ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เรื่องราวที่พลิกผัน
        น่าแปลกที่การพบกันครั้งแรกของคนแปลกหน้าสองคนจะจบลงที่ร้านอาหารเล็กๆกับการสนทนาพอหอมหอมคอ คุณมารุมัทสึเป็นโปรแกรมเมอร์ของบริษัทในเครือคาซามะกรุ๊ป เขาเป็นคนไม่ช่างพูดเท่าไร แต่ก็จากวันนี้ก็ดูเขาพยายามในการสร้างบทสนทนาอยู่พอสมควร พนักงานนำกาแฟมาเสิร์ฟให้หลังอาหาร คุณมารุมัทสึหยิบซองน้ำตาลออกอย่างเคยชิน ก่อนจะจิบกาแฟแก่ๆนั่นไปพลางขมวดคิ้วในความขมของมัน
“คุณมารุมัทสึไม่ชอบทานหวานเหรอค่ะ”
“เปล่าหรอกครับ แค่เวลาทำงานถ้ากาแฟมันอร่อยเกินไป ผมก็จะเอาแต่จิบกาแฟจนไม่ทำงาน พอกาแฟหมดก็ต้องเสียเวลาไปซื้อใหม่อีก” เขาพูดไปพลางจิบกาแฟขมๆนั่น
“แต่ตอนนี้คุณไม่ได้ทำงานนี่ค่ะ” ฉันพูดทักไป พลางอมยิ้มกับพฤติกรรมของเขา
“อืม นั่นสินะ” เขาว่าก่อนจะหันไปหยิบซองน้ำตาลมาฉีกใส่ คุณมารุมัทสึไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่ใส่น้ำตาล แต่มีใครคนหนึ่งที่ฉันรู้จักไม่คิดอย่างนั้น เขามักบอกเสมอว่าการใส่อะไรก็ตามลงในกาแฟจะทำให้มันเสียรสชาดที่แท้จริงของมัน ภาพของเขานั่งจิบกาแฟอยู่ในมุมร้าน กับหนังสือที่ไม่ค่อยมีใครเค้าอ่านกัน ผู้ชายที่ดูลึกลับสำหรับฉัน ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ความรักมักเล่นตลกกับเราเสมอ เพียงการพบกันก็ทำให้เราไม่สามารถลืมเขาได้เสียแล้ว ดูเหมือนเสียมารยาทกับการคุยกับคนคนหนึ่ง แต่เรากลับคิดถึงคนอีกคนหนึ่ง หลังจากกาแฟหมดฉันและคุณมารุมาสึเดินคุยเรื่องทั่วๆไประหว่างทางถึงสถานี เขาส่งฉันขึ้นรถไฟก่อนที่จะกลับไปทำงานที่ค้างอยู่ วันนี้คงเป็นอีกวันหนึ่งที่เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันในชีวิต ทั้งเรื่องงานและคุณมารุมัทสึ  แต่สำหรับในเช้าวันพรุ่งนี้คงเป็นวันที่ฉันต้องเริ่มแก้ปัญหาให้กับชีวิตของตนเอง ระยะเวลา 2 เดือนนี้ฉันจะหารายได้จากที่ไหน ถ้าฉันไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง คงยากที่ฉันจะอยู่ถึงตอนกลับเข้าทำงาน
        รุ่งอรุ่ณของเช้าวันใหม่ของฉัน เช้ากว่าทุกๆวันที่ฉันเคยพบมาที่โตเกียว ฉันกำลังเคลื่อนกายสูดอากาศอย่างแจ่มใสบนรถจักรยานสีคราม วันนี้เป็นวันสามที่ฉันไม่ต้องไปผจญภัยกับฝูงชน สองวันที่ผ่านมาฉันวุ่นวายกับการหางานพิเศษแต่มันก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ฉันกำลังขี่รถวนไปๆมาๆรอบแมนชั่นด้วยความรู้สึกที่ปลอดโปร่งอย่างประหลาด ฉันเองก็อดสงสัยในพฤติกรรมตัวเองไม่ได้ คงเป็นเรื่องจริงที่อัตราการว่างงานในปัจจุบันยังสูงอยู่ ทว่าแทนที่ฉันจะรีบออกไปหางานพิเศษทำต่อ หรือเดินเรื่องขอทางบริษัทพิจารณาการพักงานของฉันใหม่ ฉันกลับกำลังมีความสุขอยู่บนจักรยานของฉัน ก็เท่านั้นล่ะที่ฉันคิด แต่มันก็ไม่ใช่ความคิดถาวรเพราะเพียงไม่กี่นาทีถัดมา ฉันก็จอดรถนั่งร้องไห้อยู่ที่สนามเด็กเล่นด้านหลังของแมนชั่น ฉันอาจใกล้ที่จะมีปัญหาทางจิตแล้วก็เป็นได้ แต่ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่มันถึงไม่เป็นเหมือนอย่างที่ฉันวางแผนเอาไว้ เมื่อไหร่กันที่ฉันจะเข็มแข็งและยืนยัดได้ด้วยตนเอง ความหวังของฉันที่นี่กำลังจะดับลงไปพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่นผลัดใบไปตามฤดูกาล
      ฉันเดินกลับเข้าตัวตึกเพราะหิมะเริ่มตกใหม่อีกครั้ง แม้จะผ่านมานานพอควรแล้วแต่ใบหน้าของฉันก็ยังร้อนอยู่ คุณซางูรุกำลังเดินลงมาจากบันไดพร้อมกับผู้หญิงหน้าใหม่ที่เขาพามาค้างเมื่อคืน เขามองดูฉันด้วยสายตาที่โอ้อวดถึงอำนาจที่เหนือกว่า ผู้ชายขี้ยาหน้ายาวๆอย่างเขามีดีก็แค่รวยเท่านั้น แต่นั่นล่ะ เงินกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยุคนี้ไปแล้ว ขณะที่กำลังจะเดินสวนกันเขาก็ทักฉันด้วยประโยคที่คุ้นเคย
“อรุณสวัสดิ์คุณเพื่อนบ้าน” คำพูดของเขาดูเข้ากันไม่ได้กับสายตาดูถูกคนคู่นั้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฉันตอบกลับอย่างสุภาพ
“ได้ข่าวลอยๆมาว่าคุณกำลังตกงาน เสียใจด้วยนะครับ”
“เผอิญว่าคงไม่มีอะไรให้เสียใจ เพราะฉันไม่ได้ตกงาน”
“จริงเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมคงเข้าใจอะไรผิด” เขาพูดพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอที่ฟังดูน่าเกลียด “งั้นคุณคงรู้วิธีจัดการกับบิลค่าใช้จ่ายที่จะล้นตู้จดหมายของคุณได้” เขาพูดไปยิ้มไปเหมือนคนโรคจิตก่อนจะที่เดินออกไปทางประตู หากฉันไม่ถูกพักงานตอนนี้ ฉันคงมีความคิดที่จะหาที่อยู่ใหม่แน่ๆ แต่เมื่อหันกลับมาดูที่ตู้จมหมาย ในนั้นกองบิลค่าใช้จ่ายใส่อยู่จริงๆ ฉันเปิดมันออกหยิบมันออกมาแจกแจงดูอย่างละเอียด
“ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าก๊าซ ให้ตายสิ อะไรกันนักหนา” ฉันยืนบ่นด้วยความกังวลว่าเงินเก็บที่ฉันมีอยู่จะเพียงพอหรือไม่ แต่ในกองบิลค่าใช่จ่ายนั้นมีจดหมายแปลกๆจากร้านบะหมี่ชานเมืองชื่อทัตสึโร่  ฉันพลิกมันไปมาและดูชื่อผู้รับอย่างละเอียด มันถูกส่งถึงฉันจริงๆ นี่ฉันไปติดค่าบะหมี่เอาไว้อีกรึไงนะ ฉันฉีกมันออกดูและยิ่งแปลกใจกว่าเดิม ร้านทัตสึโร่ต้องการให้ฉันไปช่วยทำงาน ทำงานร้านบะหมี่เนี่ยนะ ไม่มีทางหรอก
“ฉันรู้ว่าคุณต้องมา” หญิงสูงวัยประมาณ 50 ต้นกล่าวขึ้นเมื่อเห็นฉันเดินเข้าประตูร้านมา
“คือว่า จดหมายนี่ถูกส่งถึงฉัน”
“นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว คุณรีบมาช่วยฉันเตรียมร้านดีกว่านะ”
“เอ๊ะ ??”
