คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : >>:: Chapter 11
CHAPTER 11
“คุณลัลจะเป็นอะไรมากรึเปล่านะ?”
เสียงของแคปเปอร์เอ่ยถามออกมา สีหน้าเป็นกังวล พลางสอดส่ายสายตามองเข้าไปในห้องที่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ไม่สามารถมองเห็นภายในห้องนั้นได้
“ไม่รู้สิ” ชินะเอ่ยตอบ ขณะที่กำลังยืนกอดอกพิงกำแพง สายตามองไปยังประตูห้องฉุกเฉินเช่นกัน
“คงไม่เป็นอะไรมาก” ภามว่า พร้อมๆ กับหาวออกมา..
“อย่ากังวลเลยครับ เห็นแบบนั้น คุณลัลก็แข็งแรงกว่าที่คิดนะ” เรวินเอ่ยขึ้นมาบ้าง หากแต่แววตาของเด็กหนุ่มเองก็ดูจะเป็นกังวลเช่นกัน
เพราะหลังจากที่พาลัลทริมาขึ้นรถมาส่งที่โรงพยาบาล บุรุษพยาบาลก็เอารถเข็นมารับเธอและพาเธอเข้าสู่ห้องฉุกเฉินทันที ทำเอาพวกคุณชายเองตกใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว
แล้วการินกับเชียรจึงพาอคินไปตรวจเช็คสมอง เผื่อกะโหลกจะร้าว สมองจะรั่ว -*- จึงเหลือเพียง4 คนเท่านั้น ที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้อง
“ถามไรหน่อยดิ่ ชินะ” ภามเอ่ยขึ้นมา
“อะไรล่ะ?”
ภามมองหน้าชินะ เรวิน และแคปเปอร์ พลางถอนหายใจออกมา ก่อนจะลุกเดินเข้าไปใกล้ๆ กับชินะ และพูดกับเขาด้วยเสียงที่เบาแผ่ว เพื่อไม่ให้แคปเปอร์และเรวินได้ยิน
“ดูนายจะร้อนใจไม่น้อยเลยนะ” เขาว่า คุณชายผมขาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“หมายความว่า?”
“ก็ดูจะเป็นห่วงยัยนั่นมากเลยนะ มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอก” ชินะตอบ “ก็แค่..รู้สึกผิดล่ะมั้ง เพราะเมื่อตอนกลางวัน ฉันเป็นคนทำให้ยัยนั่นเจ็บเองนี่นา”
“จริงเหรอ?” ภามถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทำไม? นายไม่เชื่อรึไง”
“เปล่า” ภามว่า เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปมองยังทางเดินซึ่งตอนนี้มี 3 หนุ่มกำลังเดินเข้ามา
“ยังไม่ออกมาอีกเหรอ?” การินถามขณะเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินพร้อมๆ กับเชียร และอคินที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“อือ” แคปเปอร์ตอบ พลางมองไปที่อคิน “ไปเช็คสมองมา เป็นไงบ้างล่ะ? ยังปกติดีอยู่รึป่าว?”
“ถามอะไรตลกๆ วะ ก็ปกติสิ” อคินตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะทอดตามองไปที่หน้าฉุกเฉินนั้น..
“แกทำเกินไปรึเปล่า อคิน?”
คนถูกถามหันไปมองหน้าชินะ ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ ออกมา “นี่แกถามอย่างนี้ทำไมเนี่ย?”
“ฉันแค่ถามดู ว่าที่แกทำไปน่ะ ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ” ชินะพูด สายตาที่มองมายังอคินคมกริบ..เชือดเฉือน และคาดคั้น
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ..แกจะเชื่อฉันมั้ยล่ะ?” อคินถามตรงๆ
ขณะที่ยังไม่ทันจะได้ถามหรือพูดอะไรต่อ ประตูของห้องฉุกเฉินก็เปิดออกมาจากด้านใน พร้อมด้วยหนุ่มใหญ่วัยกลางคนในชุดกราวน์สีขาวสะอาดตา
“เป็นไงบ้างครับหมอ” แคปเปอร์รีบเอ่ยถามทันที
“ครับ ศีรษะของคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง..” พูดยังไม่ทันจบ อคินก็พูดขึ้นตัดบทเสียก่อน
“หมายความว่าจะความจำเสื่อมงั้นเหรอหมอ?”
