คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : >>:: Chapter 12
CHAPTER 12
เช้าวันนี้ ลัลทริมาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเซ็งๆ เนื่องจากว่าเธอเจ็บตัวจนต้องนอนอยู่โรงพยาบาลแบบนี้ มันยิ่งทำให้เธอเซ็งสุดขีด เพราะไม่มีอะไรทำเลยจริงๆ นอกจากกินกับนอน
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งล่วงเข้าสู่เวลาเที่ยงเศษๆ ประตูห้องถูกเปิดออก พร้อมๆ กับการมาของเจ้าของรอยยิ้มอบอุ่น
“คุณผู้ชาย” เธออุทานเรียกเขาออกมา
“เป็นไงบ้างลัลทริมา..เอ๊ะ เอ่อ เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ” ทักทายยังไม่ทันจะเสร็จ นรินทร์ก็เปลี่ยนประโยคคำพูดไปเสียได้
“เอ๋ ก็เรียกคุณผู้ชายน่ะสิคะ ทำไมหรอคะ” เธอถามย้อนอย่างงงๆ
“เอ่อ เปล่าหรอก” คนถูกถามตอบ ก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ “คือ..จริงๆ แล้วฉันฟังเรื่องทั้งหมดมาจากแคปเปอร์แล้วนะ นึกว่าเธอความจำเสื่อมซะอีก..แล้วทำไมเธอถึงยังจำฉันได้ล่ะ?”
“ความจำเสื่อม..?” ลัลทริมาทวนคำ ก่อนจะหลุดขำออกมาเล็กน้อย “อ๋อ พอดีหนูหลอกพวกคุณชายเล่นน่ะค่ะ”
“หา!?! หละ..หลอกพวกนั้นทำไมล่ะ” นรินทร์ถาม พลางเดินเข้ามาใกล้เตียง ก่อนจะวางกระเช้าผลไม้ที่เขาถือติดมือมาด้วยลงไว้ที่โต๊ะข้างๆ เตียงเธอ
“ช่วยไม่ได้นี่คะ ก็พวกคุณชายเค้าแกล้งหนูแรงเกินไปแล้ว” เธอว่า “เพราะงั้น..หนูเลยอยากจะแกล้งความจำเสื่อมกลับบ้าง”
“แหม ฉันว่ามันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ” ชายหนุ่มตอบพร้อมยิ้มให้เธอ
ร่างบางได้แต่ยิ้มแหย ก่อนจะพูดเสียงอ่อนเป็นเชิงขอร้องผู้มีศักดิ์เป็นคุณผู้ชายของตน “หนูขอนะคะ คุณผู้ชาย อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับพวกคุณชายเลย”
“อือ มันก็ได้อยู่หรอกนะ แต่แบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอ?”
“ดีสิคะ” เด็กสาวพูดยิ้มๆ “อย่างเมื่อวานนี้..ก็มีคนเปลี่ยนไปนิดๆ ด้วย”
“เปลี่ยน..ยังไงเหรอ? แล้วใครเปลี่ยนล่ะ?”
“หนึ่งในคุณชายนั้นแหละค่ะ เปลี่ยนไปในทางที่ดีด้วย” ลัลทริมาพูด ก่อนจะเหลือบตามองผลไม้ในตะกร้านั้น
..อยากกินแอปเปิลจัง แต่ไอ้เราก็เจ็บแขนอยู่ซะด้วย แล้วถ้าจะใช้ให้คุณผู้ชายปอกให้..มันก็กระไรๆ อยู่ล่ะนะ..
