ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; สาวใช้หน้าใส กับ คุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #16 : >>:: Chapter 13

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 56




    CHAPTER 13

     

     

     

     

    หลังออกจากโรงพยาบาล  ลัลทริมาก็ต้องพักผ่อนอยู่บ้านต่ออีก  ทั้งๆ ที่อยากไปโรงเรียนใจจะขาด  แต่ก็ถูกนรินทร์ห้ามเอาไว้  โดยเขาบอกแก่เธอว่า “ถ้าเธอไม่พักผ่อนมากๆ  เดี๋ยวแขนจะหายช้า” พอจะเถียงก็โดนสั่งมาอีกว่า “ไม่งั้นอย่างน้อยๆ  พักผ่อนอยู่บ้านอีกสักหนึ่งอาทิตย์ก็ยังดี”

     

    แถมยังไม่ให้เธอทำงานบ้านอะไรเลยด้วย  ซึ่งเธอก็ออกจะเกรงใจแม่บ้านและคนใช้คนอื่นๆ อยู่ไม่น้อย  แต่ก็นะ..แขนพิการหนึ่งข้างอย่างเธอ  ทำอะไรมากไม่ได้จริงๆ  แต่ถ้าไม่ทำ..เธอก็กลัวง่อยจะรับประทานเอาเหมือนกัน  สุดท้ายก็เลยหางานเล็กๆ น้อยๆ  ไม่เปลืองแรงทำ

     

    และในวันนี้ก็ค่อนข้างจะเงียบเหงาไม่น้อย  เพราะคุณชายไปโรงเรียนกัน  ไม่มีใครอยู่ให้เธอตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่าเธอความจำเสื่อม  จำเรื่องนั้นไม่ได้  เรื่องนี้ไม่ได้  แถมที่โชคดี(?) ก็คือ ตั้งแต่บอกว่าความจำเสื่อม  เธอก็ได้รับสิทธิ์ไปนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกันกับพวกคุณชาย และยังไม่โดนพวกนั้นกลั่นแกล้งอีกด้วย

     

    “โอ๊ยๆๆๆๆ เบื่อๆๆๆๆๆ” เด็กสาวบ่นออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย  ขณะที่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มของตนเอง  “นี่เราต้องพักอยู่อย่างนี้ตั้งหนึ่งอาทิตย์เลยหรอเนี่ย”

     

    แต่แล้วเธอก็ลุกขึ้นมาเพราะมันถึงเวลากินยาแก้ปวดพอดี  ลัลทริมากินยาเสร็จก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง  ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไป..

     

    +++++++++++++++++++++++++

     

    เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก - -‘

     

    เช้าวันจันทร์ของสัปดาห์ต่อมา  เด็กสาวรีบตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว  แม้จะเสียเวลาไปนิดหน่อยเพราะกำลังเจ็บแขนอยู่  แต่ก็ถือว่าทำเวลาได้ไม่เลว  ลัลทริมารีบวิ่งมาที่ห้องรับประทานอาหารและพบกับพวกคุณชายที่กำลังนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

     

    “จะไปโรงเรียนจริงๆ เหรอ” ชินะเอ่ยถามขณะที่ลัลทริมากำลังเดินมานั่งลงตรงเก้าอี้ของเธอเอง “แขนเธอยังไม่หายดีเลยนะ”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก  แค่นี้สบายมาก” เธอตอบกลับไป

     

    “มั่นใจจังนะ  เจ็บตัวขึ้นมาอีกรอบแล้วจะสมน้ำหน้าให้” การินพูดขึ้นมาลอยๆ  ซึ่งคำพูดนั้นก็ไปสะกิดใจเพื่อนหนุ่มผมแดงที่นั่งอยู่ข้างๆ การินพอดี 

     

