ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Silently::ไซเลนท์ลี่ CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #25 : Silently XXII::เรื่องเล่าจากความทรงจำ [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.88K
      8
      8 ส.ค. 56

    Silently XXII

    เรื่องเล่าจากความทรงจำ

    Author: Wi Lyn



     




     

     

    คุณเคยต้องทำอะไรซักอย่างที่ลำบากใจตัวเองสุดๆมั้ยครับ......

     

     

     

     

     

    “โหห ห้องพี่นี่สะอาดสุดยอดเลยอ่ะ นึกอยู่แล้วว่าพี่ต้องติดนิสัยรักสะอาดไปจนโตชัวร์” จงอินที่พอก้าวเข้ามาในห้องก็มองสำรวจทุกอย่าง ก่อนจะเปรยขึ้นมาถึงความรักสะอาดของผม

     

    ผมยิ้มให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่าง เพราะห้องที่ผมเช่าอยู่ตอนนี้ไม่มีระเบียง ทำให้ผมต้องเปิดหน้าต่างเอาไว้เพื่อนำต้นไม้ไปวาง

     

    ต้นไม้ที่อยู่กับผมมาตั้งแต่ต้นน้อยๆ จนตอนนี้ขนาดของมันกำลังทำให้ผมต้องซื้อกระถางใหม่ เพื่อย้ายพวกมันไปอยู่ในกระถางที่กว้างกว่าเก่า

     

    “โห ต้นไม้เพียบ พี่ชอบหรอ?” จงอินเดินเข้ามาจับบรรดาดอกไม้หลายสีของผม ก่อนเจ้าตัวจะช่วยยกกระถางอื่นๆส่งให้ผมอย่างมีน้ำใจ

     

    “ดอกสีฟ้านี้โคตรสวยเลยอ่ะพี่” จงอินที่ดูท่าจะชอบใจกับดอกไฮเดรนเยียเอ่ยขึ้น ก่อนจะเอาแต่มองสีน้ำเงินสวยๆของดอกไม้

     

     

    ดอกไฮเดรนเยีย ความหมายของมันไม่ได้สวยเหมือนรูปลักษณ์ภายนอกซักนิด

     

    รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเริ่มใกล้เคียงความหมายของดอกไฮเดรนเยียขึ้นเรื่อยๆแล้ว...

     

     

     

     

    จงอินหิวมั้ย?ผมค้นลังกระดาษซักพักก่อนจะค้นเจอกระดานสีขาวพร้อมปากกา

     

    “ก็นิดนึงนะพี่ แบบว่าวันนี้ทั้งวันกินไปนิดเดียวเอง” จงอินตอบหน้าตาย พูดมาได้ยังไงว่าวันนี้กินไปนิดเดียว -_-

     

    ผมพยักหน้าแล้วก็เดินไปหยิบโต๊ะญี่ปุ่นมาวางกลางห้อง หยิบเตาขนาดเล็กออกจากลังกระดาษ เปิดตู้เก็บของควานหาซักพักก็เจอกับรามยอนสองห่อ

     

    “พี่จำวันที่เราต้มรามยอนกินในห้องพี่ได้มั้ย? วันที่พี่ป่วยแล้วพี่ดันอยากกินรามยอนแต่คุณแม่บ้านห้ามอ่ะ” จงอินถามขึ้นหลังจากที่ผมกำลังรอให้น้ำเดือด

     

    ผมใช้เวลาซักพักในการนึกถึงความทรงจำในครั้งนั้น ก่อนจะยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าแทนคำตอบว่าจำได้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “คุณหนูคะ ทานยาแล้วนอนพักซะนะคะ เดี๋ยวป้าจะเอาข้าวต้มขึ้นมาให้” แม่บ้านใหญ่กำลังดูแลปรนนิบัติคุณหนูของบ้านที่เวลานี้กำลังป่วย

     

    “ไม่เอาข้าวต้มได้มั้ยครับ? ขอเป็น.......รามยอนรสเผ็ดนะ” เมื่อสิ้นคำขอของคุณหนู แม่บ้านก็ส่ายหน้าทันที

     

    “ทานอะไรคะ ไม่มีประโยชน์ เดี๋ยวป้าลงไปต้มข้าวต้มขึ้นมาให้ ป่วยแบบนี้จะทานรามยอนได้ยังไง ห้ามเด็ดขาดเลยค่ะ” สิ้นคำขาดทำเอาแบคฮยอนได้แต่ขดตัวเข้าไปในผ้านวม

