คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : WHY ?
…Why ?…
“ทำไมมันเหงาไปหมด... ทำไมมองฟ้ามันไม่สดใส... ไม่เห็นดาวไม่เห็นเดือนเลยสักดวง ทำไมต้องคิดเป็นห่วง... ทำไมใจหายไปหมดไม่รู้... ไม่รู้เลย ไม่รู้เลย ไม่เข้าใจ - คิดถึงเธอ -”
เกือบ 1 อาทิตย์แล้วสินะ บ้าที่สุดเลย !!
เจสสิก้านั่งเหม่อกับหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองมานานร่วมชั่วโมงกว่าแล้ว เสียงเพลงเดิมๆ ยังคงเล่นวนซ้ำกลับไปกลับมา คล้ายจะตอกย้ำความรู้สึกหมองเศร้าภายในจิตใจให้ยิ่งชัดเจนขึ้น ความรู้สึกเศร้า เหงา อึดอัด กล้ำกลืน ฝืนทน มันฟ้องเธออยู่ตลบอบอวลทั่วห้องทำงาน นี่ก็ผ่านมา เกือบอาทิตย์ และเรื่องที่เธอทำมันก็เป็นสิ่งที่น่าจะถูกต้องแล้ว แต่ทำไม... เธอกลับ ไม่มีความสุข เอาเสียเลย ยิ่งไปกว่านั้น... เธอรู้สึกคิดถึงหล่อน มาก เหลือ เกิน
RRRRRRRRRRRRRRRRR
“ฮัลโหลค่ะ”
เจสสิก้ากดรับสายเรียกเข้า ทั้งๆที่ยังคงเหม่อลอย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังรับสายใคร
(“สิก้า... ยุ่งรึเปล่าคะ?)
น้ำเสียงเรียบๆเอ่ยถามนิ่งๆ คงเพราะสัมผัสถึงความไม่ปกติของปลายสายได้
“ฟานี่...”
ความตื่นเต้น ประหลาดใจระคนดีใจ ฝ่าวงล้อมเข้ามาทำลายความรู้สึกแย่อื่นๆที่เหลือ ฟานี่โทรหาเธอ ทั้งๆที่ทิฟฟานี่บอกว่าหล่อนจะไม่โทรหาเจสสิก้าก่อนง่ายๆอีก แต่ตอนนี้โทรมาแล้ว เจสสิก้ายิ้มออกมาได้ เมื่อรับรู้ว่าทิฟฟานี่เริ่มเปิดใจมั่งแล้ว
(“ทำอะไรอยู่เนี่ย...”)
ปลายสายถามเสียงสงสัยเล็กน้อย เมื่อรู้สึกถึงความไม่ปกติของเจสสิก้าจริงๆ
“อ่า 5555 ก็นั่งเรื่อยๆ อยู่ห้องทำงานนี่แหละค่ะ กำลังรอสอนคาบต่อไป ฟานี่ล่ะคะ”
เจสสิก้ากลั้วหัวเราะออกมา แต่ก็รีบตอบๆกลับไป
(“กำลังจะทำงานค่ะ เค้าแค่จะโทรบอกว่า เดือนนี้เค้ายังไม่มีเงินโอนเข้าบัญชีของเรานะ แต่ถ้าสิก้าอยากจะเอาเข้า เดือนนี้ก็เป็นสิก้าเอาเข้าก่อน แล้วเดือนหน้าฟานี่จะเป็นคนเอาเข้าเอง แล้วกันนะคะ”)
เจสสิก้ายิ้มปริ่ม เธอนึกว่าทิฟฟานี่จะไม่พูดถึงเรื่องบัญชีเงินออมที่เราสองคนเปิดไว้ด้วย กันมาเกือบปีแล้วซะอีก และวันนี้เป็นวันครบกำหนดที่ต้องฝากเงินเข้า การที่ทิฟฟานี่โทรมาย้ำ เรื่องนี้ แสดงว่าเธอยังไม่ลืม ยังจำได้ และยังไม่คิดที่จะเลิกกับเธอแล้วจริงๆ...
“ได้สิคะ เค้าจะเอาเข้าเองนะ...”
(“ค่ะ... ขอบคุณมากนะ”)
“... เค้าดีใจนะ ที่ฟานี่ยังไม่ลืม นั่นพอจะหมายความว่า... เราสองคน จะยังไม่เลิกกัน ใช่ไหมคะ... ที่รัก”
เจสสิก้าถามออกไปช้าๆ เบาๆ ด้วยความหวัง เพราะมาถึงขนาดนี้แล้ว ทิฟฟานี่น่าจะรู้ แล้วว่า เธอรักหล่อนมากขนาดไหน และจะไม่ยอมเสียหล่อนไป หรือไม่ยอมแลกกับอะไรทั้งนั้น เจสสิก้าถึงได้ยอมทำทุกอย่าง... ขนาดนี้
(“.......................”)
เจสสิก้ายิ้มบางๆ แม้ว่าปลายสายจะยังไม่ตอบอะไร แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความเห็นอกเห็นใจที่ทิฟฟานี่เริ่มมีให้กันแล้ว เจสสิก้าสู้ต่อ
“เค้ารักฟานี่นะคะ รักมากๆ ที่ผ่านมา เค้ายอมรับผิดทุกอย่าง เค้าไม่อยากจะทำมันอีก ต่อไปแล้ว
ได้โปรด... เห็นใจเค้าเถอะนะคะ”
เจสสิก้าพูดออกมาจากใจจริง...