    เชียรยกมือเรียวของตนขึ้นมาลูบคางเล็กน้อยอย่างทำท่านึกคิดตามที่นักสืบเขาชอบทำกัน  ก่อนจะหันมองหน้าเพื่อนๆ ของตน  และเอ่ยเรียกให้ทุกคนมาสุมหัวกัน 

     

    “อะไร?” อคินถาม

     

    “เหมือนฉันจะคิดอะไรดีๆ ได้แล้วล่ะ” เชียรบอกเสียงเบา  พลางเหลือบตามองลัลทริมาหน่อยๆ  แล้วหันมามองหน้าเพื่อนของตนอีกครั้ง

     

    “อะไรดีๆ ที่ว่าน่ะ  อะไรล่ะ” อคินเอ่ยถามอีกครั้งอย่างรู้สึกรำคาญ

     

    “ก็..ธรรมดาน่ะ  เค้าบอกว่าคนจะความจำเสื่อมก็ต่อเมื่อสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักใช่มั้ยล่ะ”

     

    “แล้วไงล่ะ” อคินถามอีกครั้ง

     

    “เฮ้ย  แกก็อย่าเพิ่งขัดมันสิวะ  ถามอยู่นั่นแหละ  แบบนี้ไอ้เชียรจะพูดจบสักทีมั้ยล่ะ” แคปเปอร์ต่อว่าอคินทันที  ทำให้คุณชายผู้ถูกต่อว่าได้แต่เบะปากอย่างไม่ชอบใจ

     

    “อือ  ในเมื่อตอนนี้ยัยนั่นความจำเสื่อม..หากเราทำอะไรซักอย่างให้หัวยัยนั่นได้รับการกระทบกระเทือนแรงๆ  พวกแกไม่คิดว่าความทรงจำของยัยนั่นจะกลับคืนมาเหรอ??” เชียรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าราวกับต้องการให้เพื่อนเห็นด้วยกับความคิดของตน

     

    “หมายความว่า...” คุณชายคนอื่นๆ ที่เหลือพูดออกมาเพียงแค่นั้น  ก่อนจะหันไปจ้องมองลัลทริมาเป็นตาเดียวกัน  แล้วหันกลับมามองหน้าเชียรที่กำลังยิ้มร่าพยักหน้าตอบ

     

    “ก็น่าสนุกดีนะ” การินว่า  พลางทำท่านึกคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น

     

    “เอ่อ  ไม่ดีมั้ง” แคปเปอร์เอ่ยขึ้นมา ก่อนจะหันไปถามคุณชายผมขาว “ว่างั้นมั้ยชินะ?”

     

    “อืม  ฉันเห็นด้วยกับแคปเปอร์นะ” ชินะพูด “เพราะถ้าหากทำแบบที่แกเสนอมาจริง  มันก็ไม่มีอะไรรับประกันได้  ว่ายัยนั่นจะหายความจำเสื่อม  ที่สำคัญ  จะเจ็บตัวเพิ่มซะเปล่า”

     

    “ไม่ว่ะ  ฉันไม่คิดงั้น” การินพูดออมาทันที “ฉันว่าทำตามที่ไอ้เชียรบอกน่ะ  ดีแล้วล่ะ”

     

    “แกก็แค่เห็นว่ามันน่าสนุกเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ” ชินะหันมามองหน้าเพื่อนผมดำที่เสนอความเห็นเมื่อครู่นี้

     

    “ภาม  นายคิดว่าไง?” แคปเปอร์หันมามองหนุ่มอีกคนที่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

     

    “อือ  มันก็น่าสนใจดีออกนะ” ภามตอบ “แต่..มันก็เสี่ยงน่าดู”

     

    “ไม่หรอกครับ   บางทีผมว่าของแบบนี้..ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้นะครับ” เรวินพูดยิ้มๆ  ให้หลายๆ คนในนั้นพยักหน้าเห็นด้วย

     

    “เอ่อ  แต่มันอันตรายจะตายไปนะ” เป็นแคปเปอร์อีกแล้วที่ขัดพวกคุณชายที่ชักจะเห็นด้วยกับความคิดแผลงๆ ของเชียร  “เฮ้ย  อคิน  แกว่าไง?”

