ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; สาวใช้หน้าใส กับ คุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #29 : >>:: Chapter 26

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 56





    CHAPTER 26

     

     

     

     

    “คุณชาย  ทางที่ดีเรารีบหาทางออกดีกว่านะคะ  เพราะดูจากสภาพอากาศแล้ว  ฝนคงใกล้จะตกแล้วล่ะค่ะ” ลัลทริมาร้องบอกคุณชายอีก 3 คนที่ตอนนี้กำลังนั่งเปื่อยกันอยู่

     

    “พูดตลกๆ ไปได้  ถ้าหาเจอ  ป่านนี้เราคงไม่ได้นั่งกันอยู่ตรงนี้หรอกนะ” การินเอ่ยขึ้นมาทันที

     

    “แต่ว่า  ถ้าฝนตกตอนนี้มันก็ไม่ดีนะ” เธอเถียงมาอีก  พร้อมกับลุกขึ้นยืนพลางทำท่าจะเดินออกจากที่ตรงนี้  หากแต่ภามกลับรีบลุกตามและดึงมือเธอไว้เสียก่อน

     

    “เดี๋ยวสิ ถ้าเราเดินทางกันตอนนี้มันจะได้หลงหนักกว่าเดิมอีกนะ” เขาว่า  เธอจึงส่ายหน้าช้าๆ

     

    “แต่ถ้าเรายังอยู่กลางป่าแบบนี้  มันก็ยิ่งอันตรายเหมือนกันนะคะ  ขืนฝนตกลงมาจะยิ่งหาทางออกไม่เจอ  เผลอๆ ได้เป็นไข้ป่ากันหมดแน่” ซึ่งมันก็จริงอย่างที่เธอว่า  ภามจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปมองยังการินและเชียรที่ทำหน้าตาแบบไม่รู้ไม่ชี้อยู่

     

    “จะเอายังไงกันดี?” เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเอ่ยถามความเห็นของสองหนุ่ม

     

    “เออ  เอายังไงก็ได้” การินตอบ  ก่อนจะลุกขึ้นมายืน  พลางยื่นมือไปดึงเชียรให้ลุกขึ้นมาอีกคน

     

    ทั้งสี่มองหน้ากันน้อยๆ  ก่อนที่ภามจะเป็นคนเอ่ยออกมา

     

    “งั้นคงต้องเดินย้อนกลับไปทางเดิมดูแล้วล่ะ”

     

    “จำทางได้เหรอ?” การินเลิกคิ้วถาม

     

    “ไม่” ..ซะงั้น

     

    แต่ก็ไม่มีเวลารอให้คิดอะไรได้มากมายนัก  เมื่อลมเริ่มพัดกระโชกแรงขึ้นเรื่อยๆ  ก่อนจะตามมาด้วยเม็ดฝนที่เริ่มตกลงมา

     

    “แย่แล้ว!  วิ่งไปหาที่หลบฝนกันก่อนเถอะ  เดี๋ยวผมเปียกแล้วมันจะเสียทรง” เชียรร้องขึ้นมาอย่างค่อนข้างจะตกอกตกใจ  พลางวิ่งนำทางเพื่อนๆ ทันที  ไม่รอให้ใครได้แย้งอะไรแม้แต่น้อย

     

    “รอเดี๋ยวเด้  ไอ้เชียร!” การินร้องเรียกเพื่อนผู้ร้อนใจที่วิ่งนำทางไป ก่อนจะหันมามองภามและลัลทริมา “รีบตามไปเหอะ”

     

    ว่าแล้วทั้งสามก็ออกวิ่งตามไปทันที

     

    +++++++++++++++++++++

     

    วิ่งมาได้สักพักใหญ่ๆ  ก็บังเอิญได้มาพบกับต้นไม้ใหญ่เข้าพอดี  ทั้งสี่ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหลบใต้ร่มไม้ทันที

     

    “หวังว่าคงจะพอช่วยบังฝนให้คุณชายเชียรได้นะคะ” ลัลทริมาหันไปพูดกับเชียร  ซึ่งค่อนข้างจะออกแนวกึ่งประชดประชันไปบ้างเล็กน้อย

     

    “ก็กำลังดี” คนถูกถามตอบกลับไป 

     

    .

    .

