คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : >>:: Chapter 13
CHAPTER 13
หลังออกจากโรงพยาบาล ลัลทริมาก็ต้องพักผ่อนอยู่บ้านต่ออีก ทั้งๆ ที่อยากไปโรงเรียนใจจะขาด แต่ก็ถูกนรินทร์ห้ามเอาไว้ โดยเขาบอกแก่เธอว่า “ถ้าเธอไม่พักผ่อนมากๆ เดี๋ยวแขนจะหายช้า” พอจะเถียงก็โดนสั่งมาอีกว่า “ไม่งั้นอย่างน้อยๆ พักผ่อนอยู่บ้านอีกสักหนึ่งอาทิตย์ก็ยังดี”
แถมยังไม่ให้เธอทำงานบ้านอะไรเลยด้วย ซึ่งเธอก็ออกจะเกรงใจแม่บ้านและคนใช้คนอื่นๆ อยู่ไม่น้อย แต่ก็นะ..แขนพิการหนึ่งข้างอย่างเธอ ทำอะไรมากไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าไม่ทำ..เธอก็กลัวง่อยจะรับประทานเอาเหมือนกัน สุดท้ายก็เลยหางานเล็กๆ น้อยๆ ไม่เปลืองแรงทำ
และในวันนี้ก็ค่อนข้างจะเงียบเหงาไม่น้อย เพราะคุณชายไปโรงเรียนกัน ไม่มีใครอยู่ให้เธอตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่าเธอความจำเสื่อม จำเรื่องนั้นไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ได้ แถมที่โชคดี(?) ก็คือ ตั้งแต่บอกว่าความจำเสื่อม เธอก็ได้รับสิทธิ์ไปนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกันกับพวกคุณชาย และยังไม่โดนพวกนั้นกลั่นแกล้งอีกด้วย
“โอ๊ยๆๆๆๆ เบื่อๆๆๆๆๆ” เด็กสาวบ่นออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ขณะที่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มของตนเอง “นี่เราต้องพักอยู่อย่างนี้ตั้งหนึ่งอาทิตย์เลยหรอเนี่ย”
แต่แล้วเธอก็ลุกขึ้นมาเพราะมันถึงเวลากินยาแก้ปวดพอดี ลัลทริมากินยาเสร็จก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไป..
+++++++++++++++++++++++++
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก - -‘
เช้าวันจันทร์ของสัปดาห์ต่อมา เด็กสาวรีบตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว แม้จะเสียเวลาไปนิดหน่อยเพราะกำลังเจ็บแขนอยู่ แต่ก็ถือว่าทำเวลาได้ไม่เลว ลัลทริมารีบวิ่งมาที่ห้องรับประทานอาหารและพบกับพวกคุณชายที่กำลังนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“จะไปโรงเรียนจริงๆ เหรอ” ชินะเอ่ยถามขณะที่ลัลทริมากำลังเดินมานั่งลงตรงเก้าอี้ของเธอเอง “แขนเธอยังไม่หายดีเลยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้สบายมาก” เธอตอบกลับไป
“มั่นใจจังนะ เจ็บตัวขึ้นมาอีกรอบแล้วจะสมน้ำหน้าให้” การินพูดขึ้นมาลอยๆ ซึ่งคำพูดนั้นก็ไปสะกิดใจเพื่อนหนุ่มผมแดงที่นั่งอยู่ข้างๆ การินพอดี
เชียรยกมือเรียวของตนขึ้นมาลูบคางเล็กน้อยอย่างทำท่านึกคิดตามที่นักสืบเขาชอบทำกัน ก่อนจะหันมองหน้าเพื่อนๆ ของตน และเอ่ยเรียกให้ทุกคนมาสุมหัวกัน
“อะไร?” อคินถาม
“เหมือนฉันจะคิดอะไรดีๆ ได้แล้วล่ะ” เชียรบอกเสียงเบา พลางเหลือบตามองลัลทริมาหน่อยๆ แล้วหันมามองหน้าเพื่อนของตนอีกครั้ง
“อะไรดีๆ ที่ว่าน่ะ อะไรล่ะ” อคินเอ่ยถามอีกครั้งอย่างรู้สึกรำคาญ
“ก็..ธรรมดาน่ะ เค้าบอกว่าคนจะความจำเสื่อมก็ต่อเมื่อสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักใช่มั้ยล่ะ”
“แล้วไงล่ะ” อคินถามอีกครั้ง
“เฮ้ย แกก็อย่าเพิ่งขัดมันสิวะ ถามอยู่นั่นแหละ แบบนี้ไอ้เชียรจะพูดจบสักทีมั้ยล่ะ” แคปเปอร์ต่อว่าอคินทันที ทำให้คุณชายผู้ถูกต่อว่าได้แต่เบะปากอย่างไม่ชอบใจ
“อือ ในเมื่อตอนนี้ยัยนั่นความจำเสื่อม..หากเราทำอะไรซักอย่างให้หัวยัยนั่นได้รับการกระทบกระเทือนแรงๆ พวกแกไม่คิดว่าความทรงจำของยัยนั่นจะกลับคืนมาเหรอ??” เชียรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าราวกับต้องการให้เพื่อนเห็นด้วยกับความคิดของตน
“หมายความว่า...” คุณชายคนอื่นๆ ที่เหลือพูดออกมาเพียงแค่นั้น ก่อนจะหันไปจ้องมองลัลทริมาเป็นตาเดียวกัน แล้วหันกลับมามองหน้าเชียรที่กำลังยิ้มร่าพยักหน้าตอบ
“ก็น่าสนุกดีนะ” การินว่า พลางทำท่านึกคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
“เอ่อ ไม่ดีมั้ง” แคปเปอร์เอ่ยขึ้นมา ก่อนจะหันไปถามคุณชายผมขาว “ว่างั้นมั้ยชินะ?”