     

    “ฉันเห็นด้วยกับทุกความเห็นหรือทุกอย่างที่จะสามารถทำให้ยัยนั่นหายจากอาการความจำเสื่อมบ้าๆ นี่สักที” อคินรีบตอบกลับโดยเร็ว

     

    “เห็นมั้ย  สรุปก็คือ  เห็นด้วย 5 คน ยกเว้นชินะกับแคปเปอร์สินะ” เชียรรีบพูดสรุปโดยไว “เอาเถอะ ฉันรู้ว่าแกสองคนเป็นห่วงยัยนั่น แต่พวกฉันเองก็ห่วงเหมือนกัน (ล่ะมั้ง) ถึงได้อยากหาทางทำให้ความทรงจำของยัยนั่นกลับมาไงล่ะ”

     

    “เอ่อ  ฉันเห็นด้วยตอนไหน?” ภามถามทันทีที่เชียรพูดจบ

     

    “เอาน่า  แค่แกบอกว่าน่าสน  ฉันก็ถือว่าแกเห็นด้วยแล้วล่ะ” เชียรพูดปัด  ก่อนจะหันไปมองหน้าชินะที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง “อะไรชินะ?”

     

    “ฉันรู้ว่าพวกแกเป็นห่วงเธอ(จริงๆ เหรอ?)  แต่ฉันไม่สนับสนุนให้พวกแกทำแบบนั้น”

     

    “ไม่เอาน่าชินะ” เชียรว่า “ยังไงมันก็ต้องได้ผลอยู่แล้ว  อีกอย่าง  ฉันจะไม่ทำให้ยัยนั่นต้องเจ็บตัวมากหรอก(ซะเมื่อไหร่ล่ะ)  เพราะงั้น  แกสบายใจได้เลย”

     

    “แกจะให้ฉันเชื่อที่แกพูดงั้นเหรอ? น่าขำ  อย่างพวกแกเนี่ยนะ  จะไม่ทำอะไรรุนแรง”

     

    “ชินะ..เพื่อความสบายใจของแก  ฉันขอสาบานด้วยความสัตย์จริงเลยแล้วกันว่า  ฉันจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับยัยนั่น” ..แค่ต่อหน้าแกหน้าน่ะนะ..  เชียรพูดเพียงประโยคแรกไป  เพื่อให้เพื่อนชายเจ้าของเรือนผมสีขาวได้สบายใจ  ถึงแม้จะงงๆ เล็กน้อยก็เหอะ  ว่าทำไมชินะดูจะห่วงยัยนั่นจัง

     

    “ก็ได้” สุดท้ายเมื่อไม่อาจห้ามอะไรเหล่าเพื่อนได้  ชินะก็ได้จำใจยอมเห็นด้วยในที่สุด  ซึ่งก็เรียกรอยยิ้มร้ายๆ จากมุมปากของเชียรและการินได้เป็นอย่างดี

     

    “เอ่อ  มีอะไรกันเหรอ  เห็นเมื่อกี้หันมามองหน้าฉันด้วยนี่” ลัลทริมาเอ่ยถามขึ้นมา  ทำให้พวกคุณชายรีบสลายตัวกลับสู่ที่นั่งของตนเองกันทันที

     

    “ไม่มีอะไรหรอก  คุณลัลทานให้เยอะๆ เถอะครับ” เรวินตอบและยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน..หากแต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเสียได้  เพราะรอยยิ้มของเรวินน่ะ..ถือว่าอันตรายทีเดียว 

     

    “เอ้า รีบๆ กิน  จะได้รีบไปโรงเรียน” การินพูดเอ่ยขึ้นมา  จากนั้นพวกคุณชายและลัลทริมาก็รับประทานอาหารกันต่อ  เสร็จจากนั้นทั้งหมดก็ขึ้นรถมุ่งสู่โรงเรียนทันที

