ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ป่าพิศวง

    ลำดับตอนที่ #1 : เลือดผสม กับ การเผชิญหน้าครั้งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 59




    ภายในป่าอันมืดมิดไร้แสงอาทิตย์ส่องถึง มีปราสาทเก่าแก่หลังหนึ่งซึ่งอายุมากกว่า 400 ปี ตั้งตระหง่านท่ามกลางหมอกหนาทึบและต้นไม้ใหญ่น้อยที่ขึ้นปกคลุมบริเวณโดยรอบ  ปราสาทหลังใหญ่นี้ได้ถูกทิ้งร้างมานานจากเจ้าของผู้มีอายุมากกว่า 400 ปีเช่นกัน

    บัดนี้ได้มีผู้มาเยือน 3 คนปรากฏร่างหน้าประตูปราสาทที่มีไม้เลื้อยคดเคี้ยวอย่างปรานีตปกคลุมบริเวณทางเข้าจนแทบมองไม่เห็นบานประตู

    หนึ่งในนั้นคือ ดิออน แองเจโล จูเนียร์ บุตรชายของตระกูลแองเจโลและเป็นผู้สืบเชื้อสายแห่งแวมไพร์ และโดโนแวน เทรย์เวอร์ ลูกพี่ลูกน้องของดิออน ซึ่งเป็นผู้มีเชื้อสายของแวมไพร์เช่นกันแต่โดโนแวนนั้นเป็นแวมไพร์ 100%

    สุดท้ายคือ คริสโตเฟอร์ พ่อบ้านผู้ดูแลครอบครัวแองเจโลตั้งแต่รุ่นแรกจนปัจจุบัน ผู้ที่รู้เรื่องราวความเป็นมาทุกอย่างรวมถึงความลับทุกอย่างของตระกูลด้วย เขาได้รับความไว้วางใจ จากดิออนผู้พ่อ ให้ดูแลบุตรชายผู้นี้จนกว่าเขานั้นจะตามหาภรรยาอันเป็นที่รักพบ

    แต่หลังจากที่เขาได้ฝากฝังบุตรชายไว้แก่พ่อบ้านนั้น เวลาได้ล่วงเลยมาถึง 20 ปีแล้ว คริสโตเฟอร์ได้ทำหน้าที่ผู้กุมความลับของครอบครัวแองเจโล โดยการพาพวกเค้าย้ายถิ่นฐานเพื่อปกปิดสถานะที่แท้จริงของตระกูล

    “เนี่ยเหรอ ที่อยู่ใหม่ของรา” ดิออนเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ เสียงของเขาก้องไปทั่วบริเวณโถงทางเข้าที่ตอนนี้สิ่งของที่คลุมด้วยผ้าสีหม่นกองอยู่ทั่วบริเวณ และวางอยู่รอบบันไดหินอ่อนที่ฝุ่นจับหนาจากขั้นแรกจนถึงบนสุด โดโนแวนเดินไปดึงผ้าคลุมผืนหนึ่งออกจากสิ่งของและพบว่าสิ่งนั้นคือเปียโนไม้สีดำสนิทที่ไม่น่าใช้การได้

    “ทำความสะอาดกันยาว พวกเค้าย้ายจากที่นี่ไปนานเท่าไหร่แล้วคริสโตเฟอร์” โดโนแวนหันไปถามพ่อบ้านร่างใหญ่ ที่ตอนนี้กำลังไล่เปิดผ้าคลุมออกจากเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในห้องโถง ที่ตอนนี้ไม่อาจเรียกได้ว่าห้องรับแขก

    “สองร้อยปีเห็นจะได้ครับ พวกเราย้ายกันไปเรื่อยๆ ทุกยี่สิบปี แต่ละครั้งที่ย้ายคนในตระกูลก็ลดน้อยลงทุกที” คริสโตเฟอร์เอ่ยเสียงเศร้า นัยน์ตาสีเขียวเข้มเจือแววเศร้าชัดเจน เขายืนนิ่งนึกถึงเรื่องราวที่เขาผ่านมา “การที่อายุยืนไม่ใช่เรื่องดีเลยนะครับ” คริสโตเฟอร์เอ่ยเสียงสั่น ดิออนกับโดโนแวนกำลังจะเดินเข้าไปหาหวังปลอบใจ หากแต่พ่อบ้านกลับเดินไปอีกด้านเพื่อหลบสายตาของเด็กหนุ่มทั้งสอง

