ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; สาวใช้หน้าใส กับ คุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #28 : >>:: Chapter 25

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 56




    CHAPTER 25

     

     

     

     

    “อูยยย” ลัลทริมาครางเสียงเบาด้วยความเจ็บตามเนื้อตามตัว  หลังจากที่กลิ้งลงจากเนินมาพร้อมๆ กับเชียรแล้ว  เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองภาพเบื้องหน้า  ก่อนจะเบิกตาน้อยๆ เมื่อพบว่าตนเองกำลังนอนทับเชียรอยู่

     

    แต่ไม่ทันมีเวลาได้ขยับหนี  เจ้าของร่างเบื้องใต้ก็ลืมตาขึ้นมาเสียก่อน  และต้องเบิกตาเช่นกันเมื่อพบว่าลัลทริมา..กำลังนอนทับเขาอยู่  แถมยังส่งสายตาพิลึกๆ มาที่เขาอีกด้วย...แล้วมือหนาก็ไม่รอช้า  ผลักเอาร่างบางของลัลทริมาออกอย่างเต็มแรง  จนร่างบางเซถลาลงจากตัวเขา  เชียรรีบลุกขึ้นและถอยห่างจากเธอทันที

     

    “จะทำอะไรน่ะ?  คิดจะข่มขืนฉันอย่างงั้นเหรอห๊ะ!!?”

     

    “อูย..” เธอครวญครางอีกครั้ง  ก่อนจะรีบจ้องเชียรตาเขม็ง “พูดเป็นเล่นไปได้คุณชาย  ใครเขาอยากจะข่มขืนคุณกันล่ะห๊ะ?”

     

    “ก็เธอยังไงล่ะ  เมื่อกี้น่ะ  หลักฐานคาตาชัดๆ!!

     

    “โอ๊ย! ถ้าฉันคิดจะข่มขืนคุณชายจริง  สู้ฉันไปข่มขืนหมามันยังจะดีซะกว่า” ลัลทริมาตอบออกไปตามที่ใจคิด  ก็แหงล่ะ..การข่มขืนเชียร  มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีอยู่ในหัวเธอเลยซักนิด  ไม่เคยคิดจะมีซะด้วยซ้ำ!

     

    “หืมม์?  เธอจะบอกว่าหมามันดีกว่าฉันงั้นเหรอ??” เจ้าของเรือนผมสีแดงถามเสียงเย็น  พลางมือเรียวก็ยื่นมากระชากผมยาวๆ ของเธอ “พูดใหม่อีกทีซิ”

     

    “เอ่อ  ขอโทษค่ะ  จริงๆ แล้ว  คุณชายเชียรน่ารักกว่าหมาตั้งเยอะ” ร่างบางรีบเอ่ยขอโทษขอโพยออกไป  ด้วยความกลัวว่าคนตรงหน้าอาจจะหาเรื่องรังแกเธอได้

     

    “เออ!” เชียรกระชากเสียงตอบ ก่อนจะปล่อยมือออกจากผมของลัลทริมา พลางหันมองไปรอบตัวก็พบเพียงแต่ความมืดมิดของยามค่ำคืนเท่านั้น

     

    “มืดจังเลยแฮะ  ไฟฉายก็หายไปแล้วด้วย..สงสัยจะหลุดมือตอนกลิ้งตกลงมาจากเนินแหงๆ” ลัลทริมามองไปตามสายตาของเชียร  พลางบ่นออกมาน้อยๆ

     

    “นั่นมันก็เพราะเธอวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาชนฉันน่ะสิ!” เจ้าของเรือนผมแดงหันกลับมาตวาดใส่หน้าลัลทริมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วปัดเศษใบไม้ที่ติดตามตัวออก ทำให้ลัลทริมาต้องรีบลุกตาม แล้วจะไปทางไหนต่อล่ะเนี่ย?”

     

    “เอ่อ  ฉันว่าถ้ายังไง  เราไปหาที่พักใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนดีมั้ยคะ?” เธอเอ่ยเสนอความเห็น  เชียรหันมามองหน้าเธอ  ก่อนจะสาธยายออกมา

     

    “เธอจะบ้ารึเปล่าหา?  ใครเขาให้ไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ตอนกลางคืน  แทนที่จะได้พักให้หายเหนื่อย  สูดออกซิเจนให้เต็มปอด  จะไม่กลายเป็นว่าได้แต่คาร์บอนไดออกไซด์รึไงกัน”

     

    “อ้าวเหรอ?”

