ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Silently::ไซเลนท์ลี่ CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #12 : Silently IX::ลูกอม [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.07K
      14
      27 ส.ค. 56

    Silently IX

    ลูกอม

    Author: Wi Lyn



     





     

    “แบคฮยอน ถ้า...เราอยากจะดูแลนาย นายจะว่ายังไง?” ผมจ้องแบคฮยอนด้วยสายตาจริงจังชัดเจน ต้องการสื่อความหมายตามสิ่งที่พูดไป

     

    แบคฮยอนเงียบไม่หยิบแม้กระทั่งสมุดหรือขยับร่างกาย นิ่งจนเดาไม่ถูกว่าคิดอะไรอยู่ภายในใจ

     

    สุดท้ายร่างบางก็หยิบสมุดเล่มคู่ใจพร้อมกับปากกาขึ้นมา คนที่รอลุ้นก็ได้แต่ใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆว่าจะได้รับคำตอบเช่นไร?

     

    ช่วงเวลาที่ปากกาจรดลงบนแผ่นกระดาษนั้น กว่าแบคฮยอนจะลากเส้นแต่ละเส้นขึ้นเป็นตัวอักษร มันช่างน่าตื่นเต้นเสียเหลือเกิน มือชื้นเหงื่อค่อยๆยกขึ้นมาเกลี่ยแก้มตัวเองเล่น

     

    ก็ดูแลมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่หรอ? แบคฮยอนส่งสมุดให้ผมอ่าน ผมก็ได้แต่สงสัยว่าเขาเข้าใจตรงกันกับที่ผมเข้าใจหรือเปล่า?

     

    ดูแลในความหมายของผม คือดูแลเขาในฐานะผู้ชายคนนึง คอยปกป้อง คอยห่วงใย ไม่ต้องใช้คำจำกัดความของความสัมพันธ์ เพราะผมรู้ตัวดีว่ายังมีพันธะอยู่กับใครอีกคน ซึ่งมันเองก็ยังไม่แน่ชัดเท่าไรนัก

     

    กับคนตรงหน้าก็เช่นกัน ยอมรับว่ารู้สึกดีด้วย แต่มากแค่ไหนนั้น ก็ไม่อาจให้คำตอบที่ชัดเจนได้

     

    แล้วความหมายของคำว่าดูแลที่แบคฮยอนเข้าใจล่ะ?

     

     

     

    ผมเลยคิดว่าให้เขาเข้าใจตามแบบฉบับของเขาน่าจะเป็นการดีที่สุด บางทีถ้าผมถามเซ้าซี้ เขาอาจเปลี่ยนใจก็ได้ ถ้าแบคฮยอนรู้ว่าผมไม่ได้อยากดูแลเขาในฐานะคนรู้จัก เขาต้องปฏิเสธแน่ๆ ไม่มีทางที่คนบริสุทธิ์อย่างแบคฮยอนจะมาพัวพันในเรื่องรักสามเส้า

     

    ผมเองก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เรื่องของความรู้สึก...

     

     

    ใครจะห้ามมันได้ล่ะ จริงมั้ย?

     

    น้ำพุสายรุ้งที่กำลังแสดงอยู่เรียกความสนใจจากเราสองคนได้ดี แม้จะเคยมาดูหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่ได้มากับ ใครบางคนที่รู้สึกว่าคู่ควรที่จะได้ใช้เวลาร่วมกันในสถานที่ๆสวยงาม

     

    แบคฮยอนดูผ่อนคลายเมื่อได้นั่งมองเหล่าน้ำพุสีสวยงามชวนสบายตา

     

    ผมเคยถามตัวเองเล่นๆว่า คนแบบไหนที่อยากจะให้อยู่เคียงข้าง?

     

    คำตอบที่คิดได้ในตอนนั้นคือ หน้าตาดี ขาว นิสัยน่ารัก ช่างเอาใจ ไม่ขี้บ่น ไม่งอแง และคำตอบอีกสารพัดที่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหายากเข้าไปทุกที

     

    แต่จะมีใครในโลกที่สมบูรณ์แบบไปซะหมด? ผมเองก็ไม่ใช่ผู้ชายสมบูรณ์แบบ จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องตามหาคนประเภทนั้น...

