คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : PART I : EPISODE 02 : 'แอบ' มอง [3/3]
หลังจากนั้นพี่คลอรีนก็ขี่รถไปส่งฉันถึงบ้านอย่างปลอดภัย แน่นอนว่าระหว่างทางฉันพยายามเกร็งตัวเองสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้ไปกระแทกกับแผ่นหลังอันแสนแข็งแกร่งของเขา
ก็ใครมันจะไปกล้าปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นกันล่ะ...เดี๋ยวพี่คลอรีนก็รู้หมดน่ะสิว่าฉันไม่มีหน้าอกอะ TT
“อ้าว...”
“สวัสดีฮะแม่พาย วันนี้พาน้องอุ่นไอมาส่งครับผม”
แล้วพี่คลอรีนก็เปิดหมวกกันน็อคและยกมือสวัสดีแม่ของฉันที่บังเอิญนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สวนหน้าบ้านอย่างมีมารยาท ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันค่อย ๆ ก้าวลงจากรถของเขา ในตอนนั้นแม่ฉันได้ละจากธุระของตัวเองแล้วตรงมาทางเราสองคน รอยยิ้มใจดีปรากฏขึ้นบนดวงหน้าก่อนนัยน์ตาอบอุ่นจะกวาดมองสภาพของฉันคร่าว ๆ แล้วเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“ทำไมถึงได้มากับพี่เขาล่ะลูก”
“อ๋อ คือว่าหนู...”
“ผมเป็นคนอาสามาส่งเองฮะแม่พาย เห็นน้องยืนรอรถเมล์คนเดียว” ทว่าคนที่ตอบคำถามกลับเป็นพี่คลอรีนแทน เขาหันมาขยิบตาให้ฉันคล้ายต้องการส่งซิกบางอย่างก่อนจะหันไปสนทนากับแม่ของฉันต่อ “แล้ววันนี้ผมว่างด้วยพอดี ก็เลยมาส่งน้องครับ”
“อย่างนั้นเองเหรอ ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะคลอรีน แม่ก็รบกวนเราเลย” ได้ยินเช่นนั้นแม่ก็ระบายรอยยิ้มอบอุ่นอีกครั้ง ท่านหันมามองหน้าฉันแล้วลูบศีรษะเบา ๆ “อย่าลืมขอบคุณพี่เขาด้วยนะอุ่นไอ”
“อื้อ” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเคลื่อนสายตาไปสบมองเจ้าของเรือนร่างสมส่วนในชุดนักเรียนซึ่งกำลังคร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขาแล้วจึงโค้งหัวลงเพื่อแสดงความขอบคุณ “ขอบคุณนะคะพี่รีน”
“ยินดีครับผม” อีกฝ่ายคลี่ยิ้มละมุน เอ่ยประโยคเมื่อครู่ด้วยเสียงแลดูทะเล้นชวนใจกระตุก เห็นดังนั้นก็ได้แต่ก้มหน้างุด แทบจะทำตัวไม่ถูกเพราะความเหนียมอาย
ฮื้อ...เมื่อกี้พี่คลอรีนน่ารักจังเลยอ่า ใจเจ็บไปหมดเลยเนี่ย
“รีบคืนหมวกกันน็อคให้พี่เขาได้แล้วจ้ะ”
“อ๊ะ จริงด้วย”
แล้วก็ต้องถอนจากความคิดตัวเองเมื่อถูกแม่ทักเช่นนั้น ฉันรีบหันไปส่งสายตาขอลุแก่โทษกับพี่คลอรีนแล้วยื่นหมวกกันน็อคที่อยู่ในมือตัวเองไปให้เขา “นี่ค่ะ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่กลับแล้วนะ...ผมกลับก่อนนะฮะแม่พาย” พี่คลอรีนหันไปเอ่ยกับแม่ฉันในประโยคหลังเมื่อรับของไปแล้ว จากนั้นก็สตาร์ทรถเตรียมออกตัว
แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะกลับรถไปยังทิศทางเดิมอยู่นั้น อีกฝ่ายก็เปิดหมวกกันน็อคเพื่อเอ่ยกับฉัน
“พรุ่งนี้เจอกันนะ แล้วอย่ามาสายอีกล่ะ รอบหน้าพี่ไม่ปล่อยแล้วนะ”
“โธ่ พี่คลอรีนอ่า”
บรื้น...บรื้นนน...
ง่า...ไปซะแล้ว
เฮ้อ เวลาแห่งความสุขมันมักจะผ่านไปไวอย่างนี้เสมอเลยสินะ เศร้าจัง
“แอบมองตาละห้อยเลยนะ ดีใจล่ะสิที่พี่เขามาส่งน่ะ คิก ๆ”
“!!” พลันก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะคำเย้าแหย่ของผู้เป็นแม่พร้อมกับข้อศอกที่กระทุ้งเข้ามาของท่าน ฉันใบหน้าแดงร้อนขึ้นมาจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ได้แต่สั่นศีรษะรัว ๆ เป็นการปฏิเสธคำบอกกล่าวนั้น
“ฮื้อ แม่พูดอะไร หนูไม่ได้...”
“หนูเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่ ทำไมแม่จะไม่รู้ล่ะว่าหนูรู้สึกอะไรกับพี่เขาน่ะ”
“….” ได้แต่เงียบเพราะไม่อาจโต้เถียงอะไรกลับไปได้ สุดท้ายฉันก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ พรูลมหายใจออกมาก่อนจะหมุนตัววิ่งเข้าบ้านไปด้วยความรู้สึกที่ทั้งประหม่าทั้งเขินอาย “นะ หนูไปทำการบ้านก่อนนะแม่”
ฟึบ!
หลังจากนั้นฉันก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย รวมถึงสายตาที่ทอดมองมาอย่างเอ็นดูและรอยยิ้มบนใบหน้าซึ่งได้ระบายออกมาด้วยความอ่อนใจของคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนนั่นด้วย
Facebook Messenger
กลุ่มนี้มีแต่วัยรุ่นนมผงเขาอยู่กัน
08.39 PM
Pinky Pimmada : เหยยยย จริงปะ? ไม่จ้อจี้นะมึงงงง
อื้อ เรื่องจริง เค้ายังตื่นเต้นอยู่เลยเนี่ยย : ME
แบบมือไม้สั่น ไม่คิดว่าจะได้ซ้อนท้ายเขา TT : ME
Pinky Pimmada : อีเหี้ยโคตรปัง
Pinky Pimmada : เพื่อนกูจะได้ผัวแล้ว
Pinky Pimmada : ส่งสติกเกอร์หมีหัวเราะ
ยังไม่ถึงขั้นนั้นนนนน : ME
แค่ซ้อนท้ายเองงงง : ME
Pinky Pimmada : ชีดูเพื่อนมึง @Saikeaw Piriyaniwat
Saikeaw Piriyaniwat : มึงก็เลิกแซว มันเขินตายแล้วมั้งตอนนี้ 555
Pinky Pimmada : ไม่เว้ย คือกูกลับก่อนมันแป๊บเดียวเองอะ มาอีกทีคือขึ้นรถไปกับผู้ชายแล้วจ้าแม่
Pinky Pimmada : ไม่ทำดาว่ะเพื่อนกู ร้ายกาจเหมือนกันนะเรา กูต้องมองมึงใหม่ละ
เค้าไม่ได้ทำไรเลยยย : ME
แบบจู่ ๆ พี่เขาก็เข้ามาเองอ่า : ME
ส่งสติกเกอร์หมีเขิน : ME
ละคือนี่ตัวเกร็งมากตอนซ้อนอะ กลัวไปชนพี่เขา : ME
Pinky Pimmada : มึงจะกลัวไรวะ จังหวะนี้ต้องอ่อยดิ เอานมเข้าสู้เลยย
Saikeaw Piriyaniwat : อีพิงกี้5555555
5555555555 : ME
มันไม่มีให้สู้อะดิ : ME
นี่ยังกลัวพี่เขานึกว่านั่งหันหลังให้อยู่เลย : ME
Pinky Pimmada : โอ้ย อี5555555555555555555
Saikeaw Piriyaniwat : 55555555 เอ็นดู
ด้วยความดีใจและยังตื่นเต้นไม่หายกับการได้นั่งซ้อนท้ายพี่คลอรีนในวันนี้ทำให้ฉันตัดสินใจทักไปในเฟซบุ๊คกลุ่ม ได้แต่ขำคิกคักอยู่คนเดียวและนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอย่างขวยเขินและสนุกสนานกับบทสนทนาที่ดูออกรสออกชาติของเพื่อน ๆ
พอได้เอาเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของตัวเองไปบอกเล่าให้เพื่อนฟังแบบนี้แล้วมันรู้สึกดีมากเลยอ่า คือมันเหมือนมีคนคอยร่วมเดินทางไปกับเราตลอดเวลาอะไรประมาณนั้นเลยอะ
แต่เวลาอย่างนี้ก็มีแต่เพื่อนนี่แหละน้า...แบบนี้ตอนอกหักก็ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะนะ ฮา
“อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ จัง...” ฉันพึมพำเสียงเบา ในหัวก็จินตนาการถึงภาพวันพรุ่งนี้ที่จะได้ไปโรงเรียนและเจอกับผู้ชายที่ชอบมาตลอด พยายามคิดว่าถ้าหากได้คุยกันจะคุยกันเรื่องอะไรแบบไหนยังไงอยู่อย่างนั้นเรื่อย ๆ จนเวลาผ่านไปกว่าสิบนาที
ติ๊ง!
