คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : >>:: Chapter 5
CHAPTER 5
เช้าวันนี้อากาศสดใสเหมาะสมกับการไปทะเลเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งคนแรกที่ตื่นมาก่อนใครเพื่อนก็คือลัลทริมา นั่นเป็นเพราะวันนี้เธอและคุณชายมีนัดไปเที่ยวทะเลกัน มันจึงทำให้เธอตื่นเต้นจนแทบจะนอนไม่หลับ ร่างบางรีบอาบน้ำแต่งตัวและเก็บกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของตัวเอง แล้วไม่รอช้ารีบเดินไปเคาะประตูห้องของพวกคุณชายแต่ละคนเพื่อเป็นการปลุกพวกเขาไปในตัว แต่ใครจะคิดกันล่ะว่าพวกนั้นจะตื่นเรียบร้อยแล้ว เพราะพวกเขาแต่ละคนก็เล่นเปิดประตูออกมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้า
“แปลกนะคะที่พวกคุณตื่นกันเช้าขนาดนี้” แทนที่จะเอ่ยคำทักทายออกไป ลัลทริมากลับเอ่ยในสิ่งที่เธอไม่อยากจะเชื่อแทน พวกคุณชายเนี่ยนะตื่นเช้า..? ท่าทางวันนี้ฝนจะตก
“ก็วันนี้มีนัดเที่ยวกันนี่ครับ” แคปเปอร์ตอบพร้อมเดินเข้ามาคว้ากระเป๋าของลัลทริมาไปถือให้ ก่อนที่แต่ละคนจะรุนหลังเธอให้เดินลงไปชั้นล่าง
“เดี๋ยวทานข้าวแล้วค่อยออกจากบ้านก็แล้วกันนะ” ว่าแล้วก็พากันไปนั่งรอให้อาหารเช้ามาเสิร์ฟ พลางพูดคุยกันเรื่องต่างๆ นานาเกี่ยวกับเกาะล้านให้ลัลทริมาผู้ไม่เคยไปได้ฟัง นั่นจึงทำให้ร่างบางยิ่งตื่นเต้นมากเข้าไปอีก
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย คนขับรถประจำบ้านจินตเมธรก็ขับเอารถตู้มาจอดเทียบที่หน้าประตู ก่อนจะวิ่งลงมาขนกระเป๋าของพวกคุณชายและลัลทริมาไปเก็บที่หลังรถให้เรียบร้อย แล้วเชิญให้พวกเขาขึ้นนั่งประจำบนรถ โดยคราวนี้ลัลทริมาไม่ได้ถูกไล่ไปนั่งคู่กับคนขับเหมือนเมื่อครั้งที่เธอทำงานให้กับพวกคุณชาย แต่เธอกลับถูกเชื้อเชิญให้ขึ้นไปนั่งส่วนเบาะกลางของรถตู้กับพวกคุณชายที่กระจายกันนั่งแทน ซึ่งเมื่อขึ้นรถได้ปุ๊บ พวกคุณชายก็พากันหลับทันที ปล่อยให้เธอนั่งหงอยอยู่คนเดียว จวบจนเดินทางได้ชั่วโมงกว่าๆ ลัลทริมาจึงได้หลับตามไปอีกคน ทุกคนมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คนขับรถปลุกเรียกบอกว่าใกล้จะถึงท่าเรือแล้ว
รถตู้เข้ามาจอดเทียบในที่จอดรถของท่าเรือ ก่อนคนขับจะกุลีกุจอลงจากรถแล้วขนกระเป๋าลงให้กับพวกคุณชาย ซึ่งเขาก็ได้รับคำขอบคุณและคำสั่งว่าให้เดินทางมารอรับกลุ่มเจ้านายของตนในช่วงบ่ายๆ ของวันพรุ่งนี้ คนรับใช้หนุ่มก็ก้มหน้ารับคำสั่งก่อนจะขอตัวลากลับ
พวกคุณชายและลัลทริมาหยิบเอาสัมภาระของตนเองแล้วเดินเข้าไปยังท่าเรือเพื่อไปติดต่อหาเรือที่จะใช้เดินทางข้ามทะเลไปยังเกาะล้านอันเป็นที่หมายของพวกเขา
“เดี๋ยวรอสักครู่นะครับ ผมไปติดต่อให้เอง” เรวินว่าและปลีกตัวออกไปจากกลุ่มเพื่อติดต่อธุระให้ โดยที่มีแคปเปอร์เดินไปเป็นเพื่อนด้วย ฝ่ายคนที่เหลือก็พยักหน้าและยืนรอกันเงียบๆ จนกระทั่งทั้งคู่เดินกลับมาและแจ้งข่าวแก่เพื่อนๆ จากนั้นทั้งหมดจึงเดินไปขึ้นเรือกัน
การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลครั้งนี้กินเวลาไม่นานนัก เพราะเรือที่พวกเขาใช้เป็นเรือเร็ว และเมื่อมาถึงท่าเรือที่เกาะล้านเป็นที่เรียบร้อย ทั้งหมดก็เดินทางตามหาที่พักกันทันที
“ไม่ได้จองล่วงหน้าแบบนี้ เกิดไม่มีที่พักขึ้นมานี่แย่เลยนะคะ” ลัลทริมาที่เดินตามหลังพวกคุณชายกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความกังวล
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า พวกเรามากันวันธรรมดา แถมไม่ใช่ช่วงเทศกาลอะไรด้วย คนไม่เยอะมากนักหรอก อีกอย่าง...ที่พักก็มีอยู่เต็มเกาะไปหมด ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ไปนอนศาลาวัดก็ได้” ชินะหันมากล่าวอธิบายให้เธอได้เข้าใจ อีกทั้งยังพูดทีเล่นทีจริงให้ลัลทริมาต้องรู้สึกกลัวว่าจะเป็นแบบนั้นขึ้นมาอีกด้วย
“บ้าเหรอคุณชาย” เธอว่าเบาๆ ก่อนจะเงียบเสียงแล้วเดินตามพวกคุณชายที่เดินไปติดต่อกับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง แล้วทั้งหมดก็ขึ้นรถคนละคันเพื่อนั่งไปยังที่พักที่พวกคุณชายจะไป
เมื่อมาถึงรีสอร์ท สถานที่ที่จะเป็นที่พักในคืนนี้ของพวกเขากันแล้ว คุณชายชินะกับแคปเปอร์ก็รีบเข้าไปติดต่อธุระเรื่องห้องพักทันที และผลก็ออกมาน่าพอใจเพราะมีห้องว่างให้พวกเขาได้เลือกหลากหลายสไตล์ ซึ่งคุณชายชินะก็ได้เลือกห้องพักมาทั้งหมด 4 ห้อง “ก็...เดี๋ยวเราจะนอนห้องละ 2 คน 2 ห้อง ห้องละ 3 คน 1 ห้อง และ...” ชินะเว้นจังหวะพูดเล็กน้อยพร้อมกับส่งกุญแจห้องที่เหลือให้กับเด็กสาวเพียงหนึ่งเดียว “อีกห้องเธอนอนคนเดียว”
ลัลทริมาพยักหน้ารับพร้อมยื่นมือออกไปรับเอากุญแจห้องมา ก่อนจะสะพายกระเป๋าของตนเองแล้วเดินไปยังห้องพัก ปล่อยให้พวกคุณชายยืนแบ่งห้องกันอยู่ว่าใครจะนอนกับใครอย่างไร ร่างบางเดินมาถึงห้องก็ไขกุญแจเข้าไป โยนกระเป๋าลงบนเตียงก่อน แล้วจึงล้มตัวตามลงไป พลางคิดไปเรื่อยเปื่อยถึงการมาทะเลในครั้งนี้กับพวกคุณชาย
...มันจะมีอะไรพิเศษๆ เกิดขึ้นรึเปล่านะ..?