(“อื้อ... ขอดูต่ออีกนิดแล้วกันนะคะ ยังไง ฟานี่ก็เป็นกำลังใจให้สิก้านะ ^^ ต้องวาง แล้วค่ะ แค่นี้นะคะ”)
แค่นี้ก็ดีแล้วค่ะ... เจสสิก้าตอบรับอย่างมีความสุข เธอรู้ว่าทิฟฟานี่ก็ยังรักเธออยู่มาก เธอเชื่อว่า ไม่นานเราทั้งสองคนจะกลับมารักกันดีเหมือนเดิม และเธอจะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้ใจทิฟฟานี่กลับคืนมา...
หลังจากที่วางหูแล้ว เจสสิก้าเลื่อนดูฟีดข่าวในโซเชี่ยลมีเดียต่อ หวังว่าจะมีอะไรเป็น สัญญาณให้ใจชื้นขึ้นมาอีกได้บ้าง และก็พบ...
xolovestephie update her status :
“ถ้าวันไหนเธอพร้อม... ฉันก็พร้อมที่จะกลับไปรักเธอ”
เจสสิก้ายิ้มแห้งๆ ช่วงเวลาแห่งการต้องพิสูจน์ตัวเอง เธอไม่ได้อยากกล่าวโทษทิฟฟานี่ หรอก เพราะความผิดทุกอย่างมันมาจากตัวเธอเอง ไม่แปลกใจหรอกที่ทิฟฟานี่อยากจะดูใจเธอ ให้นานกว่านี้ จนกว่าจะกลับมาเชื่อใจเธออีกครั้ง ภาพความเจ็บปวดในวันนั้นหวนกลับขึ้นมา...
วันที่ทิฟฟานี่มาหาเจสสิก้าช่วงคริสต์มาส วันที่เจสสิก้าโกหกหล่อน และวันที่ทิฟฟานี่ จับได้ว่าเธอโกหกหล่อน หล่อนค้นโทรศัพท์เธอ และพบหลักฐานทุกอย่าง ทิฟฟานี่ร้องไห้หนักมาก เราสองคนร้องไห้หนักมาก... เธอพยายามขอโทษ อ้อนวอนทิฟฟานี่ แต่หล่อนถอดแหวนคืนให้เธอ และยืนยันจะกลับบ้านท่าเดียว
เจสสิก้าร้องไห้อ้อนวอน... เธอรู้ว่าเธอทำผิดต่อหล่อน เธอโกหกหล่อน แต่ก็ไม่คิดว่า ทิฟฟานี่จะไปจากเธอจริงๆแบบนี้ ทุกอย่างในวันนั้น สายตาทิฟฟานี่ในวันนั้นทำให้เธอกลัวมาก เธอคิดว่าอาจจะต้องเลิกกับทิฟฟานี่จริงๆ แต่เจสสิก้าไม่ลดละความพยายาม
เพราะเจสสิก้ารักทิฟฟานี่มาก...
เพราะทิฟฟานี่ เปรียบเสมือนทุกอย่างในชีวิตของเจสสิก้า...
เพราะเจสสิก้ารู้ว่า ทิฟฟานี่ก็รักเจสสิก้ามาก รักมากยิ่งกว่าที่เธอรักทิฟฟานี่เสียอีก
ตลอด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา... เจสสิก้าพยายามง้อทิฟฟานี่ทุกวิถีทาง ช่วงแรกๆนั้น ทิฟฟานี่ ใจแข็งมาก เจสสิก้าเจอหนักกว่านี้เยอะ แต่เธอก็อดก็ทน เพราะไม่อยากจะเสียหล่อนไป ทิฟฟานี่ ยื่นคำขาดให้เจสสิก้าทำอย่างหนึ่งเพื่อเธอ... เป็นสิ่งที่ยากมาก แต่มันเป็นตัวปัญหาหลักในเรื่องนี้ และเจสสิก้าตัดสินใจ... ทำสิ่งนั้น เพื่อทิฟฟานี่ เกือบ 1 อาทิตย์แล้ว ที่เจสสิก้าทำแบบนั้นได้ ทิฟฟานี่ถึงเริ่มใจอ่อนมาถึงขนาดนี้ เพราะการตัดสินใจทำตามที่ทิฟฟานี่ปรารถนา...
และมันก็ส่งผลให้ ความเศร้า เหงา อึดอัด กล้ำกลืนฝืนทน กลับเข้ามาพองตัวเต็มห้อง ทำงาน และเต็มห้องหัวใจของเจสสิก้าอีกครั้ง
ทำไมกันนะ... ทำไม ทั้งๆที่เธอก็พยายามทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วนะ สิ่งที่ทำนั้นก็เพื่อให้แฟน สาวของเธอสบายใจ และกลับมารักกัน เธอควรจะดีใจสิ เจสสิก้า ดีใจที่ทำได้... เธอควรจะมี ความสุขนะ แต่ทำไมกันล่ะ? ทำไมเธอกลับว่านับวัน ยิ่งไม่มีความสุขเลย... เกือบ 1 อาทิตย์นี้ ที่แทบจะไม่เห็นหน้าของพี่คนนั้น... เจสสิก้ายิ่งรู้สึกว่า มีบางอย่าง... ขาดหายไป แค่เพียงไม่เห็น หน้าหล่อน ไม่ได้คุยกันเลย ไม่แน่ใจว่าหล่อนพยายามหลบเลี่ยงที่จะพบเธอด้วยรึเปล่า แต่นี่มันจะ หนึ่งอาทิตย์แล้วนะ... หล่อนไม่คิดถึงเธอบ้างเลยหรือยังไงกันนะ? ควอน ยูริ
ย้อนกลับไปเมื่อ 1 อาทิตย์ที่แล้ว...
