ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Ebook] Only One รักคุณเพียงหนึ่ง #เพียงอุ่นไอ

    ลำดับตอนที่ #4 : PART I : EPISODE 01 : 'แอบ' รัก [3/3]

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 64


    “เติมร้อยนึงเลย เดี๋ยวถ้าเหลือค่อยแลกคืน”

    “โอเค งั้นฝากจองที่ด้วยนะ” สิ้นคำนั้นฉันก็ส่งยิ้มให้เพื่อนสนิทก่อนจะหมุนตัวเดินตรงไปยังจุดเติมเงินที่มีบุคลากรของโรงเรียนประจำอยู่

    อ้อ อีกเรื่องของโรงเรียนนี้ก็คือเวลาจะซื้อข้าวในโรงอาหารและร้านค้าสหกรณ์จะต้องใช้บัตรนักเรียนซื้อโดยการเติมเงินเข้าบัตร ถ้าเหลือก็สามารถไปแลกคืนได้ ระบบการจ่ายเงินแบบนี้ก็เหมือนกับตอนไปซื้อข้าวที่ Food Hall ของห้างสรรพสินค้านั่นแหละ

    ที่ต้องใช้วิธีนี้เพราะมันสะดวกในหลาย ๆ อย่าง ทั้งความแม่นยำในการคิดเงินและการทำบัญชี โดยเฉพาะตอนไปซื้อของที่ร้านค้าสหกรณ์นี่มันจะบันทึกไว้เลยว่านักเรียนคนนี้มาซื้ออะไรเท่าไหร่ พอสิ้นปีการศึกษาข้อมูลตรงนี้ก็จะถูกนำไปคำนวณเป็นเงินปันผลคืนให้กับนักเรียนในทุก ๆ ปีไงล่ะ

    “จะว่าไปกูมีคำถาม”

    “อะไรวะ?”

    “?”

    เมื่อซื้อข้าวมาทานกันเรียบร้อยแล้ว ทรายที่ตอนนี้ข้าวพร่องไปเกือบหมดจานก็ได้เอ่ยเรียกความสนใจของฉันและเพื่อนอีกคนไป

    “เมื่อเช้าแกก็เจอพี่สุดหล่อก่อนพิงกี้ไม่ใช่เหรอวะไอ แล้วทำไมพี่เขาต้องฝากพิงกี้มาให้ด้วยอะ ให้เองก็ได้นิ”

    กึก...

    “เออก็จริงว่ะ”

    “เอ่อ...อันนี้ไอไม่รู้เลยอ่า”

    พอลองมาคิดดูแล้ว...มันก็น่าคิดอยู่เหมือนกันนะว่าทำไมพี่คลอรีนถึงไม่ให้ฉันด้วยตัวเองแบบนี้

    ทำไมกันนะ...ทำไม

    “กูว่าคงเขินแหละ”

    “เอ๋?” ฉันครางเสียงอย่างงุนงงทันทีที่ได้ยินพิงกี้เอ่ยเช่นนั้น แต่สักพักสมองก็ประมวลผลได้ ทำเอาพวงแก้มทั้งสองร้อนฉ่าขึ้นมา ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเต้นระส่ำอีกครั้ง “บ้า พี่คลอรีนจะมาเขินอะไร...เค้าสิที่ต้องเขิน”

    “เอ้า ก็ไม่แน่นะมึงงง บางทีนี่อาจจะไม่ใช่แค่การแอบรักก็ได้ ก็เพื่อนกูสวย น่ารัก เพียบพร้อม ผู้ดีปานนี้ ใครมันจะไปห้ามใจไม่ให้หลงรักได้ไหววะ เชื่อกู กูเฟิร์มเลย พี่เขาชอบมึงแน่ ๆ อุ่นไอ”

    “ชงเป็นบาริสต้าเลยนะมึง ได้ค่านายหน้าเท่าไหร่วะเนี่ย”

    “แหะ...” ได้แต่ฉีกยิ้มแห้งเหือดเพราะพิงกี้ที่พยายามพูดเข้าข้างฉันสุดฤทธิ์สุดเดช รู้ดีว่ายังไงที่พูดมามันก็ไม่ใช่ความจริง

    อย่างพี่คลอรีนน่ะเหรอคิดอะไรกับฉัน...ไม่มีทางหรอก

    สำหรับฉัน...อย่างมากสุดคงให้ได้แค่น้องสาวเท่านั้นแหละ

    ก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เห็นกันตั้งแต่ยังถอดเสื้อผ้าอาบน้ำด้วยกัน ไม่มีทางที่เขาจะมองฉันในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งแน่ ๆ อะ

    แต่ก็ขอบคุณพิงกี้แหละที่พยายามพูดให้ฉันรู้สึกดีแบบนี้

    เพื่อนก็คือเพื่อนอะเนอะ เข้าข้างกันเป็นธรรมดา...ฮา

    “เฮ้ยเชี่ย อุ่นไอหันไปดูข้างหลังเร็ว”

    “หือ?”