ถึงจะถามตัวเองแบบนั้น แต่อันที่จริงแล้วเธอก็ไม่ค่อยอยากจะคาดหวังอะไรกับพวกคุณชายอย่างพวกนั้นอยู่แล้วล่ะนะ เอาแน่เอานอนได้ที่ไหนกัน บทจะดีก็ดี บทจะร้ายก็ร้าย แต่พักหลังๆ มารู้สึกทุกคนจะนิสัยน่ารักขึ้นเยอะ แต่แน่นอนว่าไม่รวมเรื่องเมื่อคืนที่แกล้งเล่าเรื่องผีหลอกเธอ
ในขณะที่กำลังนอนคิดอะไรเพลินๆ อยู่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ลัลทริมารีบลุกขึ้นไปเปิดให้ก็พบว่าตอนนี้พวกคุณชายทั้งเจ็ดคนยืนรออยู่หน้าห้องของเธอ พวกเขาอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสบายๆ ที่เปิดให้เห็นมัดกล้ามเป็นสัดส่วน และสวมกางเกงขาสามส่วนหลากลวดลายที่บ่งบอกได้ถึงความพร้อมที่จะไปเล่นน้ำ ทำเอาลัลทริมาเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างช่วยไม่ได้...ไม่บ่อยนักหรอกที่เธอจะได้เห็นพวกเขาในสภาพแบบนี้ แม้จะเคยทำงานรับใช้พวกเขามาตลอดก็ตาม แต่ก็มักจะเจอในสภาพชุดนอน ชุดนักเรียน และชุดปกติธรรมดาเท่านั้น ไม่เคยเห็นพวกเขาใส่เสื้อโชว์กล้ามแขนมาก่อนเลยสักครั้ง ซึ่งเธอยอมรับตามตรงเลยว่า...มันค่อนข้างจะดึงดูดสายตาอยู่พอสมควร
...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวๆ ถึงได้ชื่นชอบพวกคุณชายกันมากขนาดนั้น...
“เอ้า ไปเล่นน้ำกัน” อคินว่าพลางฉุดข้อมือของเด็กสาวออกมาจากห้อง
“ไปเล่นตอนนี้เลยเหรอคะ?” คนถูกลากถามอย่างลังเลใจเล็กน้อย เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงเวลาเที่ยงเศษๆ ซึ่งแดดค่อนข้างจะแรงใช้ได้เลยล่ะ แม้มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ แต่กับพวกคุณชายนี่สิ...เขาจะอดทนกับแดดแรงๆ แบบนี้ได้สักแค่ไหนกันเชียว เกิดผิวสวยๆ ไหม้ขึ้นมา...มีหวังได้บ่นไม่หยุดกันแน่ๆ “ไม่รอไปเล่นตอนเย็นเหรอคะ?”
“เล่นตอนนี้แหละ” เชียรว่าพร้อมกับช่วยอคินลากแขนอีกข้างของลัลทริมา พลางอธิบายไปด้วย “เพราะเดี๋ยวตอนเย็นพวกเรากะว่าจะหาซื้ออาหารทะเลมาทำกินกัน”
“อ้อ...” ลัลทริมาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะร้องแหวเมื่อพวกนี้ยังลากเธอไม่หยุด “ปล่อยก่อนคุณชาย ยังไม่ได้เอากุญแจห้องเลย” ร้องบอกพลางสะบัดแขนไปมา
“ผมเอามาแล้วครับ” แคปเปอร์บอกพร้อมชูกุญแจห้องของลัลทริมาให้ดู แหม่...ลักลอบเข้าห้องสาวงามแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกันเนี่ย ?
“งั้นก็ไปกันเลย”
หนุ่มๆ พาลัลทริมาเดินตรงมายังลานจอดรถจักรยานยนต์ เพราะการจะท่องเที่ยวบนเกาะล้านนั้นจำเป็นจะต้องอาศัยจักรยานยนต์ในการขับชม หรือถ้าใครไม่สะดวกก็สามารถนั่งรถสองแถวหรือมอเตอร์ไซด์รับจ้างได้ แต่โดยส่วนมากแล้วนั้นนักท่องเที่ยวมักนิยมเช่ารถจักรยานยนต์ขับเที่ยวกันเองมากกว่า รีสอร์ทหลายแห่งจึงมีบริการห้องพักพร้อมจักรยานยนต์ให้ เช่นเดียวกับรีสอร์ทที่พวกคุณชายเลือกมาพัก เพราะในตอนที่เช็คอินเข้าพัก ทางรีสอร์ทก็ได้มอบกุญแจรถเอาไว้ให้ด้วย 4 คัน ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องซ้อนสองกันไป
คนที่ขับรถจักรยานยนต์ได้เก่งอย่างการิน ภาม เรวิน และอคินเดินไปเลือกรถคันที่มีหมายเลขตรงกับกุญแจที่ได้รับมา ก่อนที่ทั้ง 4 หนุ่มจะสตาร์ทรถแล้วหันไปส่งสายตาให้กับเพื่อนที่ยืนรอกันอยู่เพื่อบอกให้พวกนั้นมาขึ้นรถ แต่ทว่าเรวินก็เอ่ยคำถามขึ้นมาเสียก่อน “คุณลัลครับ ไม่ทราบว่าอยากจะซ้อนท้ายไปกับใครเหรอครับ?”
คำถามของเรวินยิงได้ตรงเป้าเสมอ แม้มันจะดูเรียบเฉยธรรมดาสำหรับลัลทริมา แต่กับเหล่าหนุ่มๆ ที่เหลือนั้นต่างก็อดที่จะลุ้นระทึกอยู่ในใจไม่ได้ โดยเฉพาะสามหนุ่มคนขับที่ได้แต่ภาวนาให้ลัลทริมาเลือกมานั่งกับตนเอง
เด็กสาวลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยตอบออกไป “ไปกับคุณชายภามแล้วกันค่ะ” ซึ่งคำตอบของเธอก็ทำให้พวกที่เหลือกินแห้วไปทันที ยกเว้นก็แต่คุณชายเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลที่ยิ้มหวานให้กับลัลทริมา แล้วกวักมือเรียกให้เธอเดินมาที่รถด้วยท่าทีกวนๆ ร่างบางก็เดินไปหาแล้วกระโดดขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของภาม โดยก่อนที่จะออกรถ เจ้าแกะน้อยก็ไม่ลืมที่จะหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนของตน ซึ่งก็ทำให้พวกคุณชายที่เหลือได้แต่มองเขาอย่างหมั่นไส้
“ทำไมเลือกมากับฉันล่ะ ?” ภามเอ่ยถามขณะที่พวกเขากำลังขับรถไปตามถนนเส้นเล็กบนเกาะ “ปกติเห็นเลือกไปกับเรวินตลอด”
“แปลกเหรอคะ?” ลัลทริมาถามกลับ ซึ่งภามก็พยักหน้าให้ เธอจึงยิ้ม “ก็...จำตอนที่ไปทัศนศึกษาเมื่อปีก่อนได้ไหมคะ?”