“จะยืนทื่ออยู่ทำไมล่ะ อ้าว..ผ้า เช็ดโต๊ะทุกตัวให้สะอาดไม่มีรอยน้ำมันนะ ร้านทัตสึยะเป็นร้านที่ฉันลงแรงมากว่า 20 ปี ถึงมันจะดูเก่าและไม่ทันสมัยเมื่อร้านบะหมี่สมัยใหม่ แต่ฉันรับรองได้ว่าไม่มีร้านบะหมี่ที่ไหน ที่เอาใจใส่กับบะหมี่และลูกค้ามากกว่าเราอีกแล้ว”
“คะ ค่ะ” ฉันรับผ้าผืนนั้นมาอย่างงุนงง พลางหันไปรอบร้านที่เก่าเสียจนไม่น่าเข้า ที่นี่ไม่มีลูกจ้างคนอื่นเลยนอกจากฉัน จะให้ฉันคิดว่าหญิงคนนี้ทำร้านบะหมี่นี่มาเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ
“เช็ดเสร็จก็ไปไม้ถูพื้นหลังร้านมา กระชับกระเชงหน่อยเดี๋ยวจะไม่ทันเวลา”
“คุณมารุมัทสึไม่ชอบทานหวานเหรอค่ะ”
“เปล่าหรอกครับ แค่เวลาทำงานถ้ากาแฟมันอร่อยเกินไป ผมก็จะเอาแต่จิบกาแฟจนไม่ทำงาน พอกาแฟหมดก็ต้องเสียเวลาไปซื้อใหม่อีก” เขาพูดไปพลางจิบกาแฟขมๆนั่น
“แต่ตอนนี้คุณไม่ได้ทำงานนี่ค่ะ” ฉันพูดทักไป พลางอมยิ้มกับพฤติกรรมของเขา
“อืม นั่นสินะ” เขาว่าก่อนจะหันไปหยิบซองน้ำตาลมาฉีกใส่ คุณมารุมัทสึไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่ใส่น้ำตาล แต่มีใครคนหนึ่งที่ฉันรู้จักไม่คิดอย่างนั้น เขามักบอกเสมอว่าการใส่อะไรก็ตามลงในกาแฟจะทำให้มันเสียรสชาดที่แท้จริงของมัน ภาพของเขานั่งจิบกาแฟอยู่ในมุมร้าน กับหนังสือที่ไม่ค่อยมีใครเค้าอ่านกัน ผู้ชายที่ดูลึกลับสำหรับฉัน ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ความรักมักเล่นตลกกับเราเสมอ เพียงการพบกันก็ทำให้เราไม่สามารถลืมเขาได้เสียแล้ว ดูเหมือนเสียมารยาทกับการคุยกับคนคนหนึ่ง แต่เรากลับคิดถึงคนอีกคนหนึ่ง หลังจากกาแฟหมดฉันและคุณมารุมาสึเดินคุยเรื่องทั่วๆไประหว่างทางถึงสถานี เขาส่งฉันขึ้นรถไฟก่อนที่จะกลับไปทำงานที่ค้างอยู่ วันนี้คงเป็นอีกวันหนึ่งที่เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันในชีวิต ทั้งเรื่องงานและคุณมารุมัทสึ  แต่สำหรับในเช้าวันพรุ่งนี้คงเป็นวันที่ฉันต้องเริ่มแก้ปัญหาให้กับชีวิตของตนเอง ระยะเวลา 2 เดือนนี้ฉันจะหารายได้จากที่ไหน ถ้าฉันไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง คงยากที่ฉันจะอยู่ถึงตอนกลับเข้าทำงาน
        รุ่งอรุ่ณของเช้าวันใหม่ของฉัน เช้ากว่าทุกๆวันที่ฉันเคยพบมาที่โตเกียว ฉันกำลังเคลื่อนกายสูดอากาศอย่างแจ่มใสบนรถจักรยานสีคราม วันนี้เป็นวันสามที่ฉันไม่ต้องไปผจญภัยกับฝูงชน สองวันที่ผ่านมาฉันวุ่นวายกับการหางานพิเศษแต่มันก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ฉันกำลังขี่รถวนไปๆมาๆรอบแมนชั่นด้วยความรู้สึกที่ปลอดโปร่งอย่างประหลาด ฉันเองก็อดสงสัยในพฤติกรรมตัวเองไม่ได้ คงเป็นเรื่องจริงที่อัตราการว่างงานในปัจจุบันยังสูงอยู่ ทว่าแทนที่ฉันจะรีบออกไปหางานพิเศษทำต่อ หรือเดินเรื่องขอทางบริษัทพิจารณาการพักงานของฉันใหม่ ฉันกลับกำลังมีความสุขอยู่บนจักรยานของฉัน ก็เท่านั้นล่ะที่ฉันคิด แต่มันก็ไม่ใช่ความคิดถาวรเพราะเพียงไม่กี่นาทีถัดมา ฉันก็จอดรถนั่งร้องไห้อยู่ที่สนามเด็กเล่นด้านหลังของแมนชั่น ฉันอาจใกล้ที่จะมีปัญหาทางจิตแล้วก็เป็นได้ แต่ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่มันถึงไม่เป็นเหมือนอย่างที่ฉันวางแผนเอาไว้ เมื่อไหร่กันที่ฉันจะเข็มแข็งและยืนยัดได้ด้วยตนเอง ความหวังของฉันที่นี่กำลังจะดับลงไปพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่นผลัดใบไปตามฤดูกาล
