ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Drama Romance:: ChanXBaek

    ลำดับตอนที่ #2 : Drama Romance 0

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 294
      1
      4 ธ.ค. 56




    “ฮยองนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะครับ เอาเสื้อผ้าใส่แล้วพาดทิ้งไว้ทุกที่เลย” แบคฮยอนเดินวนไปรอบๆห้องชานยอล ใช้เท้าเขี่ยเสื้อผ้าที่เกลื่อนอยู่ตามพื้น

     

    แบคฮยอนไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องนอนใหญ่ของเจ้าของห้อง ชานยอลทำท่าจะเข้ามาขวางทางแต่ขายาวๆกลับสู้คนที่ยืนหน้าประตูไม่ได้

     

    แบคฮยอนเปิดประตูห้องอ้ากว้าง สิ่งแรกที่ปะทะเข้ากับใบหน้าคือกลิ่นอับภายในห้อง กลิ่นคาวของเซ็กส์ที่ลอยคลุ้งไปทั่ว ร่างบางเพ่งสายตามองคนบนเตียงก่อนจะหันมาหาร่างสูงพร้อมกับยกยิ้มเหยียดเหมือนดูถูกในที

     

    แบคฮยอนปิดประตูห้องให้อย่างเบามือ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานเคลือบยาพิษให้คนเป็นพี่ที่ยืนนิ่ง “อย่าทำหน้าตกใจแบบนั้นสิ ทำไมผมจะไม่รู้สันดานคนอย่างพี่”

     

    “ระวังปากนายด้วยนะ บยอนแบคฮยอน คิดจะมาอาศัยที่นี่ก็ควรจะเคารพเจ้าของห้องเสียบ้าง” แต่คำพูดกลับได้ทำร้ายแบคฮยอนไม่ ร่างบางกอดอกพลางล้วงกระเป๋าหยิบซองบุหรี่ออกมา

     

    เอาบุหรี่คาบปากก่อนจะใช้ไฟแช็กจุดปลายมวน สารนิโคตินในรูปควันลอยพ่นออกจากกลีบปากบาง แบคฮยอนสาวเท้าเข้าใกล้คนตัวสูงกว่า ก่อนจะสูดเอาควันเข้าปากแล้วพ่นใส่หน้าชานยอล

     

    “พี่ไม่มีสิทธิ์พูดคำนั้นนะครับ จำสิ่งที่แม่พี่พูดไม่ได้หรอ? ผมไม่ใช่คนอาศัย แต่ผมเป็นเจ้าของ ครอบครัวพี่ต้องพึ่งเงินผมอยู่ เพราะฉะนั้น พี่ต่างหากที่ต้องเคารพผม”

     

     

    1 ชั่วโมงก่อนหน้า

     

    “แม่ ถ้าจะมาคราวหลังช่วยบอกผมล่วงหน้าด้วยนะ มาแบบนี้แม่ไม่รู้หรอว่ามันรบกวน” ชานยอลที่เดินออกมาจากห้องพร้อมกับสวมเสื้อผ้าครบทุกชิ้นเรียบร้อยพูดกับคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงห้วน

     

    “ฉันแม่แกนะ อีกอย่างที่ที่แกซุกหัวนอนมันก็เงินฉัน” หญิงวัยกลางคนเอ็ดลูกชายเสียงดังไม่อายสายตาเด็กหนุ่มที่พามาด้วย ผิดกับชานยอลที่เอาแต่ลอบมองเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้

     

    “แล้วตกลงแม่มาทำไม? แล้ว...พา เขามาทำไมไม่ทราบ?” ชานยอลถามมารดา พร้อมทั้งใช้นิ้วชี้ชี้ไปที่เด็กหนุ่มคนดังกล่าวอย่างไร้มารยาท สรรพนามเรียกแทนที่ฟังดูห่างเหินทำให้เด็กหนุ่มผู้มาเยือนยิ้มน้อยๆ

     