“จริงเหรอ? อืมๆ งั้นฉันจะไม่บอกพวกนั้นแล้วกัน ถ้ามันจะทำให้เด็กพวกนั้นเปลี่ยนนิสัยได้จริงๆ ล่ะก็นะ..” ชายหนุ่มว่า
“เอ่อ จริงๆ แล้วคุณผู้ชายไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมหนูก็ได้นะคะ เสียเวลาทำงานเปล่าๆ” เธอพูดอย่างรู้สึกเกรงใจเขานิดๆ
นรินทร์ยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะยกมือหนาขึ้นมาลูบหัวเธออย่างนึกเอ็นดู “ไม่ได้หรอก ถึงเธอจะเป็นคนรับใช้ก็จริง แต่ฉันก็รู้สึกเอ็นดูเธอเหมือนเธอเป็นลูกสาวคนหนึ่งนั่นแหละ”
เด็กสาวมองหน้าเขาอย่างรู้สึกซึ้งใจ “ขอบคุณมากค่ะ คุณผู้ชาย”
“จริงๆ จะเรียกฉันว่าพ่อก็ได้นะ”
“อุ้ย! ไม่ดีกว่าค่ะ แค่นี้หนูก็เกรงใจพอแล้วล่ะค่ะ” เธอว่า
“เอ้อ พักผ่อนให้มากๆ นะ ฉันคงต้องขอตัวไปทำงานก่อนแล้ว” นรินทร์มองดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง ก่อนจะขอลาเพื่อที่จะต้องกลับไปทำงานของตนเองต่อ “ว่าแต่ หมอให้อยู่ที่นี่กี่วันเหรอ?”
“ให้พักอยู่สัก 5-6 วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะค่ะ” เธอตอบ “แต่แขนเนี่ย..อาจต้องใช้เวลารักษาสักหนึ่งเดือนได้ล่ะมั้งคะ”
“อ้อ งั้นฉันจะมาเยี่ยมใหม่ก็แล้วกันนะ” นรินทร์พูดจบก็รีบเดินออกจากห้องไปทันที ปล่อยให้ลัลทริมามองตามยิ้มๆ
..สุดท้ายก็จะไม่ได้กินแอปเปิลจริงๆ สินะ..
+++++++++++++++++++++
16.30 น.
แอ๊ด~ เสียงประตูห้องเปิดเข้ามาเบาๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนป่วย หากแต่เด็กสาวที่ยังไม่ได้เข้าสู่ห้วงนิทราก็ได้ยินมัน และเอ่ยปากทักคนที่กำลังเดินเข้ามา
“เอ่อ มาได้ยังไงเหรอ..เอม นี แล้วก็..โช?” เธอถาม
“แหะๆ” สองสาวยิ้มให้เธออย่างเคอะเขิน ก่อนที่มัณฑินีจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น “อุตส่าห์เปิดประตูเบาๆ แล้วเชียว ต้องขอโทษที่ทำให้ตื่นนะลัล”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันไม่ได้หลับน่ะ” เธอตอบเพื่อนสาวกลับไป “แล้วว่าแต่..ทำไมพวกเธอถึง....”
“พอดีฉันได้ยินพวกคุณชายประจำห้องเขาคุยกันน่ะว่าลัลบาดเจ็บ ก็เลยนึกสงสัย เลยลองไปถาม ผอ. ดู ปรากฏว่าเป็นจริงอย่างที่ได้ยินมา ก็เลยขอที่อยู่ รพ. กับห้องที่ลัลพักไว้น่ะ พอเดินออกมาก็เจอกับเอมิกาและมัณฑินีเข้า ก็เลยชวนมาเยี่ยมด้วยกันซะเลย” โชติกาลอธิบายให้ฟัง คำพูดที่เขาบอกมา ทำเอาลัลทริมางงไม่น้อย..ไม่ใช่งงกับเรื่องที่เขาอธิบายว่ามาที่นี่ได้ยังไง แต่งง..ที่เขาบอกว่าได้ยินเรื่องนี้จากพวกคุณชาย
..พวกคุณชายเอาเรื่องของเราไปพูดด้วยงั้นเหรอ?..
“แหม แต่มาพอดีเลยนะ” ลัลทริมาเลิกสนใจความคิดตัวเอง ก่อนจะหันไปยิ้มแป้นให้กับพวกเพื่อนๆ “ฉันอยากกินแอปเปิลมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว แต่ปอกไม่ได้น่ะ จะขอร้องคุณพยาบาลที่เข้ามาเช็คอาการรึก็ไม่กล้า..”