     

    อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับในสิ่งที่ไม่เป็นไปตามฝัน แต่ลองคิดสิว่า...แค่เพียงมีใครซักคนที่ทำให้เรารู้สึกว่าการมีชีวิตเป็นเรื่องพิเศษ ทำให้ยิ้มได้ในทุกๆวัน เป็นห่วงได้มากกว่าใครทุกคน ผมว่านั่นก็เป็นสัญญาณที่ดี

     

    ผมเชื่อว่า หากเราไม่เรียกร้องที่จะรับจากคนอื่นมากจนเกินไป ความรักมักจะให้ความสุขตอบแทนกลับมาเป็นของขวัญเสมอ



    เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆจนไม่ทันสังเกตว่าหัวเล็กนั้นเอียงไปมา ก่อนจะตกลงมาซบที่ไหล่กว้างของผมแบบไม่ได้ตั้งใจ

     

    อาจจะเมื่อยบ้างแต่ก็มีความสุข เพราะรู้สึกเหมือนผมเป็นที่พักให้เขาได้ และหลังจากนี้ไป ผมจะทำตามความรู้สึกของตัวเอง ไม่มีเหตุผลที่ต้องฝืนใจ

     

    ผมอยากกล้าหาญพอที่จะปล่อยมือจากคนที่ทำร้าย แม้ว่าหลังคำลาผมและเขาอาจไม่เหมือนเดิม แต่คนเราล้วนแล้วแต่เริ่มต้นจากศูนย์ทั้งนั้น จะก้าวไปข้างหน้าได้ยังไง หากยังย่ำอยู่ที่เดิม

     

    ผ่านไปเกือบสามสิบนาที แต่คนหลับลึกก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว กลัวว่ากว่าจะถึงบ้านมันจะดึกเกินไป ตั้งใจจะพาไปส่งบ้าน แต่เพิ่งจะสำนึกได้ว่า ตนไม่รู้ว่าบ้านของร่างบางอยู่ที่ไหน เพิ่งจะคิดได้ว่าตนใส่ใจคนๆนี้น้อยเกินไป

     

    แม้แต่บ้านอยู่ที่ไหนก็ยังไม่เคยคิดจะถาม อยากจะปลุกแต่เพราะเสียงครางเหมือนลูกหมายามหลับนั้นมันดูน่ารัก ดูไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ เพราะเวลาร่างบางลืมตาตื่น แววตาที่ดูมีเรื่องมากมายแบกเอาไว้ ทำให้หยุดความคิดที่จะปลุกเอาไว้

     

    Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

     

    โทรศัพท์ที่ใส่เอาไว้ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นมา จนต้องเอามือล้วงลงไป ดูว่าใครกันที่โทรเข้ามารบกวนช่วงเวลาดีๆ

     

    Lu Han

    ผมชั่งใจก่อนจะกดรับสาย เพราะอีกใจก็อยากจะรู้ว่าร่างบางโทรมามีอะไร?

     

    “ว่าไงลู่ กลับถึงบ้านรึยังครับ?” ผมกรอกเสียงลงไป พยายามให้น้ำเสียงเป็นปกติ

     

    “ถึงแล้ว ยอลล่ะ? ตอนนี้ลู่อ่านหนังสืออยู่ แต่คิดถึงไง” ดูเหมือนว่าคำคิดถึงของลู่ฮานยังมีผลกับผมอยู่ไม่น้อย ทำให้ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

    “กำลังจะกลับบ้านแล้วล่ะ มานั่งเล่นที่แม่น้ำฮันน่ะ ใครไม่รู้ทิ้งเราไว้คนเดียว” ผมแกล้งแหย่คนตัวเล็กหวังอยากให้ง้อ

     

    “โอ๋ๆๆๆๆ ไว้เราไปด้วยกันนะ เอาเป็นวันที่มีแสดงน้ำพุนะ ลู่อยากดู” ได้ฟังน้ำเสียงร่าเริงของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกดีไปพร้อมๆกับอาการเจ็บที่หัวใจ

     

    “รีบกลับบ้านนะ ถึงบ้านแล้วเมสเซจมาบอกด้วยล่ะ” ลู่ฮานทิ้งท้ายเป็นเชิงสั่งก่อนจะขอตัววางสาย

    ก่อนที่อีกฝ่ายจะตัดสายไป ผมกลับได้ยินเสียงใครบางคนดังลอดเข้ามา เสียงปลายสายที่ผมจำได้ว่าเป็นเสียงของใคร

     

     

     

    เซฮุน...