“อันนี้หมอเองก็ให้คำตอบแก่คุณไม่ได้ครับ คงต้องรอตรวจกันดูอีกทีก็ตอนที่คนไข้ฟื้นแล้วเท่านั้น” หมอตอบ “ครับ กระดูกแขนขวาของคนไข้มีรอยร้าว แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และหมอก็เข้าเฝือกให้แล้ว ซึ่งน่าจะใช้เวลาสัก 3-4 สัปดาห์ในการรักษาตัว อวัยวะภายในไม่มีการฟกช้ำใดๆ แต่ตามร่างกายมีแผลและรอยฟกช้ำมากทีเดียวครับ ทั้งแผลถลอก รอยแผลบริเวณข้อมือซึ่งคาดว่าน่าจะถูกมัดเอาไว้.. เอ่อ ไม่ทราบว่าคนไข้ไปทำอะไรครับ ถึงได้เป็นขนาดนี้”
“เรื่องนั้นน่ะ ช่างมันเถอะหมอ ว่าแต่ตกลงแล้ว ยัยนี่ปลอดภัยดีใช่มั้ยล่ะ?” การินพูดขึ้นมา และคำพูดของเขาก็ดูจะไม่ค่อยเกรงใจหรือให้ความเคารพกับหมอเอาเสียเลย
คุณหมอมองเขา ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ “ยังไงช่วงนี้ก็ต้องดูแลคนไข้ให้ดีนะครับ หมอขอตัวก่อนครับ”
+++++++++++++++++
ภายในห้องสีขาวที่ตลบไปด้วยกลิ่นฉุนๆ ของยา ลัลทริมาปรือตาขึ้นมารับแสงสว่างจ้าของหลอดไฟที่เปิดเอาไว้ ก่อนเธอจะหลุบตาลง เพื่อปรับสายตามองใหม่อีกครั้ง
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ใกล้ๆ เตียงเธอ มืออบอุ่นของเขากุมมือบอบบางขาวซีดของเธอเอาไว้เบาๆ เนื่องด้วยกลัวว่าถ้าจับแน่น จะส่งผลให้กับแขนของเธอที่เจ็บอยู่
“คุณ..” เธอเอ่ยขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะถามต่อ “เอ่อ ที่นี่ที่ไหนคะ?”
คำถามที่ถามออกมา ทำเอาหนุ่มผมดำนัยน์ตาสองสีที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักถึงกับหูผึ่ง สีหน้าดูจะตกอกตกใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พลางเดินเข้ามาใกล้เธอ
“เธอความจำเสื่อมงั้นเหรอ..!?”
“หา..?” เธอร้องออกมาเบาๆ ด้วยความงุนงง
..ความจำเสื่อม พูดเรื่องอะไรน่ะ..
“ไม่จริงน่า คุณลัลความจำเสื่อมจริงๆ งั้นเหรอครับ” แคปเปอร์ที่นั่งกุมมือเธออยู่ร้องออกมาบ้าง ซึ่งไม่น่าเชื่อเลย ว่าเขาจะบ้าไปกับอคินด้วย - -*
“เอ่อ คือ ฉัน..คือ” ขณะที่กำลังจะบอก ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดผลัวะเข้ามา ลัลทริมาหันไปมองก็พบเข้ากับสายตามืดมนของการินจ้องมองมา พร้อมๆ กับเชียรและภาม
“ฉันเป็นใคร.. ที่นี่ที่ไหน และฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันคะ?” ร่างบางแสร้งโกหกออกไป เพราะบังเอิญคิดแผนในใจขึ้นมาได้
..หึ คิดว่าฉันความจำเสื่อมสินะ ได้ ฉันจะทำตามความคิดนั้นของพวกคุณก็ได้..
