คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : PART I : EPISODE 02 : 'แอบ' มอง [2/3]
“เอ่อ วันนี้แม่หนูบอกว่ารถมีปัญหาก็เลยให้นั่งรถกลับเองน่ะค่ะ (._.) ” ฉันว่าพลางก้มหน้างุด พอเป็นฝ่ายโดนถามบ้างก็รู้สึกตื่นเต้นหน่อย ๆ มันรู้สึกเหมือนกำลังถูกใส่ใจอะไรประมาณนั้นเลยอะ
บ้าจัง...แค่นี้ก็รู้สึกเป็นเขิน ๆ แล้วอ่า
ฉันนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ นั่นแหละ
“อ่าว งี้ก็ต้องนั่งรถกลับเองคนเดียวเหรอ?” พี่คลอรีนถามด้วยโทนเสียงที่สูงขึ้นเพียงเล็กน้อย
เขาคงจะแปลกใจที่ฉันกลับบ้านเอง เพราะปกติฉันจะมีคนมารับตลอด ไม่แม่ก็พ่อ...แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแม่มากกว่า เพราะว่าท่านพึ่งจะเอาชนะใจตัวเองในการขับขี่ยานพาหนะได้ก็เลยอยากจะขับรถบ่อย ๆ
คือแม่ฉันมีปัญหาทางใจเกี่ยวกับยานพาหนะต่าง ๆ มาก่อนน่ะ ฉันก็ไม่ค่อยรู้ละเอียดเท่าไหร่ ได้ยินแต่พ่อเล่า ๆ มาแค่นั้นเอง
“อื้อ คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ” ฉันพยักหน้าและตอบคำถามพี่คลอรีนไปตามความจริง แต่...
“จะไหวเหรอกลับคนเดียว ตัวก็แค่เนี้ย”
“พี่บู้บี้ส่วนสูงหนูเหรออ” ฉันหันไปแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายทันทีที่โดนทักเรื่องส่วนสูง
เห็นพี่คลอรีนเป็นคนแสนดีในสายตาแค่ไหน แต่เขาก็ขี้แกล้งเหมือนกันนะเอาจริง ชอบหยอกฉันเรื่องนี้เรื่อยเลยอะ โธ่...
“บู้บี้เฉย เพี้ยนไปไกลละ” อีกฝ่ายกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นฉันใช้คำศัพท์แปลก ๆ อย่างคำว่า ‘บู้บี้’ ซึ่งเพี้ยนมาจากคำว่า ‘บูลลี่ (Bully) ’ สักพักพี่คลอรีนก็เคลื่อนฝ่ามือข้างเดียวกับที่วางบนศีรษะก่อนหน้านี้มากำท่อนแขนเล็กของฉันไป “งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งละกัน”
“อะ...เอ๋!” พี่คลอรีนจะไปส่งเหรอ!
ฉันหัวใจเต้นระส่ำเป็นเจ้าเข้าเมื่อได้ยินในสิ่งที่แสนจะเหลือเชื่อจากเจ้าของแรงดึงที่ท่อนแขน นัยน์ตาจับจ้องไปที่แผ่นหลังกว้างตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า...แต่ฉันรู้สึกเหมือนมีไอสีชมพูล้อมรอบตัวเราสองคน ความวุ่นวายช่วงโรงเรียนเลิกพลันหายไปและถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศแสนสดใส ความอบอุ่นจากมือเขาที่เผื่อแผ่มายังฉันผ่านสัมผัสนั้นชัดเจนจนรู้สึกคล้ายโลกนี้มีแค่ฉันกับพี่คลอรีนเพียงสองคนเท่านั้น
ตึกตัก...ตึกตัก...
ทำไมมันรู้สึกดีขนาดนี้นะ...รู้สึกดีมากจริง ๆ
อยากจะอยู่...แบบนี้กับพี่คลอรีนไปตลอดเลยอะ
คำขอนี้มันจะดูเกินไปหรือเปล่านะ...