     

     

    โกหกกันอีกแล้วใช่มั้ย? ลู่ฮาน ปากบอกว่าคิดถึงแต่กลับอยู่กับคนอื่น ปากอย่างใจอย่าง มีอะไรบ้างที่ผมจะยังเชื่อเขาได้อีกในอนาคต

     

    จะไปกันรอดได้ยังไง ในเมื่อทุกๆวันมีแต่การโกหก...ผมคนเดียวที่พยายามไม่ใส่ใจ ทั้งที่รู้ว่าร่างบางมีคนอื่น ถ้าผมทำบ้าง? เขาก็อย่าได้มาเรียกร้องอะไรจากผมเชียว...

     

    ร่างบางที่กำลังซบไหล่รับรู้ตั้งแต่โทรศัพท์ของชานยอลสั่น เสียงจากคนปลายสายก็ได้ยินชัดเจน ทั้งคำหวานที่ป้อนให้กัน รอยยิ้มของร่างสูงตนก็สังเกตเห็นได้ จนอีกฝ่ายวางสาย ร่างบางก็รับรู้ได้ถึงไหล่กว้างที่ตกลง เขาแบกอะไรไว้บ้างนะ?

     

    แบคฮยอนค่อยๆขยับหัวไถไปมากับไหล่ผม ก่อนจะขยี้ตาสองสามทีแล้วยกหัวออกจากไหล่ ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง หันมากวักมือเรียกผมให้ลุกตามไป



    “จะไปไหน?” ผมถามด้วยความสงสัย

     

    แบคฮยอนหันมาทำมือเป็นรูปสามเหลี่ยม กลับบ้าน

     

    ผมพยักหน้ารับก่อนจะรีบวิ่งไปยืนประกบข้างร่างบางที่ขาสั้นแต่เดินไว

     

    “อยู่ไหน? เดี๋ยวไปส่ง” เดินมาด้วยกันจนถึงป้ายรถบัสที่ใกล้ที่สุดแบคฮยอนไม่ตอบเอาแต่มองซ้ายขวาหารถบัส

     

    “ถามว่าอยู่ไหน? เดี๋ยวจะไปส่ง” แบคฮยอนยังคงส่ายหน้าปฏิเสธที่ทำเอาผมเผลอตะคอกใส่เขาในที่สุด

     

    “จะปฏิเสธไปถึงไหน รับความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้างมันเสียศักดิ์ศรีนักหรอ? ไหนบอกว่าให้ฉันดูแลนายได้ไง แล้วทำไมถึงได้เอาแต่ส่ายหัวแบบนี้” พอร่างบางได้ยินผมตะคอกใส่ก็ยิ่งเงียบหนัก

     

    ผมจึงใช้ช่วงเวลาที่เงียบเช่นนี้ โบกรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมา แล้วฉุดข้อมือของแบคฮยอนให้ขึ้นรถมาด้วยกัน

     

    เมื่อโดนมัดมือชกให้ขึ้นรถ แบคฮยอนจึงเลิกขัดขืนก่อนจะจัดท่านั่งให้ตัวเองสบายๆ

    คนขับหันมาถามว่าจะลงที่ไหน แบคฮยอนเขียนปลายทางลงกระดาษก่อนจะส่งให้ลุงคนขับที่ทำหน้างงเล็กน้อย แต่ก็ยอมออกรถ

     

    นั่งรถมาซักพักก็มาถึงสถานที่ปลายทาง ซึ่งก็คือที่พักของแบคฮยอน ผมลงจากรถพร้อมๆกับร่างเล็ก เสียงโทรศัพท์ของลุงคนขับแผดเสียงดังขึ้น

     

    ก่อนลุงแกจะกดรับสายด้วยเสียงดังแล้วทำท่าตกใจ เหมือนมีใครเป็นอะไร ซึ่งผมก็เดาถูก ลูกสาวลุงแกเข้าโรงพยาบาล จากที่จะให้ลุงไปส่งผมอีกที่ ก็ไม่ทันเสียแล้ว ลุงแกรีบออกรถทันที ทิ้งผมกับแบคฮยอนให้ยืนงง ทั้งที่ยังไม่ทันจะได้จ่ายค่าโดยสาร

     

    เหมือนฝนฟ้าได้นัดกันล่วงหน้า จนกรมอุตุนิยมวิทยารายงานพยากรณ์อากาศไม่ทัน ฝนเม็ดใหญ่เทลงมาอย่างหนัก ทั้งผมและแบคฮยอนต้องรีบวิ่งเข้าไปในที่พักทันที