    ตอนนั้นเองที่ฉันได้หันไปมองข้างหลังตามคำบอกของเพื่อนสาว ในคราแรกไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ ติดจะงง ๆ อยู่นิดหน่อยด้วยซ้ำว่าจะให้หันไปดูอะไร

    กระทั่งเห็นร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งในชุดนักเรียนมอปลายกำลังเดินมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเขาเท่านั้นนั่นแหละ

    ฟึบ!

    กรี๊ด! พะ พี่คลอรีนมา...

    ได้แต่หวีดเสียงร้องในใจพร้อมกับเก็บสายตากลับมาอย่างรวดเร็วด้วยหัวใจที่เต้นโครมครามไม่หยุดไม่หย่อน ซ้ำร้ายยังดูจะทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกหลายต่อหลายเท่าเมื่อได้ยินเสียงทุ้มละมุนอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะห่างที่ลดลง

    “วันนี้กินไรดีวะ”

    “ข้าวมันไก่ไหมมึง”

    “แต่กูเบื่อไก่แล้วว่ะ”

    “งั้นข้าวขาหมู”

    ตึกตัก! ตึกตัก!

    พี่คลอรีน...ใกล้เข้ามาแล้ว

    ฉะ ฉันจะทำตัวยังไงดี...

    จริงสิ! ต้องขอบคุณเรื่องของขวัญ...

    “รีน!”

    กึก!

    ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงเรียกแสนหวานของใครคนหนึ่งก็เอ่ยเรียกคนในความคิดก่อนที่ฉันจะทันได้หันไปเอ่ยอะไรกับเขา ก่อนร่างทั้งร่างจะชะงักไปโดยพลันเมื่อรับรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นผู้หญิงร่างเล็กบอบบางทว่ากลับสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าคนรุ่นเดียวกันอยู่มากโข

    พี่คนนั้น...

    “พี่หงส์...หัวหน้าหลีดคณะสีฟ้าเมื่อปีที่แล้วนี่หว่า” ทรายเอ่ยราวกับรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ แน่นอนว่านั่นทำให้ฉันละความสนใจไปยังเพื่อนคนสนิทแทนที่พี่คนนั้นทันที

    “เออใช่ คนดังเลยแหละ ชีพึ่งเข้ามาเรียนตอนมอสี่ก็จริง แต่เหมือนคนจะรู้จักทั้งโรงเรียนเพราะว่าสวยแล้วก็เก่ง แถมยังบิวตี้สแตนดาร์ดมากจ้า”

    อ่า...คนนั้นเองเหรอ

    “ก็ว่าอยู่ว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นหน้า...” ฉันเอ่ยด้วยโทนเสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย หางตาเหลือบมองคนทั้งสองที่ตอนนี้ยืนคุยกันอย่างสนิทสนม

    ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า...แต่เหมือนพี่หงส์พยายามจะเข้าไปเกี่ยวแขนพี่คลอรีนอย่างชิดใกล้เลยอะ

    พวกเขาสองคน...เป็นอะไรกันนะ ทำไมฉันไม่รู้เลยล่ะ

    อ่า แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ ถึงจะเป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่ตอนเด็ก แต่ก็ใช่ว่าจะคุยกันทุกเรื่องสักหน่อยนี่นา

    ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ในใจแบบนี้ก็ไม่รู้...เฮ้อ

    “เออ ละกูก็เคยได้ยินมาว่าตอนชีพี่หงส์เข้ามาเรียนที่นี่ใหม่ ๆ เหมือนจะได้พี่คลอรีนนี่แหละคอยช่วยให้คำปรึกษา อารมณ์ประมาณเป็นบัดดี้กันอะมึง แล้วก็เหมือนจะเริ่มสนิทกันมากขึ้นตอนงานกีฬาสีปีที่แล้วด้วย เพราะพี่คลอรีนเป็นหัวหน้าทีมทำพาเหรดคณะสี ส่วนนางก็เป็นหัวหน้าหลีด เวลาไปประชุมงานก็คงจะเจอหน้ากันบ่อย ๆ แหละ”

    “….”

    ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกคล้ายตัวแข็งเป็นหิน ฉันไม่พูดอะไรนอกจากก้มหน้างุด ในหัวพานนึกไปถึงช่วงกีฬาสีที่ผ่านมาอย่างต้องการรื้อฟื้นความทรงจำ

    ตอนนั้นฉันเป็นแค่เด็กมอสองที่ต้องไปขึ้นแสตนด์เชียร์...พี่คลอรีนเป็นหัวหน้าทำขบวนพาเหรด ก็เลยแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลยเพราะอยู่คนละฝ่าย

    แต่พี่หงส์เป็นหลีดที่ต้องไปร่วมเดินขบวนพาเหรดกับพี่คลอรีนก็เลย...