     

    “เออสิ” เชียรตอบ 

     

    “งั้นนั่งพักกันตรงนี้ก็ได้ค่ะ  แถวนี้ไม่ค่อยมีต้นไม้สักเท่าไหร่  คงจะพอหายใจได้สะดวก” เธอกล่าวเสียงเบา  ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง  ปล่อยให้เชียรยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น 

     

    “อย่ามาตลกนะ  ขืนอยู่ที่นี่มีหวังได้แพ้ทีมอื่นแหงๆ”

     

    ได้ฟังแบบนั้น  ร่างบางก็ส่ายหน้าน้อยๆ ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยใจอย่างประหลาด  ไม่มีแรงจะเดินไปไหนมาไหนแล้ว  แต่เมื่อไม่ว่ายังไงคนตรงหน้าก็ไม่ยอมนั่งลงเลย  เธอจึงต้องเอ่ยออกมาเบาๆ “ถ้าเดินไปไหนมาไหนกันมืดๆ แบบนี้  อาจจะเจอพวกแมงมุม แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน หรืออะไรเข้าก็ได้นะคะ  ว่าไหม?”

     

    เท่านั้นแหละ  คนฟังก็รีบทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ลัลทริมาทันที  จนเด็กสาวต้องแอบหัวเราะน้อยๆ ในความขี้กลัวแมลงของเชียร..

     

    ..หลังจากนี้แหละ  ถ้าคิดจะแกล้งอะไรฉันล่ะก็..คุณได้เจอแมลงแน่คุณชายเชียร..

     

    “โอ๊ย!!ไฟฉายก็ไม่มี  แถมตอนนี้อยู่ส่วนไหนของป่าก็ไม่รู้” เชียรบ่นออกมา  หลังจากที่ทั้งคู่นั่งเงียบกันอยู่เสียนาน  พลางหันมาจ้องหน้าลัลทริมาเขม็ง  ราวกับจะโยนความผิดของเรื่องที่เกิดขึ้นมาให้เธอเป็นคนรับยังไงยังงั้น

     

    “โถ่คุณชาย  อย่าเครียดให้มันมากนักสิคะ  ได้มาอยู่กับธรรมชาติที่สงบเงียบแบบนี้  คุณชายน่าจะผ่อนคลายบ้างนะ” เธอว่า  พลางยิ้มน้อยๆ ให้เขา

     

    “ก็ถ้าไอ้สงบเงียบที่ว่ามันไม่ใช่ป่าตอนกลางคืน  ฉันอาจจะผ่อนคลายกว่านี้ก็ได้!” เชียรตอบกลับมาอย่างหงุดหงิด

     

    เด็กสาวส่ายหน้าช้าๆ  ก่อนจะรีบชี้นิ้วขึ้นไปบนผืนฟ้าสีดำเบื้องบนที่บัดนี้..

     

    “ดูนั่นสิคะ  ดาวเต็มฟ้าไปหมดเลย  อยู่กรุงเทพฯ คงไม่มีโอกาสได้เห็นแบบนี้บ่อยๆ ใช่มั้ยคะ?”

     

    ..เต็มไปด้วยดวงดาวที่ทอแสงระยิบระยับเต็มฟากฟ้า

     

    เชียรแหงนหน้ามองตาม  ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ “ก็แหงล่ะ  อยู่กรุงเทพฯ จะไปมองเห็นเหมือนแบบนี้ได้ยังไงกัน  แสงสีเต็มเมืองซะขนาดนั้น”

     

    “สวยเนอะ?”

     

    “ก็งั้นๆ” เชียรตอบเหมือนไม่ใส่ใจ  แต่บนริมฝีปากเรียวได้รูปนั้นกลับประดับไว้ด้วยรอยยิ้มที่หาดูได้ยาก

     

    “ชอบล่ะสิ?” ลัลทริมาหันมาทำหน้าทะเล้นใส่เชียร  พร้อมๆ กับชี้นิ้วมาทางเขา

     

    เชียรหุบยิ้มทันที  ก่อนจะปัดมือเธอออกเบาๆ “อย่ามาทำเป็นเล่นกับฉันนะยัยงี่เง่า!” หากแต่น้ำเสียงนั้นไม่ได้แฝงไว้ด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองอย่างใดๆ

     

    ..จริงๆ แล้วคุณชายเชียรก็มีมุมที่ดูอ่อนโยนดีออกนี่นา.. เด็กสาวคิด  ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อย  เมื่อได้ยินเสียงแกร่บๆ ใกล้เข้ามา

     

    เสียงเหยียบใบไม้และกิ่งไม้.. 

     

    ถ้าโชคดี..อาจจะมีคนกำลังใกล้เข้ามา  แต่ถ้าโชคร้ายหน่อย..อาจจะเป็นสัตว์ป่าก็เป็นได้..

     

    เด็กสาวกลืนน้ำลายลงคอ  ก่อนจะหันไปสบตากับเชียรที่นิ่งเงียบ  พร้อมกับสอดส่ายสายตามองไปรอบด้าน  “คุณชาย..”