“ออนนี่คะ เค้าถึงแล้ว พี่เสร็จรึยัง”
(“จ้าๆ เสร็จแล้ว เดี๋ยวลงไปนะ”)
เมื่อได้ยินคำตอบแล้ว เจสสิก้าก็กดวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว หรี่ไฟหน้ารถที่จอดเทียบท่ารอ อยู่ที่เดิม เพื่อรอคอยคนในสายให้ลงมา วันนี้เจสสิก้าเป็นคนนัดยูริเอง ด้วยอยากจะพาไปลอง ร้านอาหารใหม่ที่เธอเพิ่งค้นพบ และด้วยธุระบางอย่าง... ที่เธอจำเป็นต้องจัดการ
เจสสิก้าวางศีรษะลงที่พวงมาลัยพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาดังๆ เธอรู้สึกถึงความปวด มวนในท้อง การบีบรัดอย่างทำตัวไม่ถูกในหัวใจ สิ่งที่เธอกำลังจะทำ... เธอไม่อยากจะทำเลย แต่ เธอก็ต้องทำ เพื่อคนรักที่เธอรัก... หน้าผากของเจสสิก้ายังกระทบกับพวงมาลัยขึ้นลงเบาๆ ตาม กระบวนการคิดของเธอ แสดงออกถึงความหนักใจอย่างมากมายที่สุดในเหตุการณ์นี้
และแล้ว... พี่สาวของเธอก็เดินออกมา เปิดประตูก้าวขึ้นบนรถฝั่งผู้โดยสารข้างคนขับ เจสสิก้าส่งยิ้มที่คิดว่าเป็นปกติธรรมชาติที่สุดให้หล่อน ดีที่ตอนนี้มันมืดแล้ว 1 ทุ่มแล้ว ยูริจึงน่าจะ ไม่ทันสังเกตถึงความเศร้าหมองในสายตาของเจสสิก้า ว่ามันมีอยู่มากเพียงใด...
“ไปส่งแม่มาแล้วเรียบร้อย?” ยูริเอ่ยถาม พร้อมกับรอยยิ้มที่ยังเป็นปกติเช่นกัน
“ค่ะ... เราไปกันเลยนะ”
“จ้ะ พี่หิวแล้วล่ะ” ยูริตอบพร้อมคาดเข็มคัดนิรภัย
เจสสิก้าออกรถเดินทางทันที ในใจของเธอต่อสู้กันจ้าละหวั่น ความรู้สึกอึดอัดพุ่งเต็ม เปี่ยม มันเงียบผิดปกติเกินไปรึเปล่านะ เธอไม่ควรทำให้มันเงียบไปเกินไป เธอไม่อยากทำให้ยูริ สัมผัสได้ว่าเธอผิดปกติ ทั้งๆที่พึ่งออกเดินทางได้ไม่ถึงสองนาที
“ทำงานแรกของปีนี้ เป็นยังไงบ้าง ออนนี่”
เจสสิก้าเปิดคำถามอย่างกว้างๆที่สุด และคิดว่ายูริน่าจะมีคำตอบให้เธอได้อย่างยืดยาว และเป็นจริงดังคาด ยูริตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรื่องของหล่อนในการทำงานวันแรกนี้อย่างสนุกสนาน เจสสิก้าใจชื้นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าทุกอย่างปกติดี พี่สาวของเธอยังคงดูมีความสุข และความจริงเธอ ก็ยังอยากให้เป็นเช่นนั้นต่อไปเรื่อยๆ
เราเดินทางมาถึงจุดหมายในอีก 10 นาทีต่อมา Bar & Restaurant ร้านนี้มีขนาดใหญ่ เปิดถึงตีหนึ่งตีสอง ไฟที่ประดับเป็นชื่อร้านตัวเบอเร่อส่งแสงสวยงามน่านั่ง ชุดโต๊ะที่นั่งแบ่งออก เป็น 4 โซน ทาง indoor และ outdoor เจสสิก้าเคยมาชิมแค่โกโก้เย็นแก้วนึง แต่วันนี้ต้องลองชิม อาหารดูซะมั่ง เธอปล่อยให้ยูริเลือกที่นั่งตามใจชอบ และรู้สึกยินดีที่เห็นหล่อนตื่นตาตื่นใจกับร้าน ใหม่นี้เช่นกัน
“สวยดีนะ ร้านใหญ่ด้วย” ยูริเอ่ยชม
“ช่าย ฉันชอบตรงนี้แหละ ออนนี่รู้ไหม นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่ฉันมาที่นี่ ครั้งแรกเข้ามา จอดรถ เรียบร้อย แต่คือ มาคนเดียวไงคะ ไม่รู้จัก แค่เห็นร้านแล้วอยากลอง เดินเข้ามา วันนั้น คนเยอะ กว่านี้มาก หนูนี่อึ้งไปเลยค่ะ สุดท้ายไม่กล้าเข้ามา ก็เลยขับรกลับบ้านเลย 5555”
เจสสิก้าเล่าเรื่องตามปกติ เธออยากจะเล่าให้ยูริฟังตั้งนานละ เรื่องแบบนี้
“เอ้า 5555 แล้วทำไมมาคนเดียวล่ะ?”