เธอลอบยิ้มร้าย ก่อนจะหันมาทำหน้าซื่อราวกับคนไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อ “เอ่อ คือ..พวกคุณรู้จักฉันอย่างนั้นเหรอคะ?”
“เอ่อ ครับ รู้จักครับ” แคปเปอร์ตอบรับด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะสบายใจนัก
ลัลทริมายิ้มให้เขาน้อยๆ “แล้วฉันเป็นใครคะ?”
“เอ่อ คุณชื่อลัลทริมา เป็นแฟนของผ..” ยังไม่ทันจะพูดจบ มือของภามก็ฟาดเข้าที่หัวของแคปเปอร์ หนุ่มผมสีน้ำตาลหันไปมองคนที่ทำร้ายร่างกายของตนทันที “ทำบ้าอะไรห๊ะ ภาม กำลังจะไปได้สวยเลย”
“ฉวยโอกาสแล้วแก คนเขายิ่งความจำเสื่อมอยู่” ภามต่อว่า “แทนที่จะคิดหาทางแก้ไข กลับมาคิดอะไรปัญญาอ่อนซะได้”
“แหม ล้อเล่นเฉยๆ น่า คุณลัลจะได้ไม่เครียดไง” แคปเปอร์ยิ้มแหย “เป็นไงครับ มุกผมฮามั้ย?”
เธอส่ายหน้าอย่างรู้สึกเอือมระอา ก่อนจะถามเขาต่อ “ลัล..ชื่อของฉันเหรอคะ”
“ใช่ครับ คุณลัล ชื่อเต็มๆ คือลัลทริมาครับ” แล้วลัลทริมาก็คุยกับแคปเปอร์ต่อไปเล็กน้อย ส่วนการิน อคิน ภาม และเชียรก็รีบเดินเข้ามาสุมหัวชุมนุมกันทันที
“เห้ย เอาไงดีวะ” อคินเอ่ยถามขึ้นมา
“นั่นสิ ดันความจำเสื่อมซะได้” ภามเอ่ยขึ้นมาด้วย
“ง่ายจะตาย เราก็ใช้โอกาสในตอนนี้เฉดหัวยัยนี่ออกซะเลยสิ แค่นี้ ที่เราเคยวางพนันไว้ เราก็จะเป็นฝ่ายชนะอย่างงดงาม แถมยังไม่ต้องมีคนมาคอยกวนใจแล้วด้วย” เชียรแจง
“แกจะบ้าเหรอไอ้เชียร ยัยนั่นความจำเสื่อมอยู่นะเว้ย แถมยังบาดเจ็บด้วย แล้วแบบนี้จะให้ทิ้งได้ไงวะ” อคินรีบแย้งทันที
“นั่นสิ แบบนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี” การินพูดสีหน้าเครียด “หรือว่า..จะรอปรึกษาไอ้ชินะดี แล้วนี่มันกับไอ้เรวินไปไหนล่ะเนี่ย?”
“ไปฟังรายละเอียดแบบถี่ยิบกับหมอล่ะมั้ง” ภามตอบก่อนจะพูดต่อ “แต่ฉันว่าไม่ต้องถามมันหรอก เพราะชินะมันคงจะไม่ยอมให้ปล่อยยัยคนใช้ไปแน่”
“ทำไมล่ะ?” เชียรหันมาถาม
“ก็..”
เป็นอีกครั้งที่เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามา พร้อมๆ กับชินะและเรวินเดินเข้ามาในห้อง ก่อนที่ทั้งสองหนุ่มจะมองไปยังเด็กสาวที่นั่งทำตาแป๋วอยู่บนเตียง
“เป็นไงบ้างครับ คุณลัล” เรวินเอ่ยถามออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบ แต่แคปเปอร์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กลับลุกขึ้นเดินเข้าไปพูดกับชินะและเรวินตามตรงเลยว่า
“เธอความจำเสื่อมซะแล้ว”
คนฟังถึงกับหน้าถอดสีเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แล้วคุณชายชินะก็ปรายตามองมายังเธอที่นั่งอยู่อีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เธอ “จำฉันได้มั้ย?”
