ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Ebook] Only One รักคุณเพียงหนึ่ง #เพียงอุ่นไอ

    ลำดับตอนที่ #7 : PART I : EPISODE 02 : 'แอบ' มอง [3/3]

    • อัปเดตล่าสุด 9 ธ.ค. 64


    หลังจากนั้นพี่คลอรีนก็ขี่รถไปส่งฉันถึงบ้านอย่างปลอดภัย แน่นอนว่าระหว่างทางฉันพยายามเกร็งตัวเองสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้ไปกระแทกกับแผ่นหลังอันแสนแข็งแกร่งของเขา

    ก็ใครมันจะไปกล้าปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นกันล่ะ...เดี๋ยวพี่คลอรีนก็รู้หมดน่ะสิว่าฉันไม่มีหน้าอกอะ TT

    “อ้าว...”

    “สวัสดีฮะแม่พาย วันนี้พาน้องอุ่นไอมาส่งครับผม”

    แล้วพี่คลอรีนก็เปิดหมวกกันน็อคและยกมือสวัสดีแม่ของฉันที่บังเอิญนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สวนหน้าบ้านอย่างมีมารยาท ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันค่อย ๆ ก้าวลงจากรถของเขา ในตอนนั้นแม่ฉันได้ละจากธุระของตัวเองแล้วตรงมาทางเราสองคน รอยยิ้มใจดีปรากฏขึ้นบนดวงหน้าก่อนนัยน์ตาอบอุ่นจะกวาดมองสภาพของฉันคร่าว ๆ แล้วเอ่ยถามอย่างห่วงใย

    “ทำไมถึงได้มากับพี่เขาล่ะลูก”

    “อ๋อ คือว่าหนู...”

    “ผมเป็นคนอาสามาส่งเองฮะแม่พาย เห็นน้องยืนรอรถเมล์คนเดียว” ทว่าคนที่ตอบคำถามกลับเป็นพี่คลอรีนแทน เขาหันมาขยิบตาให้ฉันคล้ายต้องการส่งซิกบางอย่างก่อนจะหันไปสนทนากับแม่ของฉันต่อ “แล้ววันนี้ผมว่างด้วยพอดี ก็เลยมาส่งน้องครับ”

    “อย่างนั้นเองเหรอ ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะคลอรีน แม่ก็รบกวนเราเลย” ได้ยินเช่นนั้นแม่ก็ระบายรอยยิ้มอบอุ่นอีกครั้ง ท่านหันมามองหน้าฉันแล้วลูบศีรษะเบา ๆ “อย่าลืมขอบคุณพี่เขาด้วยนะอุ่นไอ”

    “อื้อ” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเคลื่อนสายตาไปสบมองเจ้าของเรือนร่างสมส่วนในชุดนักเรียนซึ่งกำลังคร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขาแล้วจึงโค้งหัวลงเพื่อแสดงความขอบคุณ “ขอบคุณนะคะพี่รีน”

    “ยินดีครับผม” อีกฝ่ายคลี่ยิ้มละมุน เอ่ยประโยคเมื่อครู่ด้วยเสียงแลดูทะเล้นชวนใจกระตุก เห็นดังนั้นก็ได้แต่ก้มหน้างุด แทบจะทำตัวไม่ถูกเพราะความเหนียมอาย

    ฮื้อ...เมื่อกี้พี่คลอรีนน่ารักจังเลยอ่า ใจเจ็บไปหมดเลยเนี่ย

    “รีบคืนหมวกกันน็อคให้พี่เขาได้แล้วจ้ะ”

    “อ๊ะ จริงด้วย”

    แล้วก็ต้องถอนจากความคิดตัวเองเมื่อถูกแม่ทักเช่นนั้น ฉันรีบหันไปส่งสายตาขอลุแก่โทษกับพี่คลอรีนแล้วยื่นหมวกกันน็อคที่อยู่ในมือตัวเองไปให้เขา “นี่ค่ะ”

    “ถ้างั้นเดี๋ยวพี่กลับแล้วนะ...ผมกลับก่อนนะฮะแม่พาย” พี่คลอรีนหันไปเอ่ยกับแม่ฉันในประโยคหลังเมื่อรับของไปแล้ว จากนั้นก็สตาร์ทรถเตรียมออกตัว

    แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะกลับรถไปยังทิศทางเดิมอยู่นั้น อีกฝ่ายก็เปิดหมวกกันน็อคเพื่อเอ่ยกับฉัน

    “พรุ่งนี้เจอกันนะ แล้วอย่ามาสายอีกล่ะ รอบหน้าพี่ไม่ปล่อยแล้วนะ”

    “โธ่ พี่คลอรีนอ่า”

    บรื้น...บรื้นนน...