“เพราะงั้น..พวกเธอช่วยปอกให้กินหน่อยนะ ^^;”
“ได้สิ” มัณฑินียิ้มรับ ก่อนจะหยิบเอาแอปเปิ้ลไปล้างให้สะอาดเสียก่อน ส่วนเอมิกาก็เดินลงมานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง พลางเอ่ยถามเธออย่างเป็นห่วง
“แล้วลัลเป็นไงบ้างล่ะ เจ็บตรงไหนอะไรบ้าง?”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” เธอตอบกลับไป “เอ้อฉันมีเรื่องจะขอร้องพวกเธอหน่อยนะ”
“หืมม์ อะไรล่ะ?” สาวห้าวถาม พลางหยิบช็อคโกแลตขึ้นมาแล้วยื่นไปให้ลัลทริมา แต่เด็กสาวก็ส่ายหัวปฏิเสธ ทำให้สาวห้าวหยิบเอามากัดกินเสียเอง
“ฉันแกล้งความจำเสื่อมกับพวกคุณชายน่ะ” เธอว่า ก่อนจะหันไปยิ้มให้มัณฑินีที่ถือจานแอปเปิลที่ปอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว “คือ พวกเธอก็น่าจะเดาออกนะ ว่าที่ฉันเป็นแบบนี้ ก็เพราะฝีมือของพวกคุณชาย เพราะฉะนั้น ตอนนี้ฉันยังคิดวิธีเอาคืนไม่ได้ เลยกะจะแกล้งความจำเสื่อมไปก่อน”
“แต่มันจะได้ผลเหรอลัล พวกนั้นจะสนใจจริงๆ เหรอ” โชติกาลเอ่ยปากถามออกมา
“ก็..อาจจะนะ” เด็กสาวคนเจ็บเอ่ยตอบ พลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ที่พวกคุณชายมายืนห้อมล้อม พลางมีสีหน้าวิตกกังวลกันเป็นว่าเล่นในตอนที่เธอบอกว่า จำใครไม่ได้เลย นั่นมันทำให้เธอแอบเกิดความสะใจเล็กๆ ถ้ามีกล้องหรือโทรศัพท์ล่ะก็..เธอจะถ่ายเอาหน้าในตอนนั้นไปประจานให้ทั่วโรงเรียนเลย แต่ก็นะ ถึงมีจริงๆ ก็ใช้ไม่เป็นอยู่ดีนั่นแหละ -*-
“อืม พวกฉันไม่บอกหรอก” เอมิกาตอบรับ
“จ้า ขอบใจนะ” เธอว่า ก่อนจะเอื้อมมือข้างซ้ายที่ไม่ได้เจ็บไปหยิบเอาแอปเปิลอย่างทุลักทุเลนิดหน่อย ทำให้โชติกาลหยิบมันขึ้นมาหนึ่งชิ้น ก่อนจะยื่นเข้ามาจ่อใกล้ๆ ริมฝีปากของลัลทริมา
เด็กสาวมองเขาอย่างเขินๆ เล็กน้อย ก่อนจะอ้าปากกัดเอาแอปเปิลเข้าปากไป
“ฮั่นแน่!!!!” สองสาวที่เห็นภาพเบื้องหน้าเข้าก็ล้อทั้งคู่ทันที แต่คนโดนล้อก็ทำเพียงยิ้มๆ รับ ก่อนที่ลัลทริมาจะพูดขึ้นมา “อร่อยจัง”
“จริงอ่ะ?” เอมิกาถาม ก่อนจะหยิบเอาแอปเปิลขึ้นมากินดูบ้าง “อืม อร่อยจริงๆ ด้วยแฮะ”
แล้วทั้ง 4 คนก็หัวเราะอย่างสนุกสนานกัน ก่อนใกล้เวลาหกโมงเย็น ทั้งสามก็ขอตัวกลับบ้าน
++++++++++++++++++++
วันนี้พวกคุณชายไม่ได้มาเยี่ยมลัลทริมาเลย ซึ่งเธอก็ไม่รู้เหตุผลหรอก แต่จะมาหรือไม่มามันก็ไม่ได้สำคัญกับจิตใจเธอนักหนาหรอกนะ
อีกด้านหนึ่ง
ณ ห้องรับประทานอาหารบ้านจินตเมธร
“ไม่ไปเยี่ยมยัยนั่นหน่อยเหรอ” ภามเอ่ยขึ้นมากลางวง ขณะที่หนุ่มๆ คนอื่นๆ ก็ยังคงรับประทานอาหารกันอยู่
“ไม่ล่ะ ยัยนั่นเห็นหน้าพวกเราบ่อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องเยี่ยมมากหรอก” เชียรเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ ทำเอาภามส่ายหน้า ก่อนจะหันไปมองชินะ
“นายไม่ไป?”