น้ำเสียงที่ถามออกมานั้นฟังดูอ่อนโยน อ่อนโยนเสียจนคนฟังรู้สึกใจเสีย ไม่อยากที่จะโกหกเขา หากแต่สายตาคู่อื่นที่จับจ้องมองมาทางเธอนี่สิ ทำเอาเธอต้องรีบโกหกออกไป
“ไม่ค่ะ ขอโทษด้วย” เธอว่า
แล้วชินะก็ผละออกมาจากลัลทริมา เดินเข้ามาหาอคิน มือที่สวมถุงมือสีขาวสะอาดคว้าหมับเข้าที่แขนเพื่อน ก่อนจะดึงให้ออกมานอกห้องพัก ทำเอาคนอื่นๆ ตกใจ และไม่รอช้า การิน เชียร และภามรีบเดินตามออกไปด้วยทันที เพื่อที่จะเฝ้ามองเหตุการณ์ที่จะเกิดอย่างลุ้นระทึก - -‘
“อะไรวะ ชินะ” อคินถาม พลางสะบัดแขนออกจากมือที่เกาะกุมเขาอยู่
ชินะมองอคินด้วยแววตาที่บอกไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นมา “นี่มันเลวร้ายไปแล้วนะ แกทำอะไรลงไปรู้ตัวมั้ย ถึงขนาดทำให้ยัยนั่นความจำเสื่อมเลยนะ ไหนจะต้องเข้าเฝือกเพราะกระดูกแขนร้าวอีก”
“ก็ฉันบอกแล้วนี่ว่าไม่ได้ตั้งใจน่ะ” อคินเถียง
“ไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอ..? ขนาดไม่ได้ตั้งใจยังเป็นถึงขนาดนี้ แล้วถ้าแกตั้งใจล่ะ ยัยนั่นไม่ตายเลยรึไง”
“โธ่เว้ย!!” หนุ่มผู้ถูกต่อว่าสบถออกมา “ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นี่หว่า ตอนนั้นน่ะ ฉันนึกว่ายัยนั่นจะแค่ตกใจแล้วก้าวพลาดขั้นบันไดจนล้ม แล้วจะขาแพลง ไม่ได้คิดว่าผลมันจะเป็นแบบนี้..”
“แกแน่ใจเหรอ” ชินะถามขึ้น
“เฮ้ย พอได้แล้วชินะ” การินเข้ามาขวางทั้งคู่ไว้ “แกเชื่อใจมันหน่อยสิ เป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปีแล้ว แกจะไม่รู้นิสัยของมันเลยรึไง อีกอย่าง ทำไมแกต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนยัยนั่นด้วย”
คุณชายผมขาวเงียบไม่ตอบอะไรกลับ พอดีกับที่มีพยาบาลสาวเดินมาพอดี “ขอโทษนะคะ หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ ถ้ายังไงขอความกรุณาร่วมมือด้วยนะคะ เราต้องให้คนไข้พักผ่อนแล้ว”
เหล่าคุณชายที่ยืนอยู่หน้าห้องพยักหน้ารับ ก่อนภามจะเดินเข้ามาบอกให้แคปเปอร์และเรวินกลับบ้านกันได้แล้ว คุณชายทั้งสองพยักหน้ารับ แล้วแคปเปอร์ก็บอกให้ลัลทริมาพักผ่อนให้มากๆ
“ไปก่อนนะครับ”
+++++++++++++++++++++++++++
ทั้ง 7 คนเดินลงมาถึงชั้นล่างของห้องพยาบาล ต่างคนต่างนิ่งเงียบไม่พูดอะไรกันแม้แต่น้อย คงเพราะชินะกับอคินที่ตอนนี้ยังคงมึนตึงใส่กัน พาลทำให้คนอื่นๆ รู้สึกอึดอัดไปด้วย
“เอาไงดีการิน ทำไงดีวะ?” เชียรหันมากระซิบกับการินเบาๆ ซึ่งการินเองก็จนใจที่จะตอบได้