ภามนึกถึงเรื่องที่เธอพูด...ทัศนศึกษาเมื่อปีก่อน...ที่เขาและเธอไปนั่งคุยกันอยู่ริมหาดสองคน ตอนนั้นเองที่เขาได้รับรู้ว่าเธอรักทะเลมากขนาดไหน และได้รับรู้เช่นเดียวกันว่าอดีตที่ผ่านมาของเธอมันโหดร้ายไม่น้อย นั่นทำให้เขาอดที่จะสงสารและเห็นใจเธอไม่ได้ เขาจึงได้เริ่มทำดีต่อเธอเรื่อยมา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันกลายเป็นความรักไปได้ คุณชายหน้าอ่อนยิ้มน้อยๆ ให้กับความทรงจำของตนเอง ก่อนจะตอบเธอ “จำได้สิ”
“ก็นั่นแหละค่ะ คุณเป็นคนแรกในกลุ่มที่รู้ว่าฉันรักทะเล และคุณก็เป็นคนที่เข้าใจฉันมากที่สุดด้วย เลยคิดว่าถ้าได้มาทะเลด้วยกันอีกก็อยากจะอยู่กับคุณชายภามมากกว่าคนอื่น (อาจเพราะคนอื่นชอบแกล้งฉันด้วยแหละ)” ลัลทริมาตอบคำถามพร้อมยิ้มกว้างให้ แม้ภามจะมองไม่เห็นมันก็ตามที แต่คำพูดของเธอก็ทำให้เขาอดยิ้มกว้างตามไม่ได้
ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก จักรยานยนต์สามคันที่ขับตามมาก็ได้แต่มองไปยังคันหน้าด้วยความรู้สึกหมั่นไส้เหลือทน
“หมั่นไส้มันว่ะ” เชียรที่ซ้อนท้ายการินเอ่ยขึ้นมา “ถีบให้รถล้มเลยดีไหมเนี่ย”
“เล่นมันเลยไหมล่ะ?” การินเอ่ยถามกลับ
“เอาสิ หมั่นไส้มานานละ ดูมันทำเข้าสิ น่าขับรถตัดหน้าจริงๆ” อคินที่ขับขนาบข้างเอ่ยออกมา สายตามองตรงไปยังรถมอเตอร์ไซด์ของภามที่ขับอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา ที่ซึ่งทั้งภามและลัลทริมากำลังขับรถไปพร้อมหัวเราะให้กันอย่างสนุกสนาน
“ใจเย็นกันหน่อยสิพวกนาย ขืนทำแบบนั้นมีหวังคุณลัลได้เจ็บตัวไปด้วยแน่” แคปเปอร์ที่ซ้อนท้ายอคินอยู่ก็ได้แต่เอ่ยเตือนเพื่อนๆ ให้สงบใจกันลงบ้าง ถึงแม้ตัวเขาเองก็อยากจะจัดการกับความน่าหมั่นไส้ของภามก็เถอะ แต่ถ้าทำแบบที่เจ้าสามหนุ่มเลือดร้อนมันพูดกัน มีหวังลัลทริมาคงได้รับอันตรายด้วยแน่ๆ “ไปถึงทะเลค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน”
ทั้งหมดใช้เวลาขับรถครู่เดียวก็มาถึงหาดนวล หาดอันเงียบสงบของเกาะล้าน ซึ่งคนที่ตื่นเต้นกว่าใครเพื่อนก็คือลัลทริมา เพราะการมาเที่ยวชายหาดบนเกาะเช่นนี้มันทำให้เธอนึกถึงเกาะที่เธอเคยอยู่อาศัยมาสิบกว่าปี โดยร่างบางไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่ชายหาดทันทีที่ภามจอดรถได้ ทำให้เหล่าคุณชายได้แต่ส่ายหน้าให้กับความรักทะเลเกินเหตุของเธอ เจอทะเลปุ๊บก็ไม่สนใจพวกเขาเลยทันที
“คุณชาย เล่นน้ำกัน” ลัลทริมาที่เปียกไปแล้วครึ่งแข้งหันมาโบกมือเรียกหนุ่มๆ ให้ลงไปเล่นน้ำกับเธอ
“เล่นไปก่อนเลย เดี๋ยวพวกฉันตามลงไป” ชินะตะโกนกลับไป ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง “ถึงเวลาที่จะต้องคุยกันอย่างจริงจังสักทีแล้วล่ะ” นัยน์ตาสีอเมทิสต์มองตรงไปยังเรวินเพื่อให้ร่างสูงเจ้าของรอยยิ้มอารมณ์ดีได้พูดต่อ
“ก็...อย่างที่ตกลงกันเอาไว้เมื่อคืนนะครับ การมาเที่ยวทะเลครั้งนี้จะไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ คราวก่อนหน้านี้เราแบ่งเวลาเพื่อแข่งขันกันจีบคุณลัล แต่ตอนนี้จะไม่มีกำหนดเวลา ไมมีคิวของใครทั้งนั้น และมันไม่ใช่เกม...แต่มันคือโอกาส มันคือการต่อสู้ที่แท้จริง แน่นอนว่าพวกคุณสามารถขัดขวางกันได้ (แต่ผมก็ไม่อยากให้ขัดคอกันเองนะครับ แม้มันจะน่าสนุกก็ตาม) และท้ายที่สุดแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณลัล ไม่ว่าเธอจะเลือกใครก็ตาม พวกเราจะต้องเคารพในการตัดสินใจของเธอ และพวกเราทั้งเจ็ดคนจะยังคงเป็นเพื่อนกันเสมอ” เรวินเอ่ยคำพูดของเขาออกมาด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน เพื่อเป็นการบอกให้พวกคุณชายเพื่อนรักทุกคนได้รับรู้ว่าคำพูดที่เขาเอ่ยนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ทุกคนมองหน้ากัน จริงอยู่ว่าที่ผ่านมาพวกเขาเป็นเพื่อนรักที่ดีต่อกันเสมอมา แต่ก็ยอมรับว่ามีทะเลาะกันเองบ่อยครั้งตามประสาของคนนิสัยต่างกันที่มารวมตัวอยู่ด้วยกัน (รวมกับความเอาแต่ใจไม่ยอมแพ้ของทุกคนด้วย) โดยเฉพาะเมื่อความรู้สึกที่พวกเขามีต่อลัลทริมามันเริ่มชัดเจน พวกเขาก็ยิ่งมีเรื่องให้ขัดแย้งกันเองบ่อย แต่สุดท้ายแล้วมิตรภาพของคำว่าเพื่อนก็ไม่เคยหายไปไหน แม้จะบอกว่าคราวนี้เป็นการต่อสู้เรื่องความรักที่แท้จริง และถ้าหากใครคนหนึ่งเป็นคนที่ถูกลัลทริมาเลือก แม้คนที่เหลืออาจจะต้องเจ็บใจหรือเสียใจมากเพียงใดก็ตาม แต่ก็อย่างที่เรวินได้ว่าเอาไว้....พวกเขาจะยังคงเป็นเพื่อนกันเสมอ
“ถ้างั้นก็....โชคดีกันนะครับ” เรวินกล่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารื่นเริง
ถึงจะตกลงกันเอาไว้แบบนั้นก็จริง...แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ซึ่งเวลาล่วงเลยมากว่าสองชั่วโมงแล้ว กลับยังไม่มีใครเริ่มเปิดเกมรุกเลยสักคน ซึ่งถือว่า...น่าเบื่อมาก
“เบื่อว่ะ หาเกมเล่นกันเถอะ” อคินเอ่ยขึ้นมา หลังจากที่เล่นน้ำไปจนตัวแทบจะเปื่อย แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนุกหรือน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเลยสักเหตุการณ์เดียว ขาแกล้งอย่างเขาจึงรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก
“ว่ายน้ำแข่งกันเหมือนคราวนั้นไหมล่ะคะ?” ลัลทริมาเสนอความคิดเห็นขึ้นมา แต่พวกคุณชายกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกันแทบจะทันที
“ไม่เอาอ่ะ ถ้าแข่งว่ายน้ำ ยังไงเธอก็ชนะอยู่ดีนั่นแหละ”
“แล้วจะเล่นอะไรล่ะคะ? ฉันเองก็คิดเกมสนุกๆ ไม่ออกด้วย” ร่างบางว่าด้วยสีหน้าลำบากใจ ลำพังแค่เธอเพียงคนเดียวคงไม่อะไรมาก แต่การที่จะให้พวกคุณชายมาเล่นน้ำทะเลเฉยๆ แบบนี้ มันคงจะทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อ ซึ่งเธอก็รู้สึกไม่ดีนักหรอกหากจะต้องเป็นแบบนั้น เพราะเธออยากจะให้พวกเขารู้สึกสนุกไปด้วยกันมากกว่า