“ติสท์ไง อยากมาคนเดียวโก้ๆ” เจสสิก้าตอบพลางผายมือกวนๆ พลางยูริยื่นมือมาขยี้ผม ของเธอ นี่เป็นการแสดงความเอ็นดู... หรือหมั่นไส้กัน เธอก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก
“แล้วครั้งที่ 2 ล่ะ”
“มากับยุนอาค่ะ เมื่อวันก่อนนี่แหละ แต่มาตอนกลางวัน ไม่สวยขนาดนี้นะ”
อิม ยุนอา เพื่อนสาวคนสนิทของเจสสิก้า ที่วันนั้นกลับมาเยี่ยมบ้าน ทั้งคู่จึงนัดกันมาที่นี่ ยุนอาคือคนที่รับฟังปัญหา และรู้ถึงอีกด้านของเจสสิก้าอย่างดีในสถานการณ์นี้ หล่อนรู้เรื่องที่ เจสสิก้าจะนัดยูริมาที่นี่ต่อด้วย ก็เพราะว่าทั้งคู่มาที่นี่เพื่อดูสถานที่สำหรับนัดคุยกับยูรินั่นเอง...
ในที่สุด สปาเก็ตตี้ของโปรดของยูริก็ถูกเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าหล่อน เช่นเดียวกับข้าวผัดกิมจิ ที่เจสสิก้าโปรดปราน ทั้งคู่รับประทานอาหารกันไป พูดคุยกันไป ทุกๆอย่างก็ดูเหมือนจะเรียบร้อยดี แต่เจสสิก้าไม่รู้ตัวหรอกว่า หลายครั้งที่หน้าของเธอก็สลดลงไปพักนึง เมื่อไม่มีการสนทนา เธอคอย แอบมองพี่สาวของเธอ เมื่อเห็นว่าหล่อนยังมีความสุขดีอยู่ เจสสิก้าก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร... เพราะเรื่องที่ต้องเริ่มมันดราม่า จะให้จู่ๆเธอก็ชักเข้าโหมดดราม่ารับไม่ทันแบบนี้ แล้วยูริจะเป็น อย่างไรกัน จนในที่สุด อาหารในจานที่ร่อยหรอก็หมดไป และถูกเด็กเสิร์ฟเก็บไปในที่สุด เหลือแต่ เพียงเครื่องดื่มที่ทั้งคู่สั่งรุ่นเบาๆมาลิ้มลอง
ถึงเวลาที่ต้องเริ่มแล้วสินะ...
“ออนนี่...”
เจสสิก้าเรียกเสียงแผ่ว ยูริที่กำลังก้มดูดเครื่องดื่มในแก้ว เลิกคิ้วขึ้นมาตอบรับคำขาน
“เรื่องที่ฉันอยากจะคุยกับพี่...”
ยูริยังคงเลิกคิ้วถามอย่างรอคอย แต่สำหรับเจสสิก้า กลับยิ่งรู้สึกอึดอัด และยากเย็นเหลือ เกิน กว่าที่จะพูดออกมาได้
“คือ... ฉันคิดว่าออนนี่คงรู้ว่า ฉันมีแฟนอยู่แล้ว... และคือ... คือ”
ตลอด 3 เดือนที่ทั้งคู่สนิทกันมา เจสสิก้าไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับทิฟฟานี่ ด้วย เรื่องของรักร่วมเพศนั้น ยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าใดนักในสังคม ด้วยอาชีพการงานของเธอเอง เธอไม่ ได้บอกใครในที่ทำงาน หรือกับยูริว่าเธอ มีแฟนแล้ว
“คือ ฉันไม่อยากให้ออนนี่มองฉันไม่ดีนะ อย่าพึ่งมองฉันไม่ดีนะ ออนนี่”
เจสสิก้าส่งสายตาอ้อนวอนไปยังพี่สาวของเธอ ความอึดอัด กระวนกระวายของเธอแสดง ออกมาอย่างเด่นชัดมากตอนนี้
“อื้อ”
ยูริตอบรับ พร้อมกับยิ้มบางๆให้ นั่นทำให้เจสสิก้ารู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย ยังไงๆวันนี้ เธอก็ ต้องทำเรื่องนี้ให้มันจบ
“คือว่า... แฟนฉันเนี่ย... ไม่ใช่ผู้ชาย...”
เจสสิก้าพูดออกไปในที่สุด ยูริยังคงนิ่งฟังเธอ ยังคงมองหน้า สบตาเธอ แต่เจสสิก้าไม่ได้มี เวลาจ้องมองกลับไปหาความหมายในสายตาคู่นั้นอีกแล้ว อันที่จริง... ที่คิดว่านี่ไม่ใช่ข่าวใหม่ สำหรับยูริหรอก
“แฟนสิก้าเนี่ย... คือ ทิฟฟานี่ใช่ไหม?”
