดียวกัน
“เอาไงดี แบบนี้ก็นอนแยกชายหญิงไม่ได้น่ะสิ” ลูซี่ว่า
“ไม่เห็นเป็นไรเลย” เอเวอร์กรีนหันมาตอบคำถามของเธอ “ทำยังกับว่าไม่เคยนอนกับนัตสึหรือเกรย์อย่างนั้นแหละ”
“นี่มันต่างกันนะยะ” ลูซี่แหวใส่ทันที “อีกอย่างเธอจะให้ฉันสักกี่ครั้งกันว่าลัคซัส-โดน-ยา-เสน่ห์” ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อนิดๆ ยัยเอเวอร์กรีนช่างพูดมาได้ ถึงจะเคยนอนกับพวกนั้น แต่สถานการณ์มันต่างกันลิบลับ
“อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลยน่า มีให้นอนแค่นี้ก็นอนไปเถอะ หรือจะไปนอนข้างถนนเอา ?” สาวแว่นพูดอย่างตัดรำคาญ เธอเหนียวตัวอยากอาบน้ำจะแย่อยู่แล้ว
“ใช่ๆ อย่าคิดมากเลย พวกเราก็อยู่ด้วยทั้งคน” บิกสโลว์สนับสนุน ทำให้ลูซี่ได้แต่เบ้หน้า พวกนี้ไม่เห็นจะช่วยอะไรเลย แต่อย่างน้อยๆ ก็อย่างที่บิกสโลว์พูด อยู่กันตั้งห้าคน คงไม่มีให้ต้องกลัวหรอก แถมทั้งวันมานี้ถึงจะมีรังสีอำมหิตแผ่ใส่บ้าง แล้วก็ติดหนึบเป็นปาท่องโก๋บ้าง แต่ก็ยังไม่มีอะไรแปลกเกิดขึ้นเสียหน่อย
ถอนหายใจน้อยๆ ก่อนพยักหน้ายอมรับในที่สุด จึงเป็นอันตกลงว่าจะพักที่ห้องนี้กัน เมื่อขึ้นมาบนห้องพัก ทั้งห้าคนก็จัดการแบ่งเตียงให้ลูซี่และเอเวอร์กรีนนอนฝั่งหนึ่ง ลัคซัสและฟรีดนอนบนเตียงอีกฝั่ง ส่วนบิกสโลว์ก็นอนเตียงเสริมไป แล้วจากนั้นจึงแบ่งลำดับใช้ห้องน้ำกัน ซึ่งลูซี่ผู้โชคดีได้อาบน้ำเป็นคนแรก เธอจัดการตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยโดยพยายามใช้เวลาให้รวดเร็วที่สุดเพราะรู้ว่ายังมีอีกสี่คนที่รอใช้ห้องน้ำต่อ ร่างบางแต่งกายเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูผืนเล็กคลุมศีรษาที่เปียกชื้นเอาไว้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพูเรียกให้ลัคซัสที่กำลังนั่งมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างหันกลับมามอง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยมากไปกว่าการเลิกคิ้วมองเธอเท่านั้น แล้วลัคซัสก็ลุกเดินเข้าห้องน้ำไป
ลูซี่นั่งคุยเล่นกับเอเวอร์กรีนและบิกสโลว์ไปเรื่อยเปื่อยอย่างสนุกสนาน ทุกอย่างเป็นปกติดีไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่ง...
ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์อ่อนเปิดประตูเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพเสื้อกล้ามรัดรูปสีขาว และกางเกงขายาวเรียบร้อย ลัคซัสเดินตรงไปที่เตียงหวังจะล้มตัวลงนอนด้วยอาการเพลียจากการทำภารกิจ แต่เสียงหัวเราะคิกคักของสาวๆ ทำให้อดไม่ได้ที่จะหันไปมองพวกเธอ แล้วรอยยิ้มกว้างอันแสนสดใสของร่างบางเจ้าของเวทอัญเชิญก็ปรากฏให้เขาเห็น อันที่จริง...ต้องบอกว่าที่เขาหันไปมองเธอนั้นไม่ใช่เพราะเสียงหัวเราะที่ดังมารบกวน แต่เป็นเพราะความรู้สึกบางอย่างในใจร้องบอกเขาว่า...อยากจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่จะพาตัวเองสู่นิทรา ลัคซัสยิ้มบางออกมา
สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่ากำลังมีคนจ้องมองอยู่ ลูซี่จึงหันไปยังทิศทางที่ว่า และสบเข้ากับนัยน์ตาคมของร่างสูงอย่างจัง
ตึกตัก
.