     

     

    หลังจากโดนแม่บ้านบังคับให้ทานยาแก้แพ้เข้าไป ทำให้คนตัวเล็กหลับไปเกือบสามชั่วโมง ก่อนจะตื่นเพราะจมูกเหมือนจะได้กลิ่นอะไรหอมๆลอยเข้ามา

     

    ค่อยๆลืมตาขึ้นเพราะยังปรับโฟกัสของแสงสว่างไม่ได้ ภายในห้องนอนที่กว้างขวางของผม ที่หัวเตียงมีชามข้าวต้มวางอยู่ เดาว่าแม่บ้านคงยกขึ้นมาตอนผมหลับ

     

    ถ้าหัวเตียงเป็นข้าวต้ม แล้วถ้าจมูกผมไม่เพี้ยน

     

    ทำไมผมถึงยังได้กลิ่นรามยอนล่ะ หรือประสาทหลอนเพราะอยากกินแต่ดันโดนขัดใจ

     

     

    “ตื่นแล้วหรอ?” ผมหันไปตามเสียงทักทายที่ได้ยิน ก็เห็นจงอินนั่งอยู่ที่มุมห้อง พร้อมกับหม้อขนาดเล็ก ที่ในหม้อมีรามยอนร้อนๆกำลังเดือดปุดๆ

     

    ผมรีบผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที ก่อนจะต้องล้มลงไปอีกครั้งเพราะการเคลื่อนไหวที่เร็วจนเกินไปสำหรับคนที่กำลังเป็นไข้

     

    จงอินวางตะเกียบที่กำลังช้อนเส้นบะหมี่ยกขึ้นลงทันที แล้วก็วิ่งเข้ามาประคองผม

     

    “ค่อยๆลุกสิ ได้กลิ่นของอร่อยล่ะสิ ถึงได้ตื่นอ่ะ” จงอินใช้หมอนรองหลังให้ผม ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆที่ผมทำหน้าตกใจที่เขารู้ทัน

     

    “แล้วนี่รู้ได้ยังไงว่าพี่อยากกินอ่ะ” ผมถามเพราะสงสัยจริงๆว่าเขารู้ได้ยังไงว่าผมอยากจะกินรามยอน

     

    “ก็....ผมเข้าไปเอาน้ำให้พ่อผมกับพ่อพี่ในครัวไง แล้วได้ยินคุณแม่บ้านเขาบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ว่าพี่ดื้อจะกินรามยอนทั้งที่ป่วย” จงอินเดินกลับไปยังมุมเดิม แล้วทำการปิดเตาแก๊สเมื่อรามยอนเดือดได้ที่

     

    จงอินใช้ตะเกียบคีบเส้นขึ้นมา แล้วเป่ามันเพื่อไล่ความร้อน ตอนที่เขากำลังจะเอามันเข้าปาก เขาก็เหลือบตาขึ้นมามองผมที่นั่งกลืนน้ำลายอยู่บนเตียง

     

    “เอ้า จะกินก็ลงมาสิพี่ รามยอนมันไม่ลอยไปหาพี่หรอกนะ” ผมจิ๊ปากใส่จงอินเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆคลานลงจากเตียงไปหาจงอิน

     

    ระหว่างที่เราสองคนกำลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย จงอินก็ได้ยินเสียงของคุณแม่บ้านที่คุ้นเคยดังมาจากหน้าห้อง

     

    ไม่รอช้า จงอินรีบคว้าหม้อรามยอนที่กำลังกินอยู่วิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำทันที ก่อนที่ผมจะรีบเช็ดปากแล้วกระโดดขึ้นเตียง ทำทีเป็นหลับยังไม่ตื่น

     

    แอ๊ด

     

    คุณแม่บ้านเปิดประตูห้องเบาๆเพื่อป้องกันไม่ให้ผมตื่น ผมค่อยๆหรี่ตาเพื่อสังเกตการณ์ ได้แต่ขอให้คุณแม่บ้านไม่เข้ามาวุ่นวาย ตอนนี้ใจผมไปอยู่ที่รามยอนแล้วจริงๆ

     

    แล้วคำขอของผมก็สัมฤทธิ์ผล คุณแม่บ้านที่ยังคงเห็นผมหลับอยู่ตัดสินใจหันหลังแล้วปิดประตู ทำให้ผมถีบผ้าห่มออกจากตัว แล้ววิ่งตรงดิ่งเข้าไปห้องน้ำแบบติดสปีด




    จงอินกำลังจะกินมันจนหมด....