เป็นอย่างที่คาดไว้ ยูริคงตะหงิดๆอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้พูดมันออกมา ใช่ ทั้งคู่เคยเจอกัน เมื่อครั้งที่ทิฟฟานี่เดินทางมาเยี่ยมเจสสิก้าที่นี่ และทั้งยูริและทิฟฟานี่ก็เคยนั่งเม้าท์กันอย่างสนุก สนานเกี่ยวกับไอดอลวงใหม่ๆของเกาหลี ไม่คิดเลยว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นแบบนี้...
“ใช่ค่ะ...”
เจสสิก้าตอบออกไปในที่สุด... และเธอก็ต้องพูดต่อไปให้จบ
“และตอนนี้ พวกเราทะเลาะกัน และที่มีปัญหากันตอนนี้...”
เจสสิก้าเงียบไปนานมาก กว่าจะตอบออกมาได้
“เพราะว่า... ฟานี่หึง เราสองคน” เมื่อเห็นว่ายูริยังคงนิ่งฟัง เจสสิก้าจำเป็นต้องพูดต่อไป “และที่ฟานี่หึง ก็เพราะว่า... เขาคิดว่า ฉัน...คิดอะไรกับออนนี่แน่ๆ”
ยูริยังคงนิ่ง...
“ออนนี่จำได้ไหม ช่วงที่ฉันขึ้นไปรับปริญญาที่มหาลัยเดิม และฉันขาดการติดต่อกับพี่ไป เรื่องมันเริ่มขึ้นตรงนั้น”
“อ่าฮะ ที่เธอหายไป ไม่ตอบลงตอบไลน์พี่นั่นใช่ไหม?”
ในที่สุดยูริก็ตอบสนอง...
“ค่ะ มันเป็นเพราะว่า เราเดินทางไปด้วยกัน ฟานี่ค้นโทรศัพท์ฉัน และอ่านไลน์ของฉันกับพี่ ฟานี่เชื่อมาก ว่าฉันต้องคิดอะไรกับออนนี่ จากสิ่งที่ฉันคุย จากการที่ฉันพูดถึงออนนี่บ่อยมาๆ เวลา ที่ฉันอยู่กับฟานี่”
เกิดความเงียบอยู่ประมาน 10 วินาที ที่แสนยาวนาน... ยูริยังคงไม่พูดอะไร และก็ยังคง สบตากับเจสสิก้าตรงๆ ไม่หลบหน้าด้วย นั่นยิ่งทำให้เจสสิก้าแทบคลั่ง เธออยากรู้นักว่าภายใต้ดวง หน้าและสายตานิ่งๆนั้นคิดอะไรอยู่ เจสสิก้ากำลังรอคอย... เธอหวังอะไรอยู่?
จริงๆแล้วเจสสิก้าโกหกยูริ...
“โถ่ ที่รัก... ที่รักเชื่อเค้าสิคะ ว่าเค้าไม่ได้คิดอะไรกับพี่ยูริ และออนนี่ก็ไม่ได้คิดอะไรกับเค้า เหมือนกัน มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ”
เจสสิก้าพยายามอธิบายให้แฟนสาวของเธอเข้าใจ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล
“หึ ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่คิดอะไรกับสิก้านะ ให้มาเหยียบหน้าเค้าได้เลย ฟานี่เซ้นส์แรงมาก นะเรื่องแบบนี้ อย่าลืมสิคะ”
“บางที เซ็นส์มันอาจจะผิดบ้างก็ได้นะคะ ทำไมฟานี่ถึงคิดว่าพี่ยูริจะชอบสิก้าล่ะ ออนนี่เขา มีแฟนแล้วนะ”
“มีแฟนแล้วไงคะ ก็อยู่ไกลกันเหมือนเดิม เหมือนที่เราก็อยู่ไกลกันไงคะ สิก้า ผู้หญิงคนนั้น อยู่คนเดียว แฟนอยู่ไกล เหมือนกับสิก้านั่นแหละ หาเรื่องจะอยู่ด้วยกันได้อย่างสบายใจ โดยบอก ได้ว่า มีแฟนอยู่แล้ว ไหนตอนเรื่องที่ฟานี่กลับมากับสิก้าครั้งนั้น ก็ทำเป็นมาหาสิก้าที่ห้องทำงาน แล้วเป็นไงล่ะ เห็นเค้านั่งอยู่ แฟนเขาตามมานี่ หน้าอึ้งไปซะขนาดนั้น ชิส์”
“โถ่ มันแค่นั้นเองนะคะ ฟานี่ ออนนี่เขาอาจจะแค่ตกใจก็ได้ ไม่คิดว่าเค้ากลับมาแล้วไง”
“ไม่ๆๆ เชื่อเค้าเถอะ สิก้า ฟานี่กับผู้หญิงคนนั้นห่างกันแค่ปีเดียว เราเรียนรู้มารยาหญิงมา มากกว่าสิก้ากันเกือบ 7 ปี สิก้าคาดไม่ถึงหรอกค่ะ ไม่ได้คิดอะไรกัน ทำไมต้องมาเรียกแฟนฟานี่ว่า ที่รัก ทำไมต้องพูดว่าไปเดิทกัน ทำไมต้องคอยไลน์รายงานกันตลอดว่าถึงบ้านแล้ว กำลังจะออก จากบ้านแล้ว ถึงที่ทำงานแล้ว ไลน์มอร์นิ่งกันทุกเช้า นี่พี่น้องหรอคะ ฟานี่ถามจริงๆ”
“ฟานี่... สิก้าไม่ได้คิดอะไรกับออนนี่เลยนะ เราเป็นพี่น้องกันจริงๆ”
เจสสิก้าพูดอย่างเหนื่อยใจ
“เค้าเชื่อสิก้านะ... แต่เค้าไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้น”
ทิฟฟานี่ยืนยันกับแฟนสาวอย่างมั่นอกมั่นใจในความเชื่อมั่นของเธอ
ความจริงแล้ว... เจสสิก้า ก็โกหกทิฟฟานี่เช่นกัน.