     

    +++++++++++++++++++++++

     

    “ลัล  เป็นไงบ้าง” มัณฑินีรับวิ่งเข้ามากอดลัลทริมา  หลังจากที่เห็นเพื่อนของตนเองมาโรงเรียนได้แล้ว

     

    “ไม่เป็นไรแล้วจ้ะนี” ลัลทริมาตอบ  ก่อนจะหันไปยิ้มให้เด็กสาวอีกคนที่เดินตามนีมา “ไงเอม”

     

    “อืม  ไงลัล  มาโรงเรียนซะทีนะ  คิดถึงจะแย่”

     

    “จ้ะ” แล้วทั้งสามก็พูดคุยกันเล็กน้อย  ก่อนจะถูกบุคคลที่เดินเข้ามาร่วมวงอีกคนขัดขึ้นมาเสียก่อน

     

    “ลัล” 

     

    เด็กสาวรีบหันมามองตามเสียงเรียกทันที “พี่ลัทธ..”

     

    “เห็นหายไปตั้งนาน  พี่ก็นึกตกใจว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า  เลยลองถามเพื่อนที่ห้องเธอดูก็เลยรู้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุ  แล้วนี่เป็นไงบ้าง  ทำไมไม่ยอมโทรมาบอกพี่เลยล่ะ?”  เด็กหนุ่มผู้มีพิมพ์หน้าเดียวกับเธอเอ่ยถามรัวเร็วด้วยรู้สึกเป็นห่วงเธอ  เด็กสาวจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ  ก่อนจะตอบเขาออกไป

     

    “ขอโทษนะคะ  แต่ลัลจะโทรบอกพี่ยังไงล่ะ  ในเมื่อลัลไม่มีโทรศัพท์นี่นา” เธอตอบเขา 

     

    เอมิกาและมัณฑินีมองที่ทั้งคู่พูดคุยกัน  และออกจะสงสัยอยู่ไม่น้อย  ว่าทำไมลัลทริมาเพื่อนสาวถึงได้ดูจะสนิทสนมกับประธานนักเรียนมากมายขนาดนั้นนัก  และเพราะทั้งสองสาวไม่อยากที่จะอยู่ขัด  จึงขอตัวเข้าห้องเรียนไปก่อน

     

    “เอางี้  เดี๋ยวว่างๆ พี่พาไปซื้อโทรศัพท์ดีมั้ย?” ลัทธพลเอ่ยถามยิ้มๆ

     

    “ไม่ต้องหรอกค่ะ  รบกวนพี่ลัทธซะเปล่าๆ  อีกอย่าง  ลัลไม่อยากได้หรอกค่ะ” เธอรีบตอบปฏิเสธกลับไป

     

    ..เปล่าหรอกค่ะ พี่ลัทธ  จริงๆ แล้ว..ลัลใช้ไม่เป็นต่างหาก..

     

    “แล้วแขนเราเป็นไงบ้างล่ะเนี่ย  เข้าเฝือกหนามาแต่ไกลเชียวนะ”

     

    “อ๋อ  เนี่ยน่ะเหรอคะ  ไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะค่ะ  เดี๋ยววันเสาร์นี้ก็จะไปถอดเฝือกและเอ็กซเรย์ตรวจดูอีกรอบก็เรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ”

     

    “เจ็บมากรึเปล่า”

     

    “ไม่ค่ะ  ตอนนี้มันหายเจ็บแล้วล่ะค่ะ”

     

    “อ้าวคุณลัล  ยังไม่เข้าห้องเรียนอีกหรอครับ” เรวินที่กำลังเดินมาเอ่ยทักคนทั้งคู่  โดยเฉพาะลัลทริมา  เขาจ้องมองเธออย่างรู้สึกสงสัยไม่น้อย  ที่เธอดูจะพูดคุยสนิทสนมกับลัทธพลเหมือนรู้จักกันดี..ทั้งๆ ที่เธอความจำเสื่อมแท้ๆ