      ฉันเดินกลับเข้าตัวตึกเพราะหิมะเริ่มตกใหม่อีกครั้ง แม้จะผ่านมานานพอควรแล้วแต่ใบหน้าของฉันก็ยังร้อนอยู่ คุณซางูรุกำลังเดินลงมาจากบันไดพร้อมกับผู้หญิงหน้าใหม่ที่เขาพามาค้างเมื่อคืน เขามองดูฉันด้วยสายตาที่โอ้อวดถึงอำนาจที่เหนือกว่า ผู้ชายขี้ยาหน้ายาวๆอย่างเขามีดีก็แค่รวยเท่านั้น แต่นั่นล่ะ เงินกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยุคนี้ไปแล้ว ขณะที่กำลังจะเดินสวนกันเขาก็ทักฉันด้วยประโยคที่คุ้นเคย
“อรุณสวัสดิ์คุณเพื่อนบ้าน” คำพูดของเขาดูเข้ากันไม่ได้กับสายตาดูถูกคนคู่นั้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฉันตอบกลับอย่างสุภาพ
“ได้ข่าวลอยๆมาว่าคุณกำลังตกงาน เสียใจด้วยนะครับ”
“เผอิญว่าคงไม่มีอะไรให้เสียใจ เพราะฉันไม่ได้ตกงาน”
“จริงเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมคงเข้าใจอะไรผิด” เขาพูดพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอที่ฟังดูน่าเกลียด “งั้นคุณคงรู้วิธีจัดการกับบิลค่าใช้จ่ายที่จะล้นตู้จดหมายของคุณได้” เขาพูดไปยิ้มไปเหมือนคนโรคจิตก่อนจะที่เดินออกไปทางประตู หากฉันไม่ถูกพักงานตอนนี้ ฉันคงมีความคิดที่จะหาที่อยู่ใหม่แน่ๆ แต่เมื่อหันกลับมาดูที่ตู้จมหมาย ในนั้นกองบิลค่าใช้จ่ายใส่อยู่จริงๆ ฉันเปิดมันออกหยิบมันออกมาแจกแจงดูอย่างละเอียด
“ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าก๊าซ ให้ตายสิ อะไรกันนักหนา” ฉันยืนบ่นด้วยความกังวลว่าเงินเก็บที่ฉันมีอยู่จะเพียงพอหรือไม่ แต่ในกองบิลค่าใช่จ่ายนั้นมีจดหมายแปลกๆจากร้านบะหมี่ชานเมืองชื่อทัตสึโร่  ฉันพลิกมันไปมาและดูชื่อผู้รับอย่างละเอียด มันถูกส่งถึงฉันจริงๆ นี่ฉันไปติดค่าบะหมี่เอาไว้อีกรึไงนะ ฉันฉีกมันออกดูและยิ่งแปลกใจกว่าเดิม ร้านทัตสึโร่ต้องการให้ฉันไปช่วยทำงาน ทำงานร้านบะหมี่เนี่ยนะ ไม่มีทางหรอก
“ฉันรู้ว่าคุณต้องมา” หญิงสูงวัยประมาณ 50 ต้นกล่าวขึ้นเมื่อเห็นฉันเดินเข้าประตูร้านมา
“คือว่า จดหมายนี่ถูกส่งถึงฉัน”
“นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว คุณรีบมาช่วยฉันเตรียมร้านดีกว่านะ”
“เอ๊ะ ??”
“จะยืนทื่ออยู่ทำไมล่ะ อ้าว..ผ้า เช็ดโต๊ะทุกตัวให้สะอาดไม่มีรอยน้ำมันนะ ร้านทัตสึยะเป็นร้านที่ฉันลงแรงมากว่า 20 ปี ถึงมันจะดูเก่าและไม่ทันสมัยเมื่อร้านบะหมี่สมัยใหม่ แต่ฉันรับรองได้ว่าไม่มีร้านบะหมี่ที่ไหน ที่เอาใจใส่กับบะหมี่และลูกค้ามากกว่าเราอีกแล้ว”
“คะ ค่ะ” ฉันรับผ้าผืนนั้นมาอย่างงุนงง พลางหันไปรอบร้านที่เก่าเสียจนไม่น่าเข้า ที่นี่ไม่มีลูกจ้างคนอื่นเลยนอกจากฉัน จะให้ฉันคิดว่าหญิงคนนี้ทำร้านบะหมี่นี่มาเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ
“เช็ดเสร็จก็ไปไม้ถูพื้นหลังร้านมา กระชับกระเชงหน่อยเดี๋ยวจะไม่ทันเวลา”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น