     

    ยังไม่ทันจะได้กลับบ้านเลย มาตกอะไรเอาตอนนี้ ไม่ใช่หน้าฝนด้วยซ้ำ แถวนี้ก็ทั้งลึก ทั้งเปลี่ยว ออกไปเรียกแท็กซี่ ตีสี่จะได้กลับบ้านรึเปล่ายังไม่รู้เลย

     

    ผมหันไปมองร่างบางของแบคฮยอนที่ยืนนิ่งมองสายฝน มือเล็กยื่นออกไปรับน้ำฝนสีใส ใช้มองรองน้ำจนเต็มมือแล้วปล่อยลงสู่พื้น เป็นการกระทำที่ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก

     

    แบคฮยอนใช้มือสองข้างเช็ดลวกๆกับเสื้อของตัวเอง ก่อนจะดึงชายเสื้อผมให้เดินตามเขาไป

    แบคฮยอนลากผมมาจนถึงหน้าห้องๆหนึ่ง ก่อนจะควานหากุญแจในกระเป๋าแล้วหยิบขึ้นมาไขเข้าไป ห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กตกอยู่ในความมืด ก่อนที่ทุกอย่างจะสว่างขึ้นเพราะเปิดไฟ

     

    ห้องสีขาวสะอาดตา เฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ห้องก็สะอาดสะอ้าน บ่งบอกว่าเจ้าของห้องรักความสะอาดเพียงใด

     

    ผมเดินสำรวจห้องไปทั่ว ก่อนจะมาหยุดที่ระเบียงที่มีบรรดากระถางต้นไม้เรียงกัน แบคฮยอนเปิดประตูระเบียง แล้วเอากระถางต้นไม้ทั้งหมดออกไปตั้งทิ้งเอาไว้เพื่อรับน้ำฝน

     

    แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูสองผืนใหญ่ อีกผืนใช้เช็ดผมตัวเอง ส่วนผืนที่พาดอยู่บนบ่าก็ส่งมาให้ผม

     

    แบคฮยอนเดินไปที่โต๊ะหนังสือแล้วหยิบปากกาสีดำขึ้นมาขีดฆ่าปฏิทินที่แขวนอยู่เหนือโต๊ะ ร่องรอยการขีดฆ่าในปฏิทินทำให้ผมรู้ว่าคนๆนี้ใส่ใจกับวันเวลาที่ผ่านไปแค่ไหน...

     

    คืนนี้ฝนน่าจะตกหนัก ชานยอลพักที่นี่ซักพักก็ได้ พอฝนซาหรือหยุดเมื่อไรค่อยกลับนะแบคฮยอนหยิบกระดานสีขาวขึ้นมาเขียนแล้วส่งให้ผมอ่าน

     

    “แล้วถ้าคืนนี้มันตกยันเช้าล่ะ ฉันไม่ต้องนอนที่นี่หรอ?” ผมถามกลับเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำยังไง?



    เรารู้ว่าที่นี่เล็ก แต่มันก็น่าอยู่นะ แต่ถ้าไม่ชอบก็โทรให้พี่ชานมีมารับนายสิแบคฮยอนคงตีความหมายสิ่งที่ผมพูดไปในทางไม่ดี ร่างบางถึงได้ตอบกลับเช่นนี้

     

    “ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย ฉันหมายถึงนายไม่ถือใช่มั้ย? ถ้าฉันจะขออาศัยที่นี่หลบฝนซักคืนน่ะ” ผมรีบแก้ตัวก่อนจะไปกันใหญ่

     

    แบคฮยอนส่ายหัว แล้วก็ยิ้มให้ พลางขอตัวไปหาผ้ามาปูให้ผมนอนคืนนี้

     

    แบคฮยอนให้ผมเข้าไปอาบน้ำก่อน เพราะเจ้าตัวต้องจัดที่นอนให้คนอาศัย พอเข้ามาในห้องน้ำผมสัมผัสได้ทันทีว่ามันเล็ก อีกอย่างคงเพราะผมตัวใหญ่กว่าเขามาก ทำให้ไม่ว่าจะหันทางไหนมันก็ติดๆขัดๆ

     