    “อย่าเรียกน้องแบบนั้น น้องไม่ใช่คนอื่น” มารดาขึ้นเสียงใส่ลูกชายด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะคุมไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเพราะต้องการให้เกียรติอีกฝ่ายหรือเพราะยังต้องพึ่งบารมีลูกชายเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์อยู่

     

    ชานยอลแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายใส่มารดาของตนและเด็กหนุ่มอย่างไม่ปิดบัง ยิ่งแม่ปกป้องเด็กคนนี้เขาก็ยิ่งโมโห อยากจะรู้นักว่ามีธุระอะไร แม่ถึงพาเด็กคนนี้มาหาถึงที่นี่?

     

    “ฉันมีเรื่องจะให้แกทำ ไม่ใช่การขอร้องแต่นี่คือการบังคับและแกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธฉัน” มารดาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบขัดกับแววตาแข็งกร้าวที่ส่งมาหาลูกชาย

     

    “ตอนนี้บริษัทเรากำลังลำบาก แล้วถ้าแกที่เรียนจบมาแต่ไม่คิดจะทำอะไร เอาแต่เกาะพ่อแม่กินล่ะก็ สิ่งที่แกต้องทำคือ....

     

     

     

     

    เอาน้องมาอยู่ด้วย”

     

     

    สิ้นสุดคำพูดมารดา ชานยอลก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาครั้งใหญ่ แบคฮยอนมองอีกฝ่ายคล้ายจะสมเพช ทำเอาชานยอลถึงกับส่งสายตาดุๆกลับไป

     

    “มันเกี่ยวกันยังไงแม่ เอาเด็กคนนี้มาอยู่กับผมกับเรื่องที่ว่าบริษัทกำลังลำบาก” ร่างสูงยังคงไม่เข้าใจกับคำขอของคนเป็นแม่เท่าไรนัก

     

    “มันไม่เกี่ยวหรอก แต่มันเป็นคำขอของน้อง ตอนนี้บริษัทเรามีหุ้นที่เป็นของน้องทั้งหมด 80% น้องต้องการอะไร เราต้องทำ” ชานยอลตาโตทันที หมายความว่ายังไง? บริษัทของครอบครัวเขาทำไมเป็นแบคฮยอนที่มีหุ้นในมือมากที่สุด

     

    “แล้วตอนนี้บริษัทเราหุ้นตก สินค้าถูกส่งกลับ น้องจะถอนหุ้นทั้งหมดออก นั่นเท่ากับว่าบริษัทของบ้านเราก็จบเห่ เพราะฉะนั้น...แม่กับพ่อเลยขอร้องน้อง ให้น้องช่วยบริษัทของเรา ให้น้องสนับสนุนเงินทุนเพื่อให้บริษัทของเรายังเดินหน้าต่อแล้วไม่เสียเครดิต”

     


    “ผมเห็นว่าบ้านเรารู้จักกันมาตั้งแต่ผมกับพี่ชานยอลยังเป็นเด็ก ผมเลยคิดว่าช่วยไปก็ไม่เสียหายอะไร แต่ข้อแม้ก็มีเท่านี้แหละครับ ให้ผมมาอยู่กับพี่ชานยอล ไม่ลำบากไปใช่ไหม? ถ้าจะแลกกับอนาคตของบริษัทพ่อแม่พี่ เพื่อที่พี่จะได้มีที่เกาะ ไม่ต้องลำบากเร่ร่อนหาเงินเลี้ยงตัวเอง” คำพูดเสียดสีที่หลุดจากปากของแบคฮยอนทำให้ปาร์คชานยอลต้องกัดฟัน

     

    “แล้วยังไงแม่ ให้เขามาอยู่แล้วยังไง?” ชานยอลถอนหายใจเพื่อสงบสติ ก่อนจะหันมาหามารดาของตน

     