“อืม ฉันเห็นด้วยกับแคปเปอร์นะ” ชินะพูด “เพราะถ้าหากทำแบบที่แกเสนอมาจริง มันก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ ว่ายัยนั่นจะหายความจำเสื่อม ที่สำคัญ จะเจ็บตัวเพิ่มซะเปล่า”
“ไม่ว่ะ ฉันไม่คิดงั้น” การินพูดออมาทันที “ฉันว่าทำตามที่ไอ้เชียรบอกน่ะ ดีแล้วล่ะ”
“แกก็แค่เห็นว่ามันน่าสนุกเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ” ชินะหันมามองหน้าเพื่อนผมดำที่เสนอความเห็นเมื่อครู่นี้
“ภาม นายคิดว่าไง?” แคปเปอร์หันมามองหนุ่มอีกคนที่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
“อือ มันก็น่าสนใจดีออกนะ” ภามตอบ “แต่..มันก็เสี่ยงน่าดู”
“ไม่หรอกครับ บางทีผมว่าของแบบนี้..ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้นะครับ” เรวินพูดยิ้มๆ ให้หลายๆ คนในนั้นพยักหน้าเห็นด้วย
“เอ่อ แต่มันอันตรายจะตายไปนะ” เป็นแคปเปอร์อีกแล้วที่ขัดพวกคุณชายที่ชักจะเห็นด้วยกับความคิดแผลงๆ ของเชียร “เฮ้ย อคิน แกว่าไง?”
“ฉันเห็นด้วยกับทุกความเห็นหรือทุกอย่างที่จะสามารถทำให้ยัยนั่นหายจากอาการความจำเสื่อมบ้าๆ นี่สักที” อคินรีบตอบกลับโดยเร็ว
“เห็นมั้ย สรุปก็คือ เห็นด้วย 5 คน ยกเว้นชินะกับแคปเปอร์สินะ” เชียรรีบพูดสรุปโดยไว “เอาเถอะ ฉันรู้ว่าแกสองคนเป็นห่วงยัยนั่น แต่พวกฉันเองก็ห่วงเหมือนกัน (ล่ะมั้ง) ถึงได้อยากหาทางทำให้ความทรงจำของยัยนั่นกลับมาไงล่ะ”
“เอ่อ ฉันเห็นด้วยตอนไหน?” ภามถามทันทีที่เชียรพูดจบ
“เอาน่า แค่แกบอกว่าน่าสน ฉันก็ถือว่าแกเห็นด้วยแล้วล่ะ” เชียรพูดปัด ก่อนจะหันไปมองหน้าชินะที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง “อะไรชินะ?”