ตลอด 1 เดือน หลังจากที่ทิฟฟานี่อ่านข้อความในไลน์ของเจสสิก้ากับยูริ และขอร้องให้ เจสสิก้าเลิกยุ่งกับยูริ เจสสิก้ายกเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่จะไม่ทำอย่างนั้นพร้อมกับยืนยันว่า ทั้งหมดนั่น เราเป็นพี่น้องกันจริงๆ... เจสสิก้าพยายามอธิบายว่ายูริดีกับเธอในฐานะพี่สาวอย่างไร การมียูริเป็นเพื่อนสนิทในที่ทำงาน มันช่วยให้เธอสามารถใช้ชีวิตในที่ทำงานได้ดีขึ้นขนาดไหน แต่ท้ายที่สุด เจสสิก้าก็ต้องรับปากว่า จะพยายามห่างเหินกับยูริ จนกว่าจะทำให้ทิฟฟานี่เชื่อใจ พวกเธอทั้งคู่ได้ว่าเป็นแค่พี่น้องกันจริงๆ
แต่หลังจากกลับมาจากงานรับปริญญา... เจสสิก้าไม่ได้พยายามทำอย่างนั้นเลย
คนที่รู้เรื่องนี้อีกคนหนึ่งก็คือ ยุนอานั่นแหละ เจสสิก้าปรึกษาและระบายความในใจกับยุนอาตลอด เจสสิก้าไม่ได้อยากจะโกหกทิฟฟานี่ เธอรักทิฟฟานี่มาก แต่สำหรับเจสสิก้า... เธอยังไม่คิดว่า เหล่านี้เป็นเหตุผลมากพอที่เธอจะต้องสูญเสียความสัมพันธ์ดีๆระหว่างเธอกับยูริไป
“ยุน ฉันอึดอัดมากเลย ฉันรู้สึกหน่วงจริงๆนะ กับออนนี่ ฉันพยายามไม่คิดนะว่าฉันคิด อะไรกับพี่เขา ฉันรักทิฟฟานี่นะ ฉันรักทิฟฟานี่มากจริงๆ แต่เพราะฟานี่ไม่เชื่อใจฉันเลย ฉันเลย ต้องโกหกเวลาที่ฉันจะมาหาออนนี่ทุกครั้ง และพี่คนนี้ก็เหลือเกิน คำพูด คำจา ท่าทาง ไม่ว่าพี่ เขาจะพูดอะไรมา ฉันโอนอ่อนยอมตามทุกอย่าง ไปไหนไปหมด คือไม่รู้สิ ยุน ฉันรู้สึกดีกับพี่เขานะ ฉันมีความสุขเวลาที่ไปไหนมาไหนด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้กัน ฉันโอเคมาก แต่มันก็เป็นพี่น้อง คนหนึ่งได้ไม่ใช่หรอ ถึงแม้ว่าฉันจะใจไม่ดีทุกครั้ง เวลาที่เรากอด เราจับมือ เราหยอกกันก็เถอะ ฟานี่ก็เอาแต่กล่อมหูฉันว่า พี่ยูริคิดอะไรกับฉันแน่ๆ และยุนเข้าใจมั้ย มันเหมือนมีคนชี้ทาง มัน เลยสงสัย มันเลยอยากรู้... ว่าพี่เขารู้สึกยังไงกับฉันกันแน่? คิด หรือ ไม่คิด อ่อยฉัน หรือแค่เป็นคน เฟรนลี่กับทุกคนแบบนี้เท่านั้นเอง... ฉันแค่อยากรู้น่ะ ยุน”
ความจริงแล้ว... เจสสิก้าก็อยากจะอธิบาย ตั้งคำถามแบบนี้ให้กับยูริ เธออยากฟังคำ อธิบายจากหล่อนเหมือนกัน แต่ความหวาดกลัวในคำตอบ หากความจริงคือว่า ยูริไม่ได้คิดอะไร กับเธอเลยจริงๆ ที่ผ่านมาแค่ มโน เจสสิก้ากลัวว่ายูริจะรังเกียจเธอหรือเปล่า จะไม่อยากคบกับเธอ เป็นเพื่อนอีกต่อไปแล้วรึเปล่า จะไม่เห็นเธอเป็นน้องสาวอีกต่อไปแล้วรึเปล่า ความสงสัยเหล่านี้ จึงถูกฝังกลบเอาไว้ต่อไป
............................