    ง่า...ไปซะแล้ว

    เฮ้อ เวลาแห่งความสุขมันมักจะผ่านไปไวอย่างนี้เสมอเลยสินะ เศร้าจัง

    “แอบมองตาละห้อยเลยนะ ดีใจล่ะสิที่พี่เขามาส่งน่ะ คิก ๆ”

    “!!” พลันก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะคำเย้าแหย่ของผู้เป็นแม่พร้อมกับข้อศอกที่กระทุ้งเข้ามาของท่าน ฉันใบหน้าแดงร้อนขึ้นมาจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ได้แต่สั่นศีรษะรัว ๆ เป็นการปฏิเสธคำบอกกล่าวนั้น

    “ฮื้อ แม่พูดอะไร หนูไม่ได้...”

    “หนูเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่ ทำไมแม่จะไม่รู้ล่ะว่าหนูรู้สึกอะไรกับพี่เขาน่ะ”

    “….” ได้แต่เงียบเพราะไม่อาจโต้เถียงอะไรกลับไปได้ สุดท้ายฉันก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ พรูลมหายใจออกมาก่อนจะหมุนตัววิ่งเข้าบ้านไปด้วยความรู้สึกที่ทั้งประหม่าทั้งเขินอาย “นะ หนูไปทำการบ้านก่อนนะแม่”

    ฟึบ!

    หลังจากนั้นฉันก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย รวมถึงสายตาที่ทอดมองมาอย่างเอ็นดูและรอยยิ้มบนใบหน้าซึ่งได้ระบายออกมาด้วยความอ่อนใจของคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนนั่นด้วย

     


    Facebook Messenger

    กลุ่มนี้มีแต่วัยรุ่นนมผงเขาอยู่กัน

    08.39 PM

    Pinky Pimmada : เหยยยย จริงปะ? ไม่จ้อจี้นะมึงงงง

    อื้อ เรื่องจริง เค้ายังตื่นเต้นอยู่เลยเนี่ยย : ME

    แบบมือไม้สั่น ไม่คิดว่าจะได้ซ้อนท้ายเขา TT : ME

    Pinky Pimmada : อีเหี้ยโคตรปัง

    Pinky Pimmada : เพื่อนกูจะได้ผัวแล้ว

    Pinky Pimmada : ส่งสติกเกอร์หมีหัวเราะ

    ยังไม่ถึงขั้นนั้นนนนน : ME

    แค่ซ้อนท้ายเองงงง : ME

    Pinky Pimmada : ชีดูเพื่อนมึง @Saikeaw Piriyaniwat

    Saikeaw Piriyaniwat : มึงก็เลิกแซว มันเขินตายแล้วมั้งตอนนี้ 555

    Pinky Pimmada : ไม่เว้ย คือกูกลับก่อนมันแป๊บเดียวเองอะ มาอีกทีคือขึ้นรถไปกับผู้ชายแล้วจ้าแม่

    Pinky Pimmada : ไม่ทำดาว่ะเพื่อนกู ร้ายกาจเหมือนกันนะเรา กูต้องมองมึงใหม่ละ

    เค้าไม่ได้ทำไรเลยยย : ME

    แบบจู่ ๆ พี่เขาก็เข้ามาเองอ่า : ME

    ส่งสติกเกอร์หมีเขิน : ME

    ละคือนี่ตัวเกร็งมากตอนซ้อนอะ กลัวไปชนพี่เขา : ME

    Pinky Pimmada : มึงจะกลัวไรวะ จังหวะนี้ต้องอ่อยดิ เอานมเข้าสู้เลยย

    Saikeaw Piriyaniwat : อีพิงกี้5555555

    5555555555 : ME

    มันไม่มีให้สู้อะดิ : ME

    นี่ยังกลัวพี่เขานึกว่านั่งหันหลังให้อยู่เลย : ME

    Pinky Pimmada : โอ้ย อี5555555555555555555

    Saikeaw Piriyaniwat : 55555555 เอ็นดู


    ด้วยความดีใจและยังตื่นเต้นไม่หายกับการได้นั่งซ้อนท้ายพี่คลอรีนในวันนี้ทำให้ฉันตัดสินใจทักไปในเฟซบุ๊คกลุ่ม ได้แต่ขำคิกคักอยู่คนเดียวและนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอย่างขวยเขินและสนุกสนานกับบทสนทนาที่ดูออกรสออกชาติของเพื่อน ๆ

    พอได้เอาเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของตัวเองไปบอกเล่าให้เพื่อนฟังแบบนี้แล้วมันรู้สึกดีมากเลยอ่า คือมันเหมือนมีคนคอยร่วมเดินทางไปกับเราตลอดเวลาอะไรประมาณนั้นเลยอะ

    แต่เวลาอย่างนี้ก็มีแต่เพื่อนนี่แหละน้า...แบบนี้ตอนอกหักก็ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะนะ ฮา

    “อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ จัง...” ฉันพึมพำเสียงเบา ในหัวก็จินตนาการถึงภาพวันพรุ่งนี้ที่จะได้ไปโรงเรียนและเจอกับผู้ชายที่ชอบมาตลอด พยายามคิดว่าถ้าหากได้คุยกันจะคุยกันเรื่องอะไรแบบไหนยังไงอยู่อย่างนั้นเรื่อย ๆ จนเวลาผ่านไปกว่าสิบนาที

    ติ๊ง!