“ทำหน้าอะไรแบบนั้น ?” การินเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าที่สลดลงเล็กน้อยของลัลทริมา
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงเบา “ก็กลัวพวกคุณจะไม่สนุกกันอ่ะ”
“หืม..?” พวกคุณชายทุกคนส่งเสียงในลำคออย่างแปลกใจ ไม่นึกว่าเธอจะเป็นห่วงความรู้สึกของพวกเขาแบบนี้ ดังนั้นแล้วหนุ่มๆ ทั้งเจ็ดจึงหันมามองหน้ากันคล้ายกับจะเอ่ยถามกันด้วยสายตาว่าควรจะทำอย่างไรดี ? แล้วคุณชายเจ้าของเรือนผมสีดำแซมเงินก็เหมือนจะคิดอะไรออกแล้ว เขาสาวเท้าเข้าไปหาลัลทริมาท่ามกลางความประหลาดใจของเพื่อนๆ คนอื่นไม่เว้นแม้แต่ลัลทริมาที่ตีสีหน้างุนงง
“อยากให้พวกฉันสนุกเหรอ?” อคินเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา เมื่อเห็นว่าลัลทริมาพยักหน้ายอมรับ เขาก็ไม่รอช้า...แขนแกร่งเอื้อมไปโอบลัลทริมาเอาไว้ ก่อนจะรวบตัวเธอขึ้นมาอุ้มเอาไว้แนบอกของตน
“เฮ้ย!! ทำอะไรของคุณเนี่ยคุณชายอคิน” ลัลทริมาโวยลั่นด้วยความตกใจที่โดนจู่โจมกะทันหัน เช่นกันกับคุณชายคนอื่นๆ ที่ต่างก็หน้าเหวอกันเพราะไม่คิดว่าอคินจะทำเช่นนี้
“ก็เล่นอะไรสนุกๆไง” อคินว่าพร้อมก้าวพรวดๆ ลงทะเลทั้งที่กำลังอุ้มลัลทริมาอยู่ ส่วนฝ่ายคนโดนอุ้มเองก็ร้องโวยวายพร้อมดิ้นไปมาเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากสภาพนี้ เนื่องจากตอนนี้ลัลทริมารู้แน่ชัดแล้วว่าตนเองจะต้องเผชิญกับสิ่งใด แต่ดูท่าว่าเธอจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะเมื่ออคินเดินลงมาจนน้ำถึงช่วงสะโพก เขาก็เหวี่ยงร่างของลัลทริมาลงน้ำทันที
“กรี๊ดดดด......” เด็กสาวผู้ถูกกระทำกรีดร้องด้วยความตกใจ ก่อนที่เสียงร้องของเธอจะหายไปและถูกแทนที่ด้วยเสียงกระจายของน้ำแทน แต่เพียงแค่ครู่เดียว คนถูกแกล้งก็โผล่พ้นขึ้นมาจากใต้น้ำพร้อมเสียงไอค่อกแค่กที่บอกให้รู้ว่าเธอได้สำลักน้ำเข้าไปด้วย
“เล่นบ้าอะไรของแกเนี่ย” ชินะที่วิ่งตามมาช่วยไม่ทันเอ่ยบ่นใส่อคินทันที ก่อนจะเข้าไปหาลัลทริมาที่กำลังพยายามปัดผมเผ้าเปียกน้ำออกจากใบหน้าของตนอยู่ “มานี่...เดี๋ยวฉันช่วย”
น้ำเสียงอ่อนโยนของอีกคนทำให้ลัลทริมาหยุดการกระทำทุกอย่างของตนเอง พอดีกับที่มืออุ่นวางทาบลงบนแก้มของเธอ ก่อนจะค่อยๆ เกลี่ยหยาดน้ำและเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าของเธอออกอย่างนุ่มนวล พร้อมกับติดกิ๊บติดผมให้กับเธอใหม่ ร่างบางจึงเงยหน้าขึ้นมาและเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ ฝ่ายชินะเองก็ทำเพียงยิ้มรับคำขอบคุณของเธอ ซึ่งก็ทำให้ทั้งสองเผลอสบตากันเข้า...และมันก็ทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที นั่นเป็นเพราะเธอชอบดวงตาคู่สวยของคนตรงหน้าอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อได้มาสบตากันตรงๆ แบบนี้ มันก็ทำให้เธออดที่จะเขินอายไม่ได้
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมดังขึ้นอยู่ไม่ไกลมากนัก เมื่อมองไปก็เห็นว่าอคินยืนกอดอกจ้องทั้งสองด้วยสีหน้าไม่พอใจ จึงทำให้ลัลทริมาและชินะผละออกจากกัน แล้วร่างบางจึงหันมาจ้องหน้าอคินอย่างเอาเรื่อง
“ทำไมเล่นแบบนี้ล่ะ?”
“ขอโทษที ก็เห็นว่าเธออยากให้พวกฉันสนุก ก็เลยเผลอเล่นอะไรที่รุนแรงเกินไปหน่อยล่ะมั้ง” อคินว่าด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด(จริงหรือ?) ซึ่งมันก็ทำให้ลัลทริมาโกรธเขาไม่ลงขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอจึงได้แต่ตัดบทแล้วก็บอกว่าไม่เป็นไร ก่อนจะเดินขึ้นมาบนชายหาด
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?” แคปเปอร์เดินเข้ามาเอ่ยถามเธออย่างเป็นห่วง พร้อมกับยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้กับเธอ เพื่อให้เธอเช็ดหน้าเช็ดตาและผมของเธอให้ดี
“ไม่เป็นไรค่ะ” ลัลทริมากล่าวขอบคุณ พร้อมทั้งรับเอาผ้าขนหนูมาไว้ในมือตน “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
“ไม่ห่วงได้ไงล่ะครับ แต่ละคน...ใช่ย่อยซะที่ไหน” แคปเปอร์ว่า ก่อนที่ทั้งสองจะมองหน้ากันและหัวเราะออกมาพร้อมกัน “เอ้อ...ผมว่าคุณลัลไปนั่งพักก่อนก็ได้นะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้เอง ฉันยังไหว” เธอตอบ แต่กลับมีมือหนาของใครบางคนฉุดแขนเธอไว้ ในขณะที่กำลังจะหันไปมอง เขาก็ออกแรงลากเธอไปนั่งอยู่ที่ใต้ร่มผ้าใบเสียแล้ว “อะไรกันคะคุณชายภาม ?”
“นั่งพักก่อนเถอะ” ภามว่าและยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้เธอดื่ม ซึ่งลัลทริมาก็รับมาอย่างว่าง่าย ที่จริงก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เธอรู้สึกเหมือนกับว่าพวกนี้ดูจะเอาอกเอาใจเธอกันเหลือเกิน...ยกเว้นสิ่งที่อคินทำเมื่อกี้นะ
ร่างสูงที่ส่งน้ำให้เธอเมื่อครู่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เธอ ก่อนมือขาวเนียนคู่นั้นจะเอื้อมมาคว้าเส้นผมของเธอ...และถือวิสาสะแกะเอายาดรัดผมของเธอออก ทำให้ผมสีน้ำตาลยาวที่มัดรวบไว้เมื่อก่อนหน้านี้แผ่กระจายตกลงมา แต่เพราะผมของเธอเปียก มันจึงลู่ลง...ไม่ได้พลิ้วสยายตามแรงลมทะเล “เอาผ้ามาสิ”
ภามกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซึ่งลัลทริมาก็ส่งผ้าขนหนูผืนเล็กที่เธอได้รับมาจากแคปเปอร์ก่อนหน้านี้ไปให้กับคุณชายเจ้าของเรือนผมสีคาราเมล ภามรับเอาผ้าไปไว้ในมือตน...ก่อนจะลงมือเช็ดผมให้กับลัลทริมาอย่างนุ่มนวล โดยที่เจ้าหล่อนเองก็ยอมอยู่นิ่งๆ อย่างว่าง่าย จะเดือดร้อนก็แต่คุณชายคนอื่นๆ ที่มองมาด้วยแววตาไม่ชอบใจ แต่คุณชายภามก็หาได้สนใจไม่ เขาลอยหน้าลอยตาเช็ดผมให้ลัลทริมาจนมันเริ่มหมาด แล้วจึงละมือออก