    ผมจัดการล้างเนื้อล้างตัว สระผมเพื่อไม่ให้ไข้หวัดถามหา คงไม่ดีถ้าผู้ชายตัวโตอย่างผมจะมาป่วยให้คนธุระมากอย่างแบคฮยอนดูแล

     

    เมื่อเช็ดตัวเสร็จก็มองเสื้อผ้าที่ร่างบางเตรียมเอาไว้ให้แล้วก็ได้แต่หัวเราะ เสื้อสั้นมากเพราะส่วนสูงที่ต่างกัน ดีหน่อยที่กางเกงวอร์มนี้ใส่ได้พอดี แม้ขาจะเต่อขึ้นมาแต่ก็พอทน

     

    ผมเดินออกจากห้องน้ำแล้วก็พบว่าแบคฮยอนกำลังนั่งเล่นกับต้นไม้

     

    ครับ นั่งเล่น! แบคฮยอนนอนคว่ำลงราบกับพื้น หันหน้าเข้าหากระถางต้นไม้หลายต้น แล้วจับมันหมุนไปมา ก่อนจะยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นดอกสีฟ้าสวยกำลังผลิบาน

     

    ดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าสวย...แต่ความหมายของมันไม่ได้สวยงามตามรูปลักษ์ภายนอกเลย

     

    มันหมายถึง หัวใจที่ด้านชา...

     

    “ชอบดอกไฮเดรนเยียหรอ?” ผมนั่งลงข้างๆร่างบางก่อนจะเอ่ยถาม แต่กลับได้รับสายตาสงสัยกลับมาแทน

     

    “สงสัยว่ารู้จักได้ไงอ่ะหรอ? ก็.....แม่กับชานมีชอบดอกไม้ ตอนฉันเด็กๆไม่ค่อยได้เที่ยวพวกสวนสนุกหรอก เที่ยวแต่สวนดอกไม้ นี่บอกนายคนแรกนะ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมเล่าถึงชีวิตวัยเด็กให้แบคฮยอนฟัง ซึ่งบอกเลยว่า เที่ยวแต่สวนดอกไม้จริงๆ

     

    แบคฮยอนยิ้มกว้างก่อนจะดันกระถางดอกไฮเดรนเยียมาตรงหน้าผม สีของมันสวยเสียจนละสายตาไม่ได้ สีฟ้าอมน้ำเงินนั้นดูแล้วสบายตา

     

    นั่งดูดอกไม้สีสวยไม่นาน คนตัวเล็กก็เริ่มจาม ทำให้ผมต้องบอกให้เขารีบไปอาบน้ำสระผม เดี๋ยวจะไม่สบายเอา

     

    เสียงน้ำกระทบพื้นกระเบื้องทำให้ผมรู้ว่าแบคฮยอนยังคงอาบน้ำอยู่ จึงถือวิสาสะสำรวจข้าวของส่วนตัวของเจ้าของห้องซักเล็กน้อย

    รูปครอบครัวที่ตั้งเอาไว้บนโต๊ะหนังสือ เพราะเป็นกรอบรูปทำมือจึงดึงดูดสายตาของผมได้ จนต้องหยิบมันขึ้นมาดู เป็นรูปครอบครัวที่มี พ่อแม่ลูก เป็นองค์ประกอบของภาพถ่าย

     

    แบ็คกราวน์เป็นบ้านสองชั้นขนาดพอดี สีขาวสบายตาตั้งอยู่ เดาว่าคงเป็นบ้านที่แบคฮยอนเคยอาศัยกับพ่อแม่ของเขา ก่อนจะต้องกลายเป็นคนกำพร้า ระหกระเหินมาใช้ชีวิตลำพัง

     

    แบคฮยอนในตอนนั้นน่าจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ดูได้จากรอยยิ้มบนใบหน้า เพราะเหตุนี้สินะ หลังจากสูญเสียทั้งครอบครัวและเสียง ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป

     

    จากคนที่เคยมีความสุขที่สุด กลับกลายเป็นทุกข์ที่สุดในช่วงเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที นั่นยิ่งทำให้ผมทึ่งในตัวของเขา รู้สึกผิดที่ต่อว่าๆเขาไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่น

     

    คนอย่างผมที่ตั้งแต่โตมาก็มีแม่กับพี่สาวคอยดูแล จะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องอยู่เพียงลำพังได้ยังไง...