    ทว่าในขณะนั้นเองเสียงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชัน Messenger ก็ฝ่าเข้ามากลางภวังค์จนต้องละจากความคิดเหล่านั้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสไลด์หน้าจอเพื่อปลดล็อคและเข้าไปดูข้อความดังกล่าว ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก...เป็นพิงกี้คนเดิมนั่นแหละ

     


    09.15 PM

    Pinky Pimmada : เออ อย่าลืมอัปสตอรี่เรื่องของขวัญด้วยนะมึง @Aunai Alisa

    Pinky Pimmada : กูอยากเห็นว่าพี่เขาจะมีปฏิกิริยายังไง 55555


     

    “เออจริงด้วย ลืมขอบคุณเรื่องของขวัญไปเลย!”

    พลันนัยน์ตาจำต้องเบิกโพลงเมื่อได้อ่านข้อความของเพื่อนรัก ปากก็โพล่งถึงเรื่องสำคัญที่ลืมไปเสียสนิท ก่อนจะเด้งตัวขึ้นจากเตียงเพื่อตรงไปหยิบโบว์สีขาวทั้งสองเส้นบนโต๊ะเครื่องแป้งมาถือไว้

    ฟึบ!

    ไม่รอช้าไปมากกว่านี้ ฉันรีบจัดวางมันให้เข้าที่เข้าทางรวมทั้งจัดแสงไฟเพื่อที่จะได้เอื้อต่อการถ่ายรูปออกมาให้สวย ๆ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็คว้าโทรศัพท์มาเปิดเข้าแอปพลิเคชัน Instagram ต่อด้วยกดเข้าไปที่ฟีเจอร์สตอรี่อย่างรวดเร็ว

    แชะ! แชะ! แชะ!

    “น่าจะโอเคแล้วล่ะ” ฉันเอ่ยพลางระบายรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยเมื่อคิดว่ารูปที่ถ่ายออกมามันโอเคแล้ว แต่สักพักก็ต้องมุ่นหัวคิ้วลงเพราะไม่รู้ว่าจะเขียนแคปชันภาพไปว่ายังไง

    แย่ล่ะ...แล้วฉันจะเขียนอะไรไปดีเนี่ย

    จะเขียนอย่างที่พิงกี้บอกก็ไม่ได้อีกอะ เขินตายเลยนะแบบนั้น

    ฮื้อ ทำไมมันงานยากจังอ่า

    แล้วฉันก็นั่งจมปุ๊กตบตีกับความคิดตัวเองอยู่พักใหญ่ด้วยไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปดี ตอนแรกก็คิดว่าจะทักไปปรึกษากับเพื่อนแหละ แต่คิดว่าของแบบนี้ควรจะคิดด้วยตัวเองมากกว่าก็เลยไม่ได้ถาม

    “ช่างมันแล้ว เอาแบบนี้แหละ”

    แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ได้สักที สุดท้ายฉันก็เลยตัดสินใจโพสต์ภาพพร้อมติดอีโมจิรูปหัวใจสีฟ้ากับรูปพนมมือเป็นการแสดงความขอบคุณแทน

    ...เหตุผลที่ไม่คิดจะใช้หัวใจสีชมพูเพราะตัวฉันยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะใช้ตัวนั้นน่ะ

    ก็ไม่รู้นี่นาว่าพี่คลอรีนจะคิดยังไง...ถึงมันจะเป็นเรื่องหยุมหยิมก็เถอะ แต่หัวใจแต่ละสีมันมีความหมายนะ TT

    สีฟ้าสำหรับฉันก็คือการเคารพ เพราะฉะนั้นมันน่าจะเป็นอะไรที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

    ทั้งที่คิดแบบนั้น แต่ว่า...

    ติ๊ง!

    sds

    Writer's Talk

    มาต่อแง้ววว เอ็นดูตะน้องมากเลยตอนนี้ เป็นอีกบทที่ชอบเป็นพิเศษเลยค่ะ5555555 ไม่รู้ว่าทุกคนอ่านบทที่เป็นแช็ตง่ายไหม เม้นต์บอกกันได้น้า เผื่อถ้ามันอ่านยากเดี๋ยวไอย์จะเอาไปทำเป็นกรอบแช็ตจริง ๆ มาแปะแทนน

    ว่าแต่ใครติ๊งมาน้าาาา จะใช่พี่ชายสุดที่รักหรือเปล่าน้อ~ มาลองเดากันค่ะทุกคน ><!

    ป.ล. ตอนนี้อัปให้ยาวกว่าตอนอื่นมากเลย เค้าเป็นเด็กดีขนาดนี้ขอติ๊กเกอร์กับหัวใจคนละดวงได้ไหมมมม แต่ถ้าเม้นต์ให้นี่ยิ่งดีเลยค่ะ ดีที่สุด ดีเลศ เกรียงไกร ประเสริฐ สุดยอดดดดดด /อวยยศ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×