“ฉันรู้ว่าพวกแกเป็นห่วงเธอ(จริงๆ เหรอ?) แต่ฉันไม่สนับสนุนให้พวกแกทำแบบนั้น”
“ไม่เอาน่าชินะ” เชียรว่า “ยังไงมันก็ต้องได้ผลอยู่แล้ว อีกอย่าง ฉันจะไม่ทำให้ยัยนั่นต้องเจ็บตัวมากหรอก(ซะเมื่อไหร่ล่ะ) เพราะงั้น แกสบายใจได้เลย”
“แกจะให้ฉันเชื่อที่แกพูดงั้นเหรอ? น่าขำ อย่างพวกแกเนี่ยนะ จะไม่ทำอะไรรุนแรง”
“ชินะ..เพื่อความสบายใจของแก ฉันขอสาบานด้วยความสัตย์จริงเลยแล้วกันว่า ฉันจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับยัยนั่น” ..แค่ต่อหน้าแกหน้าน่ะนะ.. เชียรพูดเพียงประโยคแรกไป เพื่อให้เพื่อนชายเจ้าของเรือนผมสีขาวได้สบายใจ ถึงแม้จะงงๆ เล็กน้อยก็เหอะ ว่าทำไมชินะดูจะห่วงยัยนั่นจัง
“ก็ได้” สุดท้ายเมื่อไม่อาจห้ามอะไรเหล่าเพื่อนได้ ชินะก็ได้จำใจยอมเห็นด้วยในที่สุด ซึ่งก็เรียกรอยยิ้มร้ายๆ จากมุมปากของเชียรและการินได้เป็นอย่างดี
“เอ่อ มีอะไรกันเหรอ เห็นเมื่อกี้หันมามองหน้าฉันด้วยนี่” ลัลทริมาเอ่ยถามขึ้นมา ทำให้พวกคุณชายรีบสลายตัวกลับสู่ที่นั่งของตนเองกันทันที
“ไม่มีอะไรหรอก คุณลัลทานให้เยอะๆ เถอะครับ” เรวินตอบและยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน..หากแต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเสียได้ เพราะรอยยิ้มของเรวินน่ะ..ถือว่าอันตรายทีเดียว
“เอ้า รีบๆ กิน จะได้รีบไปโรงเรียน” การินพูดเอ่ยขึ้นมา จากนั้นพวกคุณชายและลัลทริมาก็รับประทานอาหารกันต่อ เสร็จจากนั้นทั้งหมดก็ขึ้นรถมุ่งสู่โรงเรียนทันที
+++++++++++++++++++++++
“ลัล เป็นไงบ้าง” มัณฑินีรับวิ่งเข้ามากอดลัลทริมา หลังจากที่เห็นเพื่อนของตนเองมาโรงเรียนได้แล้ว
“ไม่เป็นไรแล้วจ้ะนี” ลัลทริมาตอบ ก่อนจะหันไปยิ้มให้เด็กสาวอีกคนที่เดินตามนีมา “ไงเอม”
“อืม ไงลัล มาโรงเรียนซะทีนะ คิดถึงจะแย่”
“จ้ะ” แล้วทั้งสามก็พูดคุยกันเล็กน้อย ก่อนจะถูกบุคคลที่เดินเข้ามาร่วมวงอีกคนขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ลัล”
เด็กสาวรีบหันมามองตามเสียงเรียกทันที “พี่ลัทธ..”
“เห็นหายไปตั้งนาน พี่ก็นึกตกใจว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า เลยลองถามเพื่อนที่ห้องเธอดูก็เลยรู้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุ แล้วนี่เป็นไงบ้าง ทำไมไม่ยอมโทรมาบอกพี่เลยล่ะ?” เด็กหนุ่มผู้มีพิมพ์หน้าเดียวกับเธอเอ่ยถามรัวเร็วด้วยรู้สึกเป็นห่วงเธอ เด็กสาวจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะตอบเขาออกไป
“ขอโทษนะคะ แต่ลัลจะโทรบอกพี่ยังไงล่ะ ในเมื่อลัลไม่มีโทรศัพท์นี่นา” เธอตอบเขา
เอมิกาและมัณฑินีมองที่ทั้งคู่พูดคุยกัน และออกจะสงสัยอยู่ไม่น้อย ว่าทำไมลัลทริมาเพื่อนสาวถึงได้ดูจะสนิทสนมกับประธานนักเรียนมากมายขนาดนั้นนัก และเพราะทั้งสองสาวไม่อยากที่จะอยู่ขัด จึงขอตัวเข้าห้องเรียนไปก่อน
“เอางี้ เดี๋ยวว่างๆ พี่พาไปซื้อโทรศัพท์ดีมั้ย?” ลัทธพลเอ่ยถามยิ้มๆ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ รบกวนพี่ลัทธซะเปล่าๆ อีกอย่าง ลัลไม่อยากได้หรอกค่ะ” เธอรีบตอบปฏิเสธกลับไป
..เปล่าหรอกค่ะ พี่ลัทธ จริงๆ แล้ว..ลัลใช้ไม่เป็นต่างหาก..