“ฟานี่เชื่อมาก ว่าฉันต้องคิดอะไรกับออนนี่ จากสิ่งที่ฉันคุย จากการที่ฉันพูดถึงออนนี่บ่อย มากๆ เวลาที่ฉันอยู่กับฟานี่ ฟานี่กลัวว่าฉันจะหวั่นไหวกับออนนี่...”
10 วินาทีแห่งความเงียบงัน ในที่สุดยูริก็เอ่ยขึ้น
“แล้วความจริง... สิก้ามีหวั่นไหวบ้างไหมล่ะ?”
ต่อเนื่องด้วย 10 วินาทีแห่งความเหน็บหนาว... เจสสิก้ากลืนก้อนเหนียวๆลงคอ เธอควร จะตอบอย่างไรดี เธอใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับสีหน้าให้ดูเหมือนครุ่นคิดด้วยความ จริงจังจริงใจ... เธอเดาไม่ออกเลย ว่าแนวโน้มของเรื่องนี้จะออกไปทางไหน
“...ไม่ค่ะ” เจสสิก้าตอบช้าๆ “ไม่นะ ออนนี่”
ความจริงแล้ว เจสสิก้าคิดว่าเธอน่าจะอธิบาย ขยายความอะไรเพิ่มอีกสักหน่อยใน ประโยคนี้ เพื่อความสมจริงสมจัง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร ยูริก็ตอบขึ้นมาว่า...
“ไม่มีอะไรนะ... แค่ถาม เพราะถ้าเกิดว่าสิก้าหวั่นไหวขึ้นมาจริงๆ พี่คิดว่า... เราน่าจะต้อง หักดิบไปเลย”
ห หะ หักดิบ...
คำถามในใจของเจสสิก้ากระจ่างแล้ว ยูริ หล่อนไม่ได้คิดอะไรกับเธอจริงๆ
“ไม่ค่ะ แต่ฟานี่เขาไม่เข้าใจไง ฉันอยากให้ฟานี่ลองมาอยู่ที่นี่นะ มาดูเวลาเราอยู่ด้วยกัน ว่ามันเป็นยังไง แล้วก็จะรู้ว่าเราก็เป็นพี่น้องกัน ออนนี่ก็เป็นเหมือนเพื่อนสนิทของฉันที่นี่ แต่แค่ พอฉันสนิทกับใครมากๆ ฉันก็จะชอบที่จะอยู่กับคนๆนั้น ไปไหนมาไหนด้วย มันคงอาจจะดูมาก เกินไปสำหรับแฟนฉัน”
เจสสิก้าอธิบาย เธอผ่อนคลายมากขึ้น... แม้ว่าจะรู้สึกโหวงๆในใจ แต่เวลานี้ เธอก็ยังคง ต้องทำตามที่ทิฟฟานี่ปรารถนา
“แล้วอย่างนี้... สิก้าจะเอายังไงต่อ”
ยูริถามได้เข้าประเด็นที่สุด...
“การทะเลาะกันครั้งนี้ของฉันกับฟานี่รุนแรงมาก จริงๆเธอขอเลิกฉันไปแล้ว แต่ฉันไม่ยอม ค่ะ มันเหมือนกับการนอกใจสำหรับฟานี่ ฉันอ้อนวอนเธอ และสิ่งที่เธออยากให้ฉันทำจากนี้...”
เจสสิก้าหยุดไป เพื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอไม่อยากทำเลย ไม่อยากพูดไม่ออกมา เพราะ ความจริงเธอไม่ได้ต้องการแบบนี้เลย
“คือ ฉัน... ต้องห่าง กับ ออนนี่”
ทำไมไม่รู้ เจสสิก้าหวังว่าพี่สาวของเธอจะเข้าใจ... สิ่งที่อยากทำจริงๆก็คือ
“ออนนี่ต้องไม่มีตัวตน... ในโซเชียล เน็ตเวิร์คของฉัน เพื่อไม่ให้ฟานี่รู้”
แต่หมายความว่า ความจริงเราอาจจะยังคุยกันอยู่บ้างเล็กน้อย เรื่องงงเรื่องงาน เจอกันก็ ทักกันบ้าง แค่... อาจจะไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อนนะ ไม่มีตัวตนในเฟซบุค ไอจี ไม่ไลน์หากันอีกแล้วนะ ยกเว้นเรื่องงาน
“แต่ความจริง... สิก้าอยากให้ออนนี่รู้นะ ว่าฉันไม่ได้อยากห่างพี่เลยนะคะ ฉันไม่อยาก ทำเลยจริงๆ มันไม่เพียงพอเลยกับการที่จะต้องห่างพี่... ฉันไม่อยากทำจริงๆนะคะ ออนนี่”
เจสสิก้าตัดสินใจพูดความในใจออกมาให้ยูริฟัง มือขวาเอื้อมมือไปขอการสัมผัสจากมือ ที่ว่างอยู่ของยูริ ซึ่งเธอก็ยอมรับการสัมผัสโดยดี ยูริยังคงทำหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอาการใดๆ หรือความจริง เจสสิก้าไม่มีความสามารถที่จะเดาอะไรจากใบหน้านั้นได้เลย
“สิก้าไม่อยากห่างออนนี่จริงๆนะ”
เธอย้ำอีกครั้ง ส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจว่าเธอพูดอย่างนั้นจริงๆ
“ถ้าไม่อย่างนั้นจะทำยังไงล่ะคะ”
ยูริกล่าวออกมา พร้อมเอามือที่ถูกกุมอยู่นั้นกลับมาแตะเบาๆบนหลังมือขวาของเจสสิก้า ก่อนที่จะชักมือกลับเข้าข้างตัวเธอเหมือนเดิม
“ฉัน... ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ออนนี่ ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี”
“ก็ทำอย่างที่ว่านั่นก็ได้... ยังไงพี่ก็เคารพการตัดสินใจของเรานะ ลองทำไปดูก่อนก็ได้ หักดิบกันไปเลย สักอาทิตย์ สักเดือน ดูว่าไหวไหม แฟนเราจะดีขึ้นไหม ถ้าดีขึ้นก็โอเค... แต่ถ้าไม่ เราก็ลองเปลี่ยนแผนดูทีหลังก็ได้”
“...หักดิบเลยหรอ ออนนี่ เราจะไม่ทักกันเลย ถ้าเจอกันที่ที่ทำงานน่ะ”
“ก็ทักกัน แต่ก็แค่นั้นไงคะ ตกลงไหม...?”