    “ผมขอไปดูในครัวก่อนนะครับ ว่าพอมีอะไรให้กินบ้าง เวลานี้ในหมู่บ้านคงไม่มีใครขายของให้เรา” พ่อบ้านหยุดพูดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “คุณทั้งสองก็เอาของไปเก็บให้เรียบร้อยเถอะครับ เดี๋ยวผมไปเปิดน้ำให้ เผื่ออยากจะอาบหลังจากเดินทางมาเหนื่อยๆ” พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในประตูของอีกห้อง

                ป่าอันเป็นที่ตั้งของปราสาทแห่งนี้ อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านของเมืองนี้มาก อีกทั้งรกชื้นและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เล็กใหญ่มากมาย จึงไม่ค่อยมีใครอยากเข้ามาใกล้มากนัก นอกจากนายพรานล่าสัตว์ที่จะมาในฤดูล่าสัตว์เท่านั้น แล้วก็คงไม่มีใครอยากเข้าใกล้ปราสาทหลังใหญ่รกร้างไร้การดูแลอย่างนี้

                ดิออนและโดโนแลนพากันไปจัดห้องส่วนตัวของตนเสร็จแล้วจึงพากันลงมาหาคริสโตเฟอร์ ที่ตอนนี้ได้เตรียมอาหารรอแล้ว

                “ชั้นอยากลองกินของนายบ้างจังโดโนแลน” ดิออนพูดพลางดึงเก้าอี้นั่งลงพร้อมกับโดโนแลน “ก็เอาสิ แต่ชั้นคงไม่แตะของนายหรอกนะ” “คริสโตเฟอร์ คุณควรเตรียมกระโถนมาไว้ใกล้ๆนะครับ จะได้ไม่เลอะเทอะ” โดโนแลนพูดทีเล่นทีจริงกับพ่อบ้าน หนุ่มร่างใหญ่เดินกลับหลังเพื่อเข้าครัวไปหยิบเลือดสำรองมาเพิ่ม แต่ดิออนห้ามไว้ “ไม่ต้องหรอกครับคริส ผมพูดเล่นน่ะ คุณก็มาทานกับเราสิ” คริสโตเฟอร์กลับมานั่งร่วมโต๊ะเพื่อทานเลือดของเขา พร้อมกับเจ้านายวัยเยาว์ทั้งสอง และเฝ้ามองดิออนกับโดโนแลนหยอกล้อกันสนุกสนาน มันทำให้เขาลืมเรื่องราวต่างๆไปชั่วขณะหนึ่ง

                เมื่อทานอาหารเสร็จ ทั้งสามต่างแยกย้ายกันไปยังห้องส่วนตัวของแต่ละคน และบัดนี้เมื่อพวกเขาเข้าสู่นิทราแล้ว ความเงียบก็เข้าคลอบคลุมปราสาทอีกครั้ง

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!

                เสียงกรีดร้องบางอย่างดังขึ้น ดิออนตื่นจากพวังอันแสนเหนื่อยล้า เขาพยายามลืมตาแล้วเงี่ยหูฟังอีกครั้ง แต่ก็กลับไม่ได้ยินเสียงอะไร

    ปัง ปัง ปัง

                “ดิออนตื่นเถอะ นายได้ยินรึเปล่า” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกระลอก ดิออนจึงรีบพลิกตัวขึ้นเพื่อไปเปิดประตู “เกิดอะไรขึ้น” ก่อนที่จะได้รับคำตอบก็มีเสียงร้องขึ้นอีกครั้ง