“ไม่มีอารมณ์จะไป” ชินะตอบกลับ พลางเสตาไปมองอคินเล็กน้อย
“ไม่ต้องมามองฉันแบบนั้นหรอกไอ้ชินะ” อคินตอบกลับ พลางเคี้ยวข้าวต่อ
“ฉันอยากไปนะ แต่พวกแกไม่ไป ฉันก็ไม่กล้าไปสู้หน้าคุณลัลเค้าเลย ไม่รู้จะพูดอะไรกับเค้าดี” แคปเปอร์พูดขึ้นมา
“อืม..ผมว่าไม่ต้องไปเยี่ยมสักพักก็ดีนะ ยังไงซะเรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ มันก็เป็นความผิดของเราซะส่วนหนึ่ง เพราะงั้น การที่คุณลัลเค้าไม่ได้พบหน้าเรา มันจะทำให้อะไรๆ มันดีขึ้นก็ได้” เรวินเสนอขึ้นมา ทำเอาเชียรกับการินพยักหน้าเห็นด้วยอย่างทันที
“ความคิดดีเยี่ยม” เชียรกล่าวสนับสนุนเพื่อน ทั้งๆ ที่ความจริง..เขาแค่ขี้เกียจไปเยี่ยมเท่านั้นเอง
++++++++++++++++++++++
หลายวันผ่านไป คนที่มาเยี่ยมเธอก็มักจะมีแต่เพื่อนๆ อย่างเอมิกาหรือมัณฑินี หรือไม่ก็โชติกาล หรือบางทีก็อาจจะเป็นเพื่อนในห้องคนอื่นๆ ซึ่งเธอก็รู้สึกดีไม่น้อยทีเดียว
จนกระทั่งถึงวันที่กำหนดออกจากโรงพยาบาล นรินทร์ได้โทรมาบอกทางโรงพยาบาลว่าจะส่งคนมารับ ซึ่งพยาบาลสาวก็ได้มาให้บอกลัลทริมารับรู้
ตอนแรกลัลทริมานึกว่าคนที่จะมารับคืออธิศซะอีก..ที่ไหนได้ เมื่อเขามาหาเธอที่ห้อง เธอก็ได้แต่เบะปากไม่พอใจทันที
“คุณ..”
“การิน” การินเอ่ยต่อประโยคให้ “พ่อให้ฉันมารับเธอกลับบ้านน่ะ”
“บ้านไหน?” ลัลทริมาแสร้งถาม
“บ้านฉันไง” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“แล้วทำไมต้องเป็นบ้านคุณล่ะ ฉันไม่มีบ้านอยู่รึไง”
“เออน่า มารับแล้วก็อย่าเรื่องมากเถอะ” เด็กหนุ่มผมดำว่าอย่างไม่สบอารมณ์ พลางลากแขนข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกของเธอให้เธอเดินตามออกมา
เมื่อกลับมาถึงบ้าน แคปเปอร์เป็นคนแรกที่เดินเข้ามาหาเธอ และประคองเธอเบาๆ ทั้งๆ ที่เธอก็เดินเองได้ - -‘
“ผมพาไปห้องนะครับ” แคปเปอร์พูดเสียงอ่อนหวาน
“ไม่ต้อง..ฉันพาไปเอง” อคินตอบ แต่มือที่สวมถุงมือของชินะก็ยื่นมาขวางเขาไว้ซะได้
“นายน่ะ ไม่ต้องยุ่งกับเธอหรอก เดี๋ยวจะทำให้เธอเจ็บตัวอีก” คำพูดออกแนวจิกกัด ทำเอาอคินถึงกับสะอึกพูดอะไรต่อไม่ได้ บรรยากาศรอบข้างเริ่มมาคุเข้าไปทุกทีๆ
“ฉันพาไปเองก็ได้” ภามออกปากบอก ซึ่งชินะก็พยักหน้ายอมรับ
หนุ่มน้อยผมสีคาราเมลเดินนำทางลัลทริมามายังห้องนอนของเธอ เขาเปิดประตูให้เธอเดินเข้าไป ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา
“รีบๆ กลับมาเป็นแบบเดิมสักทีเถอะนะ การที่เธอเป็นแบบนี้น่ะ มันทำให้พวกฉันลำบากใจมาก ที่สำคัญ..เธอก็เห็นว่าชินะกับอคินมันไม่ยอมพูดกันดีๆ เหมือนก่อนแล้ว”
คำพูดที่ราวกับว่าจะโยนให้เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของเธอนั้น ทำให้ลัลทริมาไม่ค่อยจะพอใจนัก แถมเธอยังไม่รู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณชายชินะกับคุณชายอคิน อีกอย่าง..การที่ทำให้พวกคุณชายลำบากใจน่ะ มันก็ดูจะสนุกดีออก
“แล้วคุณ..ทำไมมาพูดแบบนี้กับฉันล่ะ?”