“ขอบคุณค่ะ” ลัลทริมาหันกลับมายิ้มให้ภาม ทว่าก่อนที่ทั้งสองจะทันได้ต่อบทสนทนากันไปมากกว่านั้น เสียงของอคินก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“หิวแล้วอ่ะ ไปกินข้าวกันเหอะ” เจ้าของเรือนผมสีดำแซมด้วยปอยผมเงินตะโกนบอกเพื่อนๆ พร้อมกับเสียงท้องร้องประท้วงขออาหารประกอบขึ้นมาเพื่อบอกให้รู้ว่าตอนนี้เขาหิวจริงๆ
“เออๆ” ทุกคนตอบตกลง
เจ็ดหนุ่มและลัลทริมาขับรถกลับไปยังส่วนท่าเรือของเกาะ ซึ่งมีร้านอาหารเปิดให้บริการอยู่มากมายหลายร้าน ทั้งแปดนั่งประทานอาหารกันอยู่พักใหญ่ๆ จึงออกเดินทางไปยังหาดอื่นบ้าง ซึ่งก็เป็นหาดที่เงียบสงบพอสมควรไม่ต่างจากหาดแรกเลยสักนิด นั่นเพราะพวกคุณชายอยากจะได้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนริมหาดนั่นเอง และอาจเพราะพวกเขากลัวว่าความหล่อฉกาจบาดใจสาวของพวกเขามันจะทำให้นักท่องเที่ยวสาวๆ ทั้งหลายมาหลงใหลจนเป็นเหตุให้พวกเขาไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับลัลทริมาอย่างจริงจังได้
เรือนผมสีน้ำตาลยาวที่ตอนนี้แห้งดีแล้วพลิ้วสะบัดไหวตามแรงลม มือบางควานหายางรัดผมในกระเป๋ากางเกง แต่ก็ไม่พบ เธอจึงเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าภามกำลังกวักมือเรียกให้เธอเดินเข้าไปหา ลัลทริมาจึงนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนที่จะไปกินข้าวกัน ภามแกะยางรัดผมของเธอออกเพื่อเช็ดผมให้เธอ และเขาคงจะสังเกตเห็นท่าทางของเธอเมื่อครู่ จึงได้เรียกให้เธอไปหา...เพราะเขาน่าจะยังเก็บยางรัดผมของเธอเอาไว้อยู่
ลัลทริมาเดินเข้าไปหาภาม พร้อมกับยื่นมือออกไปขอยางรัดผมคืน แต่ภามกลับทำเพียงยิ้มน้อยๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า “หันหลังสิ เดี๋ยวฉันถักเปียให้ ผมเธอจะไม่ได้ไม่พันกันเวลาเล่นน้ำไง”
“ได้ค่ะ” แม้จะลังเลเล็กน้อยที่จะให้เขาถักเปียให้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอชอบเวลาที่มืออบอุ่นของเขาสัมผัสกับเส้นผมของเธอ มันให้ความรู้สึกนุ่มนวล ทะนุถนอมอย่างบอกไม่ถูก ร่างบางหันหลังให้ภาม ซึ่งเขาก็ยกมือขึ้นมาสางผมเธอต่างหวี ก่อนจะลงมือถักเปียให้
ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก หนุ่มๆ ที่เหลือยืนปรึกษากันถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
“ถามจริงนะ ไม่มีใครคิดจะเข้าไปขัดขวางหน่อยเหรอ? ฉันว่าตอนนี้ไอ้แกะมันได้คะแนนการดูแลเอาใจใส่นำพวกเราไปไกลแล้วนะ” เชียร เด็กหนุ่มผู้นำในการเรียกเพื่อนๆ มาร่วมสนทนาเอ่ยเปิดประเด็น ขณะที่มองไปทางภามกับลัลทริมาด้วยแววตาไม่ค่อยชอบใจนัก “แล้วดูยัยนั่นสิ ทำหน้าสบายใจอะไรแบบนั้น”
“ตามความเห็นของผมนะครับ เห็นพวกเขาสวีทหวานกันแบบนั้น ผมขัดขวางไม่ลงจริงๆ ครับ” เรวินเอ่ยตอบคำถามทันทีที่เชียรพูดจบ “แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้นะครับว่าทำไมพวกคุณถึงนิ่งเฉยแบบนี้ ทั้งที่ปกติแล้วน่าจะโวยวายหรือหาเรื่องเข้าไปขัดแล้วแท้ๆ หรือว่าคิดจะถอดใจยอมแพ้คุณชายภามกันแล้วล่ะครับ ?”
“พูดบ้าๆ ใครจะยอมแพ้ไอ้แกะกัน” อคินว่า “แต่ที่ยังไม่ทำอะไร เพราะไม่รู้จะเข้าไปขัดยังไงต่างหาก ก็ดูยัยนั่นซะสิ ยิ้มแย้มอยู่นั่นแหละ” คำพูดของอคินตรงใจกับคนอื่นๆ เพราะพวกเขาเห็นว่าลัลทริมาอมยิ้มอย่างมีความสุขดี พวกเขาเลยไม่(กล้า)เข้าไปขัดขวาง...เพราะพวกเขาต่างก็ไม่อยากจะทำลายรอยยิ้มนั้นของเธอ แต่ก็แค่ในกรณีที่ภามทำแค่นี้นะ ถ้าทำมากกว่านี้...พวกเขาก็พร้อมที่จะวิ่งเข้าไปกระโดดถีบเพื่อนหนุ่มผมสีคาราเมลให้ถอยห่างออกไปจากลัลทริมาได้ทุกเวลาเช่นกัน (เพราะหมอนั่นเองเป็นคนแผนสูงใช้ได้ อาจจะแกล้งทำดีเพราะมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง)
“ขอบคุณนะคะ” เสียงของลัลทริมาดังขึ้น ปลุกภวังค์ของพวกที่กำลังยืนสุมหัวกันอยู่ พวกคุณชายทั้งหลายหันไปมองก็เห็นว่าลัลทริมากำลังเดินเข้ามาใกล้พวกเขา “เล่นน้ำกันไหมคะ?”
แคปเปอร์หันไปยิ้มหวานให้เธอ “พอดีเมื่อกี้พวกผมปรึกษากันว่าน่าจะหาอะไรเล่นบนชายหาดก่อน เพราะตอนนี้ตัวของพวกเราแห้งกันหมดแล้ว ซึ่งก็ได้ความเห็นมาว่าจะเล่นขี่ม้าส่งเมืองกันครับ”
“ขี่ม้าส่งเมือง??” ไม่เพียงแค่ลัลทริมาที่สงสัย แต่เพื่อนๆ คนอื่นก็สงสัยเช่นกัน เพราะสิ่งที่วกเขาพูดคุยกันเมื่อครู่มันไม่ใช่เรื่องนั้นเสียหน่อย
“ครับ” แคปเปอร์ยังคงยิ้มกว้าง “เดี๋ยวพวกเราจะแบ่งทีมกันเป็นคู่ แล้วแต่ละคู่จะได้รับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กกันไปคนละผืน โดยคนที่ขี่ม้าจะต้องโพกผ้าไว้บนหัว และต้องแย่งผ้าของคนอื่นมาให้ได้ ใครที่แย่งผ้าของทีมอื่นมาได้มากที่สุดก็เป็นฝ่ายชนะไปครับ” อธิบายอย่างกระชับ ก่อนจะดึงทุกคนให้มายืนรวมกันเป็นวงกลม แล้วให้เพื่อนๆ เป่ายิ้งฉุบเพื่อจับคู่ ซึ่งเพื่อนแต่ละคนก็ยอมเล่นทั้งๆ ที่คิดว่ามันน่าเบื่อ แต่...ก็นั่นแหละ ใครๆ ก็อยากคู่กับลัลทริมากันทั้งนั้น ถ้าไม่เล่น...ก็เท่ากับว่ายอมสละสิทธิ์ให้เพื่อนสิ
ผลการเป่ายิ้งฉุบออกมาเป็นเอกฉันท์ภายในครั้งเดียว เพราะทุกคนจับคู่ได้อย่างลงตัวหมด โดยได้คู่ ดังนี้ อคิน – เชียร ภาม – เรวิน แคปเปอร์ – ชินะ และการิน – ลัลทริมา เมื่อลงตัวเรียบร้อย แคปเปอร์ก็แจกผ้าหนึ่งผืนให้กับแต่ละคู่ด้วยใบหน้าที่แสดงอออกถึงความเสียดายนิดๆ อุตส่าห์คิดเกมนี้ขึ้นมาเพราะคาดหวังว่าตนเองจะได้คู่กับลัลทริมา แต่กลับได้มาคู่กับชินะแทนเสียอย่างนั้น “นี่ครับของคู่คุณลัล”
“ขอบคุณค่ะ” ลัลทริมารับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาไว้ในมือ ก่อนจะหันมองใบหน้านิ่งๆ ของการินที่จ้องเธอตอบ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้ ถ้าคู่กับคนอื่น...เธออาจจะไม่รู้สึกเกร็งเช่นนี้ก็ได้ “นี่ผ้าค่ะ”
“เธอเก็บมันไว้สิ”
“เอ๊ะ?” ลัลทริมาจ้องหน้าการินด้วยความไม่เข้าใจ “หมายความว่าคุณจะเป็นม้าอย่างนั้นเหรอคะ?”