    “ให้น้องมาอยู่กับแก แกดูแลน้อง น้องให้เงินบริษัทเรา มันจะลำบากแกยังไง? ต่อให้แกจะปฏิเสธก็คงไม่มีสิทธิ์แล้วล่ะ เพราะน้องขนของมาแล้ว หนูแบคฮยอน จะอยู่นานแค่ไหนก็แล้วแต่นะลูก แม่ต้องขอบคุณกับข้อเสนอของหนูจริงๆ” ประโยคแรกมารดาขัดขึ้นก่อนที่ชานยอลจะได้แย้ง และประโยคสุดท้ายหันมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับแบคฮยอน

     

     

    “ถามหน่อยเถอะ บ้านนายก็หลังใหญ่โต เอาเงินมากมายมาแลกกับการได้มาอาศัยฉันมันดียังไง?” แบคฮยอนบี้บุหรี่ลงกับเสื้อตัวแพงที่พาดอยู่บนโซฟา ไม่สนว่ามันเป็นเสื้อของใคร

     

    ทุกพื้นที่ในห้องนี้ ของทุกอย่างในห้องนี้ แม้แต่เจ้าของห้องตัวสูงคนนี้ เขามีสิทธิ์ เขาเป็นเจ้าของมันทุกอย่าง!!!

     

    “นั่นน่ะสิ ผมก็คิดอยู่ ที่นี่น่ะสกปรกโสโครก เล็กก็เล็ก เทียบกับบ้านผมแล้วยังไงก็เทียบไม่ได้” ชานยอขมวดคิ้วกับคำพูดของแบคฮยอน มองไปรอบๆห้องของตัวเองมันก็จริงที่ว่าสกปรก

     

    “ผมไม่ได้อยากมาอยู่เท่าไร แต่ถ้ามันแลกกับการที่ผมสามารถยืดเวลาใช้ชีวิตสนุกๆของตัวเองออกไปได้ ผมก็ยอม” เป็นอีกครั้งที่ชานยอลขมวดคิ้วสงสัยและไม่เข้าใจในคำพูดของร่างบาง

     

    แบคฮยอนเห็นคิ้วที่ผูกกันเป็นปมของชานยอลก็ยิ้ม แล้วเขย่งตัวใช้นิ้วชี้นวดบริเวณระหว่างคิ้วของร่างสูง “พี่ขมวดคิ้วทำไม? ไม่รู้ตัวหรอว่ายิ่งขมวดคิ้ว พี่ยิ่งหล่อน่ะ”

     

    ชานยอลปัดมือเล็กทิ้งอย่างไม่ใยดี เพราะก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายกำลังร้องเตือนภัยว่าอย่าให้ตัวอันตรายคนนี้เข้าใกล้ เพราะมันจะเป็นการรื้อฟื้นความทรงจำที่เจ็บปวด

     

    “พ่อผมน่ะสิ ยกสมบัติให้ผมทั้งหมด ตอนแรกผมก็ดีใจรับมานะ แต่พ่อดันมาบอกทีหลังว่าผมต้องแต่งงานกับลูกชายเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ไหนซักที่ ผมไม่อยากเอาชีวิตไปผูกมัดกับใคร ยิ่งมีเรื่องธุรกิจมาเกี่ยว ผมยิ่งไม่อยากจะยุ่งเลย” แบคฮยอนบ่นอุบก่อนจะเปิดประตูระเบียงเพื่อรับลม

     

    “พ่อก็ให้คนตามประกบผมจนเบื่อ พอดีกับที่ครอบครัวพี่มาขอร้องเรื่องเงิน ผมก็นึกถึงพี่ขึ้นมาพอดี เลยยื่นข้อเสนอไปเพื่อหนีจากบ้านแล้วก็พ่อแม่เท่านั้นเอง ยืดเวลาเรื่องแต่งงานนั่นไปได้มากเท่าไรมันก็ดีกับผม” ร่างบางหลับตาให้ลมที่พัดมาช่วยปัดเป่าความรู้สึกอึดอัดในใจออกไป

     