     

    สายฝนยังคงโหมกระหน่ำซัดสาดลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน  ยิ่งเวลาผ่านไปนาน  ยิ่งดูเหมือนว่าฝนจะตกหนักขึ้นกว่าเดิมเสียอีก  ต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้ต้นที่พวกเขากำลังอาศัยเป็นร่มช่วยบังฝนอยู่นี้  ก็ดูเหมือนจะช่วยเหลืออะไรพวกเขาทั้งสี่ไม่ได้เสียแล้ว 

     

    “เริ่มไม่ดีแล้วนะเนี่ย” ภามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจนัก

     

    เด็กสาวพยักหน้าตอบอย่างเห็นด้วย

     

    ทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง  คงจะมีแต่เพียงเสียงของหยาดน้ำจากฟากฟ้าเท่านั้นที่ยังคงส่งเสียงซู่ซ่าไม่ให้ค่ำคืนในป่ามืดนี้เงียบเหงา 

     

    จนกระทั่ง..

     

    “อะไรยุกยิกๆ” เชียรพึมพำออกมาเบาๆ  พลางเอามือปัดขาของตัวเองไปมา

     

    “เฮ้ย!!  ไอ้เชียร! ตัวอะไรเกาะอยู่ที่ขาของแกวะ?”  เสียงของการินก็แทรกผ่านเสียงของสายฝนขึ้นมา

     

    เชียรหน้าซีดทันที  ก่อนจะเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ “อะไร?  ตัวอะไร?” ว่าพลางก้มหน้ามองดูที่ขาของตัวเอง   ก่อนจะต้องหน้าซีดหนักกว่าเดิม  เมื่อมองเห็นตัวที่ว่าอยู่บนขา  ตัวต้นเหตุที่ทำยุกยิกอยู่ที่ขาเขาเมื่อครู่

     

     “ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงงงงงง” เชียรร้องเสียงดัง  ก่อนจะออกวิ่ง...อีกครั้ง!

     

    เพียงแต่ครั้งนี้..เขาไม่ได้หนีแมงมุม  ไม่ได้วิ่งหนีหาที่หลบฝนเพื่อไม่ให้ผมเปียก  แต่วิ่งหนี...กิ้งกือ!

     

    “เฮ้ยเชียร  ฝนมันตกอยู่นะ” ภามตะโกนไล่หลัง  หากแต่เชียรกลับไม่ฟังอะไร  เขาดูเหมือนคนกำลังสติหลุดเสียด้วยซ้ำไป

     

    “ว้ากกกกกกกกกกกกก” เสียงร้องของคนกลัวแมลงค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ

     

    “แย่แล้ว  แบบนี้ได้หลงไปคนเดียวแน่ๆ” ภามร้องขึ้นมา  ก่อนจะหันมามองหน้าการินกับลัลทริมาที่กำลังยืนอึ้งอยู่ “รอฉันอยู่นี่นะ  เดี๋ยวฉันจะไปตามมันกลับมาเอง”

     

    ไม่รอฟังคำโต้แย้งของใคร  ภามก็ออกวิ่งตามเชียรไปอีกคน..เหลือทิ้งไว้เพียงการินและลัลทริมา

     

    “เอ่อ  เราจะไม่ตามไปเหรอคะ?” เธอหันมาถามการิน

     

    เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำยักไหล่น้อยๆ  ก่อนจะทิ้งตัวยืนพิงกับต้นไม้ต้นใหญ่ “ไม่เป็นไรหรอกน่า  เชื่อใจไอ้ภามมันหน่อยเถอะ”

     

    ..ก็ถ้าเชื่อใจได้  เราทั้งสี่คนจะหลงป่าอย่างนี้เหรอคะ?..

     

    เธออยากจะแย้งออกไป  แต่ในใจก็กลัวคนตรงหน้าจะด่าเอาเหมือนกัน  อีกอย่าง..ต่อให้อยากวิ่งตามไปมากขนาดไหน  เธอก็คงวิ่งตามไม่ไหวแล้วล่ะ เพราะแม้ว่าเธอจะแรงเยอะมากขนาดไหน  แต่ถึงยังไงแล้วเธอก็ยังคงเป็นสาวน้อยที่อ่อนแอและบอบบางต่อโลก  คงไม่เหลือแรงที่จะวิ่งตามใครได้อีกแล้ว

     

    คิดได้ดังนั้น..ลัลทริมาก็ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น  ก่อนจะพิงหลังเข้ากับต้นไม้เช่นเดียวกับการิน

     

    “รอก็รอค่ะ”

     

    ++++++++++++++++++++++

     

    “เชียรรรรรรรร” ภามเอ่ยเรียกคนตรงหน้า  พลางพยายามสับขาวิ่งให้เร็วพอที่จะตามเชียรทันได้ “ตอนนี้ผมแกเสียทรงแล้วนะ”

     

    “ช่างมันเซ่!” เชียรตะโกนกลับมา

     

    แหงอยู่แล้วล่ะ  สถานการณ์แบบนี้...ใครมันจะมีอารมณ์มามัวห่วงทรงผมตัวเองกันอยู่ได้  ต่อให้มันเสียทรงหรือหลุดลุ่ยกระจุยกระจายสยายยาวแค่ไหนก็ตาม  เขารู้แค่ว่าตอนนี้เขาต้องวิ่ง...ต้องวิ่งเท่านั้น!