    กรี๊ดดดดดดดด  ช่วยด้วย  ได้โปรด

                เสียงของหญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ ดังไม่ไกลจากปราสาทมากนัก ทั้งสองมองหน้ากันแล้วคิดถึงคริสโตเฟอร์ ทันใดนั้น พ่อบ้านเองก็มองหาพวกเขาเช่นกัน

                “คุณโดโนแลนออกไปดูเถอะครับ แต่คุณดิออนอย่าเพิ่งออกไปเลย” ดิออนดึงสีหน้ากำลังตั้งคำถาม พ่อบ้านรีบตอบสีหน้านั้น “ป่าลึกขนาดนี้ แต่กลับมีเสียงร้องของผู้หญิง มันไม่น่าไว้ใจหรอกนะครับ” “นายอยู่นี่ก่อนเถอะ ชั้นขอไปดูแปบเดียวเท่านั้น เชื่อคริสโตเฟอร์เถอะ” โดโนแลนช่วยพ่อบ้านพูด เขาเองก็คิดว่ามันไม่น่าไว้ใจ “ก็ได้ แต่รับปากชั้นก่อน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง ขอให้ชั้นได้ช่วย” ดิออนเอ่ยเสียงเจ็บปวด โดโนแลนมองตาเขา แล้วมองไปยังคริสโตเฟอร์  ก่อนที่จะพาร่างเล็กปราดเปรียวนั้นออกหน้าต่างไป

                ดิออนนั่งลงบนโซฟาด้วยสีหน้าเจ็บปวด เขาเองต้องให้คนอื่นปกป้องจนถึงเมื่อไหร่ เขาเองก็มีเลือดแวมไพร์แท้ ถึงแม้จะครึ่งเดียวก็ตาม พ่อบ้านมองเห็นอาการของเจ้านายตัวน้อยก็ไม่สบายใจ แต่เขาก็ไม่รู้จะปลอบอย่างไร “คุณหนูครับ ผมขออภัยที่ต้องทำอย่างนี้ แต่ผมไม่ต้องการเห็นคุณหนูเป็นอะไรไปก่อนจะได้เจอนายหญิง” เขาเว้นช่วงเพื่อรอการตอบกลับของนายน้อย แต่ดิออนก็ยังไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งกัดเล็บแล้วมองไปบนพื้นที่ว่างเปล่า  มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง และมีเสียงแหบคล้ายเสียงผู้ชายดังก้องตามมา มันใกล้ปราสาทเข้ามาทุกที และโดโนแลนก็กลับมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล

                “ดิออนนายไปเอากริซมา บางอย่างที่ตามผู้หญิงคนนั้นมา จำเป็นต้องใช้กริซของนาย” โดโดนแลนกล่าวเสียงกระหืดกระหอบ คริสโตเฟอร์หันไปหานายน้อยที่ตอนนี้รีบวิ่งไปยังห้องตัวเองเพื่อทำตามคำขอของโดโนแลน พ่อบ้านมีสีหน้ากังวล “ให้เค้าไปกับผมเถอะครับ ปล่อยเค้าได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง คุณห่วงเค้าไม่ได้ตลอดหรอกครับ” คริสโตเฟอร์พยักหน้าแต่ก็ยังกังวล “ดูแลคุณหนูด้วยนะครับ ทางนี้ผมจะดูแลเอง” โดโนแลนอมยิ้ม ดิออนวิ่งมาหาเค้าพอดี

                “จับมือชั้นไว้ แล้วขอร้องไว้อย่างนะ อย่าเสี่ยงทำอะไรคนเดียวเด็ดขาด” ดิออนรีบพยักหน้าแล้วจับมือลูกพี่ลูกน้องของเขาไว้ แล้วทั้งสองก็หายไปทางหน้าต่าง เหลือทิ้งไว้แต่พ่อบ้านที่มีสีหน้าอมทุกข์เพราะเป็นห่วงนายน้อยของเขา

                ฟึ่บ

    ทั้งสองร่างโผล่ตรงจุดที่หญิงสาวกำลังวิ่งกระเสือกกระสนมา ดิออนเดินไปกระชากมือน้อยนั้นแล้วดึงเธอเข้าหาพร้อมปิดปากเธอทันที