ตึกตัก
ลัคซัสยกมือขึ้นมาทาบทับตรงอกข้างซ้าย รู้สึกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เปลี่ยนไป แต่ถึงกระนั้นเขากลับไม่สามารถละสายตาออกจากดวงตากลมโตสีน้ำตาลของลูซี่ได้เลย
เนิ่นนานกับการจ้องตา...ที่ราวกับมีมนต์สะกดบางอย่างถูกส่งผ่านทางสายตาคู่นั้น
แล้วทุกอย่างในหัวก็เริ่มว่างเปล่า สิ่งเดียวที่ปรากฏอยู่ในความคิดของเขามีเพียงใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าเท่านั้น และข้อความบางอย่างที่กำลังร้องบอกเขาดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โดยไม่รู้ตัว...ลัคซัสพุ่งพรวดเข้าหาลูซี่อย่างรวดเร็ว มือหนาตะปบเข้าที่ข้อมือทั้งสองข้างของเธอ แรงโถมจากการพุ่งเข้าใส่ของเขาพาร่างของทั้งสองล้มกลิ้งลงไปบนเตียง...ท่ามกลางความตื่นตะลึงของอีกสามคนที่พบว่าอยู่ๆ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนตามไม่ทัน
...เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้ก็ยังดีๆ กันอยู่เลย...?
“อะ...อะไรน่ะ?” ลูซี่ถามปากคอสั่น เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งสบเข้ากับสายตาที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น เมื่อครู่ก่อนสายตาของเขายังแฝงไปด้วยความเอ็นดูอยู่เลย แต่ตอนนี้มันกลับแปรเปลี่ยน...ดุจดั่งสายตาของนักล่า
...ดูเหมือนว่าวันนี้...เธอจะต้องสูญเสียสิ่งที่พยายาม(?)เก็บรักษามาโดยตลอดเสียแล้ว
“เสร็จฉันล่ะ”
จบคำพูดของอีกฝ่าย ใบหน้าคมก็โน้มต่ำลงมาใกล้จนปลายจมูกชนกัน
ลูซี่ที่รู้สถานการณ์ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็กรีดร้องออกมาเสียงดัง “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด”
...อะไรกันน่ะ อาการของลัคซัสชักจะเหมือนเอลซ่า(เมื่อตอนนั้น)เข้าไปทุกทีแล้วนะ...
ร่างบางดิ้นรน พยายามดิ้นสุดแรงเท่าที่เธอจะสามารถทำได้ แต่ก็ดูจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ เพราะแรงของเธอ...มันช่างน้อยนิดนักเมื่อเทียบกับของอีกฝ่าย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
ถ้าสู้ด้วยแรงไม่ได้...ก็ต้องสู้มันด้วยพลังเสียงเนี่ยแหละ
“กรี๊ดดดดดดดดด” ลูซี่ยังคงกรีดร้องใส่หูอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละความพยายาม คิดไปว่าอีกฝ่ายจะต้องรู้สึกรำคาญจนอยากยกมือไปอดหูบ้างล่ะน่า และถ้าเป็นไปตามที่เธอคิด เธอก็จะอาศัยจังหวะนั้นผละหนีจากเขาให้ได้
คราวนี้ดูเหมือนจะได้ผล เพราะลัคซัสเริ่มชักสีหน้ารำคาญใจกับเสียงร้องแสบแก้วหูของเธอแล้ว
“หุบปากลูซี่!!”
“ไม่ กรี๊ดดดดดดดดดดดด พวกนายก็ช่วยฉันด้วยสิ มัวแต่ตะลึงกันอยู่ได้” ลูซี่ยังคงดิ้นรนต่อต้าน พร้อมตวัดสายตาไปต่อว่าอีกสามคนที่มัวแต่ยืนตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้จนไม่เป็นอันทำอะไร
“ไม่หุบปากใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันจะปิดปากเธอเอง” ลัคซัสว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง ช่วยดึงสติของฟรีดให้กลับมา ชายหนุ่มผมสีมรกตตระหนักได้ว่าคนที่ตนเทิดทูนจะต้องทำตามที่พูดไปเมื่อครู่อย่างแน่นอน จึงไม่รอช้า...รีบยกมือขึ้นมาเตรียมร่ายเวทกางข่ายป้องกันเพื่อแยกสองคนนั้นออกจากกัน
ทว่า...ดูเหมือนจะสายเกินไป
ริมฝีปากของร่างสูงประทับอยู่กับริมฝีปากบางของร่างเบื้องใต้เข้าเสียแล้ว
-TBC-
หายไปนานมาก...ต้องขอโทษมากๆ นะคะรีดเดอร์ทุกท่าน
สำหรับตอนนี้ก็ขออนุญาตแบ่งออกเป็นพาร์ท A กับ B นะคะ เพราะมันค่อนข้างยาว
แล้วก็เพิ่งเห็นว่าบีจีมันเสีย เดี๋ยวหลังปีใหม่จะมาแก้นะคะ
สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้าเลยนะคะรีดเดอร์ที่น่ารักทุกท่าน ขอให้พบเจอแต่เรื่องดีๆ สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้าเลยนะคะ :D
พบกันปีหน้านะ
ความคิดเห็น