ทว่าในขณะนั้นเองเสียงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชัน Messenger ก็ฝ่าเข้ามากลางภวังค์จนต้องละจากความคิดเหล่านั้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสไลด์หน้าจอเพื่อปลดล็อคและเข้าไปดูข้อความดังกล่าว ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก...เป็นพิงกี้คนเดิมนั่นแหละ
09.15 PM
Pinky Pimmada : เออ อย่าลืมอัปสตอรี่เรื่องของขวัญด้วยนะมึง @Aunai Alisa
Pinky Pimmada : กูอยากเห็นว่าพี่เขาจะมีปฏิกิริยายังไง 55555
“เออจริงด้วย ลืมขอบคุณเรื่องของขวัญไปเลย!”
พลันนัยน์ตาจำต้องเบิกโพลงเมื่อได้อ่านข้อความของเพื่อนรัก ปากก็โพล่งถึงเรื่องสำคัญที่ลืมไปเสียสนิท ก่อนจะเด้งตัวขึ้นจากเตียงเพื่อตรงไปหยิบโบว์สีขาวทั้งสองเส้นบนโต๊ะเครื่องแป้งมาถือไว้
ฟึบ!
ไม่รอช้าไปมากกว่านี้ ฉันรีบจัดวางมันให้เข้าที่เข้าทางรวมทั้งจัดแสงไฟเพื่อที่จะได้เอื้อต่อการถ่ายรูปออกมาให้สวย ๆ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็คว้าโทรศัพท์มาเปิดเข้าแอปพลิเคชัน Instagram ต่อด้วยกดเข้าไปที่ฟีเจอร์สตอรี่อย่างรวดเร็ว
แชะ! แชะ! แชะ!
“น่าจะโอเคแล้วล่ะ” ฉันเอ่ยพลางระบายรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยเมื่อคิดว่ารูปที่ถ่ายออกมามันโอเคแล้ว แต่สักพักก็ต้องมุ่นหัวคิ้วลงเพราะไม่รู้ว่าจะเขียนแคปชันภาพไปว่ายังไง
แย่ล่ะ...แล้วฉันจะเขียนอะไรไปดีเนี่ย
จะเขียนอย่างที่พิงกี้บอกก็ไม่ได้อีกอะ เขินตายเลยนะแบบนั้น
ฮื้อ ทำไมมันงานยากจังอ่า
แล้วฉันก็นั่งจมปุ๊กตบตีกับความคิดตัวเองอยู่พักใหญ่ด้วยไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปดี ตอนแรกก็คิดว่าจะทักไปปรึกษากับเพื่อนแหละ แต่คิดว่าของแบบนี้ควรจะคิดด้วยตัวเองมากกว่าก็เลยไม่ได้ถาม
“ช่างมันแล้ว เอาแบบนี้แหละ”
แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ได้สักที สุดท้ายฉันก็เลยตัดสินใจโพสต์ภาพพร้อมติดอีโมจิรูปหัวใจสีฟ้ากับรูปพนมมือเป็นการแสดงความขอบคุณแทน
...เหตุผลที่ไม่คิดจะใช้หัวใจสีชมพูเพราะตัวฉันยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะใช้ตัวนั้นน่ะ
ก็ไม่รู้นี่นาว่าพี่คลอรีนจะคิดยังไง...ถึงมันจะเป็นเรื่องหยุมหยิมก็เถอะ แต่หัวใจแต่ละสีมันมีความหมายนะ TT
สีฟ้าสำหรับฉันก็คือการเคารพ เพราะฉะนั้นมันน่าจะเป็นอะไรที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
ทั้งที่คิดแบบนั้น แต่ว่า...
ติ๊ง!
Writer's Talk
มาต่อแง้ววว เอ็นดูตะน้องมากเลยตอนนี้ เป็นอีกบทที่ชอบเป็นพิเศษเลยค่ะ5555555 ไม่รู้ว่าทุกคนอ่านบทที่เป็นแช็ตง่ายไหม เม้นต์บอกกันได้น้า เผื่อถ้ามันอ่านยากเดี๋ยวไอย์จะเอาไปทำเป็นกรอบแช็ตจริง ๆ มาแปะแทนน
ว่าแต่ใครติ๊งมาน้าาาา จะใช่พี่ชายสุดที่รักหรือเปล่าน้อ~ มาลองเดากันค่ะทุกคน ><!
ป.ล. ตอนนี้อัปให้ยาวกว่าตอนอื่นมากเลย เค้าเป็นเด็กดีขนาดนี้ขอติ๊กเกอร์กับหัวใจคนละดวงได้ไหมมมม แต่ถ้าเม้นต์ให้นี่ยิ่งดีเลยค่ะ ดีที่สุด ดีเลศ เกรียงไกร ประเสริฐ สุดยอดดดดดด /อวยยศ
ความคิดเห็น