     

     

     

    “เฮ้ย ไหนว่าให้พี่กินไง แล้วไหงนายซัดมันจนเกือบจะหมดแบบนี้ล่ะ” พอชะเง้อหน้าไปมองปริมาณรามยอนในหม้อผมก็แหวใส่จงอินทันที

     

    “ก็พี่ช้านี่นา ผมหิว ผมก็กินสิ อีกอย่างผมเป็นคนต้ม” จงอินยังคงแก้ตัวแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่อ

     

    “แต่นี่ห้องพี่ นายก็ต้องแบ่งพี่ ถ้าไม่แบ่งก็เอาออกไปกินที่อื่นเลย” ถ้าเป็นปกติจงอินคงจะรีบตักแบ่งผมในทันใด แต่วันนี้วิญญาณอะไรซักอย่างคงเข้าสิงแล้วสั่งให้เขากวนตีนผม

     

    เขาถือหม้อเตรียมจะเดินออกจากห้อง ทำให้ผมต้องรีบรั้งแขนเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะก้าวพ้นประตู เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับว่าผมจะอดกินน่ะสิ

     

    “ก็ได้ๆๆๆ ไม่ว่านายแล้วก็ได้” ผมพูดเสียงอ่อย พร้อมกับกระโดดขึ้นไปนั่งที่แท่นอ่างล้างหน้า

     

    “ผมล้อพี่เล่นนิดเดียวเอง ความจริงผมแยกไว้ให้พี่แล้ว รู้หรอกน่าว่าอยากกิน” จงอินเดินมาหยุดที่ระหว่างขาสองข้างของผม ก่อนจะใช้มือบีบจมูกผมเล่น

     

    แล้วเดินไปหยิบชามรามยอนอีกชามมาส่งให้ผม...

     

     

    เลยกลายเป็นว่าตอนนี้เราสองคนกำลังนั่งกินรามยอนอยู่ใน ห้องน้ำ

     

     

     

    จงอินกินรามยอนส่วนของเขาหมดไปนานแล้ว และตอนนี้เขาเองก็กำลังจะรุกรานอาณาเขตของผม

     

    เขาใช้ตะเกียบแย่งเส้นแล้วส่งเข้าปาก ผมกลัวว่าจะกินไม่ทันเขาก็รีบช้อนเส้นขึ้นมากินบ้าง แย่งกันไปมาอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะของจงอินดังขึ้น

     

     

    เพราะเขาได้แกล้งผม

     

    แต่บางสิ่งทำให้ผมต้องหยุดชะงัก...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หากใครเคยได้ดูภาพยนตร์ของดิสนีย์ ที่ว่าด้วยเรื่องของสุนัขจรจัดที่ดันไปหลงรักสุนัขสาวไฮโซ อย่างเรื่อง Lady And The Tramp ทรามวัยกับไอ้ตูบ แล้วล่ะก็

     

    ทุกคนคงคุ้นกับฉากเส้นสปาเกตตี้ที่สุนัขทั้งสองตัวดันบังเอิญกินเส้นเดียวกัน...

     

     

    แต่ของผมมันเป็นอะไรที่เอเชียกว่านั้นครับ...




    เพราะมันเป็นรามยอน ไม่ใช่ สปาเกตตี้

     

     

    “กัดทิ้งเดี๋ยวนี้จงอิน” ผมออกคำสั่งทั้งๆที่ปากยังคงดูดเส้นรามยอนเส้นนั้นไม่ปล่อย

     

    “พี่นั่นแหละกัด เส้นนี้ผมต้องได้กิน” จงอินเองก็ไม่ยอมแพ้ ทำให้ผมต้องกรอกตาไปมา

     

    ในเมื่อตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าใครจะได้กินแล้ว แต่มันเป็นเรื่องที่ว่า ใครจะชนะต่างหาก

     

    “จะกัดไม่กัด ถ้าไม่กัดพี่ถีบนายจริงนะ” เพราะผมนั่งอยู่บนแท่นอ่างล้างหน้าที่สูงกว่า เรื่องจะถีบจงอินน่ะหรอ? จิ๊บๆ