“หรือเธอจะแบกฉันล่ะยัยโง่ ?” การินถามกลับด้วยน้ำเสียงหน่ายกับความซื่อของเธอ ถามมาได้ว่าเขาจะเป็นม้าเหรอ? ถึงเขาจะไม่อยากแบกใคร แต่ก็คงไม่เอาตัวเองไปให้ผู้หญิงแบกเช่นกัน ฝ่ายลัลทริมาพอเจอสวนแบบนั้นก็ได้แต่พูดไม่ออก เพราะมันก็จริงของเขา เธอจะไปแบกเขาไหวได้อย่างไรกัน เช่นนั้นแล้วเธอจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะหันหน้าหนีแล้วด้วยความเก้อเขิน แล้วลงมือโพกผ้าไว้บนศีรษะตนเอง
จากนั้นแต่ละทีมจึงจัดแจงท่าทางเตรียมพร้อมในการเล่นเกมขี่ม้าส่งเมือง ทางลัลทริมาเองก็กระโดดขึ้นขี่หลังการินเรียบร้อยแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยบางอย่างกับเขา...บางอย่างที่เธอนึกถึง “ได้ขี่หลังคุณอีกแล้ว...นึกถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นเลยเนอะ”
“อืม...เธอหนักขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย” การินตอบกลับ อันที่จริงมันก็ไม่ได้หนักอะไรหรอก แต่เขาก็ไม่รู้จะตอบเธออย่างไรเช่นกัน เพราะพอเธอพูดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา...เขาก็อดที่จะคิดถึงมันไม่ได้ เรื่องที่เขาไล่เธอออกจากบ้าน แล้วก็เป็นคนไปตามเธอ โดยที่ตอนนั้น...เขายอมให้เธอขี่หลังเขากลับมา
“ไม่น่าพูดเลย” การินได้ยินเสียงลัลทริมาบ่นอุบอิบ เขาจึงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินไปเผชิญหน้ากับอีกสามทีมที่เดินมารอกันแล้ว และเมื่อเห็นเพื่อนๆ การินก็ยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย ต่างกับลัลทริมาที่แอบหัวเราะน้อยๆ เพราะเธอไม่เคยเห็นภาพผู้ชายตัวใหญ่ๆ แบบนี้แบกกันเอง คนเป็นม้าคงจะหนักน่าดู
“งั้นเริ่มเกมได้ครับ” สิ้นเสียงแคปเปอร์ที่เป็นม้าให้กับชินะ ม้าของทั้งสี่ทีมต่างก็วิ่งเข้าไปใกล้กันเพื่อที่จะให้คนที่พวกตนแบกอยู่แย่งเอาผ้ามาจากอีกฝ่ายให้ได้ อคินแบกเชียรมาใกล้กับทีมของการิน ลัลทริมาซึ่งเป็นผู้มีหญิงที่มีลักษณะความว่องไวคล้ายลิงก็ไวพอที่จะคว้าผ้าจากเชียร ทว่าเชียรกลับหลบได้ มือของเธอจึงพลาดไปกระชากเอาเรือนผมสีแดงที่ถูกมัดรวบเป็นหางม้าเอาไว้แทน
“โอ๊ย” เชียรร้องออกมาด้วยความเจ็บ พาให้ทั้งการินและอคินตกใจไปด้วยจึงต้องหยุดนิ่ง และเห็นว่านัยน์ตาสีเพลิงเช่นเดียวกับเรือนผมของเชียรจ้องมองลัลทริมาเขม็ง “เล่นโกงงั้นเหรอ? อยากจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม? ได้ ฉันจัดให้” ว่าแล้วเชียรก็คิดจะแกล้งลัลทริมากลับ แต่การินก็พยายามจะพาร่างเล็กบนหลังของเขาหลบหลีกจากเจ้าคู่หูอาฆาตแรงนั่น
การเล่นเกมเป็นไปด้วยความตื่นเต้นสนุกสนาน แม้ลัลทริมาจะโดนคนอื่นๆ แกล้งดึงผมบ้างก็ตามที แต่ทุกคนก็ยิ้มและหัวเราะไปกับมัน ซึ่งคนคิดเกมอย่างแคปเปอร์ก็อดที่จะภูมิใจไม่ได้ เขายิ้มปลื้มปริ่มใจ จึงพลาดให้เรวินที่แบกภามเข้ามาใกล้ และคว้าผ้าไปจากชินะได้ แต่เพียงไม่นานอคิน หนุ่มผู้ทรงพลังก็ออกฤทธิ์พาเชียรคว้าผ้ามาจากทุกทีมได้สำเร็จ ยังผลให้ทีมอคิน – เชียรเป็นฝ่ายชนะในเกมนี้ไป
เกมจบลง ทุกคนต่างก็เหงื่อท่วมตัวเพราะเล่นเกมที่ต้องใช้แรงกาย อีกทั้งยังเล่นกันท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุเช่นนี้ด้วยแล้ว จึงคิดจะชำระเหงื่อไคลด้วยการวิ่งลงทะเล แล้วก็แน่นอนว่าต่างคนต่างก็วิ่งลงทะเลกันอย่างเต็มใจไม่ต้องให้ใครอื่นมาลากเลย ทั้งแปดเล่นน้ำกันต่ออีกราวชั่วโมง จากนั้นจึงชวน
กันกลับเพราะเห็นว่าตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นพอสมควรแล้ว พวกเขาจึงขึ้นจากน้ำมาเก็บของและชวนกันไปตลาดเพื่อซื้ออาหารทะเลไปทำกินที่รีสอร์ท
รถจักรยานยนต์ทั้งสี่คันขับเข้ามาจอดยังลานจอดรถของตลาด ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปเลือกซื้ออาหารทะเลสดๆ และแน่นอนว่าพวกคุณชายเลือกซื้อของไม่เป็น ภาระจึงตกมาอยู่ที่ลัลทริมา เด็กสาวผู้เติบโตมากับท้องทะเล เธอเดินจับจ่ายซื้อของได้มากมาย ทั้งกุ้ง หมึก หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ รวมทั้งอาหารคาวอย่างอื่นจำพวกข้าวผัดปู ต้มยำทะเล เป็นต้น แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่ค่อยจะชอบใจนักก็คือ...ของทั้งหมดที่ซื้อมา เธอเป็นคนถืออยู่คนเดียว ซึ่งตอนที่ขอร้องให้พวกคุณชายช่วยถือ พวกเขากลับส่ายหน้าปฏิเสธและให้เหตุผลว่ามันคาว พวกเขาไม่อยากถือ นั่นทำให้เธอได้กัดฟันด้วยความหงุดหงิด ...นี่เธอไม่ได้เป็นคนรับใช้ของพวกเขาแล้วนะ(แม้พวกเขาจะทึกทักว่าเธอยังเป็นก็ตาม) ทำไมยังใช้งานเธอหนักอย่างนี้ได้อีก
เมื่อกลับมาถึงรีสอร์ท ชินะเดินไปติดต่อเพื่อขอเตาย่าง จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาด แล้วออกมาพบกันที่บริเวณลานนั่งเล่นใกล้บ้านพักของพวกเขา ซึ่งมีพนักงานนำเตาย่างมาวางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ อย่างมีด เขียง กะละมังเล็กๆ และพวกจานชาม แน่นอนว่างานหนักตกอยู่ที่ลัลทริมาอีก เพราะเธอต้องล้างพวกอาหารทะเลสดๆ นั่นให้สะอาด แล้วต้องเป็นคนจุดเตา และย่างอาหารทะเลสดๆ ให้พวกคุณชายได้รับประทานกัน
ท่ามกลางบรรยากาศยามพลบค่ำ อาหารจำนวนมากถูกวางเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะ พวกคุณชายรับประทานพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ห่างออกมาเล็กน้อย ลัลทริมากำลังยืนหน้าบึ้งใช้ไม้คีบพลิกร่างหมึกตัวโต เธอยืนประจำหน้าเตามานานจนรู้สึกร้อน ราวกับเธอเป็นหมึกตัวที่โดนย่างเสียเอง อีกทั้งควันก็ยังลอยเข้าปะทะกับเธอ เด็กสาวไม่เข้าใจเลยว่าเธอจะอาบน้ำมาเพื่ออะไร เพราะท่าทางเธอจะได้อาบใหม่แน่นอน
“ผมช่วยนะครับ” เรวินเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำ เขายื่นมันให้กับเธอ และลัลทริมาก็รับมาดื่มด้วยความกระหาย เนื่องจากการต้องทำหน้าที่อยู่หน้าเตาไฟที่ร้อนระอุแบบนี้ มันทำให้เธอเสียพลังงานไปมากกว่าที่คิด ทางเรวินเองก็หันไปหยิบที่คีบอีกอันหนึ่งขึ้นมา และช่วยเธอพลิกกุ้งกว่าสิบตัว พร้อมมองหน้าเธอด้วยรอยยิ้ม “คุณลัลไม่ร้อนเหรอครับ ?”