“ดีนะที่พกหมวกกันน็อคมาสองใบ”
เพียงไม่นานพี่คลอรีนก็พาฉันมายังลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ของโรงเรียน เขายื่นหมวกกันน็อคสีชมพูหวานแหววมาไว้ตรงหน้าฉันด้วยรอยยิ้มละมุนเหมือนดังเคย
“ขะ ขอบคุณค่ะ” ได้แต่พยักหน้า ยื่นมือไปรับหมวกกันน็อคในมือเขามาอย่างเก็บอาการดีใจจนลิงโลดเอาไว้สุดฤทธิ์
ฮื้อ นี่ฉันฝันไปหรือเปล่าที่ตัวเองกำลังจะได้ซ้อนท้ายรถพี่คลอรีนอย่างนี้น่ะ
ตอนนั่งต้องเกร็งมากแน่ ๆ เลยอะ ฉันจะกล้าเกาะเอวพี่เขาไหมเนี่ย...
“จริง ๆ ที่พกมาสองใบเพราะบางทีไอ้ซัลมันชอบลืมหมวกไว้อะ ลำบากที่บ้านตลอด พี่ก็เลยติดนิสัยชอบพกหมวกมาสองใบทุกครั้งไรงี้”
“อ๋อ...”
พี่คลอรีนอธิบายเพิ่มเติมเรื่องที่เขามีหมวกกันน็อคสองใบราวกับกลัวว่าฉันจะสงสัย ได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็ผลิบานจนแก้มแทบปริเพราะรู้สึกเหมือนระยะห่างระหว่างเราสองคนมันลดลง
พี่คลอรีนคุยเรื่องของตัวเองให้ฉันฟังด้วยอ่า...ดีใจจัง ฮื้อ
อ๋อใช่ ‘ไอ้ซัล’ ของพี่คลอรีนเมื่อกี้คือ ‘พี่ซัลเฟอร์’ เขาเป็นพี่น้องฝาแฝดของพี่คลอรีนน่ะ หน้าตาเหมือนกันแทบจะทุกอย่างเลย แต่ว่าฉันก็แยกออกนะว่าคนไหนคือใคร...คงเพราะเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ล่ะมั้ง
จะว่าไปแล้วฉันก็ลืมบอกเลยว่าพี่คลอรีนเขามีฝาแฝดนะ แถมเป็นแฝดสามด้วยล่ะ...สุดยอดไปเลยเนอะ
ซึ่งแฝดอีกคนของพี่เขามีชื่อว่า ‘พี่นิคเกิล’ คนนี้เป็นคนที่ดูแตกต่างมากที่สุดในบรรดาสามแฝดแล้ว แบบมันดูออกเลยอะ อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม
พอได้รู้ชื่อแต่ละคนอย่างนี้แล้วรู้สึกคุ้น ๆ กันบ้างไหม?
อื้อ ใช่แล้ว...ชื่อของพี่ ๆ เขาทั้งสามคนมันก็คือชื่อธาตุต่าง ๆ ซึ่งถ้าเรียนเคมีมาก็น่าจะเคยได้ท่องกันบ้างนะ ‘ตารางธาตุ’ นั่นน่ะ ฮา~
“ขึ้นมาเลยอุ่นไอ”
“อื้อ” ฉันพยักหน้ารับเมื่อสวมหมวกกันน็อคเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายพี่คลอรีน ใจเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ไม่หยุดไม่พัก
หวา...ตื่นเต้นอะ กลัวทำอะไรเปิ่น ๆ ชะมัดเลย
“จับเอวพี่ก็ได้นะ”
“คะ?” แทบจะผงะหงายหลังตกรถไปเลยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเช่นนั้น พวงแก้มพลันแดงร้อนขึ้นมาเมื่อหัวสมองจินตนาการถึงภาพที่ตัวเองกำลังกอดเอวซ้อนท้ายเขาอย่างแนบแน่น
ตึกตัก...ตึกตัก...
เดี๋ยวสิ ให้ฉันจับเอวเขาทั้งอย่างนี้มันจะดีจริง ๆ น่ะเหรอ...