     

    ไม่ว่าเปล่า ผมยกเท้าขึ้นมาเป็นตัวยืนยันว่าผมพูดจริงทำจริง แต่ดูเหมือนจงอินจะมีนิสัยชอบท้าทายอยู่ในสายเลือด

     

    เขายังคงดูดเส้นรามยอนเข้ามาเรื่อยๆ มันใกล้เข้ามาจนผมมองเห็นหน้าเขาชัดขึ้น

     

     

     

    ชัดขึ้น

     

     

     

     

    แล้วก็ชัดขึ้น

     

     

    ใกล้จนลมหายใจสัมผัสกัน ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเป็นฝ่ายยอมแพ้ กัดเส้นรามยอนให้ขาดด้วยตัวเอง

     

    จงอินหัวเราะร่าแล้วก็เก็บของทุกอย่าง

     

    “ผมว่าพี่หายป่วยแล้วล่ะ แต่ไปกินยาแล้วนอนพักอีกหน่อยก็ดีนะ ลมหายใจพี่ยังร้อนๆอยู่เลย” ทั้งๆที่รู้ว่าเขาแค่เตือนด้วยความเป็นห่วง

     

    แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกอาย กับประโยคที่เขาพูดว่า ลมหายใจผมยังร้อนๆ

     

     

     

    ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง แล้วก็ซุกตัวลงกับผ้านวมผืนหนา จงอินเดินตามมาแล้วก็จับผ้าห่มให้กระชับขึ้น ก่อนจะบอกฝันดีแล้วเดินออกจากห้องไป

     

     

    พอหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน....

     

     

     

     

     

     

    ความทรงจำมากมายที่ผุดขึ้นมา ทำให้ผมตระหนักได้ว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร สิ่งที่จะเป็นเครื่องเตือนความทรงจำของเราได้ดีที่สุดก็คงจะเป็นสิ่งที่ใช้หัวใจจำ

     

    พึ่งนึกได้ว่าตัวเองมีความทรงจำกับคนตรงหน้านี้มากมายเหลือเกิน...

     

     

    หวังว่าการกินรามยอนด้วยกันครั้งนี้ คงไม่เหมือนครั้งที่แล้วหรอกนะ


     

     

     

     

     

     

     

     

    เพราะถ้าเป็นแบบนั้น  ผมคงจะอึดอัดเวลาอยู่กับเขาขึ้นมาแน่ๆ

     

     

     

    หลังจากรอให้น้ำเดือดในช่วงที่เรากำลังระลึกความหลังกันอยู่นั้น จงอินก็จัดการฉีกห่อรามยอนทั้งสองห่อแล้วโยนเส้นลงไปในหม้อ

     

    เขาใช้ตะเกียบคีบขึ้นๆลงๆอย่างที่เคยทำ เขาว่ามันจะทำให้รสชาติดีขึ้น ระหว่างรอให้เส้นสุกเขาก็หันมาชวนผมคุยอีกรอบ

     

     

    “พี่อยู่ที่นี่มานานแค่ไหนเนี่ย?” เพราะคำถามของจงอินไปกระตุ้นต่อมคิดถึงบ้านของเทาขึ้นมา

     

     

    ถ้าเป็นเวลานี้ ผมกับเทาไม่นั่งเล่นเกม ก็คงจะนั่งดูหนังอยู่ด้วยกัน เพิ่งรู้ตัวว่ากลัวการอยู่คนเดียวก็ตอนนี้ล่ะ

     

    ผมสลัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก่อนจะเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่จงอินเอาแต่ถามนู่นถามนี่ ด้วยความขี้เกียจเขียนอะไรเพื่อเล่าเรื่องยาวเหยียด ผมเลยเลือกที่จะใช้ทอล์คกิ้งดิกที่เทาซื้อให้

     

    ไม่นานหรอก ตอนแรกพี่เช่าห้องอยู่คนเดียว แต่อยู่ที่อื่นน่ะ ที่นี่พึ่งย้ายมา ผมพิมพ์ข้อความในทอล์คกิ้งดิกอย่างรวดเร็ว เพราะไม่รู้ว่าความอดทนของจงอินในการรอฟังคำตอบมีมากแค่ไหน

     

    “อ๋อ แล้วไม่คิดถึงเพื่อนพี่คนนั้นที่เคยอยู่ด้วยกันบ้างหรอ?” ก่อนที่ประโยคถัดมาของจงอินจะทำให้ผมชะงัก

     

    เพื่อนที่เขาว่า หมายถึงใคร...