     

    ผมวางกรอบรูปไว้ที่เดิม ก่อนจะนั่งลงบนที่นอนที่แบคฮยอนปูเอาไว้ให้ เตียงของแบคฮยอนเป็นเตียงเดี่ยวตั้งพื้น หัวเตียงมีรูปของแต่ละสถานที่ถูกหนีบเอาไว้ด้วยที่หนีบไม้และเชือก



    มีทั้งสถานที่ในเกาหลีและต่างประเทศ ข้อความใต้รูป เป็นลายมือของแบคฮยอน เขียนเอาไว้ว่าหากได้ไปที่นั่นจะทำอะไรบ้าง?

    ผมสำรวจสิ่งรอบตัวจนลืมสังเกตไปว่าแบคฮยอนออกจากห้องน้ำมาแล้ว และก็เดินไปเอากระถางต้นไม้มาไว้ในห้องเช่นเดิม

     

    ฝนยังคงตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา บวกกับเสียงฟ้าร้องดังลั่น ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลง เพราะไฟดับ

     

    “แบคฮยอนนายอยู่ไหน? มองเห็นรึเปล่า” ผมส่งเสียงเรียกแบคฮยอนเบาๆแล้วพยายามปรับสายตาให้มองเห็นได้ในความมืด

     

    ได้ยินเสียงแบคฮยอนเดินชนขอบโต๊ะดังปั๊ก ทำเอาผมกลั้นขำไม่อยู่ ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนคนล้มตัวลงบนที่นอน แบคฮยอนเดินมาถึงที่นอนแต่ก็ยังไม่วายสะดุดขาตัวเองจนล้มลง ดีนะที่ล้มบนที่นอน ^^

     

    ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด ไม่มีแม้แต่แสงไฟจากภายนอกเพราะเดาว่าไฟน่าจะดับหมดทั้งย่าน มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่คืนนี้ดูท่าว่าจะใหญ่กว่าปกติ

     

    ผมนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาเตียงแบคฮยอน นอนมองคนตัวเล็กผ่านความมืด แบคฮยอนขยับตัวไปมาก่อนจะยกแขนสองข้างขึ้นมาเล่นกับเงา

     

    บางครั้งก็เหมือนเด็ก บางครั้งก็เหมือนผู้ใหญ่ที่ดูโตเกินอายุจริง หลายบุคลิกในคนๆเดียว ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาช่างน่าค้นหา

     

    เพราะยังไม่ง่วงผมเลยยกแขนสองข้างขึ้นมาเล่นกับเงาเหมือนเขาบ้าง แบคฮยอนใช้มือสองข้างประกบกันแล้วทำเป็นรูปหมา แล้วก็หัวเราะในลำคออย่างสนุกสนาน

     

    คงเป็นเพราะร่างเล็กถูกเทาเรียกว่าหมาบ่อยๆล่ะมั้ง ถึงได้ทำมือเช่นนั้น ผมขมวดคิ้ว แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พอเกี่ยวกับเทา ที่ซึ่งเป็นคนสนิทของแบคฮยอน ก็ทำผมหมดอารมณ์ได้ง่ายๆ

     

    ผมลดมือสองข้างเพื่อเลิกเล่นเงา ทำให้แบคฮยอนหันหน้ามามอง แก้วตาใสยามอยู่ในความมืดนั้นก็ยังคงสะกดผมเอาไว้ได้ ก่อนจะเขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆใช้แขนยันตัวเองขึ้นจากพื้น แล้วก้มหน้าลงไปจูบซับเบาๆที่ตาของร่างบาง

     

    “ฝันดีนะแบคฮยอน นอนได้แล้วคนดี” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังเองแล้วยังรู้สึกว่ามันอบอุ่น

     

    แบคฮยอนทำหน้านิ่งๆซักพักแล้วก็พยักหน้า สองตาหลับลงอย่างว่าง่าย ก่อนที่ผมจะล้มตัวลงไปนอนกับที่นอน แล้วก็เข้าสู่ห้วงนิทราตามร่างบางไปติดๆ

     

     

     

    ผมตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงเหมือนของตกแตก ทำให้รีบผุดลุกจากที่นอนทันที หันไปทางห้องครัวขนาดเล็กก็พบแบคฮยอนกำลังทำหน้าตกใจ พร้อมกับหันมามองว่าผมจะตื่นเพราะเสียงนั้นหรือเปล่า

     

     

    ทำตัวน่ารักแต่เช้าเลยนะ...^^

     