เจสสิก้าหวังว่ายูริพยายามเสนอทางช่วยเธอ เพราะเป็นห่วงและเคารพในการตัดสินใจ ของเธอจริงๆ เธอหวังว่าความสัมพันธ์ของเรายังไม่จบแค่นี้ แต่แค่ต้องห่างๆกันหน่อยเท่านั้น ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือทำเพื่อให้ทิฟฟานี่สบายใจ เพื่อเธอจะสามารถกลับไปบอกคนรัก ได้อย่างภาคภูมิใจว่าเธอทำเพื่อหล่อนแล้วนะ
“เอางั้นไปก่อนก็ได้ค่ะ...”
สองสาวพยักหน้ารับรู้ ตกลงถึงเงื่อนไขความสัมพันธ์ใหม่ของทั่งคู่ ก่อนที่จะถึงเวลาต้อง เช็คบิล เจสสิก้าขับรถมาส่งยูริที่คอนโดเช่นเดิม ระหว่างทาง... เจสสิก้าคงไม่ได้คิดไปเองว่า ทุกๆ อย่างก็ยังดูปกติ ยูริยังคุยกับเธอเหมือนเดิม และหวังว่าวันพรุ่งนี้... ต่อๆไปก็คงจะเหมือนเดิม และเมื่อถึงหน้าคอนโด
“ออนนี่...”
เจสสิก้าเรียกยูริเอาไว้ก่อนที่หล่อนกำลังจะก้าวลงจากรถ ความจริงแล้วเจสสิก้าเธออยาก จะเอื้อมตัวเข้าไปโอบกอดพี่สาวของเธอเอาไว้ ไม่ใช่กอดเพื่อล่ำลา แต่แค่อยากจะกอด เพราะ อนาคต... อาจจะไม่ได้กอดบ่อยๆแบบนี้อีกแล้ว...
“สิก้าขอโทษนะ ที่ต้องเอาพี่เข้ามาเกี่ยวเรื่องนี้ จริงๆฉันไม่อยากให้พี่เข้ามาเกี่ยวเลย มันไม่ น่าเกี่ยวเลย ฉันขอโทษจริงๆนะคะ ออนนี่”
“อื้อ... ฝันดีจ้า”
ยูริตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ และลงจากรถไป... อีกครั้งที่เจสสิก้าวางศรีษะของตัวเองลงบน พวงมาลัยรถ
“เห้อ................”
...........................
เธอถอนหายใจยาวๆอย่างทรมาน จะว่ามันโล่งใจก็โล่งใจ แต่ก็รู้สึกใจหายแปลกๆ เธอน่า จะดีใจนะที่เธอทำเพื่อทิฟฟานี่ได้ ทิฟฟานี่จะได้เชื่อว่าเธอรักหล่อนมากแค่ไหน เธอไม่อยากเสีย ทิฟฟานี่ไปจริงๆ มันน่าจะเป็นเรื่องที่ดี ที่ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรอ...
แต่ทำไมล่ะ? ทำไม? ทำไมเธอถึงรู้สึกใจหายแปลกๆแบบนี้ ทำไมเธอถึงไม่มีความสุขเลย เธอไม่โอเคเลยกับการห่างหายของยูริแบบนี้
“ทำไมล่ะ ออนนี่ ไหนบอกว่าเราจะยังเจอกัน ทักกันเหมือนเดิมไง นี่พี่เล่นหายหน้าหายตา ไปเลยแบบนี้... พี่หลบหน้าฉันชัดๆ ฉันไม่โอเคนะ ออนนี่”
Talk : มาตอนแรกก็อย่างยาวเลย ขอกำลังใจให้ไรเตอร์มือใหม่ด้วยนะคะ
ฝากฝังด้วย คอมม้ง คอมเม้นให้กำลังใจ เดี๋ยวมาอัพต่อนะ
ความคิดเห็น