     

    แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าก่อนหน้านี้ผมอยู่กับเพื่อนไม่ได้อยู่คนเดียว

     

     

     

    จงอินที่กำลังหยิบตะเกียบก็ชะงักอีกครั้ง ก่อนจะช้อนสายตามองผมนิ่งๆ แล้วยิ้มออกมาในที่สุด

     

     

    “ก็...ก็ผมเห็นรูปคู่ของพี่กับผู้ชายคนนั้นตั้งหลายรูปนี่นา ก็เลยเดาเอาน่ะ” จงอินกัดตะเกียบเล่นพลางพูดแก้ตัว

     

    จะว่าไม่ไว้ใจก็คงจะใช่ อย่างที่ผมบอก แววตาของจงอินเหมือนมีบางสิ่งซ่อนอยู่ บางสิ่งที่ช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้จงอินคนเดิมของผมหายไป...

     

     

    “เสร็จแล้ว กินกันเถอะพี่ กำลังร้อนๆเลย” จงอินคีบเส้นตักใส่ชามให้ผม แล้วก็เลื่อนมาให้ตรงหน้า

     

    ผมเลิกสนใจสิ่งที่ตนเองกำลังคิดก่อนจะหันมาสนใจชามรามยอนที่กำลงส่งกลิ่นหอมฉุย

     

    จนลืมสังเกตว่าคนตรงหน้าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วก็ก้มลงกินรามยอนต่อ






    “พี่จะให้ผมนอนไหนอ่ะ?” หลังจากทานรามอนเสร็จ ทั้งผมและเขาก็ผลัดกันอาบน้ำ ปัญหาอีกอย่างคือ ที่นอน

     

    อย่างที่รู้ ตอนอยู่คนเดียวผมก็ใช้เตียงตั้งพื้นราคาถูกๆ ตอนนี้สิ่งที่มีเหลือติดตัวผมมา ก็คือ ฟูกที่นอนสำหรับคนเดียว

     

    ไม่มีอะไรอุ่นพอที่จะใช้ปูให้จงอินนอน นอกเสียจากผมจะเสียสละให้เขานอนฟูกด้วยกันกับผม

     

    ไม่รอให้ผมตัดสินใจ คนตัวสูงเดินไปทิ้งตัวที่ฟูกของผมทันที ก่อนจะจัดท่าให้ตัวเองนอนได้สบายที่สุด แล้วก็หันมามองผมที่ยังคงยืนนิ่ง

     

    “อ้าวพี่ ไม่มานอนล่ะ คืนนี้อากาศเย็นจะตาย ห้องพี่ฮีตเตอร์ก็ใช่ว่าจะช่วยให้อุ่นขึ้น พี่คงไม่ใจร้ายให้ผมนอนพื้นเย็นๆหรอกใช่มั้ย?” จริงที่จงอินว่า คืนนี้อากาศหนาว

     

    แล้วไหนจะห้องพักราคาถูก ไม่ต้องพูดถึงฮีตเตอร์ให้เสียเวลา เดี๋ยวใช้ได้เดี๋ยวใช้ไม่ได้ หากจะเสียสละที่นอนให้เขาแล้วตัวเองต้องมาทนนอนบนพื้นเย็นๆก็คงไม่ไหว

     

    ผมตัดสินใจเดินไปที่ๆนอน ก่อนจะซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม เว้นระยะห่างจากจงอินให้มากที่สุด ถึงแม้จะถูกความเหนื่อยล้าเล่นงาน แต่การที่ต้องมานอนข้างๆจงอิน

     

    ทำให้ผมเลือกที่จะถ่างตานอนมองเพดานแทนการเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างที่ต้องการ ผมไม่รู้ว่าจงอินที่ผมไม่ได้เจอมาหลายปีจะเปลี่ยนไปแค่ไหน

     

     

    บางทีเขาอาจจะมีเจตนาร้ายที่เข้าหาผม หรือบางที เขาอาจจะเดือดร้อนมาจนต้องมาขอค้างกับผม

     

    ผมเองก็ไม่กล้าพอที่จะถามอะไรออกไป

     

     

     

    ข้อเสียของคนพูดไม่ได้คือ ปฏิเสธคนไม่เป็น...