“ฉันไม่ได้พูดกับเธอ แต่ฉันพูดกับยัยคนใช้ต่างหาก” ภามตอบกลับ..คำตอบที่ทำให้คนฉลาดน้อยอย่างเธอไม่เข้าใจ
“เอาเถอะ ว่าแต่เธอต้องพักนานขนาดไหนล่ะเนี่ย?” เขาถาม พลางยื่นมือมาจับแขนข้างที่เข้าเฝือกไว้เบาๆ บนนั้นมีปากกาเมจิกเขียนไว้ซึ่งข้อความต่างๆ นานาๆ จากเอม นี และเพื่อนคนอื่นๆ ที่มาเยี่ยมเธอ “ก็มีคนมาเยี่ยมเยอะดีออกนี่นา”
“แขนน่ะเหรอ คงอีกสัก 3 อาทิตย์ได้ล่ะมั้ง” เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“เหรอ” คุณชายหนุ่มตอบ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป แต่เธอก็รั้งเขาไว้เสียก่อน
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณชินะและคุณอคินคะ?”
“ไม่รู้ รู้แค่ว่าวันนั้น ฉันไปเจอชินะยืนอยู่ที่มุมตึกน่ะ พอถามว่ามาทำอะไร มันก็ตอบประมาณว่า..ฟังนิทานของเด็กหญิงผู้น่าสงสารอะไรเนี่ยแหละ แล้วมันก็เปลี่ยนไปนะ พอดีกับที่..เกิดเรื่องเธอขึ้น ซึ่งฉันคิดว่าอคินมันไม่ได้ตั้งใจทำหรอกนะ แต่ชินะมันไม่ได้คิดแบบนั้น มันก็เลยเป็นเรื่องน่ะสิ”
“เอ่อ ขอบคุณที่อธิบายให้ฉันเข้าใจนะคะ” ปากพูดไปแบบนั้นก็จริง แต่สีหน้าของลัลทริมาเนี่ยสิ ที่ดูจะไม่ได้เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย จะเข้าใจก็แค่เรื่องที่อคินไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเธอ..เพราะเขาก็ได้(แอบ)มาขอโทษเธอแล้ว
“ไม่ต้องประชดหรอก” ภามบอก นิ้วเรียวจิ้มลงที่หว่างคิ้วที่ขมวดมุ่นของลัลทริมาเบาๆ “อีกอย่าง ฉันอธิบายอะไรไม่ค่อยได้หรอก เพราะฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ”
“อะไรของคุณเนี่ย..” เธอพูดเสียงเบา พลางยกมือซ้ายขึ้นมาปัดมือเขาออก
“แต่ฉันว่าเธอน่าจะเข้าใจนะ..เรื่องของเด็กหญิงผู้น่าสงสารอะไรนั่นที่ชินะพูดถึง”
“ฉันจะเข้าใจได้ยังไงล่ะ” เด็กสาวว่า ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ก็เธอไม่เข้าใจจริงๆ นี่นา แต่ว่าอีกคนกลับเข้าใจไปอีกอย่าง...เพราะนึกว่าเธอความจำเสื่อม ทำให้เธอจำเรื่องเด็กหญิงผู้น่าสงสารอะไรนั่นไม่ได้เสียอีก
“เพราะงั้น..ฉันถึงได้บอกให้เธอรีบกลับไปเป็นอย่างเดิมไงล่ะ รีบๆ จำเรื่องราวทุกอย่างให้ได้ เพื่อที่บางที ชินะกับอคินมันจะได้กลับไปเป็นเหมือนก่อน” พูดเสร็จ ภามก็เดินออกไป
-TBC-
ความคิดเห็น