พลันอคินก็ทำหน้าตื่นตกใจขึ้นมา ก่อนจะร้องบอกแคปเปอร์ “เฮ่ย ลืมกุญแจรถไว้ในห้องพักยัยนั่นว่ะ เดี๋ยวขอไปเอาแปปนึงนะ” ว่าแล้วก็วิ่งแยกออกไปทันที ทำเอาคนอื่นมองตามอย่างงุนงง
“เอ่อ เดี๋ยวฉันตามไปเป็นเพื่อนมันละกัน” ภามว่า แล้วจึงขอตัวเดินแยกออกจากกลุ่มเช่นกัน เด็กหนุ่มเดินตามอคินมาช้าๆ ทิ้งระยะห่างไว้พอสมควรเพื่อไม่ให้อคินรู้ตัวว่าเขากำลังตามมันอยู่
+++++++++++++
คุณชายอคินเปิดประตูห้องเข้ามาเบาๆ ตอนนี้ห้องมืดสนิทเพราะพยาบาลปิดไฟแล้ว แต่ก็ยังพอจะมองเห็นได้ เพราะแสงไฟจากข้างนอกที่ลอดเข้ามาในห้อง
เด็กหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ เตียงลัลทริมา จ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมา“เฮ้ !! ตื่นสิยัยบ้า” เขาเอ่ยเรียก แต่ไม่ได้เอ่ยดังมากนัก “เฮ้ย ได้ยินที่ฉันพูดมั้ยเนี่ย บอกให้ตื่นขึ้นมา”
ทุกสรรพสิ่งในห้องยังคงเงียบงัน ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ จากลัลทริมา
“นี่ ถ้าไม่ลืมตาขึ้นมา..จะมาหาว่าฉันไม่ขอโทษเธอไม่ได้นะ! เพราะฉันจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนอนนิ่งสนิท อคินจึงพูดต่อ “ฉันขอโทษนะ ฉันไม่คิดว่าผลของมันจะออกมาเป็นแบบนี้ ถ้ารู้อย่างงั้น..ฉันคงจะไม่แกล้งเธอหรอก”
“ฉันขอโทษที่ทำรุนแรง ขอโทษที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัว และขอโทษ..ที่ทำให้เธอต้องความจำเสื่อมแบบนี้...”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นแผ่วเบา พอพูดจบ..อคินก็เดินเข้ามาใกล้ มือหนาคว้าเอาผ้าห่มขึ้นมาห่มคลุมให้เธออย่างเบามือ เสร็จแล้วก็เดินออกจากห้องไป
ลัลทริมาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาในความมืด..ดวงตาคู่สวยมองตามแผ่นหลังที่กำลังเดินไปที่ประตูห้องด้วยรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ยิ้มบางๆ ออกมา “ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่ คุณชายอคิน”
++++++++++++++++++++
“ไหนบอกมาเอากุญแจรถไง แล้วไหงไปเล่นบทสวีทได้ล่ะ?” เสียงของภามเอ่ยถามขึ้นทันทีที่อคินเดินออกมาจากห้องลัลทริมา ทำเอาคนถูกถามสะดุ้งโหยงทันที
“แก..แอบฟังเหรอวะ? ไอ้ภาม” อคินพูด “ไม่มีมารยาทเลยนะ”
“ช่วยไม่ได้ เพราะฉันแค่บังเอิญผ่านมาได้ยินเท่านั้น รับรอง..ไม่บอกใครหรอก” ภามว่า “ว่าแต่แกเถอะ แบบนี้มันจะดีเหรอ ไม่รอขอโทษตอนเค้าตื่นล่ะ?”
“ช่างมันเถอะ จะหลับจะตื่นค่ามันก็เท่ากันนั่นแหละ เพราะยัยนั่นก็ความจำเสื่อมไปแล้ว คงไม่รู้หรอก ว่าฉันขอโทษเรื่องอะไร”
-TBC-
ความคิดเห็น