    “พี่ก็แค่ให้ผมอยู่ด้วย ครอบครัวพี่ได้เงินสนับสนุนต่อไป เราก็วินๆกันทั้งสองฝ่าย ช่วงเย็นผมจะให้เลาขาฯเอาสัมภาระเข้ามาเก็บ พี่ก็ทำความสะอาดห้องด้วยนะ เพราะคนทำมันคงไม่ใช่ผมแน่” ร่างบางพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเปิดประตูห้องนอนใหญ่แล้วเดินไปหาบุคคลที่นอนอยู่บนเตียง

     

    ใช้เท้าสองข้างถีบเข้าไปที่กลางหลัง ออกแรงถีบอีกคนให้ลงไปกองที่พื้นพร้อมกับผ้าห่มที่คลุมร่างกาย “บยอนแบคฮยอน นายทำอะไรของนาย?”

     

    ชานยอลรีบวิ่งเข้ามาในห้องประคองลู่ฮาน คู่ขาคนสนิทของตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ลู่ฮานมองหน้าแบคฮยอนด้วยสายตาขุ่นเคืองแต่กลับซบอกชานยอลออดอ้อนจนน่าหมั่นไส้

     

    “ชานยอลนี่ใครน่ะ? เข้ามาทำอะไรในนี้?” คนที่ชื่อลู่ฮานใช้น้ำเสียงอ่อนหวานจนค่อนไปทางน่าหมั่นไส้ถามชานยอลที่กอดเอวตัวเองเอาไว้เพื่อช่วยพยุง

     

    “ผมจะมาอยู่ที่นี่ แล้วก็...ห้องนี้ใหญ่ที่สุด ผมอยู่ไม่ได้ถ้าห้องมันเล็กเกินไป เพราะฉะนั้นห้องนี้เป็นของผม ผมให้เวลาพี่เก็บของเอาไปไว้อีกห้องที่ฝั่งตรงข้าม” แบคฮยอนร่ายยาวก่อนจะสะบัดมือไล่คนสองคนออกจากห้อง

     

    “แต่ห้องเล็กตรงนั้นฉันเอาไว้เป็นห้องเก็บของไปแล้ว อีกอย่างนายเป็นคนมาอาศัย นายต่างหากที่ต้องไปอยู่ห้องเล็ก” ชานยอลตวาดใส่คนตัวเล็กด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด

     

    “คุณหนูอย่างผม พี่ก็รู้ว่าผมไม่นอนในห้องนั่นแน่ๆ อีกอย่างนะ พี่ควรจะสำนึกเอาไว้ด้วยว่าพี่ไม่มีสิทธิ์เลือก ไม่มีสิทธิ์ค้าน ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ อย่าลืมสิ ผมเป็นใคร? พี่เป็นใคร?” แบคฮยอนกอดอกพูดด้วยท่าทางเหนือกว่า

     

    ร่างบางปิดประตูห้องนอนใหญ่พร้อมทั้งรอยยิ้มสะใจที่ปรากฏบนใบหน้า ชานยอลได้แต่มองใบหน้านั้นด้วยอารมณ์หลากหลาย

     



    ทั้งรัก...

     

    ทั้งคิดถึง...

     

    ทั้งเกลียด...

     

    ทั้งแค้น...

     

    ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกแบบไหน ตอนนี้ในใจมันก็เจ็บเหลือเกิน...



     




    [Talk]

    เอามาลงให้อ่านเพื่อทำความเข้าใจกับเนื้อเรื่องอีกซักตอน
    แบคฮยอนที่แสนดีในฟิค ไซเลนท์ลี่ หายไปไหน? ฮ่าๆๆๆ
    ก็มันฟิคคนละเรื่องกันนี่หว่า?

    สงสัยในความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไหม?
    ใครเดาได้มาเอาจุ๊บจากไรท์ไปหนึ่งที
    จุ๊บตรงไหนดีก็เลือกเอา ><


    ติดแท็ก #ดมรม ในทวิตด้วยนะคะ

    my
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×