     

    “ชู่วว์” เชียรยกนิ้วชี้ขึ้นมาแนบริมฝีปากของเธอเพื่อเตือนให้เธอเงียบเสียง  ก่อนจะเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และ..

     

    “ไอ้เชียร!!” เสียงตะโกนอันคุ้นหูก็ดังให้ได้ยิน เชียรลุกพรวดขึ้นทันที ก่อนจะตะโกนตอบรับเจ้าของเสียงเรียกที่น่าจะตามหาเขาอยู่

     

    “เออ!  อยู่นี่”

     

    และเพียงครู่เดียว  แสงสว่างจากไฟฉายก็สาดมา  ก่อนจะตามมาด้วยร่างของสองหนุ่มที่ออกตามหาเขาเมื่อครู่

     

    “ไอ้การิน!!  ภาม!!” เชียรตะโกนออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดคอเพื่อนรักทั้งสอง “แกมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ ฉันล่ะดีใจจริงๆ นึกว่าจะต้องหลงป่าตายซะแล้ว”

     

    “เออ  แกนั่นแหละ  เป็นบ้าอะไร  ร้องซะลั่นป่าเลยนะ” การินดันร่างเชียรออกน้อยๆ อย่างรู้สึกขนลุก  ก่อนจะตั้งคำถามกับเพื่อน

     

    “พอดีมีเรื่องเล็กน้อยน่ะ”  เชียรตอบออกไปเพียงเท่านี้  เพราะเขาไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าตัวเองแหกปากร้องลั่นป่าเพราะเจ้าตัวแปดขาที่มาเกาะที่หลัง

     

    “เอ้อ  แล้ว..” ภามที่ตอนนี้หลุดจากอ้อมแขนของเชียรเหลือบตาไปมองลัลทริมาที่นั่งจ้องพวกเขาตาแป๋วอยู่ทางด้านหลังเชียร “เธอเป็นอะไรรึเปล่าล่ะ?”

     

    “ไม่ค่ะ” เธอยิ้มตอบ  ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาอยู่ใกล้ๆ พวกเขา “ว่าแต่  พวกคุณชายทั้งสองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?”

     

    “ก็..ตามเสียงของเชียรกับเธอมานั่นแหละ” ภามเอ่ยตอบ 

     

    “เออ ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ” การินเอ่ยขัดขึ้นมา  ก่อนจะมองมายังลัลทริมา “ว่าแต่  เจอของรึยัง?”

     

    เด็กสาวส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะโดนการินตวาดใส่หน้าทันที “โง่!! หายังไงถึงหาไม่เจอล่ะห๊ะ?”

     

    ..ก็คุณชายเชียรพาหลงทางก่อนน่ะสิ.. เธอเอ่ยตอบในใจ  ก่อนจะถามย้อนกลับไปว่า “แล้วคุณชายการินล่ะ?  หาของเจอแล้วเหรอ?” ไม่แค่ถาม..แต่กลับทำหน้าท้าทายด้วย

     

    “ยัง” คนผมดำตอบหน้าตาย

     

    “แล้วมาว่าคนอื่นเขาโง่..” แต่ยังไม่ทันที่ลัลทริมาจะพูดได้จบประโยค  การินก็แย่งพูดเสียก่อน

     

    “ก็เพราะพวกเธอร้องเสียงหลงนั่นแหละ  พวกฉันถึงต้องยอมเสียเวลาอันมีค่ามาตามหาอย่างนี้”

     

    เด็กสาวเบ้ปากเล็กน้อย  ก่อนจะยอมเป็นฝ่ายถอยให้ ..เพราะรู้ว่าต่อให้เถียงยังไง  ก็เถียงไม่ชนะพวกคุณชายชอบแถอย่างนี้หรอก..

     

    “เออ เรื่องของช่างมันเถอะน่า  ฉันว่าพวกเรารีบหาทางออกจากป่าดีกว่านะ” เชียรรีบพูดขึ้นมา  เพราะกลัวว่าลัลทริมาจะหลุดปากเรื่องที่เขาพาเธอหลงทางเสียก่อนจึงไม่ได้ตามหาของที่ได้รับมอบหมายให้หา

     

    “อย่ามาพูดตลกน่า  ใครมันจะไปจำทางได้” การินตอบกลับมาทันควัน  ทำเอาทั้งเชียรและลัลทริมาตาโตด้วยความตกใจ

     

    “หมายความว่าไงวะ?” เชียรเอ่ยถาม  เหงื่อกาฬเริ่มซึมออกมาจากหน้าผาก

     