“แล้วแขนเราเป็นไงบ้างล่ะเนี่ย เข้าเฝือกหนามาแต่ไกลเชียวนะ”
“อ๋อ เนี่ยน่ะเหรอคะ ไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยววันเสาร์นี้ก็จะไปถอดเฝือกและเอ็กซเรย์ตรวจดูอีกรอบก็เรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ”
“เจ็บมากรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ ตอนนี้มันหายเจ็บแล้วล่ะค่ะ”
“อ้าวคุณลัล ยังไม่เข้าห้องเรียนอีกหรอครับ” เรวินที่กำลังเดินมาเอ่ยทักคนทั้งคู่ โดยเฉพาะลัลทริมา เขาจ้องมองเธออย่างรู้สึกสงสัยไม่น้อย ที่เธอดูจะพูดคุยสนิทสนมกับลัทธพลเหมือนรู้จักกันดี..ทั้งๆ ที่เธอความจำเสื่อมแท้ๆ
“หืมม์ งั้นพี่ไม่กวนแล้ว ไปนะ” ประธานของโรงเรียนกล่าว ก่อนจะโบกมือลาลัลทริมา แล้วเดินจากไป จากนั้น เด็กสาวจึงหันมามองเรวิน และเอ่ยถามเขา
“แล้วคนอื่นๆ ล่ะคะ”
“กำลังมาครับ” เรวินยิ้ม และเปิดประตูห้องเรียนให้ลัลทริมา เด็กสาวพยักหน้าขอบคุณเขา ก่อนจะก้าวเข้าห้องเรียน
+++++++++++++++++++++
คาบเรียนแล้วคาบเรียนเล่าผ่านไปจนกระทั่งถึงเวลาพักเที่ยง ลัลทริมารับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เธอก็ขอแยกจากเพื่อนๆ เพื่อจะไปห้องน้ำ แต่ระหว่างทางที่กำลังเดินไป..กลับพบกับใครบางคนเข้าเสียก่อน
“ภาม..” เธอเอ่ยเรียกเขาออกไปแบบนั้น ใช่ เพราะตั้งแต่แกล้งความจำเสื่อม เธอก็เลยต้องเรียกพวกคุณชายด้วยชื่อเฉยๆ ไม่ต้องมีคำว่า ‘คุณชาย’ นำหน้าเหมือนที่เธอเคยเรียกตามปกติ
“จะไปไหนน่ะ?” คุณชายผมสีคาราเมลเอ่ยถามเธอ
“ไปห้องน้ำ”
“งั้นฉันพาเดินไปแล้วกัน เพราะเธอคงจะไม่รู้ทางไปสินะ” เขาตอบ ซึ่งเธอก็ได้แต่จำใจพยักหน้ารับ เพราะคิดว่าถึงจะปฏิเสธออกไป ภามก็คงจะต้องเดินตามเธอมาแน่นอน
ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปตามทางเดินริมสนามฟุตบอล จู่ๆ ก็มีลูกเทนนิสพุ่งเข้ามาอย่างเร็ว ภามที่สังเกตเห็นจึงหยุดเดิน ทำให้ลัลทริมาที่เดินนำเขาไปแล้วหันกลับมามองอย่างสงสัย และยิ่งสงสัยมากขึ้น เมื่อได้ยินภามพูดออกมา
“เอ่อ..ระวัง” เขาบอกได้เพียงเท่านี้ ลูกเทนนิสสีเขียวอ่อนก็พุ่งเข้าใส่ศีรษะเธอทันที
โป๊กกก
“โอ๊ย” เธอร้องอุทานออกมา ก่อนจะหันไปยังทิศทางที่ลูกพุ่งมา..และพบเชียร การิน อคิน กำลังยืนอยู่บริเวณนั้นพอดี เด็กสาวกัดริมฝีปากแน่นด้วยความโกรธ
..หนอย ไอ้พวกคุณชายบ้า เล่นอะไรกันเนี่ย..
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ภามเอ่ยถามเธอขึ้นมา ทำให้เด็กสาวรีบหันขวับมามองหน้าเขาทันที
“เจ็บสิ ถามได้” เธอตอบออกมาด้วยความโกรธเคือง เพราะภามคงต้องเห็นลูกเทนนิสที่พุ่งมาแล้วอย่างแน่นอน ถึงได้หยุดเดินเอาเสียเฉยๆ แทนที่จะรีบบอกเธอ..กลับมาบอกเอาตอนที่เธอยืนอยู่ตรงวิถีลูกซะได้
-TBC-
ความคิดเห็น