     

     

    คิดอะไรเพลินๆจนเริ่มฝืนร่างกายไม่ไหว ร่างกายที่ใช้งานหนักมาทั้งวัน สมองสั่งให้ร่างกายหยุดการทำงานเพื่อเข้าสู่ภาวะพักผ่อน ก่อนที่ผมจะตัดสินใจหลับตาลงแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา

     

     

    ลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ร่างสูงที่นอนข้างๆรู้ว่าคนตัวเล็กได้หลับเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะพลิกตัวเองให้นอนหันหน้ามาทางร่างบาง

     

     

    เพ่งมองใบหน้าน่ารักที่ตนเคยหลงรักเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก แม้ตอนนี้ความรักที่มีให้จะไม่ได้ลดน้อยลงไป และความผูกพันในหัวใจที่มีต่อคนตัวเล็กไม่ได้จางหายไปตามกาลเวลา

     

     

     

    หากแต่บางสิ่งได้พรากความอ่อนโยนไปจากหัวใจของคนตัวสูง จากหัวใจที่เคยใสสะอาด กลับถูกแต้มสีดำจางๆจนมันขยายวงกว้าง

     

     

    กลายเป็นหัวใจที่สกปรก...

     

     

     

    “ฝันดีนะพี่ ฝันดีให้พอ หลังจากนี้ผมจะทำให้พี่สะกดคำว่าฝันดีไม่ออก” ร่างสูงเอ่ยขึ้นก่อนจะวาดแขนแกร่งโอบเอวคนตัวเล็กเอาไว้

     

    ซึมซับทุกสัมผัสก่อนที่ตนจะหมดโอกาสนั้น....

     

     

    ซึมซับทุกความทรงจำที่มีค่า ประทับมันไว้ในหัวใจ แล้วล็อคกุญแจปิดตาย

     

     

    หากเลือกเดินคนละเส้นทางแล้ว คงไม่มีประโยชน์ที่จะหันหลังกลับ แม้จิตใต้สำนึกจะสั่งให้หยุดสิ่งที่คิดจะทำ

     

    แม้หัวใจจะค้าน แต่เมื่อเลือกแล้ว ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป

     

     

     

    หากต้องเลือกระหว่างคนที่รัก กับครอบครัว

     

    คำตอบที่ชัดเจนในความคิด แน่นอนว่าต้องเลือก ครอบครัว






    มองข้ามคำตอบในหัวใจ แล้วทิ้งความอ่อนแอเพื่อ เดินหน้าต่





     

    --------------100%-----------


    [คุยกับไรท์เตอร์]


    ตอนนี้ไคแบคมาแรงเว่อร์อ่ะ

    ไม่รู้เอาฟีลหวานๆมาใส่ในไคแบคได้ไง?

    ไรท์แม่ยกชานแบคตัวแม่เลยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ


    อยากจะขอโทษรีดเดอร์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

    โพลที่ให้โหวตว่าอยากได้คู่ไหน อาจให้ได้บ้างไม่ได้บ้าง

    ก็อย่าโกรธกันนะ T_T

    ตั้งใจว่าจะทำสเปเชี่ยลคู่พิเศษขึ้นมาเซอร์ไพรส์รีดเดอร์ที่น่ารักด้วย


    รอกันเนอะ ^^


    สิ้นเดือนนี้ไรท์เริ่มสอบมิดเทอมแล้วค่ะ เทอมนี้มีแต่วิชาคำนวณทั้งนั้น

    ถ้าห่างหายไปจากการอัพ ก็อย่าเพิ่งหนีกันไปไหนนะ


    เจอกันเมื่อสมองไรท์ไม่ตัน ปย๊ง!!!



    สำหรับใครที่เล่นทวิต รบกวนติดแท็ก #ฟิคเงียบ ให้ไรท์ทีนะคะ จะได้เช็คง่ายหน่อย








    *หลายคนคงเคยได้ดูเรื่อง ทรามวัยกับไอ้ตูบนะคะ

    เอามาแปะไว้ให้ เผื่อใครนึกไม่ออก ว่าเรื่องที่ไรท์กล่าวถึงคืออะไร

    ฉากในตำนานของวอลดิสนีย์เลยนะ ^^
    *

     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×