ฮื้อ รู้สึกเหมือนหัวใจจะวายเลยอะ
“หนู...จับได้จริง ๆ เหรอ” ฉันถามเสียงเบาหวิว พยายามข่มกลั้นความรู้สึกประหม่าที่จู่โจมเข้ามาพักใหญ่เอาไว้
“เอ้า ก็ต้องได้อยู่แล้วไหมอะ ทำตัวเป็นคนอื่นคนไกลไปได้น่าเราอะ” พี่คลอรีนหันมาส่งยิ้มสบาย ๆ ให้ราวกับไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ ท่าทางนั้นทำให้ความเกร็งของฉันผ่อนคลายลงจนในที่สุดก็มีความกล้ามากพอที่จะยื่นมือไปกำชายเสื้อนักเรียนของเขา
“อื้อ งั้นขอจับนะ”
“จับอะไรพูดให้ชัด ๆ พี่คิดลึก”
“กะ ก็ต้องจับเอวพี่สิ! จะให้หนูจับอะไรเล่า!” ฉันโพล่งตอบด้วยความเขินอายที่โดนอีกฝ่ายส่งมุกมาแบบนั้น ก่อนจะเผลอออกแรงดึงชายเสื้อเขาจนมันหลุดลุ่ยออกมาจากกางเกงนักเรียนสีกรมท่า “หวา หลุดซะแล้ว...”
“นั่นไม่ใช่เอวพี่สักหน่อย” พี่คลอรีนกลั้วหัวเราะ ไม่ได้มีความรู้สึกขุ่นเคืองใด ๆ กับการที่ฉันไปกระชากเอาเสื้อเขาออกมาเลยสักนิด
หมับ!
“อ๊ะ”
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเคลื่อนมือแสนอบอุ่นของตัวเองมาดึงมือฉันไปสัมผัสกับส่วนที่เป็นเอวของเขาอย่างนุ่มนวลที่สุด
“นี่ เอวพี่อยู่ตรงนี้”
ฉ่า...
อ่า ได้ยินเสียงนั่นไหม...
เสียงแก้มฉันที่ความร้อนมันทะลุถึงจุดสูงสุดยังไงล่ะ
โอ๊ย ๆ นี่พี่คลอรีนจะรู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังทำให้คนทางนี้หวั่นไหวอยู่น่ะ!
“จับดี ๆ ล่ะ ตกไปพี่ไม่รู้ด้วยนะ”
บรื้น...
“เฮือก!”
แต่สักพักก็ต้องดึงสติตัวเองกลับมาเพราะเสียงเครื่องยนต์ซึ่งดังเป็นสัญญาณว่ากำลังจะออกตัวในอีกไม่ช้านี้ เห็นดังนั้นฉันจึงรีบสลัดทุกความรู้สึกที่ตีวนอยู่ในใจทิ้งไปแล้วเกาะเอวพี่คลอรีนด้วยสองมือที่ตอนนี้สั่นเหมือนโดนผีเข้าไม่หยุด
หลังจากนั้นพี่คลอรีนก็ขี่รถไปส่งฉันถึงบ้านอย่างปลอดภัย แน่นอนว่าระหว่างทางฉันพยายามเกร็งตัวเองสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้ไปกระแทกกับแผ่นหลังอันแสนแข็งแกร่งของเขา
ก็ใครมันจะไปกล้าปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นกันล่ะ...เดี๋ยวพี่คลอรีนก็รู้หมดน่ะสิว่าฉันไม่มีหน้าอกอะ TT
Writer's Talk
โง้ย ยัยน้องงง55555555555555555 ขำความไม่มีหน้าอกให้ชน ส่วนอีพี่นี่ก็อ่อยน้องจัง จงใจป้ะเนี่ย
วันนี้เกิดอยากอัปรอบสองเพราะคิดถึงคุณนักอ่านทุกคนเลยย ต้องให้รางวัลไอย์โดยการคอมเม้นต์คนละ 1 แล้วนะคะ อิ_อิ
1 คอมเม้นต์ 1 ล้านกำลังใจดี ๆ
ความคิดเห็น