“ถามอะไรแปลกๆ ก็ต้องร้อนอยู่แล้วสิคะ” ลัลทริมาตอบกลับ ทำให้เรวินหัวเราะ เขาคีบกุ้งตัวที่สุกแล้วออกจากเตา ก่อนจะคีบตัวใหม่เข้ามาใส่ไว้แทน สักครู่เดียวแคปเปอร์ก็เดินเข้ามาช่วยอีกแรง โดยลัลทริมาส่งหมึกย่างสุกที่ส่งกลิ่นหอมให้เขา และแคปเปอร์ก็รับไปหั่น ทั้งสามพูดคุยกันด้วยเรื่องตลกเพราะแคปเปอร์และเรวินเป็นคนเฮฮาอยู่แล้ว พร้อมทั้งช่วยกันย่างอาหารเหล่านั้น ใช้เวลาอยู่พอสมควรอาหารสดที่ซื้อมาก็ถูกย่างจนสุกทั้งหมด
ลัลทริมา แคปเปอร์ และเรวินเดินถือจานใส่กุ้ง หมึก และหอยเชลล์ชุดสุดท้ายที่ย่างเสร็จเข้ามา ก่อนจะนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อน แล้วทั้งหมดก็รับประทานกันต่อด้วยความเอร็ดอร่อย พร้อมทั้งวางแผนกันไว้ว่าหากทานอาหารเสร็จแล้วจะไปนั่งเล่นกันที่ริมชายหาดแห่งหนึ่ง เพราะตอนกลางคืนบรรยากาศดี แถมไม่มีใครมารบกวนด้วยแน่นอน
กว่าจะรับประทานอาหารและทำความสะอาดโต๊ะเสร็จก็ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว แต่ทั้งแปดคนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากนัก พวกเขาค่อยๆ เดินมายังสถานที่ให้บริการนักท่องเที่ยวของรีสอร์ท อคินเดินเข้าไปพูดคุยกับพนักงานเล็กน้อย แล้วพนักงานก็เดินลับหายไป แต่เพียงไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกีต้าร์โปร่งตัวหนึ่ง ซึ่งอคินก็รับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้ลัลทริมาที่เห็นแบบนั้นอดที่เอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้
“คุณชายอคินเล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอคะ?”
“เล่นไม่เป็นแล้วจะขอมาทำไมล่ะ บ้ารึเปล่า” อคินหันมองเธอด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ต้องมาถามด้วยเหรอ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาขอกีต้าร์มาเพื่อเล่น ถ้าเล่นไม่เป็นแล้วจะขอมาแบกไว้เพื่ออะไรกัน ทางลัลทริมาก็ได้แต่หันหน้าหนีด้วยไม่รู้จะพูดอะไร เธอผิดเองแหละที่ถามไม่คิดแบบนั้น
รถจักรยานยนต์ทั้งสี่คันแล่นผ่านเส้นทางสายเล็กๆ ท่ามกลางความมืดมิด อันที่จริงลัลทริมาคิดว่ามันค่อนข้างอันตรายไม่น้อยเลยสำหรับการขับรถไปยังชายหาดตอนกลางคืนแบบนี้ เพราะนอกจากจะเปลี่ยวแล้ว ถนนหนทางยังมืดเนื่องจากไม่มีไฟข้างถนน อีกทั้งเส้นทางยังเป็นภูเขา จึงมีทางเลี้ยวโค้งและความชันไม่น้อย หากไม่คุ้นชินกับเส้นทางหรือขับอย่างไม่ระมัดระวังแล้ว อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ มือบางกำถุงขนมที่แวะซื้อจากร้านสะดวกซื้อก่อนมาไว้แน่น ภาวนาให้ไปถึงหาดเร็วๆ เพราะเธอเริ่มกลัวอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นภามขับรถผ่านศาลเพียงตาและต้นไม้ที่ผูกผ้าสามสีเอาไว้ ลัลทริมาก็ยิ่งไม่กล้าสอดส่ายสายตาไปมากนัก
เมื่อขับรถลงจากเนินเขามาแล้วก็พบกับชายหาด พวกคุณชายขับรถมาจอดใกล้ๆ บริเวณชายหาด แล้วลงเดินเท้าไปยังหาดทรายที่มีเก้าอี้ผ้าใบตั้งเรียงรายไว้จำนวนมาก ลัลทริมาเห็นว่าตอนนี้พวกคุณชายกำลังจัดแจงเก้าอี้เหล่านั้นให้หันเข้าหากันเป็นวง จากนั้นแต่ละคนก็จับจองเก้าอี้ของตัวเองพร้อมเรียกให้เด็กสาวไปนั่งด้วยกัน ร่างบางเดินเข้าไปพร้อมวางถุงขนมลงใกล้ๆ บริเวณเก้าอี้ที่เธอนั่ง
สายตาของลัลทริมามองออกไปยังท้องทะเลสีดำสนิท ทุกอย่างในบริเวณรอบๆ นี้ดูเงียบสงบไปหมด หากว่าไม่มีคลื่นคอยสาดกระทบฝั่งแล้ว มันก็คงจะเงียบจนน่ากลัวเลยทีเดียว แล้วสายตาของเธอก็ต้องหันกลับมาให้ความสนใจกับอคินที่ตอนนี้เริ่มดีดกีต้าร์เป็นจังหวะเพลง แล้วพวกคุณชายคนอื่นๆ ก็ช่วยกันร้องเพลงขึ้นมา ทำให้บรรยากาศเงียบเหงาของทะเลยามค่ำคืนกลายเป็นสนุกครึกครื้นไปแทน ลัลทริมาไล่สายตามองคุณชายแต่ละคนพลางอมยิ้มไปด้วย เธอคิดว่าบรรยากาศระหว่างเธอกับพวกคุณชายตอนนี้มันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่พอสมควร เพราะตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา เธอไม่เคยเห็นด้านนี้ของพวกเขาเลย อาจเพราะทุกๆ วันที่เคยได้อยู่ร่วมกันมีแต่เรื่องให้ปวดหัว แต่พอได้มาพักผ่อนกันอย่างจริงจังแบบนี้แล้ว เธอถึงได้เห็นว่าพวกเขาเองก็มีมุมที่ค่อนข้างจะน่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว
“เอ่อ...พวกคุณชายคะ” ลัลทริมาขัดขึ้นเมื่ออคินเล่นเพลงที่สี่จบ พวกคุณชายหันมามองเธอ ซึ่งเธอก็ยิ้มบางพลางเอ่ยขอ “ฉันขอไปเดินริมชายหาดหน่อยได้ไหมคะ?”