     

    เมื่อเห็นว่าร่างบางไม่ได้เป็นอะไร ผมก็หันกลับมาเก็บที่นอน แล้วเดินตามเข้ามาในห้องครัวที่แบคฮยอนอยู่

     

    เห็นแบคฮยอนกำลังก้มๆเงยๆเก็บเศษแก้วที่ตกแตก พอเห็นผมเดินเข้าไปก็ยกมือขึ้นมาห้าม คงเพราะกลัวว่าผมจะเจ็บตัว

     

    ตั้งแต่รู้จักกับแบคฮยอนมา เพียงแค่เขาแสดงสีหน้าหรือท่าทาง ผมก็อ่านความคิดและตีความหมายของมันได้เองโดยอัตโนมัติ

     

    ผมเลยยืนมองแบคฮยอนเก็บเศษแก้วคนเดียว พลางคิดในใจว่าอีกเดี๋ยวร่างเล็กต้องโดนแก้วบาดชัวร์



    แล้วก็เป็นอย่างที่คิด แบคฮยอนโดนเศษแก้วบาดเข้าที่นิ้วชี้ จึงรีบชักมือกลับ จะเอานิ้วที่โดนบาดเข้าปาก ให้น้ำสีใสในปากสมานแผล

     

    ผมเห็นดังนั้นจึงถลาเข้าไปจนลืมรู้สึกเจ็บที่เท้า ไม่ทันสังเกตว่าตัวเองก็โดนเศษแก้วตำเท้าไปแล้วเหมือนกัน ผมเอานิ้วที่แบคฮยอนโดนบาดเข้าปาก แล้วจัดการดูดเพื่อให้เลือดหยุดไหล ไม่รู้ใครเป็นคนต้นคิดเรื่องเลือดไหลแล้วให้ดูด

     

    พอดูดจนเลือดหยุดไหล ผมมองหน้าแบคฮยอนก็เห็นว่ามันแดงมากจนเหมือนคนไข้ขึ้น ผมใช้มือข้างที่ว่างทาบลงบนหน้าผากของร่างเล็ก แต่อุณหภูมิก็ไม่ได้ร้อนไปกว่าปกติ

     

    รู้ตัวว่าร่างบางเขินก็ตอนที่พยายามดึงมือออกจากการกอบกุม ^^

     

    แบคฮยอนลุกขึ้นเดินไปหยิบไม้กวาดที่มุมห้องมากวาดเศษแก้ว ผมนั่งมองการกระทำของเขาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ฝ่าเท้าจนต้องใช้มือบีบเอาไว้

     

    แบคฮยอนเห็นเลือดมากมายที่ไม่น่าจะใช่แผลที่นิ้วของตัวเอง เลยมองหาที่มา จนมาหยุดที่เท้าข้างขวาของผม

     

    แทนที่ผมจะทำแผลให้เขา กลับกลายเป็นว่าเขาต้องมาทำแผลให้ผมแทน

     

    น่าอายจริงๆเลย ปาร์คชานยอล >//<


     

    -----------100%----------

     



     

     

     

     

     

    [คุยกับไรท์เตอร์]

     

     

     

     

     


    ตอนแรกตั้งใจจะมาแค่50%แต่กลัวรองเท้าลอย

    อีกอย่างตอนนี้มันหวานแซงอยู่แล้วไม่มีเหตุผลที่ต้องตัดให้รีดค้าง

    เขินนะที่บอกว่าอ่านฟิคเขาแล้วยิ้มไม่หุบ

    เฮ้ย!แสดงว่าฝีมือเขาพัฒนา
    ^^

    เพื่อนมาทวงในทวิตด้วยเลยอัพซะหน่อยละกัน

    เสร็จถึงตอน11แล้วค่ะเดี๋ยวที่เหลือคงเสร็จตามๆกันมา

    อัพเสมอไม่ทิ้งให้รอแน่นอน
     

    เจอกันเมื่อสมองไรท์ไม่ตัน ปย๊ง!!!





    *นี่คือหน้าตาของดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าค่ะ สวยจนไม่น่าเชื่อว่าความหมายของมันจะหมายถึง หัวใจที่ด้านชา

    สำหรับใครที่เล่นทวิต รบกวนติดแท็ก #ฟิคเงียบ ให้ไรท์ทีนะคะ จะได้เช็คง่ายหน่อย





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×