    “อยู่ไหนน๊าสาวน้อย ออกมาหาพี่ชายแสนดีคนนี้ซะเถอะนะ” ชายในผ้าคลุมสีดำที่มีชายขาดรุ่งริ่ง เดินอย่างช้าๆพยายามมองหาเหยื่อของเขาไปรอบๆ พร้อมกับพูดกล่อมเสียบแหบแห้ง ดิออนกับโดโนแลนที่พาหญิงสาวมาหลบหลังต้นไม้ใหญ่ พยายามช่วยกันทำให้หญิงสาวเงียบ เธอตกใจน้ำตาไหลพรากกอดดิออนแน่นไม่ยอมปล่อย

    เสียงย่ำเท้าเข้ามาใกล้ทุกขณะ โดโนแลนตัดสินใจออกไปเผชิญหน้า เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายคือแวมไพร์เช่นเดียวกับเขา “หยุดตรงนั้นแหละ” เสียงของเขาสะกดให้ชายเสียงแหบหันมามอง

    “โอ๊ะโอ หนุ่มน้อย คุณพอจะเห็นเด็กสาวคนนึงผ่านมาทางนี้บ้างมั้ย พอดีว่าเค้าเป็นหลานสาวชั้นเอง ชั้นจำเป็นต้องพาเค้ากลับบ้านนะ” ระหว่างที่พูด ชายคนนั้นก็ค่อยๆก้าวเท้าเข้าหาโดโนแลน ส่วนอีกด้านหญิงสาวก็ส่ายหัวเอาเป็นเอาตาย เหมือนต้องการให้ดิออนรู้ว่าไม่เป็นอย่างที่ชายคนนั้นพูด “ผมไม่คิดอย่างนั้น” โดโนแลนเอ่ยเสียงแข็ง “แต่ผมต้องการให้คุณปล่อยเธอไป ส่วนตัวคุณก็กลับไปในที่ๆคุณมา” พูดจบชายคนนั้นกลับหัวเราะร่า “นี่เธอพูดตลกอะไร ส่งผู้หญิงคนนั้นมาเถอะ อะไรๆมันจะได้ง่าย” ชายเสียงแหบเดินโบกผ้าคลุมสุดโทรมผืนนั้นไปด้านหลัง มืออีกข้างกวัดแกว่งไปมาและสาวเท้าเข้าประชิดตัวโดโนแลนทันที  แต่โดโนแลนนั้นหลบทันระหว่างนั้นก็ฟาดไม้เท้าอันเป็นอาวุธประจำกายของเขาเข้าใส่อีกฝ่าย

    ชายผู้นั้นเซถลาแต่ก็กลับตัวได้ทันก่อนที่โดโนแลนจะปักมีดที่ดึงออกมาจากไม้เท้าเข้าที่กลางหลังของเขา ทำให้เด็กหนุ่มเสียหลักแต่เขาก็ใช้ไม้เท้าประคองตัวเองไว้ การต่อสู้ดำเนินต่อไปแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะได้เปรียบกว่ามาก ชายเสียงแหบนั้นกวัดแกว่งของแหลมที่เป็นอาวุธของเขาเข้าใส่โดโนแลนอย่างรุนแรง ไล่ให้เด็กหนุ่มนั้นถอยหลังไปเรื่อยๆ 

    หลังของเด็กหนุ่มติดกับต้นไม้ใหญ่ไม่มีทางให้เค้าหนีอีกแล้ว อาวุธประจำกายก็ถูกสะบัดทิ้งไปและตอนนี้ชายต่างถิ่นก็เอื้อมมือมาเชยคางของเขา อีกมือมีอาวุธแหละจี้อยู่ที่ชายโครง “เด็กสาวคนนั้นอยู่ไหน นางคือเหยื่อของชั้น เธอคงเข้าใจใช่มั้ย” ขณะที่พูดชายผู้นั้นก็กดของแหลมนั้นหนักขึ้นจนบาดลึกเข้าเนื้อ