     

    “แกจะวิ่งให้มันเหนื่อยทำไม  ยังไงไอ้กิ้งกือนั่นมันก็ยังเกาะอยู่ที่ขาแกอยู่ดี  รู้มั้ย  กิ้งกือน่ะ..ขามันเหนียวหนึบยึดติดยังกับกาวเลยนะ  เหมือนตุ๊กแกไง” ภามพล่ามยาว 

     

    ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้...ไม่รู้จะพล่ามไปทำไม  เพราะมันมีแต่จะยิ่งทำให้คนฟังใจเสียมากยิ่งขึ้น

     

    “ม่ายยยยยยยยยยยยย” คนฟังร้องโวยวายหนัก  พลางวิ่งต่ออย่างไม่คิดจะหยุด

     

    “โธ่เว้ย!  เชียร” ภามเองก็รีบเร่งฝีเท้าตามไป  ก่อนจะคิดหาประเด็นอื่นมาพูดแทน “ตอนนี้ขาแกเลอะโคลนหมดแล้วนะ”

     

    “ช่างมันเซ่!

     

    “ตอนนี้...กิ้งกือมันหลุดไปแล้ว” ได้ผล!  เชียรชะงักไปชั่วครู่  ก่อนจะโวยวายออกมาอีกครั้ง

     

    “ไม่จริง  แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าขามันหนึบยิ่งกว่ากาวน่ะ”

     

    “ฉันพูดเล่น”

     

    “ไม่  ฉันไม่เชื่อ...เพราะตอนนี้มันยังยุกยิกๆ อยู่ที่ขาฉันอยู่เลย  ม่ายยยยยยย”

     

    +++++++++++++++++++++++

     

    “นี่..มันผ่านไปเกือบชั่วโมงนึงแล้วนะ  ทำไมคุณชายภามกับคุณชายเชียรถึงยังไม่กลับมาอีกล่ะคะ” ลัลทริมาเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกใจไม่ค่อยดี  เนื่องด้วยกลัวว่าสองคนนั้นจะได้หลงทางเข้าไปในป่าลึกกว่าเดิม

     

    “เดี๋ยวก็มามั้ง” การินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราวกับไม่ใส่ใจ  ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว  เขาเองก็ค่อยข้างจะเป็นห่วงเจ้าสองคนนั้นเหมือนกัน

     

    “ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย” เด็กสาวว่า  พลางเอามือกอดอกตัวเองไว้  เพราะฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อนนี้  มันทำให้อากาศเริ่มเย็นลงเสียจนเธอชักจะรู้สึกหนาวขึ้นมาเสียแล้ว

     

    เด็กหนุ่มผมดำเหลือบตามองเธอเล็กน้อย  พลางเอ่ยถาม “หนาวเหรอ?”

     

    ลัลทริมาส่ายหน้าปฏิเสธ  การินจึงถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย  ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เธอ

     

    “มีอะไรรึเปล่าคะ?” เธอเอ่ยถาม  พลางมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ

     

    การินไม่ตอบอะไร  แต่เขากลับถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่แทน  ลัลทริมาเห็นก็เบิกตากว้างทันที

     

    “เฮ้ย  คุณชายการิน!  นี่คุณคิดจะทำอะไรน่ะ?  นี่มันกลางป่ากลางเขานะ  หัดอายฟ้าดินซะมั่งสิ”

     

    “อะไรของเธอ?” การินเลิกคิ้วถามอย่างงงๆ  ก่อนจะส่งเสื้อยืดตัวนั้นให้กับเธอ “เอ้า  เอาไปใส่อีกตัวสิ  ถึงจะไม่ช่วยให้หายหนาว  แต่อย่างน้อย...มันก็คงพอทำให้อุ่นขึ้นบ้าง”

     

    “เอ๋?” เธอมองเขากลับ  ก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วคุณชายจะไม่หนาวเหรอ?”

     

    “ไม่” เขาตอบ  ก่อนจะผินหน้าไปทางอื่น 

     

    “เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” ลัลทริมาเอ่ยขอบคุณเบาๆ  ก่อนจะสวมเสื้อตัวนั้น  พลางนั่งอมยิ้มน้อยๆ

     

    ..จะว่าไป  คุณชายการินเองก็มีน้ำใจเหมือนกันนะเนี่ย..





     

    -TBC-


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×