     

    “หืมม์  งั้นพี่ไม่กวนแล้ว  ไปนะ” ประธานของโรงเรียนกล่าว  ก่อนจะโบกมือลาลัลทริมา  แล้วเดินจากไป  จากนั้น  เด็กสาวจึงหันมามองเรวิน  และเอ่ยถามเขา

     

    “แล้วคนอื่นๆ ล่ะคะ”

     

    “กำลังมาครับ” เรวินยิ้ม  และเปิดประตูห้องเรียนให้ลัลทริมา  เด็กสาวพยักหน้าขอบคุณเขา  ก่อนจะก้าวเข้าห้องเรียน

     

    +++++++++++++++++++++

     

    คาบเรียนแล้วคาบเรียนเล่าผ่านไปจนกระทั่งถึงเวลาพักเที่ยง  ลัลทริมารับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย  เธอก็ขอแยกจากเพื่อนๆ  เพื่อจะไปห้องน้ำ  แต่ระหว่างทางที่กำลังเดินไป..กลับพบกับใครบางคนเข้าเสียก่อน

     

    “ภาม..” เธอเอ่ยเรียกเขาออกไปแบบนั้น  ใช่  เพราะตั้งแต่แกล้งความจำเสื่อม  เธอก็เลยต้องเรียกพวกคุณชายด้วยชื่อเฉยๆ  ไม่ต้องมีคำว่า คุณชายนำหน้าเหมือนที่เธอเคยเรียกตามปกติ 

     

    “จะไปไหนน่ะ?” คุณชายผมสีคาราเมลเอ่ยถามเธอ

     

    “ไปห้องน้ำ”

     

    “งั้นฉันพาเดินไปแล้วกัน  เพราะเธอคงจะไม่รู้ทางไปสินะ” เขาตอบ  ซึ่งเธอก็ได้แต่จำใจพยักหน้ารับ  เพราะคิดว่าถึงจะปฏิเสธออกไป  ภามก็คงจะต้องเดินตามเธอมาแน่นอน

     

    ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปตามทางเดินริมสนามฟุตบอล  จู่ๆ ก็มีลูกเทนนิสพุ่งเข้ามาอย่างเร็ว  ภามที่สังเกตเห็นจึงหยุดเดิน  ทำให้ลัลทริมาที่เดินนำเขาไปแล้วหันกลับมามองอย่างสงสัย  และยิ่งสงสัยมากขึ้น  เมื่อได้ยินภามพูดออกมา

     

    “เอ่อ..ระวัง” เขาบอกได้เพียงเท่านี้  ลูกเทนนิสสีเขียวอ่อนก็พุ่งเข้าใส่ศีรษะเธอทันที

     

    โป๊กกก

     

    “โอ๊ย” เธอร้องอุทานออกมา  ก่อนจะหันไปยังทิศทางที่ลูกพุ่งมา..และพบเชียร  การิน  อคิน  กำลังยืนอยู่บริเวณนั้นพอดี  เด็กสาวกัดริมฝีปากแน่นด้วยความโกรธ

     

    ..หนอย  ไอ้พวกคุณชายบ้า  เล่นอะไรกันเนี่ย..

     

    “ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ภามเอ่ยถามเธอขึ้นมา  ทำให้เด็กสาวรีบหันขวับมามองหน้าเขาทันที

     

    “เจ็บสิ  ถามได้” เธอตอบออกมาด้วยความโกรธเคือง  เพราะภามคงต้องเห็นลูกเทนนิสที่พุ่งมาแล้วอย่างแน่นอน  ถึงได้หยุดเดินเอาเสียเฉยๆ  แทนที่จะรีบบอกเธอ..กลับมาบอกเอาตอนที่เธอยืนอยู่ตรงวิถีลูกซะได้






     

    -TBC-




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×