    อึก!!! โดโนแลนเจ็บมากหากแต่ไม่อาจเปล่งเสียงร้องออกมาเพราะโดนอีกฝ่ายกดลำคอเอาไว้ ดิออนเห็นดังนั้นจึงแกะมือหญิงสาวออก เธอสบตากับดิออนแล้วส่ายหน้า น้ำตาไหลอาบสองแก้มนวลขาว แต่ดิออนส่งสายตาขอร้องเธออีกครั้งเมื่อเห็นเพื่อนอยู่ในอันตราย เธอจึงยอมคลายมือนั้นออกแล้วยื่นมือไปจับมือเด็กหนุ่มเข้าหา เธอบรรจงจูบลงบนหลังมือแผ่วเบา ดิออนยิ้มบางๆส่งสายตาอบอุ่นให้เธอและเมื่อเห็นเธอคลายกังวลบ้างแล้วจึงออกไปเผชิญหน้ากับศัตรู

    “ปล่อยโดโนแลนนะ” ดิออนเอ่ยเสียงสั่น โดโนแลนพยายามหันหน้ามามองเขาอย่างยากเย็น อีกฝ่ายดึงของแหลมออกจากชายโครงของโดโนแลนแล้วหันมาชี้หน้าเขา “โอ้ มีอีกคนงั้นเหรอ” ชายคนนั้นยืนเงยหน้ายกของแหลมขึ้นแล้วจิ้มเข้าที่ขมับตัวเองเบาๆ “งั้นก็ตอบมาหน่อยซิ” เขาเว้นเสียงและเปลี่ยนจากเสียงเบาเป็นเสียงคำราม “เอาผู้หญิงไปไว้ไหน!!!!! ผู้มาเยือนเอ่ยเสียงกร้าว เขาปล่อยมือจากโดโนแลนแล้วก้าวมาหาดิออนแทน  ดิออนเดินถอยหลังพลางเอามือไปจับกริซที่เอวแล้วดึงออกมา เขาจับมันด้วยสองมือแล้วชี้ไปทางอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายนั้นกลับเอามือของเขานั้นลูบกริซนั้นอย่างไม่กลัวเกรง เขาเลียริมฝีปากและส่งสายตาชั่วร้ายสลับระหว่างดิออนและกริซ “ลูกชายของดิออนงั้นรึ โชคดีอะไรอย่างนี้” เขาพูดด้วยท่าทางของผู้กำชัยชนะ “ถ้าได้กินเลือดแก พร้อมกับเลือดยายเด็กนั่นพร้อมกัน ชั้นก็ไม่ต้องกลัวหน้าไหนอีกแล้ว” แล้วชายคนนั้นก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดิออนยังคงกุมกริซไว้แน่น เขาเองไม่เข้าใจความหมายนั้น แต่โดโนแลนนั้นเข้าใจในทันที

    “แก ห้าม แตะต้อง ดิออนนะ” โดโนแลนเอ่ยเสียงขาดห้วง เขาพยาพยามยันร่างไปหาชายแปลกหน้า แต่เลือดจากบาดแผลออกมากจนเขาแทบหมดสติ “อย่าพยายามเลย แวมไพร์ปลายแถวอย่างแก โดนไปขนาดนั้น ไม่มีทางรอดหรอก” ผู้มาเยือนเอ่ยเสียงยานอย่างดูแคลน เขาหันกลับมาหาดิออนอีกครั้งพร้อมทั้งดึงร่างของเด็กหนุ่มยกขึ้น ดิออนไร้ทางสู้ เขาถูกยกขึ้นๆ จนเท้าไม่ติดพื้น ชายคนนั้นกำลังจะกัดที่คอของดิออน

    ไม่นะ!!!!!!!

    แว้บบบบบบบบ

    ฉับพลันมีเสียงกรีดร้องอีกครั้ง และมีแสงออกมาจากหลังต้นไม้อีกต้น ทั้งสามคนมองไปทางแสงนั้นพร้อมกัน เสียงกรีดร้องก็ยังไม่หยุดลงและแสงกลับจ้าขึ้นอีกจนไม่มีใครมองอะไรเห็น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×