    “ก็หมายความว่า..ตอนที่มาตามพวกแก  ไอ้ภามมันรีบเดินมาเสียจนฉันต้องรีบตามมาด้วย  แล้วก็น่าจะมากันไกลพอสมควร...แถมยังมืดซะขนาดนี้  พวกฉันจำทางไม่ได้หรอก” การินตอบคำถามให้

     

    “พูดเป็นเล่นไปได้น่าคุณชาย” ลัลทริมาเอ่ยบ้าง

     

    “ไม่ได้เล่นหรอก  พวกเราจำทางไม่ได้จริงๆ..” ภามเอ่ยยืนยัน  ทำเอาเชียรกับลัลทริมาถึงกับหน้าถอดสี  แสดงว่าตอนนี้ทั้งสี่คน...ก็หลงอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของป่าน่ะสิเนี่ย?

     

    “แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะคะ?” เด็กสาวเพียงคนเดียวเอ่ยออกมา

     

    “ก็เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอทางออกเองแหละ” การินตอบ  ก่อนจะเป็นคนเดินนำทีมไป  ตามด้วยเชียร  และลัลทริมากับภามที่เดินรั้งท้ายสุด

     

    ถึงการินจะบอกว่า..เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอทางออกเอง..แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเดิน  มันก็ยิ่งหาทางออกไม่เจอ  หรือว่าการิน  จะเป็นแบบเดียวกับเชียรซะแล้ว

     

    “เฮ้ยไอ้การิน!  เมื่อไหร่จะเจอทางออกวะ?” เชียรเอ่ยถามออกมา  พลางยกมือปาดเหงื่อที่กำลังจะไหลเข้าตา

     

    “เออนั่นสิ  ทางออกอยู่ไหนอ่ะ  หาเจอรึยังเนี่ย?” ภามเองก็เอ่ยออกมาบ้าง

     

    “ถ้าอยากเจอทางออกมากนักก็มาเดินนำเองซะสิวะ” การินที่เริ่มจะหมดความอดทนเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด  ซึ่งมันเป็นการบอกให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ว่า..เขาหลง

     

    “เอ่อ  ฉันว่าเราพักกันสักหน่อยดีกว่านะ” ภามเอ่ยออกมาอีกครั้ง  หลังจากเห็นว่าตอนนี้ทุกคนเหนื่อยกันมามากแล้ว  โดยเฉพาะลัลทริมาที่ดูจะหน้าซีดหนักกว่าเพื่อน  เพราะเป็นผู้หญิงด้วยล่ะมั้ง  ทั้งหมดพยักหน้าเห็นด้วย  ก่อนจะนั่งลงกันอย่างเหนื่อยอ่อน

     

    “หิวน้ำรึเปล่า?” เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเอ่ยถามลัลทริมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  เธอส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับยิ้มให้เขาด้วยความรู้สึกขอบคุณ...ที่เอ่ยถามเธอ  ไม่เหมือนอีกสองหนุ่มที่ทำไม่สนใจเธอเลย

     

    “ถามแต่ยัยนั่นแหละ  ไม่เคยจะถามพวกฉันหรอกนะ” เชียรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแสดงความน้อยใจ  ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้ว  เขาจะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นก็ตาม

     

    “ก็ยัยนี่เป็นผู้หญิงนี่นา” ภามเอ่ยว่า  ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงใกล้ๆ เชียร “นายน่ะเป็นผู้ชาย  ไม่ตายง่ายๆ หรอกนะ”

     

    “ตลกเหอะไอ้บ้าภาม” เชียรว่า  ก่อนจะผลักภามเบาๆ แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันสนุกสนานตามประสาเพื่อนรัก  ผิดกับการินที่นั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จา

     

    “เป็นอะไรคะ  คุณชาย..ทำหน้าเครียดเชียว” ลัลทริมาหันมาถามเขา “หรือรู้สึกผิดที่พาเพื่อนหลงทางหนักกว่าเก่าคะ?” น้ำเสียงเหมือนจะเป็นห่วง..แต่คำถามกลับเหมือนจะตั้งใจแทงใจดำเขามากกว่า

     

    การินสะบัดหน้าหนีไม่ตอบคำถาม  ลัลทริมาจึงลอบยิ้มที่มุมปาก  ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้ไร้ซึ่งแสงดาว...เพราะมันถูกเมฆหนาบดบังเอาเสียแล้ว

     

    ..ท่าไม่ดีเลยแฮะ.. เด็กสาวคิดในใจ   ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบในบรรยากาศ  ลมเริ่มกระโชกแรงมากขึ้น  พร้อมๆ กับใบไม้ปลิดปลิวให้ว่อน...ท่าทางว่า...ฝนจะตกเสียแล้ว!





     

    -TBC-





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×