    แล้วจะคิดมากไปทำไมกันนะ ก็รู้อยู่นี่นาว่าความรู้สึกของเราเป็นเพียงแค่การ ‘แอบชอบ’ น่ะ

    แอบก็คือแอบ...ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย

    “เอาน่าอุ่นไอ แบบมันก็ต้องมีบ้างแหละ อุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าไปแคร์เลยแก”

    หมับ...

    แล้วทรายที่คงจะเห็นว่าฉันซึมไปก็เคลื่อนมือมาวางบนบ่าคล้ายต้องการให้กำลังใจ ซึ่งฉันก็ได้แต่หันไปส่งยิ้มให้เป็นการบอกกราย ๆ ว่า ‘ไม่เป็นไร’ แม้ความจริงจะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลยก็ตาม

    “เออ สะบัดบ๊อบเดินสับสวย ๆ เลยมึง มั่นเข้าไว้ว่าเราสวยกว่า เริ่ดกว่า ประเสริฐกว่า เชิดค่ะเชิด!”

    “พิงกี้ก็เวอร์ไป” พลันเสียงหัวเราะก็หลุดออกมาเบา ๆ เพราะคำเยินยอของเพื่อนคนสนิทที่ดูก็รู้ว่าจงใจพูดให้ฉันอารมณ์ดีทั้งที่ถ้าเทียบกันแบบส่วนต่อส่วนยังไงพี่หงส์ก็ดูดีกว่าฉันอยู่หลายขุม “เค้าจะไปสู้อะไรได้อ่าสภาพนี้”

    “สู้ได้ดิ! นางก็แค่ได้เปรียบตรงที่เรียนอยู่มอห้าเหมือนกันเท่านั้นแหละ แต่กับมึงที่รู้จักพี่เขามาตั้งแต่เด็ก ๆ แม่งเทียบกันไม่ติดฝุ่นเลยด้วยซ้ำ สายใยที่มีมาตั้งแต่อดีตมันตัดไม่ขาดง่าย ๆ หรอกเว้ย” ถึงอย่างนั้นพิงกี้ก็ไม่หยุด เธอยังคงพูดเข้าข้างฉันต่อไป แถมทรายเองก็เข้าร่วมผสมโรงด้วยอีกต่างหาก

    “จริงแก เราได้เปรียบตรงความความผูกพันที่มีมานาน พี่หงส์พึ่งจะมารู้จักพี่คลอรีน ยังไงก็สู้แกไม่ได้แน่ ทรายเอาหัวเป็นประกันเลย”

    “โถ่ พวกแกล่ะก็ยอเกินไปแล้วเนี่ย...ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

    ได้ยินแล้วเสียงหัวเราะที่ตอนแรกไม่ได้ดังอะไรก็เพิ่มระดับมากกว่าเดิมด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายลง

    ข้อดีของการแอบรักก็คือการที่มีเพื่อนคอยเชียร์คอยชงให้มโนเอง ฟินเองแบบนี้นี่แหละน้า

    เอาเถอะ ฉันจะคิดมากให้เสียเวลาไปก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก ยังไงความรู้สึกที่ฉันมีต่อพี่คลอรีนก็คงจะอยู่กับฉันอย่างนี้ต่อไป...

    แม้ว่าภายภาคหน้าเขาอาจจะไม่ได้เป็นของฉันก็ตาม

     

    Writer's Talk

    ตอนนี้บทพระเอกก็ยังจืดจางเช่นเดิม เพิ่มเติมคือโผล่มาบอกว่าไม่อยากกินข้าวมันไก่555555 แถมยังมี 'ตัวละคร' ที่เหมือนจะมีบทสำคัญเพิ่มเข้ามาอีกด้วย เอ๊ะ ๆ ><!

    ในส่วนของตอนนี้ก็ยังคงเป็นบทเพื่อนสาวเม้ามอยและอวยยศตะน้องอยู่ เชื่อว่าสมัยตอนที่ได้แอบชอบใครสักคนมันจะมีเพื่อนรักที่ไม่ว่ายังไงก็จะเข้าข้างเรา ถึงฝ่ายนั้นจะดูดีกว่าแค่ไหน เราก็จะสวยที่สุดสำหรับเพื่อนค่ะ555555555 ไอย์แบบอยากหยิบเอาฉากนี้มาแต่งมากก ในที่สุดก็ได้มีโอกาสสักที กร๊ากก

    สำหรับใครที่รออีพระเอก ตอนหน้าเจอกันคับบ

    1 คอมเม้นต์ 1 ล้านกำลังใจดี ๆ หรือใครไม่รู้จะพิมพ์อะไร ขอสติกเกอร์คนละดวงก็ยังดีนะคะ <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×