เกิดความเงียบขึ้นเล็กน้อย ทั้งเจ็ดหนุ่มหันมองหน้ากันไปมา ก่อนการินจะเป็นตัวแทนเอ่ยตอบเธอ “ก็ไปสิ แต่อย่าเดินไปไกลนักล่ะ มันอันตราย”
“ค่ะ” ลัลทริมาตอบรับแล้วลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งให้พวกคุณชายได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง อันที่จริงแล้วพวกเขาห่วงเธอมาก อยากจะไปเดินเป็นเพื่อนด้วยเสียด้วยซ้ำ แต่ก็คิดว่าลัลทริมาคงจะคิดถึงเรื่องราวสมัยเด็กของเธอที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะที่ห้อมล้อมไปด้วยน้ำทะเล จึงควรจะปล่อยให้เธอไปเดินเล่นเพียงลำพังเสียจะดีกว่า
ร่างบางเดินห่างออกมาไม่ไกลมากนัก เพราะเธอยังได้ยินเสียงพวกคุณชายเล่นดนตรีกันอยู่ เธอหันมาสนใจกับผืนน้ำสีดำตรงหน้า และบรรยากาศสงบเงียบรอบข้างที่ชวนให้คิดถึงเรื่องราวเมื่อครั้งอดีต ดวงตากลมโตหันไปจดจ้องกับทะเลอีกครั้ง ซึ่งลมแรงได้พัดพาเอากลิ่นเค็มๆ ของเกลือเข้ามาด้วย แต่มันก็เป็นกลิ่นที่เธอคุ้นเคยดี ขาเรียวพาตัวเองก้าวเข้าไปใกล้กับบริเวณที่น้ำทะเลซัดถึง แล้วเพียงครู่เดียว เท้าของเธอก็เปียกชื้นน้ำทะเล ลัลทริมาหัวเราะคิกคักเมื่อเธอรู้สึกจั๊กจี้ที่เท้าเล็กน้อย พอก้มลงไปก็เห็นว่ามีปูลมตัวเล็กอยู่ใกล้ๆ พอกำลังจะก้มลงจับปู ก็มีเสียงแทรกขึ้นมา พาให้เธอต้องสะดุ้งจนตัวโยน
“บรรยากาศดีมากเลยนะครับเนี่ย” น้ำเสียงร่าเริงของใครบางคนเอ่ยขึ้นมา
“ใช่ค่ะ” ลัลทริมาหันมามองก็เห็นว่าเจ้าของเสียงที่เอ่ยทักเมื่อครู่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเอง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พลางยืดตัวขึ้นยืนตรง
“แล้วคนที่มาด้วยนี่...ดีสู้บรรยากาศได้ไหมครับ ?”
คำถามดังกล่าวพาให้ลัลทริมาต้องหันมามองหน้าเรวินด้วยความสงสัยเล็กน้อย แต่เขาก็ทำเพียงแค่ยิ้มกริ่มให้เธอเท่านั้น ร่างบางจึงพยักหน้าน้อยๆ แล้วเอ่ยตอบ “สู้ไม่ได้หรอกค่ะ แต่...” เธอหันหน้าหนีกลับไปมองทะเลอีกครั้งแล้วกล่าวต่อ “...อยู่กับคนที่มาด้วยกันแล้ว...มีความสุขมากกว่า”
“แสดงว่าชอบคนมากกว่าบรรยากาศสินะครับ”
“ก็...สมมุตินะคะ สมมุติว่าคนที่มาด้วยกันกับเราทำให้เรามีความสุขได้ ต่อให้บรรยากาศมันแย่มากขนาดไหนก็ตามที ฉันคิดว่าเราก็ยังคงมีความสุขอยู่ดีนั่นแหละค่ะ หรือถ้าบรรยากาศดี แต่คนรอบข้างกลับทำให้เราทุกข์ใจ แบบนั้นเราก็คงมีไม่มีความสุข” เด็กสาวพูดไปยิ้มไป
เรวินมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มกว้าง “ถ้าอย่างนั้น....ชอบคนไหนเหรอครับ”
ร่างบางหันขวับมามองเรวินด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยถามคำถามนี้ออกมา...อย่างน้อยๆ ก็ในช่วงเวลาแบบนี้ล่ะนะ “ถามทำไมเหรอคะ?”
“ก็ถามใจคุณดู”
“คุ้นๆ เหมือนเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนะคะ” ลัลทริมาตอบยิ้มๆ พลางนึกไปถึงตอนที่เธอและพวกคุณชายไปเที่ยวที่สวนสนุกกัน ซึ่งนั่นเป็นการไปเที่ยวครั้งสุดท้ายสำหรับการทำงานเป็นคนรับใช้ของเธอ ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายระหว่างเธอและพวกคุณชายขึ้นไม่น้อย ในตอนนั้นเองที่เธอได้มีโอกาสเดินมากับเรวินเพียงสองคนเท่านั้น...และเขาก็ได้เอ่ยบางอย่างกับเธอ
“นี่คุณลัล ถ้าจะเลือกเป็นแฟนกับใครสักคนแล้วล่ะก็...เลือกให้มันดีๆ หน่อยนะครับ เพราะพวกนั้นแต่ละคนเนี่ย เจ้าเล่ห์กันทั้งนั้น”
“เป็นแฟน..? กับพวกคุณน่ะเหรอคะ?”
“ใช่ครับ ก็ถ้าคุณลัลจะต้องเลือกใครสักคนที่คุณรู้สึกว่าอยู่กับเขาแล้วมีความสุข และเขาก็พร้อมที่จะดูแลและมอบความสุขให้กับคุณได้ คนคนนั้นก็คงเป็นหนึ่งในพวกผมนั่นแหละครับ”
“นี่ไม่คิดว่าฉันจะชอบคนอื่นที่ไม่ใช่พวกคุณชายบ้างเหรอคะ?”
“คุณไม่ได้ผูกพันกับใครมากเท่าพวกผมแล้วนี่ครับ”
“แหะๆ”
บทสนทนาในตอนนั้นไม่มีคำตอบจากเธอ เพราะเธอทำเพียงแค่หัวเราะแห้งๆ ให้กับเขาเท่านั้น ก็อย่างว่าแหละ...ตอนนั้นเธอไม่รู้จะตอบยังไงดี หรือบางทีอาจเป็นเพราะเธอยังไม่ได้คิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แบบนั้นกับพวกคุณชายก็เป็นได้
เรวินที่เห็นเธอเงียบไปเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นจึงเอ่ยแทรกขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ออกจะขบขัน “แต่คำถามในตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนนั้นนะครับ”
“อืม...แล้วถ้าฉันตอบว่าชอบทุกคนเลยล่ะคะ” ลัลทริมาเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง หากแต่แววตาของเธอกลับฉายแววจริงจังออกมา เพราะมันก็เป็นอย่างที่เธอได้พูดไปจริงๆ เธอยอมรับว่าเธอชอบพวกคุณชายทุกคนนั่นแหละ
“งั้นผมก็ขอเปลี่ยนคำถามเป็นว่า ‘รักคนไหน’ ก็แล้วกันครับ” อีกฝ่ายเองก็สวนคำถามกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ก็...” ร่างบางเว้นช่วงคำพูดของตนเล็กน้อยราวกับกำลังขบคิดถึงคำตอบของคำถามนั้น แล้วใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ ขึ้นสีระเรื่ออย่างช่วยไม่ได้ จนทำเอาเรวินสงสัยไม่น้อยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วคำตอบที่เธอเว้นช่วงไว้เมื่อครู่ก็ถูกเอ่ยต่อออกมา “ไม่ตอบดีกว่าค่ะ”
“ว้า แย่จัง” ร่างสูงแสร้งทำน้ำเสียงเสียดาย อันที่จริงก็เสียดายจริงๆ นั่นแหละ อุตส่าห์ถามเพราะอยากจะรู้เสียหน่อย กะว่าจะเอาคำตอบของเธอไปล้อเล่นกับพวกคุณชายคนอื่นๆ ได้ แต่ในเมื่อเธอเลือกที่จะไม่ตอบ เขาก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มให้กับเธอ
“สักวันก็รู้เองล่ะค่ะ” ลัลทริมาตอบพร้อมยิ้มให้กับท่าทางนั้นของเรวิน ก่อนจะเบนสายตาไปยังพวกคุณชายที่เหลืออีกหกคนที่กำลังสนุกสนานกับการนั่งล้อมวงร้องเพลงกัน แล้วรอยยิ้มของเธอก็แย้มกว้างมากกว่าเดิม
...ไม่พ้นหนึ่งในพวกคุณจริงๆ นั่นแหละ...
ตอนนี้เป็นอีกตอนที่ยาวมากพอควร
หลายๆ อาจสงสัยกันได้ว่า เอ๊ะ? ตัวละครในเรื่องพูดถึงอดีตนั่นนี้ ซึ่งมันก็คือเนื้อเรื่องที่เคยเกิดในภาค 1 นั่นเองค่ะ
บทสนทนาระหว่างภาม - ลัล ตอนขับรถ : มาจาก Chapter 21
บทสนททนาระหว่างการิน - ลัล ตอนที่ลัลได้ขี่หลังการิน : มาจาก Chapter 15-16
บทสนทนาระหว่างเรวิน- ลัล ในช่วงท้ายของเรื่อง : มาจาก Chapter 49B
และ...ไม่รู้จะกล่าวอะไรกับนักอ่านที่น่ารักทั้งหลายดี
เอาเป็นว่าพบกันตอนหน้านะคะ :)
ความคิดเห็น